จวนแม่ทัพ
ฮ่องเต้ทรงนั่งทอดพระเนตรเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา และเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ฟ่งหลันหลั่นได้ตกลงไว้ จึงได้ทรงกริ้วขึ้นมาทันที
ปัง!
"บังอาจนัก! เจ้ารับปากเราไว้ว่าจะไม่มีการเสียเลือดเนื้อขึ้นในห้องโถงนี้ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันหมายความว่ายังไง เจ้าใส่อะไรลงไปในสุรานั่นให้พวกเขาดื่มกัน จงรีบตอบคำถามเรามาตามความจริง มิเช่นนั้นแม้แต่หลงอี้หลิงก็ไม่อาจจะปกป้องเจ้าได้อีกต่อไป"
หลงอี้หลิงยังคงเชื่อใจในตัวฟ่งหลันหลั่น แต่ก็รู้สึกโกรธนางเช่นกัน เพราะนางได้แอบปิดบังเรื่องนี้กับเขา แต่สถานการณ์ตอนนี้เร่งด่วน ไม่สามารถเสียเวลาเพื่อทวงถามคำอธิบายจากเจ้าตัว
"หลั่นเอ๋อร์ ข้าไม่รู้ว่าในใจเจ้ากำลังวางแผนทำสิ่งใดกันแน่ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำลายความไว้ใจที่ข้ามอบให้ ดังนั้นจงรีบอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พระองค์ทรงทราบซะเถอะ ไม่งั้นความแค้นที่เจ้าต้องการทวงถามจากคน พวกนี้ คงจะต้องจบลงแค่นี้อย่างแน่นอน"
หลงอี้หลิงไม่อยากใช้อำนาจบังคับสตรีอันเป็นที่รักของเขา จึงได้แต่พูดแกมขู่ เพื่อให้นางคิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง
ฟ่งหลันหลั่นได้นั่งฟังทั้งองค์ฮ่องเต้และหลงอี้หลิงพูดทวงถามคำอธิบายจากตน แม้ว่าแววตาของทั้งคู่จะแสดงออกถึงความโกรธและความระแวงสงสัย แต่มันก็ไม่สามารถส่งผลให้อันใดต่อสิ่งที่นางกำลังทำอยู่ได้
ในขณะนั้น ด้านผู้คุ้มกันของหยวนจูวเย่ เขาก็ร้อนใจและกังวลใจในความปลอดภัยของนายเป็นอย่างมาก และหมดความอดทนที่จะรออีกต่อไป จึงตะคอกถามสตรีน้อยอย่างฉุนเฉียว โดยยื่นคมดาบของเขาไปจ่อยังคงจ่ออยู่ที่คอของนางอีกครั้ง
"บอกมา! เจ้าใส่อะไรลงไปในสุรานั่นให้คุณชายของข้าดื่มกันแน่"
หลงอี้หลิงเป็นห่วงความปลอดภัยของฟ่งหลันหลั่น จึงได้พูดขู่ผู้คุ้มครองหยวนจูวเย่ออกไปเพื่อย้ำเตือนเขาอีกครั้งเช่นกัน
"ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ฮ่องเต้ จงวางดาบในมือของเจ้าลงซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสั่งให้ทหารเข้ามาจับตัวของเจ้าซะเดี๋ยวนี้ และนายของเจ้าก็คงอาจจะไม่รอดไปด้วยเช่นกัน"
ผู้คุ้มกันของหยวนจูวเย่รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบตัวคนผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงความเกรี้ยวกราดออกมา แต่สิ่งเหล่านั้นมันได้ซ่อนอยู่ภายใต้แววตาคมกริบคู่นั้นที่กำลังจับจ้องมา เขาจึงจำฝืนใจยอมลดดาบในมือของตัวเองลง
เมื่อคมดาบที่เคยจ่อคอของตนได้ถูกถอนออก ฟ่งหลันหลั่นก็ได้ลุกขึ้นยืน และหันหน้าไปทางฮ่องเต้ ดวงตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยว
"ทูลฝ่าบาท เพื่อจะให้คนผิดได้เปิดการกระทำของพวกเขานั้นด้วยตัวเอง หม่อมฉันจึงได้ผสมสมุนไพรบางอย่างลงไปในสุรานี้จริง ๆ เพคะ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ก็คือภาพหลอนที่มาจากจิตใต้สำนึก อีกอย่างหม่อมฉันเองก็ดื่มสุราในเหยือกใบเดียวกัน หากต้องการวางยาพิษจนถึงขั้นเอาชีวิตจริง หม่อมฉันก็คงจะต้องตายไปพร้อมกับพวกเขาในอีกไม่ช้านี้เช่นกัน"
น้ำเสียงหนักแน่นแววตาตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของสตรีน้อยผู้นี้ช่างไม่เกรงกลัวอาญาของฮ่องเต้เลยสักนิด มันยิ่งทำให้พระองค์รู้สึกว่านางผู้นี้กำลังท้าทายในอำนาจของเขาอยู่หรือไม่
"วาจาสามหาว! เจ้าช่างอวดดีและบังอาจยิ่งนัก ที่กล้าใช้เล่ห์เหลี่ยมนั้นตบตาเราและทุกคน หากเราปล่อยให้เจ้าทำตามอำเภอใจต่อไปมากกว่า แล้วจะมีกฎหมายบ้านเมืองไว้เพื่ออันใดกัน"
ถ้อยคำรับสั่งนั้นขององค์ฮ่องเต้ เหมือนจะจุดไฟแค้นภายในใจของฟ่งหลันหลั่นให้คุกรุ่นหนักขึ้น
นางได้เสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์ด้วยการพ่นลมหายใจออกทางจมูกและส่งเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างประชดประชัน และโต้ตอบสวนกลับอย่างฉะฉาน
"หึ! กฎหมายบ้านเมืองงั้นหรือเพคะ หากคนพวกนี้ทำตามกฎหมายบ้านเมืองจริงอย่างที่ท่านว่า ข้าก็คงไม่สูญเสียครอบครัวและสูญเสียทุกอย่างไปอย่างไม่มีวันหวนคืนเช่นวันนี้"
"แต่ถึงพวกเขาจะไม่เคารพต่อกฎหมายและกระทำความผิดลงไปอย่างที่เจ้ากล่าวหา ตัวเจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องกระทำผิดตาม วันนี้หากเราหลับหูหลับตาไม่ลงโทษเจ้าเป็นเยี่ยงอย่าง ประชาชนบนผืนแผ่นดินนี้คงไม่มีใครเคารพยำเกรงในกฎหมายบ้านเมืองอีกต่อไป"
หลงอี้หลิงกลัวว่าองค์ฮ่องเต้จะสั่งลงโทษร้ายแรงกับฟ่งหลันหลั่น เขาเลยคิดจะออกตัวตัวปกป้องนาง จึงทูลขอพระเมตตาจากพระองค์
"ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ โปรดให้เวลานางได้อธิบายถึงเหตุผลที่ตัดสินใจกระทำเรื่องพวกนี้ด้วยเถิด และหากนางทำผิดจริงหม่อมฉันจะยอมรับโทษทัณฑ์นั้นไปพร้อมกับนางพ่ะย่ะค่ะ"
ฟ่งหลันหลั่นรู้ดีว่าแผนการครั้งนี้เสี่ยงมาก ก่อนหน้านี้นางจึงไม่ได้บอกให้หลงอี้หลิงได้รับรู้เพราะคิดว่าเขาจะต้องไม่ยอมเป็นแน่ และนางเองก็เตรียมใจพร้อมรับผิดชอบในผลของการกระทำนั้น ขอเพียงแก้แค้นให้กับบิดาและเหล่าผู้จงรักภักดี รวมทั้งตาเฒ่าฟ่งได้ แม้นหากต้องตายนางก็จะไม่เสียดายชีวิต
แม้สตรีน้อยจะรู้ดีว่าเขามีใจให้นางและนางก็มีใจให้เขาเช่นกัน แต่นางก็ไม่ได้หวังให้หลงอี้หลิงเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อตน
"ฝ่าบาท เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวอันใดกับท่านแม่ทัพหลงเลยสักนิดเพคะ หม่อมฉันเป็นผู้วางแผนและทำเองทุกอย่าง หากพระองค์ทรงอยากจะรู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดนี้ ได้โปรดทรงเปิดคดีการตายขององค์ชายรัชทายาทองค์ก่อนกับธิดา เพื่อไต่สวนหาความจริงใหม่อีกครั้งด้วยเถิด ผู้กระทำผิดก็อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว หลังจากไต่สวนจบ หม่อมฉันจะยอมรับการลงโทษทัณฑ์ทุกอย่าง"
นางหยุดพูดไปครู่หนึ่งและล้วงบางอย่างออกมา
"... และสิ่งที่อยู่ในนี้คือผงปลิดชีพ ตัวแปรสำคัญที่ทำให้องค์หญิงอวี้หลันน้อย ธิดาของอ๋องอวี้ องค์ชายรัชทายาทผู้นั้น สิ้นพระชนม์เพคะ"
ฟ่งหลันหลั่นกล่าวทูลฮ่องเต้อย่างหนักแน่น พร้อมกับโชว์ขวดแก้วสีขาวในมือให้กับทุกคนได้เห็น
เยี่ยอ๋องซึ่งกำลังเห็นภาพหลอนอยู่ตลอดเวลา พอได้ยินคนเรียกชื่อ องค์หญิงอวี้หลันออกมา ภาพของความผิดที่ได้เคยกระทำไว้ในครั้งอดีตก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการคลุ้มคลั่งและโวยวายอย่างขาดสติ
นาทีต่อมาในขณะที่คนตรงนั้นไม่ทันระวังตัว เขาก็พุ่งเข้าไปบีบรัดคอยาวระหงของสตรีน้อยไว้หมับอย่างรวดเร็ว
"อวี้หลันน้อยของลุง เจ้าน่าจะตายไปเสียตั้งแต่ตอนนั้นพร้อมกับบิดาของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงฟื้นคืนชีพกลับมาได้กันเล่า
ที่สำคัญ แต่เจ้ากลับยังรนหาที่ตายอีกครั้ง กล้าดียังไงถึงได้ไปร่วมมือกับหลงอี้หลิงจอมยโสโอหังผู้นั้นมาทำลายแผนการขึ้นครองราชย์ของข้า ข้าอุตส่าห์วางแผนการทุกอย่างไว้อย่างแยบยลแล้วมาเป็นสิบปี วันนี้หากไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยสองมือคู่นี้ ข้าก็คงจะไม่เป็นสุขอย่างแน่นอน"
เยี่ยอ๋องกัดฟันกรอด ๆ และกล่าวกับฟ่งหลันหลั่นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น แววตามาดร้ายหมายเอาชีวิตคนตรงหน้า ปากพร่ำพูด พร้อมกับออกแรงลงบนนิ้วมือทั้งสองข้างอย่างเต็มกำลัง
สตรีน้อยเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด จึงพยายามแกะมือของเยี่ยอ๋องออกจากลำคอของตน แม้ว่าเขาจะเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนตอนปลาย แต่กำลังของเขาก็ยังคงมีมากกว่านางอยู่ดี
'ชิ! หากก่อนหน้านี้ข้าไม่สูญเสียวรยุทธ์ที่มีอยู่ไป ท่านคงไม่มีโอกาสแตะต้องตัวข้าได้แม้แต่ปลายเล็บ'
สตรีน้อยจ้องหน้าเขาและคิดในใจอย่างเอาเรื่อง สองมือน้อยก็พยายามปัดป้องตัวเองให้พ้นจากการหมายเอาชีวิตนี้
หลงอี้หลิงซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ เป็นห่วงในความปลอดภัยของฟ่งหลันหลั่นมาก แต่ตอนนี้สำหรับเขามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดไว้ ไหนจะต้องระแวงว่าผู้คุ้มกันของหยวนจูวเย่จะขัดขืนต่อสู้และพาตัวนายของเขาหนีออกไปจากตรงนี้ และสภาพของเฉากงกงที่กำลังเลอะเลือนราวกับคนขาดสติ
ส่วนซ่งเฉาเกาก็นอนจมกองเลือดร้องโอดโอยเจ็บปวดเพราะพิษบาดแผลอย่างไม่หยุดปาก
และด้วยตำแหน่งหน้าที่ เขาไม่สามารถทำผิดกฎหมายบ้านเมืองเพื่อเข้าข้างคนของตนได้
"เยี่ยอ๋อง ทุกอย่างล้วนมีทางแก้ไข ท่านรีบคลายมือของท่านออกก่อนเถิด อย่าให้เรื่องมันปลายจนเกินเยียวยาเลยนะ"
"ท่านพ่อ ทำตามที่แม่ทัพหลงบอกเถิด ไม่ว่าท่านจะทำความผิดใดไว้ เซียวเอ๋อร์ก็ยังรักและเคารพท่านพ่อไม่เปลี่ยนแปลง ท่านยังคงเป็นบิดาผู้แสนดีของลูกเสมอ ท่านพ่อ! ได้โปรดเถิดหยุดเรื่องทุกอย่างแค่นี้เถิด..."
ทั้งหลงอี้หลิงและเยี่ยชิงเซียวต่างก็เป็นห่วงคนในครอบครัวของตน จึงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมเยี่ยอ๋องให้ยอมคลายมือของเขาออก ก่อนที่เรื่องจะบานปลายจนยากเกินจะแก้ไขได้
เยี่ยอ๋องไม่สนใจในคำพูดของทั้งสองคน เขายังคงออกแรงไปที่นิ้วทั้งสิบของเขา
ตอนนี้ทุกคนในห้องโถงต่างสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่าสีหน้าของฟ่งหลันหลั่นเริ่มซีดขาว และไม่มีสีเลือดฝาดบนดวงหน้างามให้ได้เห็น มือทั้งสองข้างที่พยายามขัดขืนก่อนหน้านี้ก็อ่อนแรงลง
หลงอี้หลิงเห็นเช่นนั้น เขายิ่งเกิดความร้อนใจเป็นที่สุด เพราะกังวลในความปลอดภัยของสตรีอันเป็นที่รัก ด้านนายกองคนสนิททั้งสองก็กังวลใจไม่แพ้กัน แต่หากไม่ได้รับคำสั่งจากผู้เป็นนาย พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
หลงฮูหยินยืนตัวเกร็งกำหมัดแน่น และพยายามข่มใจ และควบคุมสติ นางไม่สามารถตัดสินใจบุ่มบ่ามทำการอันใดได้
เพราะเบื้องหลังของนางยังมีอีกหลายชีวิตที่นายหญิงผู้นี้จะต้องปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของพวกเขา
ทันใดนั้นเอง เรื่องไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง
ซ่งเฉาเกาซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ก่อนหน้านี้ จู่ ๆ เขาก็พุ่งตัวเข้าหาทั้งสองคน และใช้ดาบแทงเข้าไปทางด้านหลังของเยี่ยอ๋องจนทะลุไปถึงลำตัวของฟ่งหลันหลั่นอย่างฉับพลัน
ฉึก!
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน และไม่มีใครรู้ว่าขุนนางขั้นสามผู้นี้ไปเอาดาบเล่มนั้นมาจากที่ไหนกัน
กรี๊ด! เยี่ยชิงเซียวส่งเสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างตกใจ
"ท่านพ่อ!"
"หลั่นเอ๋อร์!"
ส่วนหลงอี้หลิงตกใจกับภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า ด้วยความเป็นห่วงฟ่งหลันหลั่น เขาก็รีบเข้าไประงับเหตุโดยกระชากตัวของซ่งเฉาเกาและจับเหวี่ยงออกไปทางด้านข้างอย่างแรง จนคนผู้นั้นกระอักเลือดออกมาเนื่องจากแรงกระแทกและสลบไปทันที
นาทีต่อมาแม่ทัพหนุ่มจำเป็นต้องดึงดาบเล่มนั้นที่ปักอยู่ทางแผ่นหลังของเยี่ยอ๋องออก เพื่อต้องการช่วยคนทั้งสอง เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นมีหวังเลือดของพวกเขาคงได้ไหลออกมาจนหมดตัวเป็นแน่
ทันทีที่ดาบถูกกระชากออกจากแผ่นหลังของเยี่ยอ๋อง ร่างของทั้งสองคนต่างก็ร่วงลงบนพื้น
หลงอี้หลิงก็รีบพุ่งตัวเข้าไปช้อนรับร่างอรชรเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ส่วนร่างของเยี่ยอ๋องก็ร่วงลงบนพื้นอย่างแรง ทำให้บาดแผลที่ถูกแทงได้รับแรงกระแทกจนฉีกขาดมากขึ้น ถึงขั้นทำให้ตัวเขากระอักเลือดออกมาทันที
เยี่ยชิงเซียวซึ่งกำลังอยู่ในอาการตกตกใจสุดขีดที่เห็นบิดาของตนถูกแทงต่อหน้าต่อตา นางจึงร้องตะโกนสุดเสียงและรีบวิ่งเข้าไปหาบิดาด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด
"ท่านพ่อ!"
ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นที่สุดกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะความพระทัยอ่อนของพระองค์จึงทำให้สถานการณ์มันบานปลายเช่นนี้
"บังอาจนัก! พวกเจ้าทุกคนล้วนแต่กระทำการเอาแต่ใจตนเอง โดยไม่มีผู้ใดเห็นหัวเราแล้วงั้นรึ!"
ด้วยความโกรธกริ้ว ฮ่องเต้จึงทรงตรัสตวาดกับพวกเขาอย่างไม่ระงับโทสะ
หลงฮูหยินซึ่งยืนดูเหตุการณ์อย่างกังวลใจมานาน แต่ก็ไม่สามารถจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงหรือช่วยเหลือหลานชายสุดที่รักและสตรีน้อยได้ เพราะสกุลหลงยึดมั่นในคุณธรรมและความเที่ยงตรงมาเสมอ
และพวกเขายังเป็น ข้ารองบาทผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้มาทุกชั่วรุ่น หากยังไม่ได้รู้ความจริงแจ้งกระจ่าง นางก็มิสามารถออกตัวปกป้องพวกเขาได้ จึงทำได้แค่เพียงยืนข่มใจมองอย่างอดทน
"องครักษ์! พวกเจ้ารีบเข้ามาจับตัวผู้กระทำผิดไปคุมขังไว้ยังคุกหลวงเดี๋ยวนี้ แม้กระทั่งแม่ทัพหลงและคนของเขาก็ไม่เว้น ส่วนคนบาดเจ็บให้เรียกหมอหลวงเข้าไปทำการรักษา ห้ามปล่อยให้มีใครตายเด็ดขาด"
เมื่อเหล่าทหารองครักษ์ซึ่งยืนคุมเชิงรออยู่นอกเรือนรองนานแล้ว พอได้รับพระบัญชาของฮ่องเต้ดำรัสออกมาอย่างเด็ดขาดเช่นนั้น พวกเขารีบวิ่งกรูกันเข้ามาและทำการจับกุมตัวทุกคนตามหน้าที่ของตนทันที
หลังจากที่เหล่าทหารองครักษ์เข้ามาจับกุมทุกคนที่กระทำผิด ฮ่องเต้ก็ทรงยืนขึ้นและตรัสรับสั่งประกาศกร้าวอย่างหนักแน่นและเด็ดขาดดังไปทั่วเรือนรับรอง
"เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราในฐานะฮ่องเต้ของแคว้นโหย่ว จะให้ความกระจ่างชัดเจนต่อประชาชนทุกคนอย่างแน่นอน และจะให้กรมยุติธรรมเป็นผู้รับคดีนี้ไป โดยเราจะเป็นผู้ไต่สวนเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง หากพบว่ามีใครกระทำผิดตามที่อีกฝ่ายกล่าวหาจริง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด! จะต้องได้รับการลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้นสักคน"
เมื่อฮ่องเต้ทรงตรัสรับสั่งเสร็จ พระองค์ก็ทรงพระราชดำเนินเสด็จกลับวังหลวงทันที โดยมีเหล่าทหารองครักษ์ส่วนหนึ่งคอยอารักขาอย่างใกล้ชิด
ทุกคนภายในเรือนรับรองนั้นต่างก็ส่งเสียงน้อมส่งเสด็จขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
"น้อมส่งเสด็จฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่น หมื่นปี"
และหลังจากที่อยู่ภายใต้บรรยากาศตึงเครียดและกดดันมาหลายชั่วยาม และทุกอย่างเริ่มคลายลง พวกเขาต่างก็เริ่มรู้สึกที่หายใจโล่งท้องกันเสียที
ส่วนหลงฮูหยินเมื่อเห็นหลานชายสุดที่รักและว่าที่หลานสะใภ้ถูกทหารองครักษ์คุมตัวกลับไปขังยังคุกหลวง ด้วยความเป็นห่วงทั้งสองคน ผู้เป็นย่าก็ได้เป็นลมล้มพับไปตรงนั้นทันที
"นายหญิง!"
ยายเมิ่ง สาวใช้คนสนิทตกใจมากจึงรีบเข้าไปประคองผู้เป็นนายหญิงของตนไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับหันไปสั่งให้บ่าวไพร่ ส่งแขกทุกคนที่มาร่วมงานกลับบ้าน
จากนั้นแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมงคลในวันนี้ ต่างก็เริ่มทยอยกันกลับ และต่างก็พากันซุบซิบไปตลอดทาง
ไม่นานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนแม่ทัพวันนี้ข่าวก็ได้แพร่กระจาย ลือสะพัดหนาหูไปทั่วเมืองหลวงและแคว้นโหย่วในระยะเวลาอันสั้นอย่างรวดเร็ว
เซียงไค 盛開