webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๖0 ช่วงรอเวลา

เรือนสกุลหลง

  ช่วงยามเซิน [1] หลงอี้หลิงได้เดินทางไปยังเรือนสกุลหลง เนื่องจากถูกท่านย่าของตนเรียกตัวด่วน โดยเขาได้พาฟ่งหลันหลั่นติดตามไปด้วย

  เมื่อทั้งสองคนไปถึงเรือนสกุลหลง ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเรือนกลับไม่ได้อยู่ซะงั้น พอแม่ทัพหนุ่มสอบถามความกับบ่าวรับใช้ก็ได้รู้ว่าย่าของตนได้เดินทางไปไหว้พระขอพรที่วัดแห่งหนึ่ง

  ช่วงระหว่างรอนายหญิงใหญ่กลับมาถึงเรือน แม่ทัพหนุ่มก็หันไปมองหน้าสตรีน้อยข้างกาย พร้อมกับใช้ความคิด

  'กว่าท่านย่าจะกลับมาคงจะอีกพักใหญ่ ต้องหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลาเสียแล้วสินะ'

[1] ยามเซิน (申:shēn)  คือ 15.00 - 16.59 น.

  หลายวันมานี้ เขามัวยุ่งกับภารกิจหลักในตำแหน่งหน้าที่การงานของตนจนไม่มีเวลาได้พบหน้าหรือพูดคุยกับฟ่งหลันหลั่นเลย แม้จะพักอาศัยภายใต้หลังคาเดียวกันก็ตาม

  และยิ่งหลังจากที่เฉากงกงมาแจ้งข่าวในวันนี้ แม่ทัพหนุ่มก็เกิดความกังวลใจว่านางจะเข้าใจในตัวเขาผิดไป เห็นได้ชัดจากที่นางเอาแต่หลบหน้า เขาจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นเพื่อจะทำให้ได้อยู่กันตามลำพัง หวังปรับความเข้าใจ

 

เรือนพักส่วนตัวของหลงอี้หลิง ในเรือนสกุลหลง

  แม่ทัพหนุ่มเจ้าของเรือนพักนั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีสตรีน้อยนั่งกินขนมหวานอยู่ข้าง ๆ กันด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

  จู่ ๆ เขาก็ได้ขัดจังหวะของอีกฝ่ายขึ้น 

  "หลั่นเอ๋อร์ ข้าอยากแช่น้ำ เจ้าช่วยไปเตรียมน้ำอุ่นใส่ถังน้ำตรงนั้นให้ข้าหน่อยสิ" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับชายตามองไปทางฉากกั้น ตรงมุมด้านข้างของห้อง ซึ่งด้านหลังฉากคือ มุมส่วนตัวที่มีถังไม้ใบใหญ่ขนาดเท่าคนสองคนลงไปนั่งได้อย่างสบาย ๆ ตั้งวางอยู่

  ฟ่งหลันหลั่นซึ่งกำลังมีความสุขกับการกินก็ชะงักมือ พลางใช้ถ้อยคำและน้ำเสียงแข็งตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ 

  "ท่านอยากแช่น้ำก็ไปสั่งบ่าวรับใช้ของเรือนนี้มาทำให้สิ จะมาบอกข้าทำไม ไม่เห็นเหรอว่าข้ากำลังกินอยู่"

  โดยสายตาของสตรีน้อยยังคงจ้องมองขนมหวานในมือ แทนที่จะหันไปมองหน้าบุรุษข้างกาย และมือก็ยังคงยัดขนมใส่ปาก สลับกับยกน้ำชาในถ้วยชนบนโต๊ะขึ้นดื่มเพื่อแก้อาการฝืดคอ

  หลงอี้หลิงเห็นสีหน้าไม่พอใจที่อีกฝ่ายแสดงออกมา ประจวบกับน้ำเสียงประชดประชันของนาง จึงมั่นใจว่าเขาคิดไม่ผิด นางกำลังน้อยใจในตัวเขาเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้าจริง ๆ 

  "ข้าบอกกล่าวเจ้าดี ๆ กลับไม่ยอมทำตามอย่างว่าง่ายหรืออยากให้ข้าออกคำสั่งกับเจ้าในฐานะเจ้านายงั้นรึ" 

  "เรื่องนั้นมันก็แค่ฉากบังหน้าเท่านั้น ท่านลืมไปแล้วเหรอ"

  ฟ่งหลันหลั่นกล่าวสวนทันควัน แถมยังทำท่าทางลอยหน้าลอยตา เหมือนตั้งใจจะกวนประสาทเขา

  "นี่เจ้าตั้งใจจะยั่วโทสะของข้าอยู่กระนั้นรึ!" 

  แม่ทัพหนุ่มย้อนถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น สายตาพลางเหลือบมองไปเห็นว่ามีเศษขนมหวานเปื้อนอยู่ที่ข้างมุมปากของนาง เขาจึงยื่นหน้าอันหล่อเหลาเข้าประชิดดวงหน้างาม ห่างกันเพียงคืบมือ

  ฟ่งหลันหลั่นอึ้งตะลึงงันเล็กน้อยในการประชิดตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย 

  ดวงตาคมกริบประสานสายตาอีกฝ่าย แต่ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกมาให้ได้ยิน ไม่กี่วินาที สายตาคมปลาบก็เลื่อนต่ำไล่ลงมาหยุดอยู่ตรงปลายคางเรียวสวย

  ทันใดนั้นเอง แม่ทัพหนุ่มรูปงามก็ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา เข้าประชิดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว และใช้ริมฝีปากหนาของตนเช็ดคราบเปรอะเปื้อนนั้นออกจากดวงหน้างาม 

  แปะ 

  ขนมหวานที่เคยอยู่ในมือของสตรีน้อยหลุดจากมือหล่นลงบนโต๊ะกลมสภาพเละจนไม่น่าจะกินต่อได้แล้ว

  ครู่ต่อมาหลงอี้หลิงก็ได้ถอยใบหน้าหล่อของตนออกห่างจากดวงหน้างาม แต่ยังคงมองคนตรงไม่วางตา 

  ฟ่งหลันหลั่นเบิกตามองเขาอย่างตะลึงลาน มือทั้งสองข้างยังคงค้างอยู่ในท่าเดิมก่อนหน้านี้

  หึ ๆ เสียงหัวเราะเบา ๆ อย่างพึงพอใจอยู่ในลำคอ สีหน้าและรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ดวงตาเจ้าเล่ห์ทอประกายวาวโรจน์ของแม่ทัพหนุ่มได้เรียกสติของสตรีน้อยให้กลับมา 

  "นี่ท่านแกล้งข้าเล่นอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างหากมีบ่าวหรือสาวใช้มาเห็นและเข้าใจผิดเข้า ข้าจะเสียหายแค่ไหนกัน" 

  น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเจือความขุ่นเคืองของสตรีน้อยย้อนถามแม่ทัพหนุ่มอย่างมีอารมณ์ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะฉุกคิดตาม แต่เขากลับกระทำตรงกันข้ามเสียงั้น

  หลงอี้หลิงไม่ตอบ แต่กลับยื่นมือไปจับปลายคางของอีกฝ่ายเชิดสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับมอบจุมพิตของบตนปิดปากอีกฝ่ายเพื่อให้นางเงียบเสียง

  ฟ่งหลันหลั่นพยายามขัดขืนเขาด้วยการจะถอนตัวออกจากพันธนาการของอีกฝ่าย แต่แม่ทัพหนุ่มนั้นรู้ทัน เขาจึงยกมืออีกข้างที่เหลือวางทาบลงบนด้านหลังศีรษะของเจ้าหล่อนและออกแรงกดเล็กน้อยเพื่อต่อต้านการขัดขืนนั้น

  จากการขัดขืนอย่างไร้ผล ก็กลายเป็นเคลิบเคลิ้มและคล้อยตาม 

  เวลาผ่านไปเกือบครึ่งจิบน้ำชา จุมพิตอันแสนยาวนานก็ถูกคลายออก 

  ดวงหน้างามแดงปลั่งยิ่งขึ้นและถามเสียงดังขึ้นด้วยความโมโหระคนกระดากอาย 

  "หลงอี้หลิง! ทำไมระยะหลัง ๆ นี้ ท่านชอบฉวยโอกาสเอาเปรียบข้าอยู่เรื่อยเลย"

  เขาโต้สวนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สีหน้า แววตากับฉายแววจริงจัง 

  "ดีเสียอีก หากมีบ่าวหรือสาวใช้มาเห็นเข้า พวกเขาจะได้ลือกันปากต่อปากให้คนรู้ไปทั่ว บุรุษหน้าไหนที่คิดเข้าหาเจ้า จะได้รู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับคนของข้า"

  ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่นสนิทเหมือนฝาหอย ดวงตากลมโตจ้องมองบุรุษตรงหน้าอย่างขึงขัง 

  "จ้องหน้าข้าด้วยสายตาเขม็งแบบนั้น หรือเจ้าอยากให้ข้ามอบจุมพิตอันหวานชื่นให้เจ้าอีกครั้งกระนั้นหรือ" แม่ทัพหนุ่มยิ้มและกล่าวถามขึ้นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าหาสาวใช้คนโปรด อีกครั้ง

ฟ่งหลันหลั่นเห็นเช่นนั้นก็รีบยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากบางของตนพร้อมกับสะบัดหน้าเบือนหนีไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว

"หึ! คนเห็นแก่ตัว ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว"

พูดจบฟ่งหลันหลั่นก็ลุกพรวดพราดขึ้นยืน ก่อนจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากห้องทันที

แม่ทัพหนุ่มตีมึนตะโกนถามตามหลังสตรีน้อยอย่างหน้าตาเฉย 

"นี่เจ้าจะลุกหนีไปไหน ขนมหวานในจานยังกินไม่หมดเลยนะ" 

"ไม่มีอารมณ์กินแล้ว เชิญท่านกินเองเถอะ ข้าจะรีบไปเตรียมน้ำอุ่นใส่ถัง ไม่เช่นนั้นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์บางตนแถวนี้ คงจะหาเรื่องเอาเปรียบข้าอีก"

สตรีน้อยตะโกนเสียงตอบกลับมาด้วยถ้อยคำขุ่นเคืองไม่พอใจ แต่ถ้าจับน้ำเสียงและฟังให้ดี จะรู้สึกได้ว่านางไม่ได้โกรธในการกระทำของเขาซะเดียว แต่อาจจะเพียงแค่รู้สึกเขินอายและรู้สึกเสียหน้าก็เท่านั้น

 

  เวลาผ่านไปราวสองก้านธูป สาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มก็ได้จัดเตรียมน้ำอุ่นใส่ถังใบใหญ่จนเต็ม พร้อมกับนำข้าวของเครื่องใช้พร้อมกับอาภรณ์ชุดใหม่มาวางไว้บนโต๊ะ ห่างจากถังน้ำเล็กน้อย

  "นี่ข้ามีอดีตเคยเป็นถึงองค์หญิงน้อยของแคว้นนี้เชียวนะ แต่ทำไมชีวิตข้าถึงได้ตกต่ำขนาดต้องมาเป็นสาวใช้และแถมต้องมาเตรียมน้ำอุ่นให้กับบุรุษที่ยังไม่ออกเรือนเช่นนี้" ถึงปากจะบ่นแบบนั้น มือน้อยก็ยังหยิบกลีบบุปผาโปรยลงไปในถังน้ำตรงหน้าอยู่ไม่รามือ

  ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง และใจลอยคิดออกไปไกล นางก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังมีคนหนึ่งคนยืนฟังอยู่ทางด้านหลังของตนอย่างเงียบ ๆ 

  และเมื่อมือน้อย ๆ ควานหากลีบบุปผาในโถที่กำลังโอบอุ้มอยู่ไม่เจอแล้ว นางก็ได้หันขวับ เพื่อจะเดินกลับหลังออกไปอีกด้านของฉากกั้น

  ทันใดนั้นเอง ดวงหน้างามก็ชนเข้ากับกายหยาบผิวขาวผ่อง ริมฝีปากบางปะทะเข้ากับแผ่นอกหนากว้าง เรือนร่างกำยำสันทัดเข้าอย่างจัง 

  ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจเต้นดังระส่ำราวกลองศึกนี้เป็นของผู้ใดกัน 

  เขาหรือนาง

  ทว่าวินาทีนี้ประสาทสัมผัสที่ปลายจมูกของนาง ไม่สามารถแยกออกได้เลยว่ากลิ่นหอมที่สัมผัสได้ในขณะนี้คือกลิ่นของกลีบบุปผา หรือกายจากคนตรงหน้ากันแน่

  อีกทั้งสัมผัสแข็งทื่ออันแปลกประหลาดของบางสิ่งบางอย่างตรงช่วงหน้าท้องน้อยของนาง ประจวบกับหางตาที่มองเห็นราง ๆ ว่าคนตรงหน้า ทั้งตัวของเขานั้นไร้ซึ่งอาภรณ์สวมใส่ทำให้เจ้าหล่อนต้องยืนตัวเกร็งแข็งทื่อ ไม่กล้าเชยคางขึ้นมองด้านบนและก็ไม่กล้าแม้แต่จะเลื่อนสายตาลงต่ำมองดูด้านล่าง 

  "เจ้าจะรีบไปไหน งานของเจ้ายังไม่เสร็จ อยู่ช่วยถูหลังให้ข้าก่อนสิ"

  น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลชวนฟังของบุรุษเจ้าของห้อง ได้ร้างความรู้สึกหวาดหวั่นใจต่อสาวใช้ตรงหน้ายิ่งนัก

  'นี่เขาคงไม่คิดจะทำอะไรอย่างว่าเช่นนั้นในเวลานี้กับข้าหรอกใช่ไหม'

  ฟ่งหลันหลั่นเกิดคำถามขึ้นในใจอย่างระแวงสงสัย

  เมื่อคนตรงหน้าเห็นอีกฝ่ายยังคงยืนก้มหน้าเงียบไม่ตอบโต้สิ่งใด เขาก็ได้ดันเรือนร่างกำยำของเขาของเข้าประชิดตัวสตรีน้อยเข้าไปอีกครึ่งก้าวเท้า ทำให้ฟ่งหลันหลั่นตกใจจึงรีบถอยหลังออกห่างทันที

  แต่ทว่าด้านหลังของนางคือถังน้ำใบใหญ่ และเมื่อแผ่นหลังบางชนเข้ากับถังน้ำ ด้วยปฏิกิริยาในการเอาตัวรอดของร่างกายที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มือน้อยจึงได้คว้าหมับไปที่ข้อแขนกำยำของคนตรงหน้าและดึงร่างของเขาให้ถลาตามมาด้วย

  ตู้ม!!!

  ผิวน้ำในถังใบใหญ่และกลีบบุปผางามได้กระเซ็นซ่านและกระจายออกไปรอบตัวจากถังน้ำทันที

  ครู่ต่อมาศีรษะของสตรีน้อยก็โผล่พรวดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ พร้อมกับเสียงดังที่ตะโกนขึ้นอย่างสุดจะควบคุมอารมณ์โกรธไว้ได้

  "ข้าทนไม่ไหวแล้วนะ ท่านจะแกล้งข้าไปถึงไหนกัน"

  น้ำเสียงที่ตะโกนลั่นด้วยสติอันขาดผึงของฟ่งหลันหลั่น ดังเล็ดลอดออกไปนอกเรือนพักของแม่ทัพหนุ่ม และจังหวะนั้นเองดันมีสาวใช้นางหนึ่งของเรือนสกุลหลงเดินผ่านมาพอดี

  "นายน้อย! มิทราบว่าด้านในเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือเจ้าคะ ท่านต้องการให้ข้าไปตามบ่าวมาช่วยดูให้หรือไม่"

  สาวใช้วัยละอ่อนตะโกนถามเสียงดังกลับไปด้วยความกังวล เพราะกลัวว่านายน้อยของตนอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย

  แม่ทัพหนุ่มได้ยินเช่นนั้น เขาก็โผเข้าไปประชิดตัวฟ่งหลันหลั่น ซึ่งตอนนี้นางนั้นเปียกโชกไปทั้งตัวจนมองเห็นเนื้อหนังผิวขาวนวลด้านใน และยกมือขึ้นปิดริมฝีปากบางของเจ้าหล่อนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะโกนตอบกลับคนข้างนอกออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ

  "ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแค่สะดุดน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นจนลื่นไถลตกลงมาในถังน้ำเท่านั้น เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้ข้าจัดการเอง"

  แต่ดูเหมือนสาวใช้ซึ่งกำลังยืนอยู่อีกฟากฝั่งของประตูห้อง จะยังคงระแวงสงสัยบางอย่าง นางจึงได้ถือวิสาสะเปิดประตูและเดินเข้าไปด้านใน โดยไม่ทันได้รับอนุญาตจากเจ้านาย พร้อมทั้งกล่าวขอโทษขึ้นในเวลาเดียวกัน

  "ข้าผู้น้อยขอเข้าไปตรวจสอบเพื่อทำความสะอาดให้นายน้อยและจะได้นำของชิ้นใหม่มาเปลี่ยนให้ท่านนะเจ้าคะ"

  หลงอี้หลิงกับฟ่งหลันหลั่นตกใจที่จู่ ๆ สาวใช้นางนั้นก็เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างกะทันหัน 

  แม่ทัพหนุ่มจึงต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ ก่อนที่สาวใช้คนนั้นจะเดินเข้ามาเห็นว่าสตรีน้อยอยู่กับเขาในถังน้ำด้วยกันด้วยสภาพที่มิสมควร

  เขารีบใช้ร่างกายอันหนาและแข็งแรงของตนโอบกอดร่างงามตรงหน้าเพื่อหวังปกปิดซ่อนเร้นให้พ้นจากสายตาของตนที่เดินอยู่อีกฟากของฉากกั้นบางสองอันนี้ 

  หัวหน้าสาวใช้เดินเข้ามาถึงกลางห้อง นางก็ต้องตกใจยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าข้าวของตรงมุมที่จัดเตรียมไว้สำหรับเพื่อชำระล้างร่างกายของเจ้านาย หล่นกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นห้อง 

  นางจึงรีบก้มเก็บสิ่งของและกล่าวกับแม่ทัพหนุ่มผ่านฉากกั้นบาง ๆ ที่มองเห็นภาพโครงร่างเลือนรางของเขานั่งหันหลังให้อยู่ในถังน้ำใบใหญ่

  "ขะ ขออภัยที่ข้าเสียมารยาทเจ้าค่ะนายน้อย ข้าจะรีบนำของชิ้นใหม่เปลี่ยนให้ท่านเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" 

  "หยุดอยู่แค่ตรงนั้นแหละ เจ้าไม่ต้องเดินเข้ามามากกว่านี้" 

  น้ำเสียงเข้มขึงขังแฝงซึ่งความจริงจังของแม่ทัพหนุ่มกล่าวขึ้นเพื่อต้องการหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย

  "แต่ถ้าข้าน้อยไม่รีบเก็บของที่หล่นอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง หากท่านเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก ข้าคงถูกนายหญิงลงโทษเพราะบกพร่องต่อหน้าที่เป็นแน่เจ้าค่ะ" สาวใช้วัยละอ่อนยังคงต่อปากต่อคำกับแม่ทัพหนุ่มและยืนกรานว่าจะเก็บของทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางดังเดิม

  "ปล่อยเอาไว้เช่นนั้นแหละ เจ้าออกไปเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง" 

  แม่ทัพหนุ่มยังคงกล่าวย้ำคำเดิม เพราะกลัวว่านางจะเดินผ่านฉากกั้นนั้นเข้ามาด้านใน

  ภายใต้เบื้องหน้าของเขานั้น ฟ่งหลันหลั่นกำลังนั่งตัวเกร็งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ลมหายใจอุ่น ๆ จากปลายจมูกของนางผนวกกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นระส่ำดังไม่เป็นจังหวะของทั้งคู่ มันแทบจะทำให้เขาควบคุมไฟราคะอันร้อนรุ่มในกายไว้ไม่ไหวแล้ว

  "เจ้าค่ะ...ว่าแต่แม่นางฟ่ง! ไม่ได้อยู่ที่นี่คอยปรนนิบัติรับใช้นายน้อยหรอกหรือเจ้าค่ะ" 

  สาวใช้กล่าวรับคำ แต่ก็ยังอดถามถึงสาวใช้คนสนิทของเจ้านายหนุ่มไม่ได้ เพราะปกติจะเป็นหน้าที่ของนางที่ต้องคอยมาดูแลเขาอย่างใกล้ชิด

  "ข้าให้นางไปพักผ่อนแล้ว อ้อ! ก่อนออกไปช่วงปิดประประตูให้ข้าด้วย และห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้าอีก" 

  หลงอี้หลิงตอบด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว และเริ่มแสดงท่าทีหงุดหงิดออกมา เพื่อบ่งบอกเป็นนัยให้สาวใช้ผู้นี้รู้ตัวเสียทีว่านางไม่ควรเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่แรก

  "เจ้าค่ะ" 

  เมื่อรับคำจบ สาวใช้วัยละอ่อนก็เดินถอยร่นออกไปจากห้อง พร้อมกับปิดประตูห้องเข้าอย่างมิดชิดแน่นหนาตามคำสั่งผู้เป็นนาย เพราะนางรู้ดีว่าคำพูดของแม่ทัพหนุ่มคือคำขาด 

  พอสิ้นเสียงประตูปิดเข้าอย่างเดิม ฟ่งหลันหลั่นก็รีบผละตัวเองให้ออกห่างจากแม่ทัพหนุ่ม ดวงหน้างามปลั่งจ้องมองหน้าเขาอย่างเขินอาย ก่อนจะรีบปีนขึ้นจากถังน้ำทันที 

  "อย่าให้ถึงทีข้าบ้างก็แล้วกัน ข้าจะเอาคืนท่านให้สาสมเลยคอยดูสิ" น้ำเสียงไม่พอใจดังออกมาจากริมฝีปากบางไม่ขาดสาย

  และในขณะที่นางจะกำลังเดินพ้นออกไปจากฉากกั้นห้อง ด้วยเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มน้ำไปทั้งตัว 

  แม่ทัพหนุ่มซึ่งกำลังนั่งหันหลังให้ เขาก็ได้สะบัดแขนหนึ่งที จากนั้นชุดคลุมตัวใหญ่ของเขาที่พาดอยู่ตรงฉากกั้นก็ลอยไปคลุมร่างอรชรเอาไว้พอเหมาะพอเจาะ

  "สวมนั่นให้มิดชิดก่อนค่อยเดินออกไป ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะจับไข้เอาได้" 

  "หึ! ตัวเองเป็นคนทำให้คนอื่นเขาเปียกชุ่มไปทั้งชุดแท้ ๆ ยังมีหน้าทำตัวเป็นห่วงเป็นใยอีก" 

  ฟ่งหลันหลั่นเดินบ่นอุบออกไปจากห้อง โดยไม่กล่าวขอบคุณต่อแม่ทัพหนุ่ม 

  ส่วนหลงอี้หลิง แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้ปรับความเข้าใจกับนางในเรื่องที่กังวลใจตามที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้า แต่พอได้เห็นสีหน้าเขินอายแกมโมโหของนาง กลับทำให้เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุขยิ่งนัก จนลืมสิ่งที่ตั้งใจไว้เสียสนิท

  "หลั่นเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องกังวลสิ่งใดไป ชั่วชีวิตนี้ คนที่จะสามารถร่วมเตียงเคียงหมอนกับข้าได้ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น" 

 

....

เซียงไค 盛開