จวนเยี่ยอ๋อง
ตกดึกเพลาล่วงเข้าสู่ช่วงยามจื่อ[1]เยี่ยอ๋องยังคงนั่งเก็บตัวอยู่ในห้องหนังสือของเขา และรอเวลาตามนัดหมายจากผู้ลึกลับได้ส่งสารมาแจ้งเตือนเมื่อตอนบ่าย ทว่าเขานั่งรอมาหลายชั่วยามแล้ว แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
เยี่ยอ๋องจึงล้มเลิกความคิดที่จะรอ แต่แล้วในจังหวะที่เขากำลังจะเดินพ้นออกจากห้องหนังสือ คนลึกลับแต่งกายในชุดดำ ปกปิดใบหน้าเห็นเพียงดวงตาได้บุกรุกเข้ามาและใช้มีดสั้นดักจ่อจี้คอเขาอยู่ตรงด้านหน้าประตู
"บังอาจนัก! เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่เป็นที่ใด กล้ากระทำอุกอาจบุกเข้ามาในจวนข้ายามวิกาลเช่นนี้ คงจะรนหาที่ตายสินะ"
[1] ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 - 24.59 น.
เยี่ยอ๋องพยายามข่มใจที่กำลังกลัวอยู่พูดข่มขู่เสียงกร้าวใส่คนชุดดำกลับไป ทั้ง ๆ ที่มีดสั้นกำลังจ่ออยู่ที่คอหอยของเขา
"รบกวนท่านอ๋องเดินกลับเข้าไปในห้องอย่างเงียบ ๆ ด้วย มิเช่นนั้นข้าคงไม่อาจจะรับประกันคมมีดที่ถืออยู่ในมือได้"
แม้จะคนผู้นี้จะปกปิดใบหน้าเอาไว้ แต่เยี่ยอ๋องก็พอจะฟังออกว่าเป็นเสียงของอิสตรีและก็น่าจะเป็นคนเดียวกับที่เขานั้นคิดไว้
"เจ้าเองหรอกรึ! แม่นาง...ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ แต่ข้ามั่นใจว่าเราสองคนไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ยังไงเปิดหน้าค่าตามาคุยกันดีกว่าไหม เผื่อบางทีข้าจะพอช่วยเจ้าตามหาศัตรูที่แท้จริงของเจ้าได้"
เยี่ยอ๋องพยายามพูดคุยถ่วงเวลาเอาไว้ เพื่อรอเวลาให้บ่าวไพร่ในเรือนที่เขาได้สั่งให้คนจัดเตรียมไว้เข้ามาช่วยเหลือได้ทันการณ์
"หุบปากของท่านและเดินเข้าไปข้างในเงียบ ๆ ซะ ไม่งั้นมือข้าคงได้ลั่นตรงนี้แน่"
คนชุดดำพูดขู่ซ้ำอีกครั้งกับเยี่ยอ๋อง พร้อมทั้งกดน้ำหนักมือข้างที่จ่อคมมีดใส่คอของเยี่ยอ๋อง จนเกิดบาดแผลและมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย ซึ่งเยี่ยอ๋องเองก็รู้สึกได้ เขาตกใจมากจึงรีบทำตามยอมเดินกลับเข้าไปในห้องหนังสือของตนดังเดิม
เมื่อทั้งคู่เดินพ้นขอบธรณีประตูเข้าไปยืนด้านในห้องหนังสือเรียบร้อย คนชุดดำก็ได้ผลักหลังของเยี่ยอ๋องอย่างแรง จนเข้าพุ่งตัวไปทางด้านหน้าและไปยืนอยู่ตรงกลางห้อง
ส่วนคนชุดดำก็รีบหันกลับไปปิดประตูและลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา
จังหวะนั้นเองเยี่ยอ๋องได้เดินดิ่งตรงไปยังโถใบใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวตัด ซึ่งตั้งอยู่ด้านข้างของตู้หนังสือ เขาได้ล้วงมือลงไปในโถเหมือนกับกำลังควานหาของบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในนั้น
ส่วนคนชุดดำหลังจากที่มั่นใจว่าลงกลอนประตูแน่นหนาแล้ว เขาก็หันกลับมาทางด้านเยี่ยอ๋องพร้อมกับถอดผ้าคลุมหน้าออกและเผชิญหน้ากับเจ้าของห้องอย่างไม่เกรงกลัว
พอเยี่ยอ๋องได้เห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ดูเขาไม่ได้แปลกใจเลยที่เป็นนาง
ใช่แล้ว คนที่ใส่ชุดดำอำพรางตัวและบุกรุกเข้ามาในจวนอ๋องยามวิกาลเยี่ยงนี้ คือ ฟ่งหลันหลั่นนั่นเอง
"เป็นเจ้าจริง ๆ สินะ สาวใช้ของหลงอี้หลิง ชื่อฟ่งหลันหลั่นสินะ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่า องค์หญิงอวี้หลันน้อยของลุง...ว่าแต่เจ้าบุกรุกเข้ามาในจวนข้ายามดึกเช่นนี้ นายของเจ้ารู้เห็นเป็นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม"
เยี่ยอ๋องกล่าวทักทายผู้บุกรุกด้วยน้ำเสียงหยิ่งทระนง และความกลัวที่เคยมีอยู่ได้กลายเป็นความถือดี เพราะมั่นใจว่ายังไงนางผู้นี้ก็ไม่สามารถทำอันตรายอะไรเขาได้
ฟ่งหลันหลั่นรู้ทันความคิดของเขา นางจึงได้ชี้ปลายมีดสั้นไปทางเยี่ยอ๋อง ความแค้นมากมายที่สุมอยู่ในอกได้ปะทุออกมาผ่านสีหน้าและแววตา นางเดือดดาลเสียจนถลึงตาใส่เขาและพูดขึ้นอย่างดุดัน
"ท่านไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อนั้น เพราะคนผู้นั้นได้ตายไปแล้วด้วยน้ำมือของท่านเมื่อสิบปีก่อนหน้านี้! เลิกพูดจายียวนเพื่อถ่วงเวลาได้แล้ว ข้ารู้ว่าท่ากำลังรอคนของท่านมาช่วย ไม่ต้องกลัวไปหรอก วันนี้ข้าจะยังไม่ฆ่าท่านเพราะมันยังไม่ถึงเวลา แต่ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านให้มั่นใจ..."
แม้ว่าในใจของสตรีน้อยผู้นี้จะเต็มไปด้วยความโกรธและความเคียดแค้น แต่นางก็พยายามข่มใจตัวเองอย่างที่สุดเพื่อระงับไฟโทสะที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในขณะนี้ เพราะคนที่มีฐานะสูงศักดิ์อย่างเยี่ยอ๋อง หากไร้ซึ่งหลักฐานมัดตัวเอาผิดเขาได้ สิ่งที่นางทำอาจจะนำภัยร้ายไปถึงผู้อื่น โดยเฉพาะหลงอี้หลิง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องจะยอมให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมเหมือนคราวในอดีตได้
เยี่ยอ๋องเริ่มอ่านทางของฟ่งหลันหลั่นออก รอยยิ้มที่เสแสร้งได้ฉีกกว้างออกบนใบหน้าของอ๋องเฒ่า และไขว้มือของตนไปทางด้านหลังเหมือนกำลังซ่อนบางอย่างเอาไว้
"อ้อ! หลานรักคงอยากจะรู้สินะว่าตัวเองตายได้ยังไง และใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตายของเจ้ากัน"
เยี่ยอ๋องกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น และถ้อยคำที่เขากล่าวมานั้น...ราวกับว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายขององค์หญิงอวี้หลันนั้นไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขาแม้แต่น้อย
ฟ่งหลันหลั่นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง และกล่าวสวนเยี่ยอ๋องกลับอย่างเกรี้ยวกราด
"ท่านเลิกพูดจาเล่นลิ้นและเลิกเสแสร้งได้แล้ว คนที่บงการสั่งฆ่าท่านพ่อและตัวข้าก็คือท่าน! ยาพิษที่บุตรสาวของท่านนำไปใส่ผสมลงในขนมหวานให้คนสกุลหลงกินเมื่อหลายวันก่อน ก็คือหลักฐาน"
พอเยี่ยอ๋องได้ฟังฟ่งหลันหลั่นกล่าวเช่นนั้น เขาไม่ได้มีท่าทีตกใจกลัว แถมยังหัวเราะเสียงดังร่าขึ้นอย่างขบขัน
ฮ่าฮ่าฮ่า...
"หลักฐานอย่างนั้นรึ! คำพูดของเจ้าช่างทำข้าขบขันยิ่งนัก" เยี่ยอ๋องย้อนถามฟ่งหลันหลั่น นาทีต่อมาแววตาของก็ดูเปลี่ยนไปทันที
"หากข้าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนั่นจริง เจ้าคิดว่าข้าจะเก็บหลักฐานไว้ใกล้ตัวเพื่อผูกมัดตัวเองงั้นรึ! ได้ข้าจะมอบหลักฐานนั้นให้เจ้า แต่เจ้าเองก็ต้องตอบคำถามของข้าก่อน"
ในฐานะขององค์หญิงอวี้หลัน บุรุษวัยกลางคนค่อนข้างไปทางสูงวัยผู้นี้ คือญาติที่นางเคยรักและเคารพนับถือยิ่งนัก แต่หลังจากที่เขาได้พรากคนสำคัญและพรากชีวิตขององค์หญิงน้อยอวี้หลันไปตอนนางอยู่ในวัยแปดขวบ และโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากตาเฒ่าฟ่งและได้เกิดใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น มีหรือนางจะเชื่อใจบุรุษผู้นี้อีกครั้ง
ไม่มีทาง!
เยี่ยอ๋องเห็นสตรีน้อยตรงหน้ายืนนิ่งเงียบไป เขาเดาได้ว่านางคงกำลังครุ่นคิดหาทางแย่งหลักฐาน ในตอนนี้สายตาของเขาก็มองเลื่อนต่ำลงไปตรงช่วงเอวของหญิงสาวและเห็นป้ายหยกมรกตแขวนอยู่ตรงนั้นอย่างชัดเจน
ด้วยเขาเห็นนางผู้นี้เติบโตมาตั้งแต่แรกเกิด ถึงแม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปี แต่เค้าโครงหน้าของนางยังคงไม่เปลี่ยนไปมากนัก อ๋องผู้นี้จึงมั่นใจว่านางคือตัวจริง ผู้ซึ่งร่างควรจะนอนอยู่ที่สุสานหลวง แต่กลับมาปรากฏกายอยู่ตรงหน้าของเขาและที่สำคัญนางยังมีชีวิตอยู่
"มอบสิ่งที่ท่านซ่อนไว้ทางด้านหลังมาให้ข้าเสียดี ๆ ซะเถอะ แล้วข้าจะจากไปโดยที่ไม่ทำอันตรายใดต่อท่าน"
สตรีน้อยพยายามพูดจาหว่านล้อม เพราะต้องการสิ่งของที่เยี่ยอ๋องถือและซ่อนไว้ทางด้านหลัง และถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะไม่มีวรยุทธ์เหมือนเมื่อก่อน แต่นางก็ยังคงทำตัวให้นิ่งและใจเย็น เพื่อไม่ให้ศัตรูจับจุดอ่อนของตนได้
เยี่ยอ๋องไม่ได้สนใจในคำพูดของฟ่งหลันหลั่น เพราะเขายังคาใจอยู่ว่านางรอดพ้นจากความตายมาได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้มีการจัดพระราชพิธีฝัง พระศพให้กับองค์หญิงน้อยและพระบิดา (องค์ชายรัชทายาทรุ่นก่อน) อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการให้เกียรติคนทั้งคู่ และฝังร่างของทั้งสองคนไว้ยังสุสานหลวงและเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของเหล่าเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และธารกำนัล รวมทั้งตัวเขาเองก็อยู่ร่วมในพิธีนั้นด้วย
"ถึงเจ้าจะไม่ยอมตอบคำถาม ข้าก็พอเดาถูก คงจะเป็นคนแซ่ฟ่งสินะ ที่เป็นผู้ช่วยเจ้าเอาไว้ คนผู้นั้นไม่ว่าจะหนุ่มหรือแก่ ก็เป็นพวกที่ชอบหาเรื่องอันตรายใส่ตัวไม่เปลี่ยนเลยสินะ"
เยี่ยกล่าวพลางและหยุดหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
"บิดาของเจ้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ ขนาดตายไปแล้ว ยังคงมีคนภักดีต่อเขาไม่เปลี่ยนแปลง ต่างจากข้าที่ไม่สามารถไว้ใจคนข้างกายได้เลยสักคน แถมตั้งแต่เหตุการณ์คืนนั้น ข้าก็ไม่เคยนอนหลับตาสนิทได้เลยสักคืน"
เยี่ยอ๋องกล่าวจบ เขาก็เผยสีหน้าเศร้า ดูอมทุกข์ เหมือนเขาจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป
แต่ฟ่งหลันหลั่นไม่มีทางหลงกลคนผู้นี้อีกเป็นครั้งที่สองอีกเป็นแน่
.....
เซียงไค 盛開