ศาลาเรือนน้ำภายในจวนเยี่ย
เยี่ยชิงเชียวโกรธจนไม่สามารถระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้อีกต่อไป เพราะบุรุษที่ตนหลงรักออกตัวปกป้องสตรีอื่นอย่างหนักแน่นต่อหน้าต่อตาในงานวันสำคัญของตน แถมยังมีแขกเหรื่อและผู้คนมากมายรับรู้ทั่วกัน
นางเดือดดาลเสียจนถลึงตาใส่พวกของแม่ทัพหนุ่มอย่างดุดัน และกล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ
"นี่ท่านแม่ทัพคิดว่าข้าเป็นคนทำร้ายนางทาสของท่านให้ได้รับบาดเจ็บตามที่นางบอกงั้นรึ"
ขนาดถงเสี่ยวเถา สาวใช้ส่วนตัวของธิดาอ๋องยังต้องรีบเข้ามาดึงแขนของนายสาวเพื่อเรียกสติเจ้าตัวเอาไว้
หลงอี้หลิงยังคงวางตัวนิ่งเฉยต่ออากัปกิริยาและคำกล่าวด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยวของเยี่ยชิงเซียว เขาหันไปมองคุณหนูสูงศักดิ์ด้วยสายตาเย็นชาเหมือนทุกครั้ง
"ข้าขออภัย หากคำกล่าวของข้าทำให้คุณหนูเยี่ยเข้าใจผิดเช่นนั้น ทว่าคนทำผิด..."
แม่ทัพหนุ่มหยุดพูดครู่หนึ่ง พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังสาวงามคนอื่น ๆ บนศาลาเรือนน้ำ และกลับมาหยุดอยู่ที่ธิดาอ๋องกับสาวใช้ของนาง
"...ทุกคนต่างก็ได้รับโทษของตนไปแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่ามันก็น่าจะเพียงพอแล้ว" แม่ทัพหนุ่มหยุดจังหวะพูดอีกครั้ง และเบนสายตาไปทางเยี่ยอ๋อง ก่อนจะพูดต่อ
"แต่หากท่านอ๋องกับคุณหนูเยี่ยยังไม่พอใจ ข้าก็คงต้องขอเวลาในการไต่สวนสืบหาความจริงของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างถ้วนถี่อีกครั้ง เพื่อมอบความยุติธรรมต่อทุกฝ่าย"
ซ่งเฉาเกา ขุนนางคนสนิทของเยี่ยอ๋องได้ยินเช่นนั้น ก็เผยสีหน้ากังวลออกมา จากนั้นเขาเดินปรี่เข้าไปประชิดตัวเจ้าบ้าน และกระซิบเบา ๆ
"ท่านอ๋อง ข้าเกรงว่า..."
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าซ่งเฉาเกาต้องการกล่าวสิ่งใดกับเยี่ยอ๋อง แต่คนที่เป็นฝ่ายถูกกระซิบดูเหมือนจะเข้าใจในความกังวลนั้นของขุนนางข้างกาย สังเกตได้จากท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขา
เยี่ยอ๋องจำต้องเก็บความขุ่นเคืองใจของตนและธิดาเอาไว้ก่อน และให้ความสำคัญต่อแผนการใหญ่ที่กำลังทำอยู่
"เสี่ยวเถา พาคุณหนูของเจ้าเข้าไปพักในจวนก่อน ที่เหลือทางนี้ข้าจะจัดการเอง"
ถงเสี่ยวเถารอจังหวะนั้นอยู่แล้ว นางจึงรีบขานรับคำสั่งนายใหญ่ของจวนอย่างทันควัน "เจ้าค่ะนายท่าน"
เยี่ยชิงเชียวปฏิเสธคำสั่งนั้นของบิดาเสียงแข็งและแสดงกิริยากระฟัดกระเฟียดไม่พอใจออกมาอีกครั้ง
"ท่านพ่อ ข้าไม่..." แต่นางก็ต้องหยุดการกระทำนั้นลงทันใด เมื่อได้เห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของบิดา
"งั้นก็ได้ วันนี้เป็นวันเกิดของลูก ถือซะว่าทำบุญ ปล่อยลูกนกลูกกาให้มีลมหายใจต่อไปอีกสักพักแล้วกัน"
ธิดาอ๋องฝืนใจยอมอ่อนข้อถอยร่นให้คู่กรณีตามความต้องการของบิดา แต่ก็ยังมีความถือดี ทระนงในเกียรติศักดิ์และฐานะของตนอยู่ เมื่อขานรับคำสั่งบิดาเสร็จนางก็หันไปพูดกับสาวใช้ของตน
"เสี่ยวเถาไปช่วยข้าเปลี่ยนชุดหน่อย ชุดนี้มันไม่เป็นมงคลเสียแล้ว เพราะเต็มไปด้วยเสนียดจัญไรและกลิ่นสาบของทาสชั้นต่ำ"
ธิดาอ๋องตั้งใจกล่าวด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำเหยียดหยามต่อฟ่งหลันหลั่นนั่นเอง พูดจบนางก็สะบัดหน้าแรง ให้กับคนกลุ่มนั้นพร้อมกับหมุนตัวหันหน้าออกไปยังทางเดินที่จะออกไปด้านนอกศาลา
หลงอี้หลิงยังพูดไม่จบ เขาจึงร้องเรียกตามหลังเยี่ยชิงเซียวและสาวใช้ของนางไว้
"ช้าก่อนคุณหนูเยี่ย ท่านยังไปมิได้"
ธิดาอ๋องหันขวับมาและถามกลับด้วยน้ำเสียงสดใสดีใจ นางคิดว่าแม่ทัพหนุ่มเรียกตามหลังเพราะความรักความพิศวาสที่มีให้ตน
"ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวล ข้ามิปล่อยให้ท่านรอนานหรอก ใช้เวลาไม่ถึงสองก้านธูปข้าก็เสร็จแล้ว" ธิดาอ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจและช่างหลงตัวเองยิ่งนัก
"มิใช่เรื่องนั้น แต่ท่านหญิงยังมิได้กล่าวคำขอโทษคนของข้าเลย"
คำกล่าวประโยคนั้นของแม่ทัพหนุ่มทำให้ทุกคนที่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นต่างก็พากันประหลาดใจและสงสัยยิ่งนัก
ตอนนี้เยี่ยชิงเซียวรู้สึกเหมือนยิ่งกว่าโดนตบหน้าเสียอีก สตินางขาดผึง จนไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธที่มีอยู่ได้อีกต่อไปแล้วจริง ๆ
"ไม่มีทาง! ข้าคือลูกของท่านพ่อ ที่ถือครองฐานันดรบรรดาศักดิ์อ๋อง และพวกเราก็เป็นถึงพระญาติขององค์ฮ่องเต้ เหตุใดข้าจะต้องลดตัวลงไป ขอโทษนางทาสชั้นต่ำผู้นี้ด้วย"
แม้แต่เยี่ยอ๋องเองก็ยังขาดสติ ตามธิดาของตนเช่นกัน เขาเดือดดาลเสียจนถลึงตาใส่คู่กรณีอย่างดุดัน
"หลงอี้หลิง! เจ้าจะหยามเกียรติของข้าและวงศ์ตระกูลมากเกินไปแล้วนะ"
ฝ่ายหลงอี้หลิงก็ไม่ได้ยอมถอยร่น เขายังคงยืนกรานเสียงแข็งคำเดิมอย่างหนักแน่น สายตาเผยแววจริงจัง
"หลั่นเอ๋อร์เป็นคนของข้า มิใช่นางข้าทาสชั้นต่ำอย่างที่คุณหนูเยี่ยและคนของท่านเรียกนาง หรือแม้กระทั่งคำกล่าวของท่านอ๋องเมื่อสักครู่...และถ้าหากจะพูดถึงเรื่องการหมิ่นเกียรติและศักดิ์ศรี พวกท่านยิ่งสมควรกล่าวคำ ขอโทษต่อนาง"
เยี่ยชิงเซียวถามสวนกลับอย่างเดือดดาล เพราะตอนนี้นางแทบจะฉีกชายแขนเสื้อของตัวเองขาดออกจากกันอยู่รอมร่อแล้ว
"ก็แค่สาวใช้ของจวนแม่ทัพ นั่นก็แค่สามัญชน จะมาเทียบชั้นกับข้าผู้เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ได้เช่นไรกัน"
แม่ทัพหนุ่มยังคงคุมสติได้ดีและโต้ตอบสวนกลับไปอย่างไม่หยุดหย่อน
"องค์ฮ่องเต้ทรงตรัสไว้ว่า ทุกคนที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินของแคว้นโหย่ว ต่างก็มีเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่ากัน แม้แต่พระองค์เองก็เช่นกัน"
นายกองคนสนิททั้งสองถึงขนาดทำหน้าฉงนใจเล็กน้อย เพราะวันนี้นายน้อยของตนพูดมากผิดปกติ ถึงขนาดต่อปากต่อคำกับสตรีโดยไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้อีกฝ่าย
คำกล่าวนั้นของแม่ทัพหนุ่มทำให้พ่อลูกตระกูลเยี่ยถึงกับหน้าชา และไม่สามารถหาคำมาโต้แย้งต่อได้ เพราะนั่นคือพระดำรัสของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
ซึ่งประกาศเป็นราชโองการแจ้งให้ประชาชนในแคว้นโหย่วรับทราบโดยทั่วกัน นับตั้งแต่วันราชสมภพปราบดาภิเษกเสด็จขึ้นครองบัลลังก์
เยี่ยชิงเซียวผู้เอาแต่ใจและหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีและถือดีว่ามีสายเลือดของเชื้อพระวงศ์ของตัวเองเป็นที่สุด มีหรือนางจะยอมรับและทำตามในสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มต้องการ
"ข้าไม่ขอโทษใครทั้งนั้น หากท่านแม่ทัพหลงไม่พอใจ ก็เชิญไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้และให้พระองค์ทรงช่วยตัดสินละกัน"
เยี่ยชิงเซียวเผยแววตากระด้างเย็นชาระคนไฟโทสะขณะสบตากับแม่ทัพหนุ่มอย่างท้าทาย
จากนั้นธิดาอ๋องก็หันไปมองยังฟ่งหลันหลั่น ใบหน้างามเฉิดฉาย ทว่าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น พร้อมกันกล่าววาจาข่มขู่ออกมา อย่างไม่เกรงกลัวต่ออำนาจของหลงอี้หลิงเลยสักนิด
"ส่วนเจ้า! ที่กล้ามาทำลายวันสำคัญของข้าในวันนี้ ข้าไม่มีทางอภัยและไม่ยอมรามือแค่นี้แน่นอน เจ้ารอรับผลของการกระทำนั้นได้เลย"
เมื่อกล่าวจบธิดาอ๋องก็สะบัดหน้าแรง เดินหน้าบึ้งตึงออกไปจากศาลาเรือนน้ำทันที และไม่ขอโทษหรือกล่าวอำลาต่อแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ณ ที่ตรงนั้นเลยสักคำ
เยี่ยอ๋อง รู้สึกโกรธและเสียหน้ายิ่งนักกับเหตุการณ์นี้ แถมแผนการที่วางไว้ก็มาถูกทำลายลงเพราะสาวใช้ผู้นี้เป็นต้นเหตุ และเมื่อบรรยากาศรื่นเริงของเฉลิมฉลองได้พังทลายลง เขาจึงสั่งให้บ่าวรับใช้ส่งแขกเหรื่อกลับบ้าน
ทำให้เหล่าพวกขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างพากันมองว่าแม่ทัพหนุ่มช่างเป็นคนที่จองหอง ไร้ความเกรงกลัวต่ออำนาจเยี่ยอ๋องและไม่เข้าเคารพเขาในเชื้อพระวงศ์ขององค์ฮ่องเต้เอาเสียเลย เพียงแค่ต้องการปกป้องสาวใช้คนเดียว แม่ทัพหนุ่มผู้นี้ถึงขนาดกล้าเสียมารยาทต่อเยี่ยและธิดาของเขาได้เยี่ยงนี้
เหตุการณ์ทุกอย่างจบลง และงานวันเกิดของเยี่ยชิงเซียว ก็เหลือไว้เพียงความบาดหมางผูกใจเจ็บและอาฆาตเคียดแค้นของเจ้าตัวและคนสกุลเยี่ย ที่มีต่อหลงอี้หลิงกับฟ่งหลันหลั่น สาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพ
....
เซียงไค 盛開