webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๓๑ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อ

ศาลาเรือนน้ำ

  ต่อจากนั้นหลงอี้หลิงก็ได้พยุงตัวฟ่งหลันหลั่นให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองทางธิดาอ๋อง ผู้เป็นเจ้าของงานวันเกิด นัยน์ตาสีดำนิลกรุ่นโกรธเบิกกว้างขึ้นจ้องมองคนเบื้องหน้าอย่างดุดัน และกล่าวถามเสียงเข้ม

  "คุณหนูเยี่ย! มิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบนศาลาแห่งนี้กัน ถึงขนาดที่คนของข้าต้องเลือดตกไหลยางออกอาบมือเช่นนี้"

  ธิดาอ๋องและสาวใช้ รวมถึงบรรดาสตรีคนอื่น ๆ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ถึงกับสะดุ้งตัวโหยงและพลันรู้สึกหนาวสะท้านเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกดำ จนจับขั้วหัวใจ ทั้ง ๆ ที่มีเม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า

  ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างที่สุดของแม่ทัพหนุ่มผ่านดวงตาคมกริบน่ากลัวคู่นั้น กระแสโทสะรุนแรงกำลังแผ่ซ่านออกมาจากคนผู้นี้

  เยี่ยชิงเซียวผู้หยิ่งยโสทระนงในตนเอง พยายามข่มความกลัวไว้ในใจ ตอบเลี่ยงเฉไฉ โดยพยายามใช้น้ำเสียงอันแข็งกร้าว และแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมา

  "ข้ามิได้ทำอะไรผิด นางข้าทาสผู้นี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ข้าเพียงแค่ขอร้องให้ช่วยถือของไว้ชั่วประเดี๋ยว แต่นางกลับทำของสำคัญของข้าหล่นลงพื้นจนแตกเสียหายอย่างที่เห็น"

  คุณหนูผู้สูงศักดิ์ยืนเชิดใบหน้าขึ้นสูงและกล่าวอย่างมั่นหน้า พลางหยุดพูดครู่หนึ่งและเบนสายตามองไปอุ้งมือน้อยของคู่กรณี

  "และแผลนั่น...นางก็ทำตัวเอง"

  ธิดาอ๋องหวังจะกลบเกลื่อนความผิดของพวกตน อีกทั้งยังเจตนาตั้งใจใส่ร้ายโยนความผิดให้กับอีกฝ่ายแทน

  ฟ่งหลันหลั่นผู้ซื่อสัตย์และรักในความยุติธรรม ได้ฟังธิดาอ๋องโต้แย้ง แม่ทัพหนุ่มกลับมาอย่างทระนงตนเยี่ยงนั้น ไฉนเลยนางจะยืนทนฟังเฉย ๆ และปล่อยให้คนอื่นใส่ความอยู่ฝ่ายเดียว

  "ไม่จริง! ข้าหาได้เป็นคนเริ่มก่อนไม่...ธิดาอ๋องเยี่ยงท่าน มีฐานะและบรรดาศักดิ์เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แต่เหตุไฉนถึงได้กล่าวคำโป้ปดมดเท็จใส่ความผู้อื่นหน้าด้าน ๆ กันเล่า"

  สาวใช้คนสวยของแม่ทัพหนุ่มตอบโต้สวนกลับธิดาอ๋องอย่างฉะฉาน ไร้ความเกรงกลัวต่ออำนาจของฝ่ายตรงข้าม

  ถงเสี่ยวเถา สาวใช้ของเยี่ยชิงเซียวรู้สึกโกรธแทนเจ้านายของตน จึงเกิดลืมตัวไปชั่วขณะ นางยกมือขึ้นชี้หน้าและตะคอกเสียงดังด่าทอฟ่งหลันหลั่นสวนกลับไปอย่างกราดเกรี้ยวต่อหน้าแม่ทัพหนุ่ม

  "บังอาจ! เจ้าเป็นแค่ข้ารับใช้ ถือดียังไงถึงได้กล้ามาลบหลู่หมิ่นเกียรติและกล่าววาจาลามปามตีตนเสมอคุณหนูของข้า"

  แค่คำพูดตะคอกด่าทอธรรมดา ๆ มีหรือสตรีน้อยแห่งจวนแม่ทัพจะสะทกสะท้านหรือเกรงกลัว กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกขำและสมเพชพวกเขาเสียมากกว่า

  หลงอี้หลิงกำหมับแน่นและทำตาโกรธขึ้งให้กับสาวใช้ของธิดาอ๋องทันที ในจังหวะที่เขาจะกล่าวขึ้น ก็ถูกฟ่งหลันหลั่นชิงพูดตัดหน้าก่อน

  หึ! หึ!

  สตรีน้อยหัวเราะในลำคอ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนตรงมุมปากบนดวงหน้างาม

  "ช่างสมเพชความคิดและแผนการต่ำ ๆ นั้นเสียจริง! พวกท่านต่างหากที่เป็นคนเอาสิ่งของที่ชำรุดแตกเสียหายอยู่แล้วมาให้ข้าช่วยถือ แถมยังตั้งใจผลักตัวข้าให้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นตรงนั้น จนมือน้อย ๆ ของข้ามีสภาพอย่างที่เห็น"

  สาวใช้ของเยี่ยชิงเซียวรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าและลำตัว กลับคำกล่าวของคู่กรณีที่โต้แย้งสวนมาไม่หยุดปาก นางก็เผยท่าทีร้อนตัวออกมา เพราะกลัวว่าแผนการของพวกนางจะถูกจับได้ จึงรีบออกตัวปกป้องผู้เป็นนายสาวอีกครั้ง

  "ยังสามหาวไม่เลิกสินะ! จะให้ข้าพูดย้ำอีกกี่ครั้ง เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ผู้ต่ำต้อยแต่กลับกล้ากล่าวร้ายใส่ความคุณหนูของข้าเยี่ยงนี้ ผู้เป็นถึงธิดาของเยี่ยอ๋อง ซึ่งไม่ต่างจากการหมิ่นเบื้องสูง คอยดูเถอะ ท่านอ๋องมิปล่อยเจ้าไว้แน่"

  พอสาวใช้กล่าวจบ เยี่ยชิงเซียวก็รับไม้ต่ออย่างรู้ใจ

  จู่ ๆ ธิดาอ๋อง ซึ่งยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก็จับท่อนแขนของตัวเองและแสดง สีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

  โอ๊ย!

  และดูเหมือนว่าแผนเรียกร้องความเห็นใจของนางจะได้ผล

  เยี่ยอ๋องซึ่งยืนมองดูสถานการณ์นั้นทางด้านนอกศาลาเรือนน้ำอยู่นานแล้ว และพอเห็นว่าธิดาของตนมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ด้วยความรักและความเป็นห่วง เขาจึงรีบเดินตรงปรี่เข้ามาตรงจุดเกิดเหตุทันที โดยมีขุนนางคนสนิท ประกบตามหลังมาติด ๆ

  "เซียวเอ๋อร์ ลูกได้รับบาดเจ็บงั้นรึ"

  ผู้เป็นบิดาเดินเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของบุตรี และถามไถ่อย่างกังวล

  พอได้ดูใกล้ ๆ ด้วยสองตา เยี่ยอ๋องกลับไม่เห็นร่องรอยของบาดแผลใหญ่โต นอกจากรอยขีดข่วนและริ้วรอยแดงปื้นของฝ่ามือบนดวงหน้างาม เพียงแค่นั้นมันก็สามารถทำให้อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขาระเบิดออกมา

  "ใครมันบังอาจมาทำร้ายธิดาของข้า!"

  เยี่ยชิงเซียวเริ่มตีหน้าเศร้า กล่าวคำเท็จเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดปาก และแสร้งทำทีเป็นปวดท่อนแขนจนยกไม่ขึ้น

  "ลูกรู้สึกปวดไปหมดทั้งตัวเลย ท่านพ่อต้องจัดการเรื่องนี้ให้ลูกด้วย ไม่งั้นลูกไม่ยอมเด็ดขาด"

  ธิดาอ๋องกระทำเช่นนี้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจและความสงสารจากทุกคนในศาลาเรือนน้ำ แต่ลับหลังสายตาของผู้อื่น นางกลับแอบแลบลิ้น ปลิ้นตา เย้ยหยันฟงหลันหลั่นอย่างสะใจ

  การกระทำนั้นของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็หาได้รอดพ้นสายตาของหลงอี้หลิงและนายกองคนสนิทของเขาไม่

  เยี่ยอ๋องเห็นเพียงรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนหลังมือขาวผ่อง และรอยแดงปื้นบนดวงหน้างามของธิดา เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางต้องโกหกเขาเป็นแน่ แต่ด้วยความรักลูกและไม่อยากให้นางอับอายต่อหน้าแขกเหรื่อ จึงได้ไหลตามน้ำ เขาจึงหันหน้าออกไปทางนอกศาลาเรือนน้ำ และตะโกนเสียงดังสั่งให้บ่าวรับใช้มาจับตัวคนผิดเอาไว้

  "พวกเจ้า...มีใครอยู่แถวนี้บ้าง! รีบมาจับสาวใช้นางนี้ไปโบยหลังเดี๋ยวนี้!"

  แม่ทัพหนุ่มมองสถานการณ์ตรงหน้าออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เห็นได้ชัดเจนว่าสาวใช้ของตนกำลังถูกใส่ความ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี ถ้าหากต้องมีเรื่องผิดใจกับจวนอ๋องแห่งนี้ เขาจึงได้ตัดสินกล่าวบางอย่างออกมา ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจฟ่งหลันหลั่นเท่าใดนัก

  "ช้าก่อนท่านอ๋อง...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของข้าเอง..."

  ฟ่งหลันหลั่นได้ยินแม่ทัพหนุ่มกล่าวออกตัวรับผิดแทนตนเยี่ยงนั้น นางก็พูดแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจทันที

  "นายน้อยข้าไม่ได้..." แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ยอมให้นางมีโอกาสได้พูดในสิ่งที่ต้องการเช่นกัน เขายกมือขึ้นปิดปากนางเพื่อปรามทันที

  สาวใช้จำต้องเงียบเสียงลงและยืนฟังนิ่ง ๆ แม้อารมณ์โกรธข้างในใจกำลังเดือดพล่านอยู่

  ส่วนสองพ่อลูกตระกูลเยี่ย ต่างก็รอฟังแม่ทัพหนุ่มอย่างตั้งใจ

  เยี่ยอ๋องได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และฉวยโอกาสนั้นกล่าวเสริมเติมแต่งสถานการณ์เพื่อให้ตัวเองและบุตรีเป็นฝ่ายได้เปรียบ

  "เหตุใดท่านแม่ทัพถึงได้กล่าวออกตัวรับผิดแทนสาวใช้ผู้นี้กันเล่า ในเมื่อคนที่ทำผิดคือนาง ท่านไม่กลัวผู้คนจะครหาหรือว่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว กำลังปกป้องคนผิดอยู่"

  เยี่ยชิงเซียวถือโอกาสนั้นรีบกล่าวเสริมขึ้นอย่างถือดี เพราะมีบิดาคอยให้ท้ายอยู่นั่นเอง

  "ลำพังตัวลูกไม่เท่าไร แต่นางข้าทาสต่ำต้อยผู้นี้ หมิ่นศักดิ์ศรีในฐานันดรของลูก นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการลบหลู่หยามเกียรติอ๋องของท่านพ่อด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ลูกมิอาจยอมได้"

  ระหว่างการสนทนาที่โต้ตอบอย่างดุเดือดนี้ บนศาลาเรือนน้ำหรือแม้แต่คนที่ยืนดูอยู่ด้านนอกศาลา ต่างก็พากันปิดปากเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอความคิดเห็นหรือกล่าวถ้อยคำใดออกมา

  หยวนจูวเย่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ แม้ว่าใจเขาอยากจะยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือต่อฟ่งหลันหลั่นยิ่งนัก แต่ก็ถูกคนสนิทของเขาห้ามปรามเอาไว้ เพราะไม่งั้นจะเดือดร้อนไปถึงบิดาของเขาได้

  'แม่นางฟ่ง เจ้าจะเอาตัวรอดต่อยังไงดี เจ้าได้ไปเหยียบจมูกเสือเข้าเสียแล้ว หวังว่าแม่ทัพหนุ่มของเจ้า จะช่วยปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าเอาไว้ได้นะ'

  วกกลับมายังภายในศาลาเรือน

  แม่ทัพหนุ่มได้ฟังสองพ่อลูกกล่าวผสมโรงกันอย่างเข้าขากัน และถ้อยคำของพวกเขา ทำให้แม่ทัพหนุ่มเกือบขาดสติ แววตาดุดัน ใบหน้าขึงขังจริงจังเผยขึ้นอย่างฉับพลัน

  "...ข้าต้องขออภัยท่านอ๋องและธิดาด้วย หากสาวใช้ของข้ากระทำการเสียมารยาทและได้ล่วงเกินหมิ่นเกียรติคนตระกูลเยี่ย คงเป็นที่ตัวข้าสั่งสอนและดูแลคนไม่ดีพอ ดังนั้นหากท่านอ๋องคิดจะลงโทษ คนผู้นั้นย่อมควรจะเป็นข้าเอง"

  เขาออกตัวยอมรับผิดทั้งหมดแทนสาวใช้ส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไร

  เยี่ยชิงเซียวเห็นหลงอี้หลิงพยายามปกป้องสาวใช้อย่างออกหน้าออกตา โดยไม่ว่าหน้าตนเยี่ยงนี้ นางยิ่งไม่พอใจและโกรธเขาหนักมากขึ้น

  "นี่ท่านแม่ทัพยังคิดจะปกป้องคนผิด และรับโทษแทนนางอย่างงั้นรึ" และพลันหันไปมองทางบิดาของตน ด้วยสายตาร้องขอ

  "ท่านพ่อ ถ้าท่านไปจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ข้าจะโกรธท่านและจะไม่ยอมพูดกับท่านอีกเลย" ธิดาอ๋องถึงกับใช้ไม้ตาย กล่าววาจาขู่บิดาต่อหน้าผู้คนมากมาย ณ ที่ตรงนั้น

  หลงอี้หลิงเป็นห่วงและกังวลใจว่าการรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนในเมืองหลวงของฟ่งหลันหลั่น จะนำภัยร้ายมาสู่ตัวนางเอง แถมตอนนี้ดูท่านางอาจคงจะลืมไปว่าตัวเองได้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว ดังนั้นเขาจึงได้คว้ามือของสาวใช้ไว้หมับและออกแรงกุมแน่น พร้อมกับส่งสายตาให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ลงและปล่อยเรื่องทุกอย่างให้เขาจัดการเอง

  ฟ่งหลันหลั่นยังคงแสดงสีหน้าโกรธขึ้งและพร้อมจะมีเรื่องอยู่ตลอดเวลา และนางไม่ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะการกระทำของตน แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ก็ตาม จึงพูดสวนขึ้นมาอย่างเดือดดาลทันที

  "ข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด เหตุใดนายน้อยจะต้องกล่าวคำขอโทษและยอมรับผิดแทนข้าด้วย คนสูงศักดิ์พวกนั้นต่างหากที่ใส่ความข้าและหาเรื่องข้าก่อน"

  สตรีน้อยกล่าวโต้แย้งอย่างฉะฉาน แต่พอหันไปเห็นสายตาที่เขามองมาอย่างมีนัย ทำให้นางก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แม้จะยังรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ก็ยอมเงียบลงตามที่เขาต้องการ

  เยี่ยอ๋องและธิดาของเขา ยืนสังเกตท่าทางห่วงใยและเป็นกังวลใจของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งแสดงออกต่อสาวใช้ส่วนตัวอย่างชัดเจนต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยไม่สนใจสายตาของคนตรงนั้น

  สองพ่อลูกจึงเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจและเหมือนถูกหยามเกียรติ เพราะคนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าตระกูลเยี่ยต้องการสานสัมพันธ์กับตระกูลหลงมาโดยตลอด

  โดยเฉพาะเยี่ยชิงเซียว ธิดาอ๋องยืนตัวสั่น ใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาแข็งกร้าว

  เป๊าะ !

  นางโกรธมากถึงขนาดเผลอออกแรงที่มือจนทำให้ด้ามพัดหักครึ่งต่อหน้าทุกคน และแสดงอาการเกิดอาการหึงหวงไม่พอใจเป็นที่สุด

  ผู้เป็นบุตรีได้หันไปมองหน้าบิดา และเผยความรู้สึกข้างในใจที่อยู่ในตอนนี้ผ่านดวงตาดุดันคู่นั้น ว่านางต้องการให้เขาตัดสินกระทำบางอย่างเพื่อปกป้องตน

  เยี่ยอ๋องรักและหวงแหนธิดาของตนเป็นที่สุด เมื่อมองเห็นแววตาโกรธขึ้งและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดใจของนาง เขาก็มิอาจจะทนอยู่นิ่งเฉยได้ จึงชี้ปลายพัดในมือไปยังฟ่งหลันหลั่น และกล่าวตะคอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

  "บัดซบ! เจ้าเป็นเพียงแค่ทาสชั้นต่ำ กล้าทำร้ายคนในจวนอ๋องยังไม่พอ ยังอวดดีต่อปากต่อคำหยามเกียรติตระกูลเยี่ยของข้า การกระทำนี้ช่างรุนแรงนัก เพราะเท่ากับว่าเจ้าได้หยามเกียรติองค์ฮ่องเต้เช่นกัน เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและมิเกรงกลัวต่ออาญาแผ่นดินเสียเหลือเกิน หากวันนี้ข้าไม่ได้เห็นเจ้าถูกลงโทษ ข้าคงไม่อาจจะเป็นอ๋องได้อีกต่อไป"

  เยี่ยอ๋องกระทำเรื่องเล็กให้เป็นเยี่ยงนั้นเพื่อตั้งใจเรียกความสนใจจากผู้คน รวมทั้งแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานวันนี้ ให้มารวมตัวกันตรงศาลาเรือนน้ำ และเขาจะฉวยโอกาสนี้เป็นข้ออ้างเรียกร้องบางอย่างจากหลงอี้หลิง ในการแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น

  จางเก่อและเข่อลั่วเผยสีหน้าตกใจเพราะทั้งสองคนกลัวว่าฟ่งหลันหลั่นจะถูกลงโทษจริง ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น นายน้อยของพวกเขาคงมิแคล้วจะต้องมีเรื่องกับคนในจวนอ๋องแห่งนี้จริง ๆ

  หลงอี้หลิงรู้ดีว่าหากปล่อยให้เยี่ยอ๋องกระทำการได้ตามใจของเขา สตรีน้อยก็คงต้องถูกลงทัณฑ์หนักอย่างแน่นอน และเขาก็มิอาจปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับคนของเขาได้ จึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม

  เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ของจวนอ๋องเดินหน้าตาขมึงทึง ถือไม้โบยด้ามใหญ่เข้ามาสมทบอย่างรวดเร็วราวกับเตรียมการล่วงหน้ารอไว้ก่อนนานแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปแย่งไม้นั้นจากบ่าวรับใช้มาถือไว้ในมือ

  หลงอี้หลิงรู้ดีว่าเยี่ยอ๋องผู้นี้รักธิดาคนสุดหัวใจ เมื่อโดนข่มขู่เช่นนั้น เขาเองก็คงจะไม่ยอมยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเช่นกัน แม่ทัพหนุ่มจึงชิงพูดเสียงกร้าวขึ้นอย่างดุดัน

  "นังหนูคนนี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะลงโทษนางได้ คนอื่น! ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องนาง"

  ทุกคนตรงนั้นพอได้ยินถ้อยคำนี้ของแม่ทัพหนุ่ม ต่างก็เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า สตรีนางนี้แท้จริงแล้วคงมิได้มีฐานะเป็นเพียงแค่สาวใช้ส่วนตัวของเขาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากสกุลหลงและองค์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็ไม่เคยประกาศกร้าวต่อผู้คน และแสดงตนปกป้องใครเยี่ยงนี้มาก่อน

....

เซียงไค 盛開