ศาลาเรือนน้ำ
ต่อจากนั้นหลงอี้หลิงก็ได้พยุงตัวฟ่งหลันหลั่นให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองทางธิดาอ๋อง ผู้เป็นเจ้าของงานวันเกิด นัยน์ตาสีดำนิลกรุ่นโกรธเบิกกว้างขึ้นจ้องมองคนเบื้องหน้าอย่างดุดัน และกล่าวถามเสียงเข้ม
"คุณหนูเยี่ย! มิทราบว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบนศาลาแห่งนี้กัน ถึงขนาดที่คนของข้าต้องเลือดตกไหลยางออกอาบมือเช่นนี้"
ธิดาอ๋องและสาวใช้ รวมถึงบรรดาสตรีคนอื่น ๆ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ถึงกับสะดุ้งตัวโหยงและพลันรู้สึกหนาวสะท้านเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูกดำ จนจับขั้วหัวใจ ทั้ง ๆ ที่มีเม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า
ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างที่สุดของแม่ทัพหนุ่มผ่านดวงตาคมกริบน่ากลัวคู่นั้น กระแสโทสะรุนแรงกำลังแผ่ซ่านออกมาจากคนผู้นี้
เยี่ยชิงเซียวผู้หยิ่งยโสทระนงในตนเอง พยายามข่มความกลัวไว้ในใจ ตอบเลี่ยงเฉไฉ โดยพยายามใช้น้ำเสียงอันแข็งกร้าว และแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมา
"ข้ามิได้ทำอะไรผิด นางข้าทาสผู้นี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ข้าเพียงแค่ขอร้องให้ช่วยถือของไว้ชั่วประเดี๋ยว แต่นางกลับทำของสำคัญของข้าหล่นลงพื้นจนแตกเสียหายอย่างที่เห็น"
คุณหนูผู้สูงศักดิ์ยืนเชิดใบหน้าขึ้นสูงและกล่าวอย่างมั่นหน้า พลางหยุดพูดครู่หนึ่งและเบนสายตามองไปอุ้งมือน้อยของคู่กรณี
"และแผลนั่น...นางก็ทำตัวเอง"
ธิดาอ๋องหวังจะกลบเกลื่อนความผิดของพวกตน อีกทั้งยังเจตนาตั้งใจใส่ร้ายโยนความผิดให้กับอีกฝ่ายแทน
ฟ่งหลันหลั่นผู้ซื่อสัตย์และรักในความยุติธรรม ได้ฟังธิดาอ๋องโต้แย้ง แม่ทัพหนุ่มกลับมาอย่างทระนงตนเยี่ยงนั้น ไฉนเลยนางจะยืนทนฟังเฉย ๆ และปล่อยให้คนอื่นใส่ความอยู่ฝ่ายเดียว
"ไม่จริง! ข้าหาได้เป็นคนเริ่มก่อนไม่...ธิดาอ๋องเยี่ยงท่าน มีฐานะและบรรดาศักดิ์เป็นถึงเชื้อพระวงศ์ แต่เหตุไฉนถึงได้กล่าวคำโป้ปดมดเท็จใส่ความผู้อื่นหน้าด้าน ๆ กันเล่า"
สาวใช้คนสวยของแม่ทัพหนุ่มตอบโต้สวนกลับธิดาอ๋องอย่างฉะฉาน ไร้ความเกรงกลัวต่ออำนาจของฝ่ายตรงข้าม
ถงเสี่ยวเถา สาวใช้ของเยี่ยชิงเซียวรู้สึกโกรธแทนเจ้านายของตน จึงเกิดลืมตัวไปชั่วขณะ นางยกมือขึ้นชี้หน้าและตะคอกเสียงดังด่าทอฟ่งหลันหลั่นสวนกลับไปอย่างกราดเกรี้ยวต่อหน้าแม่ทัพหนุ่ม
"บังอาจ! เจ้าเป็นแค่ข้ารับใช้ ถือดียังไงถึงได้กล้ามาลบหลู่หมิ่นเกียรติและกล่าววาจาลามปามตีตนเสมอคุณหนูของข้า"
แค่คำพูดตะคอกด่าทอธรรมดา ๆ มีหรือสตรีน้อยแห่งจวนแม่ทัพจะสะทกสะท้านหรือเกรงกลัว กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกขำและสมเพชพวกเขาเสียมากกว่า
หลงอี้หลิงกำหมับแน่นและทำตาโกรธขึ้งให้กับสาวใช้ของธิดาอ๋องทันที ในจังหวะที่เขาจะกล่าวขึ้น ก็ถูกฟ่งหลันหลั่นชิงพูดตัดหน้าก่อน
หึ! หึ!
สตรีน้อยหัวเราะในลำคอ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนตรงมุมปากบนดวงหน้างาม
"ช่างสมเพชความคิดและแผนการต่ำ ๆ นั้นเสียจริง! พวกท่านต่างหากที่เป็นคนเอาสิ่งของที่ชำรุดแตกเสียหายอยู่แล้วมาให้ข้าช่วยถือ แถมยังตั้งใจผลักตัวข้าให้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นตรงนั้น จนมือน้อย ๆ ของข้ามีสภาพอย่างที่เห็น"
สาวใช้ของเยี่ยชิงเซียวรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าและลำตัว กลับคำกล่าวของคู่กรณีที่โต้แย้งสวนมาไม่หยุดปาก นางก็เผยท่าทีร้อนตัวออกมา เพราะกลัวว่าแผนการของพวกนางจะถูกจับได้ จึงรีบออกตัวปกป้องผู้เป็นนายสาวอีกครั้ง
"ยังสามหาวไม่เลิกสินะ! จะให้ข้าพูดย้ำอีกกี่ครั้ง เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ผู้ต่ำต้อยแต่กลับกล้ากล่าวร้ายใส่ความคุณหนูของข้าเยี่ยงนี้ ผู้เป็นถึงธิดาของเยี่ยอ๋อง ซึ่งไม่ต่างจากการหมิ่นเบื้องสูง คอยดูเถอะ ท่านอ๋องมิปล่อยเจ้าไว้แน่"
พอสาวใช้กล่าวจบ เยี่ยชิงเซียวก็รับไม้ต่ออย่างรู้ใจ
จู่ ๆ ธิดาอ๋อง ซึ่งยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก็จับท่อนแขนของตัวเองและแสดง สีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
โอ๊ย!
และดูเหมือนว่าแผนเรียกร้องความเห็นใจของนางจะได้ผล
เยี่ยอ๋องซึ่งยืนมองดูสถานการณ์นั้นทางด้านนอกศาลาเรือนน้ำอยู่นานแล้ว และพอเห็นว่าธิดาของตนมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น ด้วยความรักและความเป็นห่วง เขาจึงรีบเดินตรงปรี่เข้ามาตรงจุดเกิดเหตุทันที โดยมีขุนนางคนสนิท ประกบตามหลังมาติด ๆ
"เซียวเอ๋อร์ ลูกได้รับบาดเจ็บงั้นรึ"
ผู้เป็นบิดาเดินเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของบุตรี และถามไถ่อย่างกังวล
พอได้ดูใกล้ ๆ ด้วยสองตา เยี่ยอ๋องกลับไม่เห็นร่องรอยของบาดแผลใหญ่โต นอกจากรอยขีดข่วนและริ้วรอยแดงปื้นของฝ่ามือบนดวงหน้างาม เพียงแค่นั้นมันก็สามารถทำให้อารมณ์โกรธเกรี้ยวของเขาระเบิดออกมา
"ใครมันบังอาจมาทำร้ายธิดาของข้า!"
เยี่ยชิงเซียวเริ่มตีหน้าเศร้า กล่าวคำเท็จเพิ่มมากขึ้นไม่หยุดปาก และแสร้งทำทีเป็นปวดท่อนแขนจนยกไม่ขึ้น
"ลูกรู้สึกปวดไปหมดทั้งตัวเลย ท่านพ่อต้องจัดการเรื่องนี้ให้ลูกด้วย ไม่งั้นลูกไม่ยอมเด็ดขาด"
ธิดาอ๋องกระทำเช่นนี้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจและความสงสารจากทุกคนในศาลาเรือนน้ำ แต่ลับหลังสายตาของผู้อื่น นางกลับแอบแลบลิ้น ปลิ้นตา เย้ยหยันฟงหลันหลั่นอย่างสะใจ
การกระทำนั้นของคุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็หาได้รอดพ้นสายตาของหลงอี้หลิงและนายกองคนสนิทของเขาไม่
เยี่ยอ๋องเห็นเพียงรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนหลังมือขาวผ่อง และรอยแดงปื้นบนดวงหน้างามของธิดา เขาก็รู้ได้ทันทีว่านางต้องโกหกเขาเป็นแน่ แต่ด้วยความรักลูกและไม่อยากให้นางอับอายต่อหน้าแขกเหรื่อ จึงได้ไหลตามน้ำ เขาจึงหันหน้าออกไปทางนอกศาลาเรือนน้ำ และตะโกนเสียงดังสั่งให้บ่าวรับใช้มาจับตัวคนผิดเอาไว้
"พวกเจ้า...มีใครอยู่แถวนี้บ้าง! รีบมาจับสาวใช้นางนี้ไปโบยหลังเดี๋ยวนี้!"
แม่ทัพหนุ่มมองสถานการณ์ตรงหน้าออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เห็นได้ชัดเจนว่าสาวใช้ของตนกำลังถูกใส่ความ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี ถ้าหากต้องมีเรื่องผิดใจกับจวนอ๋องแห่งนี้ เขาจึงได้ตัดสินกล่าวบางอย่างออกมา ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจฟ่งหลันหลั่นเท่าใดนัก
"ช้าก่อนท่านอ๋อง...เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของข้าเอง..."
ฟ่งหลันหลั่นได้ยินแม่ทัพหนุ่มกล่าวออกตัวรับผิดแทนตนเยี่ยงนั้น นางก็พูดแทรกขึ้นอย่างไม่พอใจทันที
"นายน้อยข้าไม่ได้..." แต่แม่ทัพหนุ่มก็ไม่ยอมให้นางมีโอกาสได้พูดในสิ่งที่ต้องการเช่นกัน เขายกมือขึ้นปิดปากนางเพื่อปรามทันที
สาวใช้จำต้องเงียบเสียงลงและยืนฟังนิ่ง ๆ แม้อารมณ์โกรธข้างในใจกำลังเดือดพล่านอยู่
ส่วนสองพ่อลูกตระกูลเยี่ย ต่างก็รอฟังแม่ทัพหนุ่มอย่างตั้งใจ
เยี่ยอ๋องได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ และฉวยโอกาสนั้นกล่าวเสริมเติมแต่งสถานการณ์เพื่อให้ตัวเองและบุตรีเป็นฝ่ายได้เปรียบ
"เหตุใดท่านแม่ทัพถึงได้กล่าวออกตัวรับผิดแทนสาวใช้ผู้นี้กันเล่า ในเมื่อคนที่ทำผิดคือนาง ท่านไม่กลัวผู้คนจะครหาหรือว่าแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว กำลังปกป้องคนผิดอยู่"
เยี่ยชิงเซียวถือโอกาสนั้นรีบกล่าวเสริมขึ้นอย่างถือดี เพราะมีบิดาคอยให้ท้ายอยู่นั่นเอง
"ลำพังตัวลูกไม่เท่าไร แต่นางข้าทาสต่ำต้อยผู้นี้ หมิ่นศักดิ์ศรีในฐานันดรของลูก นั่นก็เท่ากับว่าเป็นการลบหลู่หยามเกียรติอ๋องของท่านพ่อด้วยเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่ลูกมิอาจยอมได้"
ระหว่างการสนทนาที่โต้ตอบอย่างดุเดือดนี้ บนศาลาเรือนน้ำหรือแม้แต่คนที่ยืนดูอยู่ด้านนอกศาลา ต่างก็พากันปิดปากเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอความคิดเห็นหรือกล่าวถ้อยคำใดออกมา
หยวนจูวเย่ยืนมองดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ แม้ว่าใจเขาอยากจะยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือต่อฟ่งหลันหลั่นยิ่งนัก แต่ก็ถูกคนสนิทของเขาห้ามปรามเอาไว้ เพราะไม่งั้นจะเดือดร้อนไปถึงบิดาของเขาได้
'แม่นางฟ่ง เจ้าจะเอาตัวรอดต่อยังไงดี เจ้าได้ไปเหยียบจมูกเสือเข้าเสียแล้ว หวังว่าแม่ทัพหนุ่มของเจ้า จะช่วยปกป้องชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าเอาไว้ได้นะ'
วกกลับมายังภายในศาลาเรือน
แม่ทัพหนุ่มได้ฟังสองพ่อลูกกล่าวผสมโรงกันอย่างเข้าขากัน และถ้อยคำของพวกเขา ทำให้แม่ทัพหนุ่มเกือบขาดสติ แววตาดุดัน ใบหน้าขึงขังจริงจังเผยขึ้นอย่างฉับพลัน
"...ข้าต้องขออภัยท่านอ๋องและธิดาด้วย หากสาวใช้ของข้ากระทำการเสียมารยาทและได้ล่วงเกินหมิ่นเกียรติคนตระกูลเยี่ย คงเป็นที่ตัวข้าสั่งสอนและดูแลคนไม่ดีพอ ดังนั้นหากท่านอ๋องคิดจะลงโทษ คนผู้นั้นย่อมควรจะเป็นข้าเอง"
เขาออกตัวยอมรับผิดทั้งหมดแทนสาวใช้ส่วนตัว ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไร
เยี่ยชิงเซียวเห็นหลงอี้หลิงพยายามปกป้องสาวใช้อย่างออกหน้าออกตา โดยไม่ว่าหน้าตนเยี่ยงนี้ นางยิ่งไม่พอใจและโกรธเขาหนักมากขึ้น
"นี่ท่านแม่ทัพยังคิดจะปกป้องคนผิด และรับโทษแทนนางอย่างงั้นรึ" และพลันหันไปมองทางบิดาของตน ด้วยสายตาร้องขอ
"ท่านพ่อ ถ้าท่านไปจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ข้าจะโกรธท่านและจะไม่ยอมพูดกับท่านอีกเลย" ธิดาอ๋องถึงกับใช้ไม้ตาย กล่าววาจาขู่บิดาต่อหน้าผู้คนมากมาย ณ ที่ตรงนั้น
หลงอี้หลิงเป็นห่วงและกังวลใจว่าการรู้ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของคนในเมืองหลวงของฟ่งหลันหลั่น จะนำภัยร้ายมาสู่ตัวนางเอง แถมตอนนี้ดูท่านางอาจคงจะลืมไปว่าตัวเองได้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว ดังนั้นเขาจึงได้คว้ามือของสาวใช้ไว้หมับและออกแรงกุมแน่น พร้อมกับส่งสายตาให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ลงและปล่อยเรื่องทุกอย่างให้เขาจัดการเอง
ฟ่งหลันหลั่นยังคงแสดงสีหน้าโกรธขึ้งและพร้อมจะมีเรื่องอยู่ตลอดเวลา และนางไม่ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะการกระทำของตน แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ก็ตาม จึงพูดสวนขึ้นมาอย่างเดือดดาลทันที
"ข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิด เหตุใดนายน้อยจะต้องกล่าวคำขอโทษและยอมรับผิดแทนข้าด้วย คนสูงศักดิ์พวกนั้นต่างหากที่ใส่ความข้าและหาเรื่องข้าก่อน"
สตรีน้อยกล่าวโต้แย้งอย่างฉะฉาน แต่พอหันไปเห็นสายตาที่เขามองมาอย่างมีนัย ทำให้นางก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ แม้จะยังรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ก็ยอมเงียบลงตามที่เขาต้องการ
เยี่ยอ๋องและธิดาของเขา ยืนสังเกตท่าทางห่วงใยและเป็นกังวลใจของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งแสดงออกต่อสาวใช้ส่วนตัวอย่างชัดเจนต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยไม่สนใจสายตาของคนตรงนั้น
สองพ่อลูกจึงเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองใจและเหมือนถูกหยามเกียรติ เพราะคนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าตระกูลเยี่ยต้องการสานสัมพันธ์กับตระกูลหลงมาโดยตลอด
โดยเฉพาะเยี่ยชิงเซียว ธิดาอ๋องยืนตัวสั่น ใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาแข็งกร้าว
เป๊าะ !
นางโกรธมากถึงขนาดเผลอออกแรงที่มือจนทำให้ด้ามพัดหักครึ่งต่อหน้าทุกคน และแสดงอาการเกิดอาการหึงหวงไม่พอใจเป็นที่สุด
ผู้เป็นบุตรีได้หันไปมองหน้าบิดา และเผยความรู้สึกข้างในใจที่อยู่ในตอนนี้ผ่านดวงตาดุดันคู่นั้น ว่านางต้องการให้เขาตัดสินกระทำบางอย่างเพื่อปกป้องตน
เยี่ยอ๋องรักและหวงแหนธิดาของตนเป็นที่สุด เมื่อมองเห็นแววตาโกรธขึ้งและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดใจของนาง เขาก็มิอาจจะทนอยู่นิ่งเฉยได้ จึงชี้ปลายพัดในมือไปยังฟ่งหลันหลั่น และกล่าวตะคอกขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
"บัดซบ! เจ้าเป็นเพียงแค่ทาสชั้นต่ำ กล้าทำร้ายคนในจวนอ๋องยังไม่พอ ยังอวดดีต่อปากต่อคำหยามเกียรติตระกูลเยี่ยของข้า การกระทำนี้ช่างรุนแรงนัก เพราะเท่ากับว่าเจ้าได้หยามเกียรติองค์ฮ่องเต้เช่นกัน เจ้าช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและมิเกรงกลัวต่ออาญาแผ่นดินเสียเหลือเกิน หากวันนี้ข้าไม่ได้เห็นเจ้าถูกลงโทษ ข้าคงไม่อาจจะเป็นอ๋องได้อีกต่อไป"
เยี่ยอ๋องกระทำเรื่องเล็กให้เป็นเยี่ยงนั้นเพื่อตั้งใจเรียกความสนใจจากผู้คน รวมทั้งแขกเหรื่อที่มาร่วมในงานวันนี้ ให้มารวมตัวกันตรงศาลาเรือนน้ำ และเขาจะฉวยโอกาสนี้เป็นข้ออ้างเรียกร้องบางอย่างจากหลงอี้หลิง ในการแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จางเก่อและเข่อลั่วเผยสีหน้าตกใจเพราะทั้งสองคนกลัวว่าฟ่งหลันหลั่นจะถูกลงโทษจริง ๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น นายน้อยของพวกเขาคงมิแคล้วจะต้องมีเรื่องกับคนในจวนอ๋องแห่งนี้จริง ๆ
หลงอี้หลิงรู้ดีว่าหากปล่อยให้เยี่ยอ๋องกระทำการได้ตามใจของเขา สตรีน้อยก็คงต้องถูกลงทัณฑ์หนักอย่างแน่นอน และเขาก็มิอาจปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับคนของเขาได้ จึงจำเป็นต้องตัดไฟแต่ต้นลม
เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ของจวนอ๋องเดินหน้าตาขมึงทึง ถือไม้โบยด้ามใหญ่เข้ามาสมทบอย่างรวดเร็วราวกับเตรียมการล่วงหน้ารอไว้ก่อนนานแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปแย่งไม้นั้นจากบ่าวรับใช้มาถือไว้ในมือ
หลงอี้หลิงรู้ดีว่าเยี่ยอ๋องผู้นี้รักธิดาคนสุดหัวใจ เมื่อโดนข่มขู่เช่นนั้น เขาเองก็คงจะไม่ยอมยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเช่นกัน แม่ทัพหนุ่มจึงชิงพูดเสียงกร้าวขึ้นอย่างดุดัน
"นังหนูคนนี้ มีเพียงข้าเท่านั้นที่จะลงโทษนางได้ คนอื่น! ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องนาง"
ทุกคนตรงนั้นพอได้ยินถ้อยคำนี้ของแม่ทัพหนุ่ม ต่างก็เข้าใจไปในทิศทางเดียวกันว่า สตรีนางนี้แท้จริงแล้วคงมิได้มีฐานะเป็นเพียงแค่สาวใช้ส่วนตัวของเขาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากสกุลหลงและองค์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็ไม่เคยประกาศกร้าวต่อผู้คน และแสดงตนปกป้องใครเยี่ยงนี้มาก่อน
....
เซียงไค 盛開