webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๒๕ ร่วมงานเฉลิมฉลองวันเกิดธิดาอ๋อง

ณ จวนเยี่ยอ๋อง

และแล้ววันงานเฉลิมฉลองครบรอบวันเกิดให้กับธิดาอ๋องก็มาถึง

ขุนนางใหญ่น้อยในราชสำนักรวมไปถึงเหล่าผู้ดีจากตระกูลสูงศักดิ์และพ่อค้าผู้มีฐานะร่ำรวยจากร้านค้าต่าง ๆ ในเมืองหลวงที่ได้รับเทียบเชิญ ต่างก็พากันทยอยเดินทางเข้ามาภายในงานฉลองนี้ พร้อมกับเหล่าผู้ติดตามของพวกเขาก็ได้หอบของขวัญอันมีค่ามามอบให้กับเจ้าภาพอย่างล้นหลาม เพื่อหวังแสดงความยินดีและสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดีต่อเยี่ยอ๋องและธิดา

เยี่ยอ๋องบุรุษผู้อยู่ในวัยห้าสิบกว่า บุคลิกภายนอกดูสุขุม ใจเย็น และสง่า ซึ่งในครั้งอดีตเขาเคยเป็นผู้ที่ถูกวางตัวให้สืบทอดราชบัลลังก์อีกหนึ่งคน แต่สุดท้ายแล้วคนที่เหมาะสมและได้รับเลือกที่สุดก็คือฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

ผู้เป็นนายใหญ่ของจวนอ๋องเรือนนี้ กำลังยืนยิ้มแก้มปริจนหน้าบาน ต้อนรับแขกเหรื่อที่ทยอยเข้ามาร่วมงาน อยู่ตรงลานด้านหน้าของจวนอย่างอิ่มเอมใจกับสิ่งของที่พวกเขานำมาร่วมแสดงความยินดีต่อธิดาของตน

โดยข้างกายเขานั้นยังมีขุนนางคนสนิทของเยี่ยอ๋อง ซ่งเฉาเกา ยืนประกบข้างคอยต้อนรับแขกอยู่อีกแรง ซึ่งคนผู้นี้มีตำแหน่งขุนนางขั้นสามในกรมโยธาธิการ ประดับบารมีของเขาอยู่

"ท่านอ๋องคิดว่าหลงอี้หลิงผู้นั้นจะมาร่วมงานของคุณหนูในวันนี้หรือไม่ขอรับ" ขุนนางในวัยกลางคนเอ่ยถามเยี่ยอ๋องอย่างสนใจในคำตอบ

เยี่ยอ๋องยังคงยืนต้อนรับแขกเหรื่อด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสอารมณ์ดี และไม่ได้ตอบคนสนิทข้างกายในทันควัน แต่พอจังหวะเป็นช่วงรอยต่อที่ไม่มีแขกตรงหน้า เขาก็พลันเปลี่ยนสีหน้าเป็นนิ่งขรึมจริงจัง และหันไปหาเจ้าของคำถาม

"ข้าก็หวังว่าเขาจะมา แผนการของพวกเราจะได้ดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น ว่าแต่ทางพวกท่านเองเถอะ ตระเตรียมการทุกอย่างไว้เรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่"

เยี่ยอ๋องย้อนถามกลับซ่งเฉาเกาด้วยถ้อยคำราบเรียบ หากแต่น้ำเสียงของเขาแฝงความคิดบางอย่างไว้ซ่อนในแววตานิ่งคู่นั้น และทันทีที่มีแขกกลุ่มใหม่เดินเข้ามาหา เขาก็รีบสลับสีหน้าและอารมณ์หันกลับไปยิ้มหน้าบานแก้มปริกล่าวต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน

ในขณะที่ขุนนางคนนั้นรอจังหวะที่จะตอบคำถามของเยี่ยอ๋อง สายตาเขาก็พลันเหลือบมองไปเห็นบุคคลที่พวกเขากำลังกล่าวถึง ได้เดินก้าวเท้าข้ามธรณีประตูใหญ่ของจวนเยี่ยอ๋องเข้ามาบริเวณภายในงานพอดิบพอดี

ซ่งเฉาเกาจึงรีบปรับสีหน้าและท่าทางของตนซ่อนความรู้สึกจริงเก็บไว้ข้างใน พร้อมกับพูดสะกิดกับเยี่ยอ๋องเบา ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัวเช่นกัน

"ท่านอ๋อง ดูเหมือนคนที่พวกเรารอคอยอยู่ จะเดินเข้ามาโน่นแล้ว"

เยี่ยอ๋องได้ฟังดังนั้นก็ได้ก็รีบตัดจบบทสนทนากับแขกตรงหน้า พร้อมกับเรียกให้บ่าวมารับช่วง เชิญแขกเข้าไปนั่งรอในเรือนใหญ่ จากนั้นเขาก็เบนสายตาหันไปยังตรงประตูใหญ่ทางเข้าจวน

หลงอี้หลิงแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรเป็นที่ชื่มชมของคนดี แต่สำหรับคนชั่ว เขาคือศัตรูตัวฉกาจ ที่อีกฝ่ายจะต้องยำเกรง ข้างกายยังมีทหารนายกองคนสนิทสองนาย ซึ่งฝีมือด้านการศึกก็เก่งกาจพอตัวเช่นกัน แต่ครั้งนี้มีสิ่งหนึ่งที่ต่างออกไปจากทุกครั้ง ซึ่งทำให้ผู้คนภายในงานเลี้ยงแห่งนี้เห็นแล้ว ต่างก็พากันให้ความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก

โฉมสะครวญยืนเด่นเคียงข้างกายแม่ทัพหนุ่ม เรือนผมสีดำน้ำหมึกถูกเกล้าขึ้นสูง และรัดด้วยเหมยกุ้ยฮัวสีขาว[1]ชุดผ้าแพรเกาะอกสีเหลืองอ่อน ตรงกลางปักดอกหงส์ฟู่ว่าสีขาวด้วยเส้นไหมสีขาวราวหิมะแรก แซมด้วยเกสรส้มอ่อน สวมทับด้วยเสื้อคลุมแพรไหมสีขาวขุ่นเล็กน้อย ลวดลายบน เสื้อคลุมล้วนถูกปักลวดลายเดียวกัน

[1] เหมยกุ้ยฮัว คือดอกกุหลาบ

มีผ้าแถบสีเหลืองทองคาดเอวคอดกิ่ว สวยหรูโดดเด่น ความงามนี้เทียบเท่าหรืออาจจะเลอโฉมกว่าสตรีนางอื่นภายในงาน ซึ่งทุกนางล้วนแต่งตัวจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ

เยื้องถัดไปทางด้านหน้าของจวนหลัก คุณชายสามคนแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่ดูมีราคา ซึ่งยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่ก่อนหน้านี้ก็ได้หันมามองทางด้านกลุ่มของหลงอี้หลิงอย่างอกสนใจเช่นกัน

คนที่ยืนกอดอกอยู่เป็นคนแรกที่เปิดประเด็นการสนทนาเรื่องใหม่นี้ขึ้นมา "พวกท่านดูนั่นสิ! วันนี้แม่ทัพหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นโหย่วของเรา ก็มาร่วมงานวันเกิดของคุณหนูเยี่ยด้วย" น้ำเสียงของบุรุษผู้นี้ฟังแล้วเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบใจในตัวแม่ทัพหนุ่มผู้นี้สักเท่าไร

คุณชายคนที่สาม รูปร่างผอมบางคล้ายสตรี และชอบจับที่เรือนผมของตัวเองอยู่บ่อยครั้งเวลาเกิดสนใจอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา ได้กล่าวเสริมขึ้นเช่นกัน

"ใช่จริงอย่างที่ท่านพูดมา ปกติแล้วแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่เคยยอมให้สตรีนางใดเดินเคียงข้างเขาเยี่ยงนี้เลยสักครา แต่สตรีผู้ที่กำลังเดินอยู่ข้างกายเขาผู้นั้น..."

คุณชายคนที่สามเขาถือพัดในมือและโบกพัดไปมาสองที ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างสุขุม ดวงตาจ้องมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังพูดถึงอย่างพินิจพิจารณา

"นั่นไม่เท่าไรหรอก แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น สตรีน้อยดวงหน้างามสดใสน่ารัก แต่งกายด้วยอาภรณ์ผ้าแพรหรูหราของหอหงอี้ ซึ่งฝีมือช่างที่ปักลายเหมยกุ้ยฮัวลงบนชุดนี้อย่างประณีตและราคาก็แสนแพงมาก นางเป็นผู้ใดกันนะ"

หลังจากที่คุณชายทั้งสามคนกล่าวจบ ก็ตามมาด้วยเสียงซุบซิบพูดคุยของแขกเหรื่อคนอื่น ๆ ที่มาร่วมงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นดังขึ้น ทุกคนต่างพากันสงสัยและแปลกใจ ในความสัมพันธ์ของแม่ทัพหนุ่มกับสตรีข้างกายเขา ยิ่งนัก

แม้แต่หยวนจูวเย่ ที่วันนี้เขาเองก็ได้รับเทียบเชิญให้มาร่วมฉลองงานวันเกิดของธิดาอ๋องในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เมื่อได้พบกับฟ่งหลันหลั่นอีกครั้งที่นี่อย่างไม่คาดฝัน เขาถึงกับตะลึงงันในความงามสง่าของบุปผาแรกแย้มตรงหน้า ไม่ต่างจากบุรุษคนอื่น ๆ

ดวงหน้างามได้สะกดสายตาของบรรดาหนุ่มน้อยใหญ่ภายในงานต่างหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน โดยเฉพาะสายตาหวานฉ่ำของหยวนจูวเย่ที่จับจ้องมองมา

หลงอี้หลิงชักสีหน้าบึ้งตึงและโกรธขึ้นมาในบัดดล ตอนนี้เขาแทบจะสะกดกลั้นอารมณ์โมโหที่กำลังเดือดพล่านขึ้นมาในหัวให้สงบลงได้ อาการขุ่นเคืองไม่พอใจและความรู้สึกหวงแหนในสิ่งที่เป็นของตนอย่างยิ่งยวด ทำให้เข่าหันไปพาลลูกน้องคนสนิทและเอ่ยถามเสียงดุอย่างหงุดหงิดใจ

"จางเก่อ ข้าอุตส่าห์วางใจให้เจ้าเป็นผู้พานางไปซื้อเลือกชุดอันเหมาะสมและยังกำชับว่าต้องไม่เป็นที่สะดุดตาของคนอื่น แล้วเจ้ากลับได้ชุดอะไรมาให้นางสวมใส่กัน ถึงทำให้ผู้คนมองมาเป็นสายตาเดียวกันเช่นนี้"

เข่อลั่ว จางเก่อ และฟ่งหลันหลั่นถึงกับหันมองหน้ากันและงงในถ้อยคำกล่าวนั้นของแม่ทัพหนุ่ม อีกทั้งยังแปลกใจในท่าทีบึ้งตึงไม่พอใจของเขาที่แสดงออกมาโดยไม่มีสาเหตุ

สตรีน้อยจึงก้มลงมองสำรวจอาภรณ์ที่สวมใส่อยู่อีกครั้ง แต่ก็ไม่พบเห็นข้อผิดพลาดหรือความไม่เหมาะสมอันใดบนเรือนร่างของตน จึงเงยหน้าขึ้นถามอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

"ข้าไม่เห็นว่าอาภรณ์ชุดนี้จะมีอะไรที่แปลกประหลาดหรือไม่เหมาะสมตรงไหนเลย แม้สีจะไม่ฉูดฉาดนักแต่การตัดเย็บและฝีมือการปัก ช่างละเอียดและประณีตมาก ส่วนเรื่องความหรูหรารวมทั้งคุณภาพก็ไม่แพ้อาภรณ์ของคุณหนูสูงศักดิ์พวกนั้น อีกอย่างข้าก็ชอบชุดที่ท่านจางเก่อเลือกให้ด้วย ท่านกลัวว่าจะสวยกว่าสตรีในดวงใจของท่านอย่างเช่นธิดาผู้สูงศักดิ์ เจ้าของงานวันเกิดวันนี้กระนั้นหรือ"

ฟ่งหลันหลั่นกล่าวร่ายยาว ทว่าคำพูดประโยคสุดท้ายของนาง ดันไปสะกิดความรู้สึกบางอย่างในใจของหลงอี้หลิงเข้า ทำให้เขาหันมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงไม่สบอารมณ์ แววตาแข็งกร้าวใส่นางอย่างโกรธขึ้ง

ทั้งคู่ยืนจ้องหน้าสบตากันด้วยสายตาดุดันไม่มีใครยอมใคร ท่ามกลางความอึดอัดและกระอักกระอ่วนใจของนายกองทั้งสอง ซึ่งยืนขนาบข้างพวกเขาอยู่ เพราะไม่รู้จะเข้าข้างใครดี

...

เซียงไค 盛開