ชายป่าไผ่นอกเมืองจิ่ว
ณ ชายป่าไผ่ซึ่งห่างจากกระท่อมของฟ่งหลันหลั่นมาไม่ไกลมากนัก เสียงลำไผ่เอนตัวเคลื่อนไหวไปตามสายลม ดังแว่วท่วงทำนองคล้ายเสียงขลุ่ย
ฟ่งหลันหลั่นหอบร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บและสะบักสะบอมจากการต่อสู้จากศัตรู วิ่งหนีมาจนถึง ณ กลางป่าไผ่ ซึ่งห่างจากกระท่อมไม้ไผ่ประมาณสิบจั้ง[1] ในใจของนางยังคงครุ่นคิดหนักถึงสาเหตุการตายของตาเฒ่าฟ่งอยู่ตลอดเวลา
"ตาเฒ่า! ข้าสัญญา ว่าจะสืบหาความจริงเรื่องการตายของท่านและก็ความลับที่ท่านซ่อนไว้มานานหลายปีให้กระจ่างอย่างแน่นอน"
[1] 1 จั้ง ประมาณ 3.33 เมตร
ทางด้านกลุ่มพวกอันธพาลได้แกะรอยตามรอยเลือด ซึ่งหยดเป็นทางยาวไล่หลังสตรีน้อยมาติด ๆ
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลแหกปากตะโกนเสียงดังลั่นกลางป่าไผ่ น้ำเสียงเย้ยหยัน โดยเฉพาะท่าทีช่างเกรี้ยวกราดและใบหน้าหิวกระหายการฆ่าฟันยิ่งนัก
"ฟ่งหลันหลั่น! อย่าพยายามฝืนอีกเลย ไม่ว่ายังไงวันนี้เจ้าก็ไม่มีทางหนีพ้นเงื้อมมือของข้าไปได้"
ห่างออกไปราวครึ่งลี้[1] แม่ทัพหลงอี้หลิง พร้อมด้วยเหล่าทหารของเขา ได้ควบม้ามาถึงตรงป่าโปร่งรอบนอกป่าไผ่พอดี
จางเก่อสังเกตเห็นแต่ไกลว่ามีควันไฟกลุ่มใหญ่กำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทางป่าไผ่ด้านหน้า เขาจึงกล่าวขึ้นกับแม่ทัพหนุ่ม พร้อมกับชี้มือไปตามทิศทางนั้น
"นายน้อย! ท่านดูนั่น ควันไฟสีดำจำนวนมากกำลังพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ข้าเกรงว่าป่าไผ่ทางด้านหน้าคงเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น"
เข่อลั่วได้ฟังก็รีบแหงนหน้าขึ้นมองตามอย่างรวดเร็ว พลันเผยสีหน้ากังวลใจขึ้นมาในทันที
"แย่ละสิ! นายน้อย หากข้าจำไม่ผิดละก็ ป่าไผ่ทางด้านหน้านั้น เห็นจะเป็นตำแหน่งของกระท่อมน้อยของแม่นางฟู่ตั้งอยู่ไม่ผิดเป็นแน่"
[1] 1 ลี้ (里) = 150 จั้ง (丈) = 500 เมตร (米)
นายกองร่างเจ้าเนื้อ ทหารคนสนิทของหลงอี้หลิงกล่าวอย่างไม่เต็มเสียงมากนัก พร้อมกับชำเลืองมองนายของตนอยู่กลาย ๆ
แม่ทัพหนุ่มได้ยินเข่อลั่วกล่าวเช่นนั้น แววตาและสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนหน้านี้พลันเปลี่ยนเป็นขึงขังจริงจัง และแสดงความตึงเครียดขึ้นมาอย่างชัดเจน
"เข่อลั่ว เจ้ามั่นใจนะว่าจำไม่ผิด"
แม่ทัพหนุ่มย้ำถามทหารนายกองคนสนิทด้วยน้ำเสียงเข้ม ดวงตาจับจ้องมองไปยังจุดที่มีควันไฟอย่างไม่ละสายตา
"ขอรับ ข้ามั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่นอน"
คราวนี้เข่อลั่วตอบกลับอย่างหนักแน่น เพราะมั่นใจแล้วว่าตนไม่มีทางจำผิด แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค แม่ทัพหนุ่มก็หุนหันพลันแล่นเร่งควบม้าพุ่งตรงไปยังทิศทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอผู้ใดสักคน
ย่าซ์!
กุบกับ!....
เหล่าพวกทหารที่เหลือก็ไม่รอช้า เร่งควบม้าตามหลังผู้บังคับบัญชาของพวกเขาไปทันทีทันใดเช่นกัน
ย่าซ์ ย่าซ์ ย่าซ์!!!
กุบกับ!....
อีกด้าน ฟ่งหลันหลั่นถูกพวกอันธพาลไล่หลังตามมาทันจนได้ แม้จะนางจะมีใจฮึดสู้แค่ไหน แต่ถ้าไร้ซึ่งอาวุธในมือก็ยากที่จะต่อกรกับศัตรูได้
และหากสตรีน้อยต้องการรักษาชีวิตไว้ได้ สิ่งเดียวที่จะช่วยให้เอาตัวรอดได้คือ ต้องหลบให้พ้นคมดาบที่กำลังฟาดฟันเข้าห้ำหั่นนางอย่างบ้าคลั่งอยู่ในตอนนี้
มิหนำซ้ำ พิษจากอาวุธลับก็กำลังแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดรวดเร็วมาก การจะหลบทิศทางจากอาวุธของศัตรูจึงเป็นไปอย่างทุลักทุเล
อีกทั้งสตรีน้อยยังกังวลว่าหากใช้พลังปราณมากไป พิษร้ายก็อาจจะกระจายไปตามจุดสำคัญในร่างกายเร็วขึ้นมากเท่านั้น ถึงจะมั่นใจว่าพิษเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอันตรายให้ถึงแก่ชีวิตได้ เพราะร่างกายของนางทนต่อพิษมาตั้งแต่เด็ก ทว่าการไม่ประมาท คือ ทางรอดที่ดีที่สุด
ฟ่งหลันหลั่นจะรู้ตัวว่าตนกำลังตกเป็นรองของคู่ต่อสู้ แต่ก็ไม่ถอดใจและไม่ยอมให้พวกเขาจับตัวได้ง่าย ๆ ดวงตายังคงฉายแววความเด็ดเดี่ยว แน่วแน่ ไม่กลัวตาย แม้ว่าร่างกายแทบจะหมดแรงแต่ก็ไม่เผยแสดงอาการนั้นให้ฝ่ายศัตรูเห็นสักนิด
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลเริ่มหมดความอดทนและหงุดหงิดใจที่ยังไม่สามารถจัดการกับสตรีน้อยตรงหน้าให้อยู่หมัดได้สักที จึงตะคอกเสียงขึ้นใส่อีกฝ่ายอย่างโมโหร้าย
"ฟ่งหลันหลั่น! ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าทั้งวันหรอกนะ สภาพเจ้าตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ยอมแพ้ซะและตามข้ากลับไปเป็นฮูหยินอย่างว่าง่ายเสียเถอะ"
ฟ่งหลันหลั่นมิรึจะยอมทำตามคำพูดนั้นของศัตรู นางกล่าวคำสบถและตะโกนต่อปากต่อคำกลับไปอย่างไม่เกรงกลัวต่อคมดาบในมือหยาบหนาข้างนั้นเลย
"ถุย! ฝันไปเถอะ บุรุษที่มีสิทธิ์เป็นสามีของข้าในอนาคตจะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมในใจเท่านั้น พวกอันธพาลมีใจคอโหดเหี้ยมต่ำช้า หยาบคาย แถมยังรังแกและทำร้ายผู้ที่อ่อนแอกว่าเยี่ยงเจ้า ต่อให้ปลิดชีพข้าตรงนี้ เจ้าก็จะไม่มีวันได้เห็นขาอ่อนของข้า"
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นของสตรีน้อย เขาก็เบิกตาขมึงขึ้นอย่างบันดาลโทสะ
"สามหาว! สตรีน้อยเยี่ยงเจ้าถือดีเช่นไรถึงได้กล้ากล่าวถ้อยคำสิ้นคิดไม่กลัวตายออกมา ดี! ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ต้องส่งตัวเข้าหอให้เสียเวลา ข้าจะจับเจ้าทำเมียเสียตรงนี้ให้มันจบเรื่องเลย"
กล่าวจบเขาก็กระโจนพุ่งตัวเข้าหาสตรีน้อยอย่างรวดเร็ว โดยชี้ปลายดาบเล็งจอไปที่ลำคอเรียวระหงของอีกฝ่าย เพื่อหวังจบการต่อสู้นี้ภายในดาบเดียว
ในขณะที่หัวหน้ากลุ่มอันธพาลกำลังจะเข้าประชิดถึงตัวของฟ่งหลันหลั่น
ทันใดนั้นเอง
เฟี้ยว!
ทวนเหล็กด้ามยาวก็ถูกเขวี้ยงลอยแหวกอากาศมาขวางสกัดทิศทางของเขาไว้เสียก่อน
ฉึก!
คมหอกของทวนได้เฉี่ยวต้นแขนท่อนบนของหัวหน้ากลุ่มอันธพาล เขาจึงถอยห่างออกจากสตรีน้อยอย่างรวดเร็วเพื่อตั้งหลัก
ฟ่งหลันหลั่นถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ และทิ้งร่างอันหมดแรงนั่งฟุบลงบนพื้นตรงนั้น เม็ดเหงื่อจำนวนมากมายผุดขึ้นมาบนใบหน้าอันใบหน้าขาวขาวซีดและริมฝีปากก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำขึ้นมาอย่างชัดเจน
ไม่นาน หลงอี้หลิงก็ควบอาชาสีหมอกคู่ใจของเขามาถึงจุดที่กำลังมีคนต่อสู้กัน เขาก็ถีบตัวกระโดดพุ่งตัวออกจากหลังม้าและใช้วิชาตัวเบาลอยเข้าปะทะกับชายฉกรรจ์คนที่หมายปองร้ายต่อฟ่งหลันหลั่น
แม่ทัพหนุ่มซัดลูกถีบเข้าไปที่ตรงช่องท้องของคู่ต่อสู้ด้วยความรวดเร็ว และตามมาอีกหลายกระบวนท่าอย่างไม่ยั้งจนอีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน
ฟ่งหลันหลั่นนั่งมองการต่อสู้ตรงหน้า แต่สติและสายตานั้นเริ่มพร่าเลือน ลำตัวเสียศูนย์โอนเอียงไปมาเล็กน้อย จึงไม่สามารถมองเห็นดวงหน้าของผู้ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตนได้อย่างชัดเจน
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลไม่รู้ว่าบุรุษที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือฟ่งหลันหลั่นนั้นเป็นผู้ใด แต่ที่รู้แน่ ๆ คือชายผู้นี้มีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งกาจมาก แม้แต่ตัวเขาก็ไม่อาจต่อกรได้ จึงตัดสินใจยอมรามือชั่วคราวจากนางผู้นี้ และถอยร่นกลับไปตั้งหลักเพื่อหาเวลาเอาคืนในภายภาคหน้า
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลหันไปมองยังสตรีน้อย พร้อมกับตะโกนลั่นขู่อาฆาตนางเสียงดัง
"ฟ่งหลันหลั่น! ครั้งนี้ถือว่าเจ้ายังโชคดีที่มีคนมาช่วยเอาไว้ได้ แต่หากเจอกันครั้งหน้าข้าจะไม่ยอมรามืออย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงเจ้าก็จะต้องไปเป็นฮูหยินของข้าคนนี้" เมื่อกล่าวจบเขาก็รีบชิ่งหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว โดยที่ไม่สนใจเหล่าลูกน้องของตนเลย
"ฝันไปเถอะ คนอย่างเจ้าไม่มีวันได้เป็นสามีของข้าหรอก เพราะข้า..."
สตรีน้อยต่อปากต่ำคำตามหลังหัวหน้าอันธพาลยังไม่จบประโยค เนื่องจากพิษที่เคลือบลูกดอกนั้นรุนแรงมาก มันได้แพร่กระจายไปตามกระแสเลือดและเข้าสู่จุดสำคัญอย่างรวดเร็ว นาทีต่อมานางทิ้งตัวนอนราบไปกับพื้นราวใบไม้ร่วงหล่น โดยที่สตรีน้อยยังไม่มีโอกาสได้ถามไถ่คนผู้นั้นสักคำ
หลงอี้หลิงซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างมากนัก และเขามีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม "แม่นางน้อย!" แม่ทัพหนุ่มส่งเสียงเรียกสตรีน้อยขึ้นอย่างห่วงใยและวิ่งโผเข้าไปช้อนรับร่างของนางได้ทันท่วงที
ทันใดนั้นเมื่อเห็นความผิดปกติบนดวงหน้างามของสตรีในอ้อมแขนและบาดแผลตรงหัวใหญ่ของนางอย่างชัดเจน กลิ่นอายความตึงเครียดชวนอึดอัดและรังสีอำมหิตก็พลันแผ่ซ่านออกมารอบกายเขา
พวกลูกน้องของกลุ่มอันธพาลที่ยังมีกำลังต่อสู้อยู่ เมื่อหันไปเห็นว่าหัวหน้าของตนวิ่งหนีหายไปคนเดียวเช่นนั้น และจึงพากันแตกตื่นและคิดถอยร่นไป แต่ทว่าฝีมือการต่อสู้รวมทั้งกระบวนท่าของวิชายุทธ์ของพวกเขากับทหารของแม่ทัพหนุ่มช่างห่างไกลกันลิบลับ กลุ่มอันธพาลจึงไม่สามารถสลัดตัวเองให้หลุดออกไปจากการต่อสู้ได้
และพอพวกเขาหันไปเหลือบมองด้านบุรุษผู้ที่ต่อกรกับหัวหน้าเขาก่อนหน้านี้ พลันเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลงอี้หลิงนั้นช่างเหี้ยมเกรียมเขย่าขวัญคนอื่น ขากรรไกรก็เกร็งแน่น ดวงตาดำปรากฏแววดุดัน ทำให้พวกลูกเบ๊ของกลุ่มอันธพาลต้องตื่นตระหนกและเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาภายในใจอย่างบัดดล
ด้วยความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านขึ้นมาในหัว แม่ทัพหนุ่มก็ได้ตวัดปลายทวนที่ถืออยู่ในมือและแกว่งมันออกไปรอบตัว พร้อมกับปล่อยพลังปราณอำมหิตกระจายออกไปเป็นรัศมีวงกว้าง
กระแสโทสะที่เขาปลดปล่อยออกมา เพียงชั่วพริบตาเดียวเหล่าพวกลูกน้องของกลุ่มอันธพาลก็ถูกคมหอกนั้นทิ่มแทงจนร่างเป็นพรุน และพากันหลั่งเลือดไหลสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณโดยรอบนั้น
ร่างอันไร้วิญญาณต่างก็ล้มระนาวลงบนพื้นไปตาม ๆ กันอย่างสิ้นท่า ภาพนั้นไม่ต่างจากกลีบใบไม้แห้งเหี่ยวโรยราร่วงหล่นตกลงสู่พื้นดิน
เมื่อเผด็จศัตรูตรงหน้าหมดสิ้นทุกคนแล้ว แม่ทัพหนุ่มไม่รอช้า เขารีบเข้าไปหาสตรีน้อยและใช้วิชาตัวเบาพาร่างของนางกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
ย่าซ์!....
และควบออกไปจากตรงนั้นอย่างเร่งด่วน
กุบกับ กุบกับ..
"แม่นางน้อย! ตั้งสติไว้ก่อนนะ เจ้าห้ามหลับไปเด็ดขาด"
น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มที่กล่าวขึ้นกับสตรีในอ้อมแขนเต็มไปด้วยความห่วงใยและความกังวล
สถานการณ์ที่เหลือต่อจากนั้น แม่ทัพหนุ่มได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทหารนายกองคนสนิททั้งสองของเขา เป็นผู้จัดการเก็บกวาดพื้นที่ต่อ
....
เซียงไค 盛開
การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!
มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง
อ่านแล้วชอบไหม เพิ่มในคลังหนังสือเลยสิ!