บทที่ 590 : ต่งซานซานลาออก!
______________________________________
ตกบ่าย
ราวบ่ายสามโมง
เสียงกุญแจดังคลิก จางเย่ผลักประตูเปิดบ้านเข้ามาจากข้างนอก เพิ่งจะเข้ามาก็ได้ยินเสียงโทรทัศน์ในห้องรับแขกดัง เป็นเสียงของรายการประกวดร้องเพลง เขาจึงทราบว่าพ่อกับแม่ตื่นแล้ว
"เย่น้อย?" แม่ออกมาดู
"ครับ" จางเย่ก้มลงถอดรองเท้า "ตื่นแล้วเหรอ?"
แม่ถาม "เพิ่งตื่นนี่แหละ ไปไหนมาน่ะ?"
จางเย่หยิบหนังสือพิมพ์ในกล่องรับเข้ามาให้แม่ "ไม่มีอะไรครับ คนจากสถานีโทรทัศน์นครหลวงมาหาผม เลยออกไปกินข้าวกันนิดหน่อย"
"พวกเขามาหาลูก?" พ่อหันมาด้วย
แม่พลันฉุกคิดอะไรออก "จะให้ลูกกลับไปเหรอ?"
จางเย่รับคำอืมเสียงหนึ่ง "จะให้ผมกลับไปช่วยน่ะ ไพรม์ไทม์เย็นวันศุกร์ รายการใหม่ของหัวหน้าคนเก่าหูเฟย"
แม่ซัก "ลูกตอบไปว่ายังไง?"
"ผมว่าผมจะคิดดู พรุ่งนี้ค่อยตอบพวกเขา" จางเย่นั่งลง
พ่อหันมองเขา "คิดจะกลับก็กลับไปทำสิ อย่าไปคิดมาก สถานีดาวเทียมใช่ไหม? เวลาไพรม์ไทม์เย็นวันศุกร์ถือว่าไม่เลวเลย เป็นเวลาที่ดีทีเดียว พวกเขามาเคาะประตูเชื้อเชิญลูกถึงที่ เชื่อใจมากขนาดนี้ ค่าจ้างไม่น้อยล่ะสิ?"
จางเย่ท่าทีเรียบเฉย "ไม่ได้คุยเรื่องค่าตัว แต่คงไม่น้อย"
พ่อพยักหน้า "ก็ได้อยู่"
ก่อนหน้านี้แม่คัดค้านการกลับไปสถานีโทรทัศน์นครหลวงของจางเย่อย่างรุนแรง แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าแม่เกิดลังเลขึ้นมาอยู่ครู่ค่อยกล่าวว่า "ถ้าลูกคิดจะกลับไป แม่ก็ไม่ห้าม อีกอย่าง หลายวันมานี้ก็ยังไม่มีสถานีโทรทัศน์ไหนมาหา ยังไงก็ดีกว่าลูกอยู่ว่างไปวันๆ"
จางเย่ส่ายหน้า
"คิดยังไงของแกกัน?" แม่ตวัดเสียงถาม
จางเย่โบกมือปัด "ผมก็ยังคิดเหมือนเดิมครับ ยังไม่อยากกลับสถานีโทรทัศน์นครหลวงแค่ชั่วคราวน่ะ"
แม่หรี่ตามองสงสัย "งั้นทำไมไปช่วยเขาล่ะ?"
"ผมช่วยพวกเขาทำโฆษณา ก็เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ก่อนเก่า ไม่ได้เรียกร้องเงินทองอะไร ไม่เหมือนกับกลับไปทำงานหรอกนะครับ" จางเย่เองก็สับสนในความคิด "แต่ว่าผมก็สับสนอยู่อย่าง หนึ่ง สถานีนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ถึงคนนอกจะบอกว่าผมเป็นพิธีกรดังยังไง แต่ว่าคนในวงการต่างก็รู้กันดี ผมยังไม่ใช่ระดับนั้น อยู่ในสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น สถานีทีวีออนไลน์ ไม่เคยจะได้ไปต่อสู้บนเวทีของสถานีใหญ่อะไรเลย ถึงจะมีชื่อเสียง อย่างมากก็เรียกว่ามีชื่อไม่เลวเท่านั้น คำว่าคนดังสองคำนี้เรียกไม่ได้อยู่แล้ว คราวนี้กลับได้ออกสถานีที่เป็นสถานีดาวเทียมเนี่ยนะ? สอง สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมนครหลวงให้เวลาใหม่เป็นไพรม์ไทม์ของวันศุกร์ นี่ก็น่าสนใจ สาม พี่หูเป็นหัวหน้า ต้าเฟย เสี่ยวหลวี่ โหวเกอ โหวตี้ พวกนี้เป็นเพื่อนสนิทของผม ถือว่าเป็นทีมเก่าที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน อยู่ด้วยกันก็สบายใจ สุดท้ายก็อย่างที่พ่อกับแม่ว่า ไม่มีสถานีอื่นมาตามตัวผมสักที"
แม่ว่า "งั้นก็กลับไปสิ"
"ม้าดีไม่กินหญ้ารางเก่า" จางเย่โบกมือปัด
แม่พูดเสียงเครียด "งั้นก็เท่ากับแกไม่มีงานอื่นดีพอน่ะสิ โอกาสดีแบบนี้ใช่จะมีบ่อยนัก พลาดไปจริงๆ แล้วไม่รู้ต้องแช่แข็งอยู่กับบ้านอีกกี่เดือนนะ?"
จางเย่ไม่พูดอะไร
พ่อแนะนำ "ตอนที่พวกเขาไล่ลูกออก ความจริงก็ยากจะบอกว่าใครถูกใครผิด เรื่องเองก็ผ่านไปแล้ว เอาล่ะ ช่างเถอะ ไม่พูดมากแล้ว ตัดสินใจยังไงก็เรื่องของลูกเถอะ"
"ผมกลับห้องไปนอนก่อนนะ" จางเย่ออกปาก
แม่กล่าว "ข้าวเสร็จแล้วจะไปปลุก"
"โอเค" จางเย่กลับเข้าห้องตัวเอง ถอดรองเท้าเสร็จก็ขดตัวในที่นอน
การตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ของจางเย่ลำบากอย่างยิ่ง เป็นทางเลือกที่คนอื่นยากจะจินตนาการถึง แน่นอน เขาทราบถึงสถานการณ์ขณะนี้ดี สถานีโทรทัศน์นครหลวงควรจะเป็นทางเลือกแรก นั่นคือนายจ้างเก่า ทั้งคราวนี้เขาควรจะได้สัญญาทำรายการกับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมในเวลาไพรม์ไทม์กับเพื่อนร่วมงานเดิม และตอนนี้ก็ไม่มีใครต้องการเขา นี่คือโอกาสใหญ่ ทั้งยังเป็นโอกาสที่เขาคนเดียวจะได้รับ ถ้าเป็นคนอื่นๆ คงรับข้อเสนอนี้ไปแล้ว ในวงการ ออกจากบริษัทแล้วกลับเข้าไปใหม่ถือว่าปกติ ไม่มีใครเห็นว่าแปลกประหลาดอะไร อีกอย่าง ตอนที่จางเย่เข้าไปช่วยเรื่องโฆษณาสื่อเพื่อสังคมให้กับสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมนครหลวง สื่อหลายแห่งก็เห็นว่าจางเย่อาจกลับเข้าไปร่วมงานกับนายเก่าอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยดี ตอนเจอกับเมื่อบ่าย หูเฟยก็ถามย้ำแล้วย้ำเล่าว่าทำไมเขายังลังเล ทำไมเขาถึงยังต้องนั่งคิดพิจารณาอะไรอีกเมื่อโอกาสดีๆ เช่นนี้ร่วงหล่นลงมาจากฟ้า?
นั่นสิ ทำไมกันนะ?
ตัวจางเย่เองความจริงก็ไม่เข้าใจ เขาจัดการเรื่องมากมาย ล้วนแต่ไม่เหมือนคนทั่วๆ ไป หลายเรื่องที่เขาทำไป ในพจนานุกรมของเขาเองนั้นความจริงก็ไร้เหตุผลอยู่แล้ว
เขาแค่ไม่อยากไป!
อย่างน้อยตอนนี้ เขายังไม่อยากกลับไป!
ยกมือถือขึ้นมา จางเย่คิดจะหาคนคุยด้วย
อู๋เจ๋อชิง? ไม่ได้ คุณอู๋กำลังทำงานนี่นา
จางหย่วนฉี? ช่างเถอะ เธอน่าจะไม่เปิดเครื่องเหมือนกัน
เหราอ้ายหมิ่น? ยิ่งแล้วใหญ่ โทรหาเธอจะยิ่งได้ฟังเธอด่าเอาน่ะสิ
จากนั้น จางเย่พลันนึกถึงต่งซานซาน สหายร่วมชั้นเก่าแก่ของตน อีกฝ่ายเองเป็นพิธีกรอยู่ในวงการเดียวกันเสียด้วย โทรหาเธอสักหน่อยแล้วกัน
ตู้ด…
ตู้ด…
"ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"
เสียงเพิ่งดังแค่สองครั้ง ก็พบว่าปลายสายตัดสายไปเสียแล้ว
จางเย่พูดไม่ออกอยู่พักใหญ่ กล้าตัดสายฉันเลยเรอะ? ยุ่งอยู่กับรายการใหม่ง? ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญากับต่งซานซานว่า กับรายการใหม่ของเธอนั้น หากพอมีเวลาเขาจะช่วยออกความเห็นให้ จากนั้นเขาจึงได้โทรไปอีกรอบ แต่ยังคงโดนตัดสาย จางเย่มีลางสังหรณ์ถึงความผิดปกติบางอย่าง ลังเลอยู่ครู่ เขาค่อยโทรกลับไปหาสถานีทีวีออนไลน์เหวยหว่อที่ทำงานเก่า ต่อสายไปยังออฟฟิศของแผนกทีวีออนไลน์
ติดแล้ว!
"สวัสดีครับ สถานีโทรทัศน์ออนไลน์เหวยหว่อครับ" เป็นเสียงผู้ชายรับสาย
จางเย่กล่าว "ผมจางเย่นะ นั่นใครครับ?"
ปลายสายพอฟังก็หัวเราะ "อ๊ะ อาจารย์จาง? ผมอาเชียนครับ!"
"อาเชียนเหรอ? ก็ว่าเสียงคุ้นๆ ทำไมมารับสายล่ะ" จางเย่กับอีกฝ่ายไม่นับว่าสนิทสนมนับ แต่ว่าตอนทำงานก็ติดต่อกันไม่น้อยเลย
อาเชียนกล่าว "วันนี้ในแผนกยุ่งมาก คนอยู่ออฟฟิศมีแค่ไม่กี่คน ทำไมถึงโทรมาได้ครับ?"
คนที่จางเย่สนิทยิ่งกว่านี้ในแผนกก็ยังมี อย่างเช่นรองหัวหน้าแผนกหวังสยงกับเขาก็สนิทกันไม่เลว แต่ว่าเขาไม่ได้ติดต่อไปยังหวังสยง สายตาของจางเย่ตอนนี้ไม่ได้มองไปที่ทีวีออนไลน์อีก เขาต้องการทำงานกับช่องทีวีดาวเทียม ดังนั้นจึงเกรงว่าถ้าโทรไปหาหวังสยง อีกฝ่ายจะเชื้อเชิญเขากลับไปทำงานที่นั่น จะตอบกลับอย่างไรย่อมลำบาก ดังนั้นเขาถึงได้โทรเข้าไปที่ออฟฟิศโดยตรง "อ้อ ไม่มีอะไร แค่โทรมาถามๆ ดูว่าเพื่อนทั้งหลายเป็นยังไงกันบ้าง ผมอยู่ที่เมืองหลวงไปหาไม่ได้เลย เอ้อ อาจารย์ต่งซานซานล่ะ? ยังอยู่ออฟฟิศไหม? ยุ่งกับรายการใหม่อยู่รึเปล่า?"
อาเชียนชะงัก "คุณยังไม่ทราบ?"
จางเย่เงียบงันไปวูบ "ทราบอะไร?"
อาเชียนถอนใจอีกครั้ง "อาจารย์ซานซานลาออกไปแล้ว"
จางเย่ตะลึง "เรื่องเกิดเมื่อไร? ไม่มั้ง หลายวันก่อนยังเห็นเธอโพสต์เวยป๋อขอให้แฟนๆ สนับสนุนรายการใหม่ของเธออยู่เลย!"
อาเชียนกล่าว "เพิ่งเป็นเรื่องเมื่อวานนี่เอง ต่งซานซานกับทีมวางแผนรายการของพวกเราเสนอแผนรายการใหม่ไปหลายชิ้น แต่ว่าเบื้องบนปฏิเสธหมด เห็นว่าทำไม่ได้ สุดท้ายหัวหน้าสั่งลงมาว่าจะให้อาจารย์ซานซานทำรายการเดิมต่อเป็นซีซันสอง เพราะว่ารายการเดิมยอดวิวยังใช้ได้อยู่ และสถานีไม่อยากรับความเสี่ยง แต่ว่าซานซานกลับอยากบุกเบิกทางสายใหม่ รายการใหม่ ไม่อยากเดินทางเดิม สุดท้ายเถียงไปเถียงมา ทะเลาะกับหัวหน้าใหญ่โตเลยลาออกแล้ว"
จางเย่ว่า "งั้นตัวคนล่ะ?"
"ผมก็ไม่ทราบ ฟังว่ากลับบ้านไปแล้ว" อาเชียนกล่าว
จางเย่ขมวดคิ้ว "งั้นเธอจะเลิกเป็นพิธีกรไปแล้วเหรอ?"
อาเชียนว่า "คงยังหาสถานีใหม่ไม่ได้มั้ง ยังไงพวกเราที่เป็นพิธีกรรายการออนไลน์ โลกภายนอกก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรมากเท่าไร ไม่ใช่กระแสหลัก ก็เป็นว่าชื่อเสียงในฝั่งนี้ไม่มั่นคงนัก นี่เป็นสถานการณ์ทั่วๆ ไป แน่นอน มีคุณเป็นข้อยกเว้นคนหนึ่ง"
จางเย่รับคำ "ผมรู้แล้ว ขอบคุณมากอาเชียน"
"ไม่เป็นไรครับ" อาเชียนกล่าว
พอวางสาย จางเย่ถึงได้รู้ว่าทำไมต่งซานซานถึงตัดสายเขาทิ้งไป ทั้งทราบว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานการณ์ลำบากเพียงใด
หลังสงบนิ่งไปหลายนาที
จางเย่ส่งข้อความไปคำหนึ่ง : รับสายฉันด้วย! (ไม่ได้จะยืมเงินนะ!)
ไม่นาน ต่งซานซานก็โทรกลับ ประโยคแรกของเธอคือ "ขอพูดอะไรหน่อยนะ นี่ยังคิดว่านายจะยืมเงินฉันเสียอีก ถึงได้ไม่กล้ารับสายอยู่ครึ่งค่อนวัน"
จางเย่พูดไม่ออก "ทำไมถึงได้ขี้เหนียวแบบนี้กันนะ!"
ต่งซานซานกล่าวเสียงใส "นายเพิ่งรู้เหรอ?"
"อย่าเนียนสิ เธออยู่ไหนน่ะ?" จางเย่ว่า
"ฉันเหรอ? ฉันก็ยุ่งอยู่กับรายการใหม่ไง นายไม่เห็นเวยป๋อฉันเหรอ?"
"รายการอะไร?"
"กำลังคิด ยังไม่ตัดสินใจ"
"เป็นไงบ้าง?"
"ก็ไม่เลว"
"งั้นอยู่ไหนน่ะตอนนี้?"
"ที่ประชุมรายการ เมื่อกี้ถึงได้ไม่รับสายไง"
"ประชุมที่ไหน?"
"เหวยหว่อน่ะสิ ยังจะมีที่ไหนอีก? เอาล่ะ ไม่มีอะไรฉันวางสายล่ะนะ เห็นว่านายกลับไปทำงานกับนายจ้างเก่าอีก? คราวนี้เป็นสถานีดาวเทียมใช่ไหม? ยินดีด้วยล่วงหน้านะ ไว้กลับไปเมืองหลวงเมื่อไร นายต้องพาฉันไปเลี้ยงข้าวสักมื้อด้วย โอเคนะ? ฮ่าๆ เอาตามนี้นะ วางสายล่ะ!"
พูดกันได้อีกครึ่งนาที สายก็ตัดไป
จางเย่วางมือถือ ในใจไม่ทราบเป็นรสชาติเช่นไร เพื่อนเก่าของเขาคนนี้ ปากเชื่อถือไม่ได้ พูดจาไม่ทราบมีจริงอยู่กี่ประโยค เรื่องนี้เขาทราบแต่แรกแล้ว ทั้งยังเห็นเป็นเรื่องขบขัน ทว่าวันนี้ฟังคำพูดของต่งซานซานแล้ว จางเย่กลับหัวเราะไม่ออกแม้แต่น้อย
ยังยุ่งกับรายการใหม่?
ประชุมอยู่ที่เหวยหว่อ?
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่จางเย่เพิ่งจะโทรเข้าไปที่ออฟฟิศของเหวยหว่อทีวีรอบหนึ่งก็คงโดนต่งซานซานหลอกไปแล้วเหมือนกัน! เขาทราบว่าต่งซานซานไม่พูดความจริงก็เพราะกลัวเขาจะกังวล อีกทั้งอย่าได้เห็นว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิง และสาวสวยสุดเซ็กซี่เท่านั้น เพราะขณะเดียวกัน เธอเองก็เป็นหญิงแกร่งที่ทะเยอทะยานอยู่ไม่น้อย เธอเคยบอกเองว่าไม่อยากแต่งงาน นี่อาจเป็นหนึ่งในความจริงที่เธอพูดออกมาแค่ไม่กี่ประโยค ชัดเจนว่าว่าเป้าหมายในชีวิตและจุดมุ่งหมายของเธอคือเรื่องงานเท่านั้น ที่ออกจากงานไปรอบนี้ คงสร้างความลำบากให้แผนหน้าที่การงานของเธอไม่เบา เธอไม่อยากจะบอกใคร จางเย่ก็เข้าใจได้ เขาเองความจริงก็เป็นคนประเภทนี้ ดังนั้นจางเย่จึงไม่ได้เปิดโปงเธอ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*