ตอนแรกว่าจะขอความช่วยเหลืออยู่หรอก แต่พอรู้ว่าเป็นกิลด์ของไจเกีย ฉันก็ไม่อยากไปด้วยแล้ว
ฟันเขี้ยวฉันงอกกลับมาเหมือนเดิมแล้ว ถึงจะไม่รู้สาเหตุก็เถอะ
แต่ใครจะโง่ไปโดนซ้ำสองล่ะ
ส่วนเจ้าอิสทัฟก็เอาครอบครัวมาบีบให้ฉันแต่งงานด้วย
ถ้าคิดดีๆ ตอนนี้ เพราะคำพูดของอิสทัฟกับบีบีที่บอกว่าไม่อยากให้ฉันเห็นภาพน่ากลัว พวกนี้เลยยังดูเชิงกันอยู่
สาวใช้สองคนก็เอาตัวมากำบังและพยายามโน้มน้าวให้ฉันกลับขึ้นรถ
แล้วฉันจะปฏิเสธไปทำไมล่ะ
จะขึ้นไปนอนสบายๆ แล้วภาวนาให้ทุกคนลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงให้นะ
เชิญตีกันให้เละเทะไปเลย ฉันค่อยอาศัยช่วงชุลมุนแอบหนีไปอีกที
แต่พอฉันหันหลังเตรียมจะขึ้นรถ เสียงที่คุ้นเคยก็ตะโกนแทรกเข้ามา
"ผมคิดว่าท่านคาลิก้า ไม่น่าจะอยากไปกับพวกคุณทั้งสองกิลด์นะครับ"
ฉันรีบหันกลับไป และก็ใช่อย่างที่คิด เจ้านั่นมาพร้อมกับลูกกิลด์หลักร้อย แต่ละคนสวมชุดเกราะหนาเตอะและแบกโล่หนาใบใหญ่
"ไม่ทราบว่ากิลด์ [ปราการเหล็ก] แวะมาทำอะไรที่นี่คะ ในเมื่อล่าอสูรเสร็จแล้วก็ควรใช้ทางลัดกลับไปเหมือนทุกทีสิคะ"
สมาชิกกิลด์ [เขี้ยวประกายแสง] กับผู้คุ้มกันของอิสทัฟบางส่วนเริ่มหันทิศทางการโจมตีไปที่กลุ่มของเอโตสด้วยเช่นกัน
"หน้าใหม่อย่างนายจะได้ใจเกินไปหน่อยหรือเปล่าครับ ถึงจะดังอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ดับอย่างรวดเร็วได้เหมือนกันนะ"
แต่เอโตสหาได้สนใจคนพวกนั้นไม่แล้วหันมาพูดกับฉันโดยตรง
"ท่านคาลิก้าครับ ท่านสามารถว่าจ้างให้ผมคุ้มกันท่านไปส่งที่บ้านได้นะครับ เพียงเอ่ยออกมาแค่คำเดียว"
...เจ้าเอโตส มันจำฉันไม่ได้เหรอเนี่ย
แววตาในตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันคนละขั้วเลย
ตอนนั้นเจ้าเอโตสมองฉันอย่างเหยียดหยาม แต่ตอนนี้
มันเป็นแววตาของคนมีความรักชัดๆ
ไม่ฉุกใจคิดสักนิดเลยเหรอว่าเป็นคาลิก้าคนเดียวกับที่นายพึ่งด่าและตบหน้ามา
แต่ก็ไม่แปลกหรอก สีผมกับรูปร่างของฉันเล่นเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเลย
จะว่าไงดี เอโตสเอ๋ย
ฉันเกลียดแก
แต่ตอนพูดฉันใช้น้ำเสียงน่าสงสาร
"ฉันไม่มีเงินหรอกค่ะ"
"เรื่องนั้นไม่ต้องกังวลครับ ขอแค่ท่านคาลิก้าไปเดทกับผมสักวัน แค่นั้นก็คุ้มเกินค่าจ้างผมแล้วครับ"
อี๋ ขนลุกเลยอะ
"อย่ามั่นหน้าให้มันมากเกินเจ้าเด็กใหม่ คาลิก้าต้องเป็นภรรยาของผมเท่านั้น"
"ท่านคาลิก้าไม่ใช่ของพวกตัวผู้อย่างพวกนาย อย่าได้บังอาจจีบแขกคนสำคัญของท่านไจเกีย"
"ท่านคาลิก้าครับ ให้ผมได้รับเกียรติปกป้องท่านเถอะครับ ขอแค่เอ่ยคำเดียว กิลด์ [ปราการเหล็ก] พร้อมเป็นศัตรูกับทุกกิลด์บนโลกเพื่อท่านครับ"
"อึก... อะ เอ่อ..."
ฉันแสร้งทำเป็นลำบากใจไปงั้นแหละ เอาเลย กัดกันให้เละมันทั้งสามฝ่ายนี่แหละ
เอโตส ฉันขอภาวนาให้มีดอกเน้นๆ ลงหน้าแก
"ท่านคาลิก้าไปกับเราเถอะค่ะ หากให้ท่านไจเกียคุ้มครอง จะไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องท่านอีกเลย"
"คาลิก้าเลือกผมแล้วเธอจะได้เป็นนายหญิงแห่งกราน๊อต สุขสบายกับกองเงินกองทองและคนรับใช้นับร้อยที่ฟังคำสั่งเธออย่างเด็ดขาด"
"กิลด์ [ปราการเหล็ก] พร้อมยืนหยัดปกป้องสาวสวยแบบท่านคาลิก้า จะไม่มีวันปล่อยให้ท่านคาลิก้าบาดเจ็บแม้แต่ปลายเส้นผม ได้โปรดเลือกผมเถอะครับ"
ยังไงกิลด์ของไจเกียกับของอิสทัฟมันก็จะตีกันอยู่แล้ว
เพราะงั้นฉันจึงจะเลือกเอโตส เพราะเดี๋ยวมันไม่มีเหตุผลให้สู้แล้วจะลอยตัวจากไป
โอกาสตบหน้ามันกลับมาทั้งที ไม่คว้าไว้ได้ไง
และถ้าฉันเลือกมัน สองกิลด์นี้น่าจะรุมยำมันหนักแน่ แต่ต้องแกล้งทำเป็นลำบากใจสักหน่อย
"คือ... ฉัน..."
"ให้ช่วยมั้ย?"
"...เอ๊ะ! ใครคะเนี่ย!?"
อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงรุ่นยาย ผมสีฟ้าอ่อนแซมขาว ผิวสีขาวซีด ในชุดไปรเวทสบายๆ มายืนข้างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แม้แต่สองสาวใช้ยังไม่รู้ตัว
"อึก! ทุ่งน้ำแข็ง เลร่า!"
บีบีเป็นคนแรกที่อุทานฉายากับชื่อของผู้หญิงคนนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ
"ไม่ทราบว่าคุณเลร่ามีธุระอะไรกับคู่หมั้นผมหรือเปล่าครับ หากมีอะไรที่ไม่พอใจกรุณาลงกับผมแทนนะครับ"
อิสทัฟพูดพร้อมกับเล็งโซ่มาที่เลร่าด้วยท่าทางจริงจัง
"คุณเลร่า หากท่านทำอะไรท่านคาลิก้า ผมคงต้องเสียมารยาทโจมตีคุณนะครับ"
เอโตสพูดพร้อมกับตั้งโล่อย่างจริงจัง สีหน้าดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด
เลร่าคนนี้ถึงกับทำให้ทุกคนเครียดได้ขนาดนี้เลยเหรอ
สาวใช้สองคนพยายามขวางตัวฉันกับคุณเลร่าเอาไว้ก็จริง แต่พวกเธอก็ตัวสั่นไม่หยุดเช่นกัน
"ก็ลำบากใจอยู่ไม่ใช่เหรอว่าจะเลือกฝั่งไหน"
"ค.. ค่ะ ใช่ค่ะ"
"งั้นก็ไม่ต้องเลือกใคร แล้วไปกับฉันแทนไหม"
"คุณเลร่าคะ ท่านคาลิก้าเป็นแขกของท่านไจเกียค่ะ ได้โปรดช่วยปล่อยผ่านสิ่งที่คิดจะทำด้วยค่ะ"
"คงไม่ดีมั้งครับคุณเลร่าที่จะพรากคู่หมั้นของผมไป ช่วยทบทวนอีกครั้งด้วยครับ"
"ท่านคาลิก้า! อย่าตกลงไปกับเธอนะครับ"
น้ำเสียงแต่ละคนดูจริงจังมาก แถมทั้งสามกิลด์เลือกที่จะหันอาวุธเข้าหาคุณเลร่ากันหมด
ราวกับความบาดหมางก่อนหน้ามันเป็นแค่เรื่องเล็ก
"ว่าแต่... คุณเลร่าเป็นใครเหรอคะ"
จะให้ไปกับใครก็ไม่รู้ ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก
"" "ทุ่งน้ำแข็ง" ""
บีบี อิสทัฟและเอโตส ต่างพูดออกมาพร้อมกัน แต่ก็ไม่ช่วยให้ฉันรู้จักมากขึ้นเลยสักนิด
"เคยได้ยินชื่อกิลด์ [เวทกังวาน] ไหม"
"!!? คุณเลร่าอยู่กิลด์ [เวทกังวาน] เหรอคะ"
คุณเลร่าพยักหน้าแทนคำตอบ
"ฉันจะไปกับคุณเลร่าค่ะ"
กิลด์ที่เคยช่วยพี่สาวไว้ ซ้ำยังรักษาเบื้องต้นแล้วพามาส่งถึงบ้าน แถมไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดตอบแทนเลย
ฉันจึงตกลงอย่างไม่ลังเล
"ไม่ได้นะคะท่านคาลิก้า! ท่านไจเกียรอต้อนรับท่านอยู่ ได้โปรดไปกับพวกเราเถอะค่ะ!"
"คาลิก้าผมรักษาครอบครัวเธอได้นะครับ! ได้โปรดมากับผม!"
"ท่านคาลิก้าให้ผมปกป้องดีกว่าปีศาจน้ำแข็งแบบนั้นนะครับ!"
ฉันไม่สนใจคำพูดของทั้งสามและสาวใช้ที่เกลี้ยกล่อมฉันอยู่แม้แต่น้อย
เพียงแค่ฉันเดินเข้าหาคุณเลร่าได้ก้าวเดียว ทุกคนต่างพุ่งเข้าโจมตีคุณเลร่าในทันทีแม้แต่สาวใช้
"ฟู่~"
เพียงเธอถอนหายใจ ทุกสิ่งรอบตัวก็ถูกแช่แข็งในพริบตา ยกเว้นแค่ฉันกับคุณเลร่า
คนกับสัตว์พาหนะรวมกันเกือบครึ่งพัน ล้วนกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในท่วงท่าต่างๆ มีเพียงแค่ลูกตาที่ขยับไปมาแสดงให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่
"สุดยอด..."
ฉันอุทานด้วยความทึ่ง แต่ไม่นาน
เปรียะ!
ก็มีคนพังออกมาได้ในทันที
คนแรกคืออิสทัฟเขาเปลี่ยนจากโซ่ดำเป็นโซ่สีส้ม มันสามารถละลายน้ำแข็งได้ทันทีที่สัมผัส
ไล่เลี่ยกันคือหัวหน้าทีมจากกิลด์ไจเกียและช้ากว่าหน่อยแต่ใช้กำลังล้วนๆ พังออกมาคือเอโตส
"คาลิก้า! รีบออกห่างจากยัยแก่นั่นซะ ผมไม่อยากให้เธอโดนลูกหลง!"
อิสทัฟบังคับโซ่ให้พุ่งโจมตีเกือบทุกทิศทาง เขาจงใจเหลือช่องว่างให้ฉันวิ่งหนีได้สะดวก
"ผมจัดการนายแน่ ถ้านายโจมตีโดนท่านคาลิก้า"
ส่วนเอโตสหันดาบเข้าหาอิสทัฟและเตรียมฟันทันทีถ้ามีสักเส้นโดนฉันแม้แต่นิดเดียว
จากนั้นคนที่แข็งแกร่งพอจะพังน้ำแข็งได้ก็ค่อยๆ ทยอยกันออกมา ส่วนใหญ่จะเป็นนักเวทธาตุไฟ
ฉันหมายจะก้าวขึ้นไปขวางการโจมตีนั้นเพื่อไม่ให้โดนคุณเลร่า
แต่คุณเลร่ายกมือขึ้นขวางฉันไว้ ก่อนจะสะบัดมือขึ้น
เพียงทีเดียว เสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็พุ่งจากพื้นเข้าใส่ทุกคนที่หลุดออกจากการแช่แข็งของเธอ
ตูมมมมมมม!
ทุกคนถูกดีดลอยกระจัดกระจายไปบนอากาศสูงเท่ากับตึก 3 ชั้นในพริบตา
พวกนักเวทไฟใช้ไฟเพื่อดีดตัวพุ่งกลับมา
แต่ก็โดนคุณเลร่าสะบัดมือเรียกเสาน้ำแข็งอีกครั้ง มันงอกเพิ่มมาจากเสาน้ำแข็งเก่า เข้ากระแทกใส่ จนพวกนั้นสลบกันกลางอากาศ
จากนั้นเธอก็กางมือยิงก้อนน้ำแข็งใส่คนที่สลบ
เมื่อก้อนน้ำแข็งถูกตัวมันก็แช่แข็งพวกเขาอีกครั้ง จึงไม่มีใครหล่นลงมาตาย
พวกที่ไม่สลบคุณเลร่าไม่ได้ยิงใส่ และปล่อยให้หล่นลงมาเอง บางคนถึงจึงเจ็บหนักจนสลบไป
อิสทัฟใช้โซ่ช่วยลดแรงกระแทก แต่ก็ยังปวดไปทั้งตัว
หัวหน้าทีมหลักจากกิลด์ไจเกียกระแทกพื้นแล้วกระเด้งต่อไปอีกหลายตลบ ใช้เวลาสักพักกว่าจะทรงตัวได้
ส่วนเอโตสลงพื้นได้อย่างมั่นคงและไร้รอยขีดข่วน ทั่วทั้งตัวคลุมด้วยออร่าสีน้ำตาลทอง
เมื่อตั้งสติได้ ทุกคนก็พยายามพุ่งเข้ามาหาพวกเราอีกครั้ง
คุณเลร่าจึงกวาดมือจากซ้ายไปขวา
ครืนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!
แล้วคลื่นน้ำแข็งขนาดยักษ์ก็พุ่งตามทิศทางที่คุณเลร่ากวาดมือ มันแช่แข็งทุกสิ่งอย่างก่อนจะกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่สูงถึง 5 ชั้น
"เราไปกันเถอะ"
พูดจบคุณเลร่าก็ยื่นมือออกไปสร้างรถม้าน้ำแข็งขึ้นมาตรงหน้า
สร้างแม้แต่ม้าที่ใช้ลากรถ แถมพวกมันยังขยับได้เหมือนม้าตัวจริงอีกต่างหาก
คุณเลร่าขึ้นไปบนรถก่อนจะยื่นมือมาให้ฉันจับแล้วช่วยดึงฉันขึ้นไป
ฉันถึงกับทำตาโตเพราะตอนอยู่ข้างนอกมันมองไม่เห็นข้างในรถม้าเลย แต่พอเข้ามาข้างในกลับมองเห็นข้างนอกได้แม้แต่พื้น
และเพราะสร้างจากน้ำแข็งเบาะมันเลยแข็งมาก แถมยังปล่อยไอเย็นออกมาตลอดเวลา
แต่คนที่ชินกับความลำบากในสลัมแบบฉัน เบาะแบบนี้นั่งได้ไม่มีปัญหา
"อาจจะเย็นสักหน่อยนะ แล้วจะให้ไปส่งที่ไหนดี"
"สลัมค่ะ พี่กับน้องสาวของหนูรออยู่ที่บ้าน"
"ได้สิ แต่ขอฉันเอนนอนหน่อยนะ อายุเยอะแล้วมักง่วงบ่อยน่ะ"
หลังฉันพยักหน้า คุณเลร่าก็เอนหัวลงมานอนหนุนตักฉันแล้วหลับไปเลย
ส่วนม้าก็ออกวิ่งเองราวกับรู้ทาง ตอนที่รถม้าเคลื่อนมันเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนออกมาจางๆ ทำให้มองเห็นรอบด้านตลอดเวลา
ฉันนั่งเกร็งเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของคุณเลร่าและทิ้งเสียงตะโกนขอร้องให้ฉันไม่ไปกับคุณเลร่าไว้ด้านหลัง
พอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่แล้ว คนคนนี้
โคตรเก่งเลย