ตอนที่ 6
ระหว่างทางไปรังมังกรจินตกชนึกถึงเนื้อเรื่องว่าเป็นอย่างไร เนื้อเรื่องช่วงนี้พระเอกมาช่วยเจ้าหญิงด้วยนั่นทำให้มังกรถูกกำจัด พอพาเจ้าหญิงกลับไปส่งพระราชาพยายามเกลี้ยกล่อมให้พระเอกอยู่เป็นขุนนางแล้วยังจะยกเจ้าหญิงให้ แน่นอนว่าพระเอกไม่เอาแล้วเดินทางไปยังโบราณสถานสุดอันตรายนั่นจึงได้พบกับนางเอก
สรุปว่าฉันต้องฟาดดาบกับพระเอกเพื่อปกป้องมังกรจริงๆ หรืออาจแถมซัดกับนักดาบแถวนี้อีกคนด้วย... อุ้มมังกรวิ่งหนีเถอะ
จินตกชคิดอย่างเคร่งเครียดแม้ตนมีฝีมือพอตัว แต่ถ้าจะต้องลุยกับพระเอกน่ากลัวว่าต้องจองโรงพยาบาลล่วงหน้า และหวังว่าจะไม่ต้องจองโลงเผื่อไว้ด้วย
"เป็นกังวลความปลอดภัยของเจ้าหญิงหรือ?" ยูเกรนเห็นว่ายิ่งใกล้ถึงรังมังกรจินตกชดูเคร่งเครียดมากขึ้นทุกที
ใครกังวลอะไรแบบนั้นกัน ฉันกลัวตีกับพระเอกต่างหาก จอมเวทแห่งยุคเลยนะเว้ย
"นายไม่กังวลหรือไง เจ้าหญิงโดนมังกรพามาหลายสิบวันแล้ว ไม่รู้ทำอะไรพินาศ เอ๊ย ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง" ยิ่งคิดแววตายิ่งมีความกังวล
"อยากเป็นขุนนางอาณาจักรเคฟทาวีคขนาดนั้นเลยหรือไง"
"ถามอะไร คนอย่างฉันถ้าอยากเป็นขุนนางที่ไหนก็อ้าแขนรับทั้งนั้นไม่ต้องรอช่วยเจ้าหญิงของแดนไหนก่อนหรอกเฟ้ย" การันตีได้จากผลงานที่ผ่านมา หลายอาณาจักรยอมมองข้ามหน้าตาขี้ริ้วยื่มไมตรีให้จินตกช เจ้าตัวแค่ไม่รับเท่านั้น
หนุ่มผมขาวมองบีสท์หนุ่มเขี่ยกองไฟเอาของกินที่ห่อใบไม้โยนเข้าไปเผาจนสุกออกมา "นั่นสินะระดับคุณตำแหน่งอะไรก็คว้ามาได้ทั้งนั้นถ้าต้องการ" แล้วก้มลงเขี่ยห่อใบไม้ของตนออกมาจากกองไฟบ้าง
"แล้วนายล่ะไปช่วยเจ้าหญิงหวังอะไรหรือ?" หากต้องรับมือพระเอกกับยูเกรนคนนี้อีกคนด้วยเขาขอฟังความต้องการเผื่อยื่นข้อเสนอให้มาร่วมมือกันดีกว่า ระวังพลังเวทแล้วยังต้องระวังดาบอีกด้วยก็ไม่ไหวนะ
"แค่ช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนได้ก็ดีแล้วเท่านั้น ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ" เจ้าตัวตอบนิ่งๆ สองมือแกะห่อใบไม้หยิบของกินที่เผาสุกแล้วขึ้นมาใส่ปาก
"นักบุญมาก! คนรับงานหวังค่าจ้างอย่าฉันรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อยเลยแฮะ" ทำงานแลกค่าจ้างมันเรื่องปกติ แต่ทำงานการกุศลแบบนี้หายาก ยูเกรนคนนี้นิสัยดีกว่าพระเอกยูเกรนหลายเท่าเลยเว้ย พระเอกในเรื่องบรรยายนิสัยไว้ว่าต้องการอะไรต้องได้ในเมื่อตนมีอำนาจล้นฟ้า ฉะนั้นทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียง สาวงามล้วนตกเป็นของพระเอกทั้งนั้น เป็นพวกอ่านไปหมั่นไส้ไป แต่ก็ชอบฉากต่อสู้มันๆจนเลิกอ่านแนวนี้ไม่ได้สักที
"ทำงานแล้วรับค่าจ้างเป็นเรื่องถูกแล้วจะมารู้สึกเจ็บปวดทำไม ฉันก็แค่ทำอะไรตามใจเท่านั้น"
"ได้ยินแบบนี้พวกเรามาร่วมทางกันดีไหม ไปช่วยเจ้าหญิงด้วยกัน" ชายหนุ่มหน้าตาดีพอใช้ได้เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาโดยไม่มีใครเชิญ "ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังหรอกนะพอดีเดินมาแล้วมันได้ยินเข้า ว่าไงสนใจร่วมทางไปกับพวกฉันไหม?"
"แค่หมอนนี่นะที่ไม่รับค่าจ้าง ฉันยังเอาอยู่" จินตกชชี้หน้าตนเองให้รู้ว่า ตนไม่ใช่นักบุญแบบหนุ่มผมขาว ได้การเขม็งตาขุ่นเล็กน้อยตอบกับมา
"แย่จริงแบบนี้ตัวหารก็เพิ่มขึ้นอีกสิ" ด้านหลังคนพูดมีทั้งนักเวทนักดาบนักสู้ด้วยมือเปล่ารวมแล้วสิบห้าคนทีเดียว จัดมาเยอะเหมาะใช้ข่มขู่คนอื่นที่สุด
แต่ละคนในกลุ่มสิบห้าคนจับจ้องยังหนึ่งนักดาบหนึ่งเผ่าบีสท์ แล้วต่างเบ้หน้าเมื่อมองบีสท์หนุ่มชัดๆ แล้วหันไปกระซิบกระซาบถึงหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ของของเจ้าบีสท์นั่น
เห็นสายตาคนพวกนั้นจินตกชก็รู้แล้วว่าอีกเดี๋ยวคงได้ออกแรงโดยใช่เหตุ ทว่าเขานั้นสุดขี้เกียจเปลืองแรงอะไรแบบนั้นในยามนี้เสียด้วย "ฉันว่าพวกนายอย่ามาเปลืองแรงเปลืองสมองคิดเขี่ยพวกฉันให้พ้นทางเลยดีกว่า เก็บแรงไว้สู้กับมังกรดีกว่าไหม ถ้ากับมอนสเตอร์อื่นข้ายอมเล่นด้วยแต่กับมังกรอย่าเสียแรงก่อนจะดีกว่า" เป็นเขาทำแบบนั้นแน่นอนแล้วคนพวกนี้ล่ะ
"ดังที่นายว่า ฉันก็ไม่อยากเสียแรงโดยใช่เหตุเช่นกัน แต่ใครรับรองได้ล่ะว่านายสองคนจะไม่เข้าไปฉวยผลประโยชน์ในภายหลัง"
"ไม่มีใครรับรองได้ทั้งนั้น ถึงอย่างไรฉันสองคนก็ตั้งใจไปที่รังมังกรตัวนั้นอยู่ดี"
สีหน้าแต่ละคนชักดำทะมึนแววตาเย็นเฉียบ ท่าทางไม่อยากพูดกันด้วยปากแล้ว เห็นแบบนั้นจินตกชไหวไหล่ท่าทางยียวนเล็กน้อย
"ฉันสองคนเก่งนะเว้ย" แสดงออกแบบพร้อมมีเรื่องซึ่งแบบนั้นทำยูเกรนหัวคิ้วขมวด
"เพิ่งบอกว่าทำแบบนั้นมันเสียแรงเปล่าอยู่ไม่ใช่หรือ แต่ท่าทางนายตอนนี้คือพร้อมมีเรื่องทุกเวลาเลยนะ" หนุ่มผมขาวไม่เห็นคนกลุ่มนี้ในสายตาอยู่แล้วต่อให้มีนักเวทถึงห้าคนในกลุ่มแล้วอย่างไร คว่ำจอมเวทหรือสำหรับเจ้าตัวไม่ยากสักนิด
กลุ่มนักผจญภัยสิบห้าคนระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น "ทีแรกว่าจะช่างมันก่อนแต่ปากดีแบบนี้ ก็หายไปเลยละกัน" สัญญาณลงมือรุมสกรัมสิบห้าต่อสองจากหัวหน้ากลุ่มส่งให้นักดาบสี่คนในกลุ่มชักอาวุธพุ่งเข้าฟันใส่ทั้งสองทันที
ขาเรียวยาวแตะเข้าที่ข้อมือนักดาบคนหนึ่งแรงแบบทำแขนหักดาบหลุดมือกระเด็นไปตกไกลลิบ แน่นอนว่าฝีเท้านั่นมาจากหนุ่มผมขาว ลงเท้าแรกก็โหดเหี้ยมให้บีสท์ขี้ริ้วผงะเล็กน้อย
พ่อคุณดุร้ายชะมัด
จินตกชแค่ใช้มือปัดป้องให้วิถีดาบเบนออกจากตัวไม่เรียกเลือดเนื้อจากผู้จู่โจมเหมือนเขากำลังประเมินความสามารถของคนกลุ่มนี้ ครั้งนักดาบอีกสามที่กำลังตั้งใจฟาดฟันเอาตายโดนปัดไล่ง่ายดาย นักสู้มือเปล่าจึงเข้ามาร่วมวงด้วย สนับมือเหล็กกล้าพุ่งเข้าใส่จินตกชหลบแวบหมัดนั้นพุ่งเลยไปปะทะต้นไม้หักโค่นในทันที
"แรงดีใช้ได้เลย" จินตกชยกหัวแม่มือให้ก่อนยกเท้าถีบเข้ากลางตัวทีเดียวกระเด็นไปหลายเมตร ตกพื้นแล้วยังกลิ้งไปอีกหลายตลบรุนแรงแบบหมดสติไปเลย ครั้นหันไปทางนักดาบแล้วให้ผงะรอบสอง ยูเกรนส่งลงไปนอนพื้นหมดแล้ว "นายลงมือโหดไปไหม" ใต้ร่างเหล่านักดาบแอ่งน้ำสีแดงเป็นวงกว้างเชียว
"ฉันไม่ใช่คนดีขนาดปล่อยพวกหาเรื่องได้ตลบหลังหรอกนะ" น้ำเสียงเย็นน้อยกว่าแววตาที่กำลังจับจ้องนักเวทเสียอีก และไม่รอให้เสียเวลายูเกรนกระโจนออกไป จอมเวทซัดพลังน่าสะพรึงออกมากันทว่ามันช่างเปล่าประโยชน์
คมดาบฟาดฟันรวดเร็วสลายพลังเวทแล้วไปถึงตัวตวัดวูบเดียว บาดแผลใหญ่แบบถึงชีวิตเกิดขึ้นแบบเจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ยูเกรนไม่หยุดแค่นั้น พริบตาที่เขาก้าวออกไปอีกครั้งปลายดาบแหลมคมถึงไหล่นักเวทอีกคนแล้วฟันออกไปพร้อมยกเท้าถีบนักเวทอีกคนที่ยังยืนตะลึง ส่งนักเวทสามคนลงไปนอนร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวด
เมื่อกี้เร็วแทบมองไม่ทัน แล้วยังพลังฝีมือขนาดลบล้างพลังเวทได้ง่ายดายแบบนั้น ถ้าหมอนี่เป็นพระเอกอีกคนฉันก็ไม่เถียงเด็ดๆ
"นี่แกทำได้ยังไง พวกฉันเป็นนักเวทนะเว้ย!" จอมเวทหัวหน้ากลุ่มร่ายเวทรวดเร็ว พลังเวทที่เห็นแล้วน่ากลัวไม่น้อยแต่มันไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด
ไม่รู้ว่าดาบในมือยูเกรนตวัดออกไปเมื่อไหร่พลังเวทสลายสิ้นพร้อมมือข้างที่ประคองเวทเมื่อครู่ร่วงลงพื้น จอมเวทแหกปากดังสนั่น เลือดที่แขนพุ่งเป็นน้ำพุ แล้วพริบตาเงาร่างผมขาวพุ่งออกไป นักผจญภัยกลุ่มนั้นทั้งหมดก็หมดสิทธิ์ไปช่วยเจ้าหญิง
"มีผู้ใช้เวทแค่นี้ไม่ตายหรอก" เก็บดาบระหว่างปรายสายตาเย็นเฉียบใส่คนกลุ่มนั้น
แรกเริ่มที่หาเรื่องจินตกชคิดแค่ว่าจะตัดกำลังให้มีคนบุกรังมังกรน้อยลงหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนี้น้อยคนใช่ว่าความอันตรายลดลง นักดาบคนเดียวน่ากลัวกว่าจอมเวทร้อยคนเสียอีกกระมัง
"เอ่อ... ย้ายที่พักดีกว่าไหม" ถามไปอย่างนั้นแหละตอนนี้จินตกชกำลังกลบกองไฟกันไฟไหม้ป่า เขาไม่สามารถทำใจพักแรมตรงที่เพิ่งนองเลือดได้หรอกนะ
ยูเกรนเดินตามไปเงียบๆ เจ้าตัวกวาดตามองไปในความมืดแบบคนที่รับรู้ว่าในป่ามีคนซุ่มซ่อนอยู่อีกมาก แน่นอนว่าบางทีถ้าเมื่อครู่ยูเกรนไม่ลงมือเด็ดขาดแบบนั้นอาจมีกลุ่มอื่นลอบจู่โจมอีกก็ได้ ในเมื่อใครก็ไม่อยากให้ส่วนแบ่งโดนหารมากขึ้นทั้งนั้นนี่นา ทว่าใครจะรู้เล่าว่าบีสท์ขี้ริ้วรับงานจ้างนายจ้างคนละคนกับนักผจญภัยคนอื่น
เดินมาอีกพักใหญ่แม้มีสายตาแอบมองในความมืดทว่าไม่มีใครกล้าปรากฏตัวออกมาหาเรื่องอีก จินตกชจึงหาที่พักแรมแล้วก่อกองไฟขึ้นใหม่ อาหารเมื่อก่อนหน้าไม่ได้กินครั้นจะเผาใหม่มันเสียเวลา อาหารแห้งคือทางเลือกและเนื้อแห้งกับขนมปังแข็งโป๊กชิ้นใหญ่ก็ส่งมาตรงหน้า
"เมื่อกี้ยังไม่ได้กินไม่ใช่หรือ" ยูเกรนส่งเสบียงที่เขาพกติดตัวให้บีสท์หนุ่มแล้วดึงผ้าห่มออกมาจากกระเป๋ามิติที่ข้างเอว
"ขอบใจ" แม้ขนมปังแข็งไปนิดแต่กินได้ ถึงแม้ในคลังเก็บของของจิตกชมีขนมปังนุ่มๆ เก็บอยู่แต่เขาไม่เอาออกมาให้อีกฝ่ายเสียน้ำใจหรอก ขณะแทะของกินไปเขาก็เอาใบคำร้องออกมาอ่านอีกครั้ง แน่นอนว่าทุกกลุ่มย่อมมีใบคำร้องติดมาทั้งนั้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานยามรับค่าจ้าง
ยูเกรนมองกระดาษคำร้องนั่นแล้วหัวคิ้วขมวด "ใบคำร้องนั่นได้มาจากใครหรือ?"
"จากสมาคมนักผจญภัยเขตที่ฉันสังกัดนะสิ" เจ้าตัวตอบพลางไล่สายตาอ่านใหม่อีกครั้งตั้งแต่อักษรแรกไล่ไปเรื่อยๆ ใช่ว่าเจ้าตัวคิดว่ามันผิดปกติตรงไหนถึงเอาออกมาอ่าน จินตกชกำลังเดิมพันกับคนตรงหน้าว่าจะแยกความต่างของกระดาษแผ่นนี้ได้หรือไม่
"ขอฉันดูหน่อยได้ไหม?"
จิตกชส่งกระดาษแผ่นนั้นให้
"นี่คือภาษาอะไร?" สีหน้าแววตาเคร่งเครียดเงยมองบีสท์ผู้นั่งตรงข้ามกองไฟกับตน
"อ่านออกไหม?" แทนการตอบเจ้าตัวถามกลับไปและได้รับการส่ายหน้า "ผู้ว่าจ้างฉันกับผู้ว่าจ้างที่นายรับคงเป็นคนละคนกันแล้วล่ะ"
"หมายความว่าอย่างไร คนที่ส่งคำร้องว่าจ้างยังสมาคมนักผจญภัยคือราชาแห่งเคฟทาวีคนี่นา ยังมีใครอื่นอีกหรือ?" หากไม่ใช่ราชาแล้วผู้ใดสามารถจ่ายค่าตอบแทนเทียบเท่าที่ราชาให้ได้อีกล่ะ
"นายรับภารกิจจ้างของราชาแห่งเคฟทาวีคมาเหมือนคนกลุ่มนั้นใช่ไหม?"
ยูเกรนนิ่งไปครู่หนึ่ง "ไม่ได้รับ บอกแต่แรกแล้วไงว่าไปช่วยคนเดือดร้อนเฉยๆ อีกอย่างฉันแค่อยากรู้ว่ามังกรทรงอำนาจแค่ไหนถึงใช้พลังรังแกผู้อ่อนแอกว่า เลยว่าจะลองล่ามังกรดูสักครั้ง"
"ที่ว่าไปช่วยเฉยๆนั่นไม่ได้พูดเล่นจริงน่ะ!?" จินตกชอึ้งไปแวบหนึ่งเลย พ่อนักบุญจะไปปราบมังกรฟรีๆ ของจริง
"ฉันเหมือนคนชอบพูดล้อเล่นงั้นหรือ?" เห็นหน้าพ่อคุณก็รู้แล้วว่าการล้อเล่นมันห่างไกลหนุ่มคนนี้แน่นอน "ว่าแต่คุณเถอะรับภารกิจจ้างจากใครมา" เขายังจ้องกระดาษในมือสลับกับหน้าบีสท์หนุ่มขี้ริ้ว
จินตกชยื่นมือไปคว้ากระดาษแผ่นนั้นกลับมา "บอกไปนายก็ไม่เชื่อหรอก เอาเป็นถึงรังมังกรก่อนก็รู้เอง" ทว่าหนุ่มผมขาวยังต้องการคำตอบสายตาที่เขม็งมาทำบีสท์ขี้ริ้วสันหลังเย็น "ยอมๆ ฉันรับภารกิจจ้างจากมังกรที่ถูกกล่าวหาว่าลักพาตัวเจ้าหญิง" เครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาบนหน้ายูเกรนทันที จินตกชจึงเล่าถึงเนื้อความในกระดาษภารกิจและคำร้องขอความช่วยเหลือ
สีหน้ายามนี้บอกให้รู้ว่ายูเกรนทำความเข้าใจเรื่องที่จินตกชเล่าให้ฟังอย่างลำบากที่สุด หัวคิ้วพ่อคุณขมวดแทบชนกัน ตาขวาง ปากเม้มเป็นเส้นตรงแผ่รังสีไม่น่าคบ เอ๊ย ไม่น่าเข้าใกล้ออกมาเข้มข้น
"มังกรเดือดร้อนจนต้องส่งคำร้องให้ช่วย ไม่เคยได้ยินมาก่อน แน่ใจหรือว่ามันเรื่องจริง" ที่ยูเกรนว่ามานั้นถูกแล้วไม่เคยมีมังกรตัวไหนในโลกร้องขอความช่วยเหลือจากเผ่าพันธุ์อื่นยิ่งขอให้นักผจญภัยช่วยยิ่งไม่มี แล้วภารกิจที่บิสท์คนนี้รับมาคืออะไร
"ไปถึงรังมังกรเดี๋ยวก็รู้เองแหละว่าจริงหรือหลอก" ไม่ว่าอย่างไรสมบัติมังกรก็น่าสนใจมากสำหรับจินตกชผู้คาดหวังว่าอาจมีแฟรร์สโตนอยู่ในกองสมบัตินั้น
ต่อให้ยังเชื่อไม่ลงแต่ทั้งสองก็มาถึงรังมังกรตัวต้นเหตุจนได้ หน้าถ้ำกว้างสูงกว่าตึกห้าชั้นมีนักผจญภัยกับทหารของอาณาจักรเคฟทาวีคยืนอยู่เป็นร้อยคน
"ถ้าทั้งหมดนั้นบุกเข้าไปต่อให้มังกรทรงอำนาจแค่ไหนคงโดนกำจัดได้แน่นอน" ยูเกรนแค่นเสียงขณะกวาดตามองคนกลุ่มใหญ่
"นั่นสิ ไม่ดีแน่ฉะนั้นต้องเข้าไปให้ถึงตัวมังกรก่อนคนพวกนี้" ว่าพลางเดินห่างปากถ้ำไปทางป่ามืดครึ้ม
"นายจะไปไหน?" ยูเกรนเดินตามมา
"หาทางลัดเข้ารังมังกรไงล่ะ" ตามเนื้อเรื่องบุกรังมังกรช่วยเจ้าหญิงมีจริงและมันมีทางลับให้ผ่านเข้าไปถึงด้านในสุดซึ่งถูกไม้พุ่มเตี้ยบังไว้ไม่ห่างจากปากทางเท่าไหร่นัก พระเอกเจอทางนี้เพราะเข้ามาสอยกระต่ายแถวนี้พอดี ฉะนั้นเขาหวังว่าจะไม่เจอพระเอกซุ่มตบกระต่ายตอนนี้นะ ถ้าเจอขึ้นมาคงได้ให้ยูเกรนนักดาบรับหน้าแทนไปละกัน
มุดๆไปตามพุ่มไม้ครู่หนึ่งเหลือบไปเห็นทางที่ว่าพอดี จินตกชรีบแหวกพุ่มไม้ไปที่ทางนั้นแล้วมุดเข้าไป ทางเข้าค่อนข้างเตี้ยทำให้ต้องคลานเข้าไปสักสามอึกใจจึงกว้างขึ้นให้พอยืนได้ จึงยืนขึ้นแล้วก้าวว่องไวลึกเข้าไป ตามจริงแล้วทางนั้นมืดมิดแต่ทักษะวิสัยทัศน์ระยะไกลทำให้มองเห็นได้สบาย
"นายเดินช้าหน่อยได้ไหม มันมืดฉันมองเห็นไม่ชัด" คนด้านหลังตามมาอย่างทุลักทุเล แม้สงสัยว่าจินตกชรู้ว่ามีทางเข้านี้ได้อย่างไร แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป
นั่นแหละจินตกชถึงเพิ่งนึกได้ว่ามียูเกรนตามมาด้วย เจ้าตัวเอาลูกแก้วบรรจุเวทแสงออกมาจากคลังเก็บของเป็นแสงส่องทางให้คนด้านหลังเพียงไม่นานก็เห็นแสงสว่างปลายทาง จินตกชยื่นหน้าออกไปเล็กน้อยเพื่อดูสถานการณ์ ยูเกรนยืนซ้อนหลังทั้งที่เจ้าตัวเป็นเผ่ามนุษย์แต่ความสูงแทบไม่ต่างกันยื่นหน้าออกไปบ้าง กองสมบัติอร่ามเรืองสูงเป็นภูเขากลางโถงใหญ่โตแบบแหงนคอตั้งบ่า แสงจากลูกไฟเวททำให้ทั้งโถงสว่างราวอยู่กลางแจ้ง ทั้งสองมองไปยังยอดภูเขาสมบัติ มังกรตัวใหญ่โตเกล็ดสีแดงนอนหมอบอยู่แทบเท้าสาวน้อยผมทองในชุดฟูฟ่องสีเขียวอ่อน
[คุณเจอผู้เข้ามาเดินเล่นอิลิเลีย ผู้รับบทเจ้าหญิงแห่งเคฟทาวีค สถานะปัจจุบันคือจอมเวทระดับโกลด์มาสเตอร์ติดอันดับเจ็ดสิบเก้าจากร้อยระดับจอมเวทแห่งยุคในโลก]
บีสท์ขึ้นริ้วรีบผลุบกลับมาหลังติดผนังหน้าซีดเหงื่อตกสองมือกุมแก้ม อ้าปากค้างท่าทางตระหนกราววิญญาณจะพุ่งออกมาทางปาก นั่นทำยูเกรนผวาเฮือกห่างไปห้าก้าว
นอกจากพระเอกแล้วยังมีอีกหนึ่งหรือนี่ เว้ยคิดว่าฉันมีกี่ชีวิตกันอินจัน!
จินตกชกลืนน้ำลายฝืดคอแล้วลอบมองอีกครั้ง ท่าทางเจ้าหญิงคนนั้นเย่อหยิ่ง แผ่จิตน่ากลัวออกมากดดันทุกสิ่งแล้วยังแววตาทอดมองราวมังกรตัวนั้นเป็นแค่สัตว์เลี้ยงเล็กๆ ที่เจ้าตัวจะทำอย่างไรกับมันก็ได้ ความรู้สึกเหมือนลูกหมาตัวน้อยน่าเอ็นดูที่เคยเห็นไม่มีเหลืออยู่ตรงไหนเลยสักนิด
"นายรู้จักเจ้าหญิงคนนั้นงั้นหรือ"
"หา!?"
"ก็ความรู้สึกของนายตอนเห็นหน้าเมื่อครู่คือตกใจจากการเจอคนรู้จักที่ดูเปลี่ยนไปนี่นา"
"หน้าฉันมีแต่ขนแบบนี้อ่านอะไรได้ด้วยหรือไงเล่า" ไม่ว่าแสดงสีหน้าแบบไหนแต่หน้าเสือแทสมาเนียขนเต็มมันมีอะไรให้อ่านได้นอกจากพลังทำลายสายตา
"อ่านจากความรู้สึก"
ยูเกรนคงไม่รู้ว่าคำตอบเรียบๆ นั้นทำจินตกชสะเทือนไปทั้งร่าง เจ้าตัวกลายเป็นฝ่ายผงะห่างหนุ่มผมขาวออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียดและระวังตัวขึ้นมาทันที
"ซีวิลล์?" ยูเกรนรับรู้ได้ว่ายามนี้บีสท์ตรงหน้ากำลังหวาดหวั่นต่อตัวเขาซึ่งไม่ใช่จากพลังฝีมือทว่าเป็นตัวตนของเขาทั้งที่ตลอดทางเจ้าตัวไม่มีความรู้สึกแบบนี้ต่อสิ่งใดสักนิด
ฉันควรทำความเข้าใจอย่างไร ทุกเรื่องมันจะมีคนที่มีความสามารถเดียวกันในระดับตัวสำคัญแบบนี้มันไม่มีทางเป็นเรื่องปกติแล้ว ตกลงแล้วคนคนนี้คือใคร!!?
ต่อให้อิลิกเคยบอกว่าพลังแบบไหนเป็นที่นิยมก็จะเอามาใช้ในนิยายทั้งนั้นแต่คำเรียกนิยามของแต่ละเรื่องควรต่างกันสิ ไม่ใช่ตรงกันราวออกมาจากปากคนเดิมแบบนี้ ยิ่งถ้าเป็นคนเดียวกันจริง... มีคดีกันไว้บานเบอะ ฉันตายแน่
ดวงตาของหนุ่มผมขาวสั่นไหวเมื่อรับรู้ได้ว่าจินตกชกำลังหวาดระแวงตน ครั้นเขาจะพูดอะไรสักอย่างบีสท์ตรงหน้ายกมือขึ้นห้าม
"ตัวตนของนายที่ฉันสงสัยเอาไว้ก่อนตอนนี้ต้องหาทางช่วยมังกรจากเจ้าหญิงกับกองทัพผู้มาช่วยเหลือเสียก่อน คนเหล่านั้นเข้ามาเกือบถึงโถงนี้แล้ว" สองมือตบแก้มตนเองเรียกสติ จินตกชโยนความสงสัยทั้งหมดทิ้งไปก่อน แล้วกลับไปโฟกัสเรื่องที่ต้องทำยามนี้ที่สุด ความตึงเครียดรอบกายสลายแวบเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดเล็กน้อยยามมองเจ้าหญิง
"ได้" ทางนั้นตอบเสียงเบาสั้นๆ
"ทำไมท่าทางซังกะตายแบบนั้น นี่ฉันหวังพึ่งฝีมือนายอยู่นะถ้าไล่ยายเจ้าหญิงนั่นให้ห่างจากมังกรก่อนคนพวกนั้นเข้ามาถึงไม่ได้เราแย่แน่" จินตกชเตรียมออกไปท้าทายจอมเวทระดับโกลด์มาสเตอร์แล้วแต่คนข้างตัวยังหงอยแปลกๆ
"จะให้ทำอะไรล่ะ?" ยูเกรนไม่รู้เลยว่าจินตกชวางแผนใดไว้ ระหว่างทางไม่มีบอกสักอย่าง
มือบีสท์หนุ่มชี้ไปยังเจ้าหญิง "ฝัง เอ๊ย ไล่ยายนั่นออกไปห่างๆ มังกรแล้วเดี๋ยวฉันไปเอามังกรออกมาเอง" ขยับมือขยับเท้าแบบพร้อมลงมือ แล้วก้าวออกไปชี้หน้าหาเรื่องเข้าตัวทันที "เฮ้ย ฉันมาช่วยแล้ว!" บีสท์ขี้ริ้วตะโกนออกไปสุดเสียง นั่นทำเอาโถงสะเทือนเรียกสายตาเจ้าหญิงกับมังกรมาที่ตนทันที
ยังไม่มีใครส่งเสียงใดอีกเจ้าหญิงก็ต้องรีบหลบวูบแล้วก้าวถอยหลังมานับสิบก้าวเมื่อดาบเล่มหนึ่งพุ่งมาถึงตัวรวดเร็วแบบหลบแทบไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างเมื่อเห็นผู้จู่โจมชัดเจน
"ตายแล้วนี่มันพระเอกหล่อเทพเกินผู้เกินคนไกลไปแล้วนะคะ แล้วดูรูปร่างเพรียวบางทว่าเต็มไปด้วยพลังหยั่งไม่ถึงนั่นสิ นิ้วมือก็เรียวสวยเหมือนศิลปะกระเบื้องเคลือบประเมินค่าไม่ได้ ดวงตาสีน้ำเงินนั่นอัญมณีประดับยอดมงกุฎยังอายเมื่อเอามาเทียบ บุญตาจริงๆ เลยค่ะ!" ทั้งที่เพิ่งโดนดาบฟาดใส่ประสงค์ให้เจ็บหนักทว่าเจ้าหญิงยังมีแก่ใจชื่นชมผู้จู่โจมจากใจจริงราวสติมีปัญหา แน่นอนว่าความรู้สึกนั้นยูเกรนอ่านได้ง่ายๆ มันจึงทำให้เจ้าตัวชะงักไปแวบหนึ่ง แถมอีกหนึ่งชะงักตามไปด้วย
พระเอกหรือ ยูเกรนคนนั้นเป็นพระเอก ได้ไง?! หน้าต่างโฮโลแกรมไม่เด้งสักหน่อยตอนเจอพ่อคุณ
"เพ้อเจ้ออะไรของท่านหรือเจ้าหญิง" เจ้าตัวยกดาบขึ้นสูงแล้วฟาดลงพื้นทำเอาอะไรบ้างไม่รู้ละระเบิดกระจายไปทุกทิศ ถ้าโดนเข้าไปมีเจ็บหนักแน่นอน
"ว้าย เดี๋ยวสิคะทำไมมาโจมตีฉันล่ะคะ!?" เจ้าหญิงรีบใช้เวทต้านแต่แรงทำลายเหนือกว่าทำเอาเวทเธอสลายแวบเลยโดนสมบัติหลายชิ้นตกใส่ให้หัวปูดหัวโนหลายที่ "เจ้ามังกรมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้!" เจ้าหญิงรู้ว่าหนุ่มผมขาวคนนี้ฝีมือสูงกว่าแบบเทียบกันไม่ได้ หากสู้กันจริงเธอคงดับอนาถแบบไม่รู้ตัว
มังกรตัวโตได้ยินเสียงสั่งจึงขยับตัวขึ้นยืน แล้วจับจ้องยังผู้บุกรุกทั้งสองอย่างน่ากลัว