webnovel

ตอนที่ 18 : รองชนะเลิศ

เช้าวันรุ่งขึ้นในช่วงเวลาสายของวัน พิธีการจับฉลากก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีฉานหัวหน้าพรรคม้าเหล็กเป็นประธานในการจับฉลาก โดยผลของการแบ่งสาย ธีรพลถูกจัดให้อยู่ในสายล่างร่วมกับก้านแต่หนทางจะมาบรรจบพบกันก็ต่อเมื่อถึงรอบรองชนะเลิศเท่านั้น ส่วนคุณชายผู้มีฝีมือน่ากลัวผู้นั้นถูกจับฉลากให้อยู่ในสายบน

"ทุกท่าน"

ฉานหัวหน้าพรรคผู้ที่อยู่ในวัยสี่สิบปีเศษผายมือกางแขนทั้งสองข้างหมุนวนอยู่กลางเวทีลอยน้ำ เอ่ยกล่าวร้องเรียกความสนใจด้วยเสียงอันทรงพลัง พร้อมกวาดตามองแขกผู้มาเข้าร่วมงานประลองทุกคนราวกับว่าไม่มีสิ่งผิดปกติใดที่จะเล็ดลอดสายตาอันแหลมคมของเขาไปได้

"ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประลองใหญ่ประจำปีของพรรคม้าเหล็กเรา สำหรับปีนี้เราได้เชิญนักสู้ที่มีฝีมือเก่งกาจมาจากทั่วทั้งแดนเหนือและดินแดนเขตภาคกลางตอนบน ซึ่งรวมทั้งสิ้นแล้วเรามีนักสู้ที่จะมาห้ำหั่นฝีมือให้ทุกท่านได้ดูกันถึงสิบหกคน และแน่นอนว่าเงินรางวัลสำหรับผู้ที่ชนะเลิศในครานี้ก็คือ ทองคำหนักห้าบาท" พร้อมๆกับสิ้นประโยคจากฉาน เสียงฮือฮาจากฝูงชนบนอัฒจันทร์ก็พลันดังเซ็งแซ่ขึ้นด้วยความอิจฉาในวาสนาของนักสู้ผู้ที่จะได้รับขุมทรัพย์ชิ้นนี้ไปครอบครอง

"ดั่งเช่นทุกปี หวังว่าในครานี้ทุกท่านจะได้พบกับการต่อสู้ที่ตื่นเต้นเร้าใจ ทุกท่านพร้อมที่จะพบนักสู้ของเราแล้วใช่หรือไม่?" ฉานชูมือเอ่ยปลุกใจฝูงชนด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เลือดลมภายในกายของทุกผู้คนร้อนระอุ

เย้!

เสียงโห่ร้องจากฝูงชนพลันเร่งเร้าบรรยากาศของงานประลองให้ครึกครื้นถึงขีดสุด

"เช่นนั้น งานประลองจงเริ่มเปิดฉาก ณ บัดนี้" ฉานประกาศด้วยเสียงอันดัง พร้อมกับเสียงฆ้องดังกังวานที่บ่งบอกถึงการเริ่มงานประลองประจำปีอย่างเป็นทางการ

"สำหรับกฎกติกาการประลองจะเป็นการต่อสู้แบบไม่จำกัดเวลา ทางเราไม่อนุญาตให้ใช้อาวุธในการประลอง นอกเหนือจากนั้นนักสู้สามารถใช้ออกได้อย่างเต็มที่ ความพ่ายแพ้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีผู้หนึ่งผู้ใดหลุดออกจากเวทีไป หรือมีนักสู้คนใดบาดเจ็บจนไม่สามารถจะสู้สืบต่อไปได้ และหากมีผู้ใดยกมือประกาศว่า ยอมแพ้ การต่อสู้ก็จะยุติลงเช่นกัน" กรรมการคนเดิมที่ธีรพลคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี ก้าวขึ้นบนเวทีเอ่ยประกาศให้ทั้งนักสู้และผู้ชมรับรู้โดยทั่วกัน

"คู่ที่หนึ่ง เชิญ" กรรมการคนดังกล่าวผายมือสั่งให้เริ่มต้นการประลอง ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนหนุนเนืองจากผู้เข้าชม รวมไปถึงเสียงแทรกของการขานอัตราการต่อรองและการเดิมพันพนันขันต่อกันอย่างกว้างขวาง

เพียงชั่วพริบตาเดียว เนื่องจากบรรยากาศอันตื่นเต้นเร้าใจ จึงทำให้เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วราวกับติดปีก จนขณะนี้เวลาได้ก้าวเข้าสู่ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลการแข่งขันในปัจจุบัน ธีรพลสามารถทะลุผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกได้เป็นผลสำเร็จ รอพบกับไอ้ก้านนักสู้จากเวียงโกศัยซึ่งผลแพ้ชนะของทั้งสองนี้เองจะใช้เป็นการตัดสินผลพนันระหว่างเฮียจวงและเฮียสมบัติที่วางเดิมพันไว้ตั้งแต่เมื่อวานนี้

หากจะบอกว่าในสองรอบที่ผ่านมา ธีรพลสามารถผ่านคู่ต่อสู้มาได้อย่างง่ายดายนั้นก็ไม่ถูกดีนัก เพราะแม้ความแตกต่างระหว่างผู้ที่สามารถบังคับใช้กำลังภายในได้กับผู้ที่รู้แต่เพียงการใช้วิชาภายนอกนั้นมีความห่างกันช่วงใหญ่ แต่นักสู้ทั้งสองที่ได้เผชิญหน้ากับธีรพลก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่แตกฉานในศาสตร์ต่อสู้แขนงใดแขนงหนึ่งอย่างถ่องแท้ ดังนั้นธีรพลจึงต้องระดมใช้สติปัญญาและพลังชีวิตไม่น้อยเข้าหักหาญ จึงทำให้สามารถส่งนักสู้ในรอบแรกให้บาดเจ็บจนไม่สามารถสู้ต่อได้ และนักสู้ในรอบถัดมาที่ต้องออกแรงมากกว่าเดิมกว่าจะส่งอีกฝ่ายให้ตกน้ำจนพ้นออกจากวงต่อสู้ได้ ซึ่งก็เฉกเช่นเดียวกับไอ้ก้านที่ก็ผ่านความตรากตรำมาไม่น้อยกว่าที่จะสามารถทะลุเข้ามาเผชิญหน้ากับธีรพลได้ในที่สุด

แต่ที่น่าแปลกก็ตรงที่ตารางการแข่งขันในสายบนนั้นกลับราบเรียบจนผิดปกติ แน่นอนว่าผู้ที่สามารถเข้าไปยืนรอท้าชิงตำแหน่งผู้ชนะเลิศได้ก่อนก็คือ คุณชายคนดังกล่าวนั่นเอง แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ชมทั้งสนามตื่นตะลึงเป็นอย่างมากก็คือฝีไม้ลายมือของคุณชายผู้นั้นที่เหนือล้ำกว่านักสู้ทุกคนในตารางการแข่งขันสายบน จนแทบจะสามารถพูดได้ว่าเขาสามารถผ่านนักสู้ในทุกรอบมาได้โดยแทบจะไม่เสียเหงื่อเลยแม้แต่เพียงสักหยดเดียว ซึ่งนั้นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ในขณะนี้เขาได้กลายเป็นมือวางอันดับหนึ่งของรายการไปโดยปริยาย

"ไอ้ธี เอ็งเป็นอย่างไรบ้างพร้อมหรือไม่?" สิงห์ที่ดูจะกระตือรือร้นกว่าธีรพลเป็นพิเศษ เนื่องจากผลแพ้ชนะในครั้งนี้ก็เกี่ยวพันถึงเขาโดยตรงเช่นกัน เขาจึงเร่งเอ่ยกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ก็ใช้มือเป็นระวิงนวดเฟ้นคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆให้กับเกลอคนสนิทของเขา

"ยังพอไหว" แม้จะมีความมั่นใจในตัวเองและแผนการที่วางไว้อยู่พอตัว แต่เพราะคู่แข่งนั้นก็มีฝีมือที่ไม่อาจดูแคลน ประจวบกับในรอบที่ผ่านๆมาก็สูญเสียพลังชีวิตไปไม่น้อย ธีรพลจึงไม่กล้าลำพองตน เอ่ยกล่าวตอบเพียงแบ่งรับแบ่งสู้ให้สิงห์ได้รับทราบอย่างครึ่งๆกลางๆไป

"เวลานี้เอ็งต้องมีความมั่นใจจึงจะถูก อย่ามัวแต่กังวล เอาละ...เอ็งหลับตาลงเสีย เดี๋ยวข้าจะท่องคาถาเสกมนตร์ให้เอ็งมีพลังกายพลังใจที่จะฟาดฟันศัตรู" โดยไม่ถามไถ่ใดๆทั้งสิ้น สิงห์ก็พลันควักเอาพระที่ห้อยคอขึ้นมาพนมไหว้จรดเหนือศีรษะ และทำท่าจะท่องคาถาบางอย่างใส่กระหม่อมของธีรพล

"ไอ้สิงห์ ข้าไม่ได้..." แม้ธีรพลจะพยายามขัดขืน แต่ก็ดูเหมือนสิงห์ที่ในขณะนี้จะทำตัวเป็นจอมขมังเวทย์ก็ไม่ยอมรับฟังและยังคงบริกรรมคาถาสวดภาษาล้านนาเดิมอยู่ต่อไป

"ปล่อยเขาเถิด เขาจะได้สบายใจ" สุบรรณเอ่ยแทรกขึ้นในจิต

"หวังว่าคาถาบทนี้จะมีส่วนช่วยได้ไม่มากก็น้อย" ธีรพลที่แม้จะไม่หวังพึ่งพาคาถาอาคมจากสิงห์สักเท่าใดนัก แต่ภายนอกก็จะยังยินยอมให้เกลอรักร่ายมนต์จนเสร็จสิ้นพิธีกรรม

"รอบรองชนะเลิศคู่ที่สอง เชิญ" สิ้นเสียงกรรมการ สิงห์ก็พลันตื่นลืมตาขึ้นก่อนเป่ากระหม่อมธีรพลไปคราหนึ่ง แล้วจึงรีบสั่งให้เกลอรักเตรียมพร้อมลงสู่สนาม

"เอ็งนี่เก่งกาจไม่เบาทีเดียวที่ผ่านมาจนถึงรอบนี้ได้" แม้จะเตรียมใจคาดการณ์ไว้ว่าธีรพลอาจจะสามารถทะลุเข้ามาถึงรอบตัดเชือกไว้ล่วงหน้าแล้วก็ตาม แต่ก้านเองก็ยังคงแอบนึกประหลาดใจไม่ได้ว่าเหตุใดธีรพลจึงยังไม่แสดงอาการอ่อนล้าพลังงานชีวิตขาดช่วงให้เห็น แต่ภายนอกยังคงพูดจาแย้มยิ้มซ่อนความรู้สึก เดินเคียงคู่ธีรพลขึ้นบนเวทีกลางน้ำไป

"เพียงโชคดีเท่านั้นพี่ชาย" ธีรพลเองที่ก็รู้ว่าก้านรู้สึกเช่นไร แต่ภายนอกก็ยังคงเก็บเงียบปล่อยให้สภาวะร่างกายของตนเป็นเรื่องคลุมเครือสำหรับศัตรูต่อไปเช่นกัน

จากนั้นทั้งสองก็เดินนิ่งเงียบเข้าประจำที่ เปลี่ยนมาเป็นหันยืนเผชิญหน้าห่างกันราวห้าหกก้าว รอสัญญาณเริ่มต้นการประลองจากกรรมการ ท่ามกลางบรรยากาศที่ชวนให้ตึงเครียดเขม็งเกลียวก่อนศึกใหญ่จะระเบิดเปิดฉากขึ้น

"เมื่อพวกเจ้าทั้งสองพร้อมแล้ว เริ่มการประลองได้" กรรมการประกาศขึ้น พร้อมๆกับเสียงโห่ร้องหนุนเนืองจากผู้ชมที่อึกทึกเสียจนอยู่ห่างไปไกลเป็นกิโลก็ยังสามารถที่จะได้ยิน

"ไอ้น้อง ศอกเข่าไม่มีนัยน์ตา ระวังด้วย" ก้านสะแหยะยิ้ม จดตั้งท่ามวยท่าเสาที่สร้างชื่อให้กับเขามาตั้งแต่อายุได้เพียงสิบเจ็ดปี

ถึงตอนนี้ ธีรพลเพิ่งได้สังเกตพิเคราะห์ลักษณะท่าทางภายนอกของก้านโดยละเอียด พบว่าชายผิวกร้านแดดที่อยู่ในวัยราวยี่สิบปลายผู้นี้ มีรูปร่างต่ำเตี้ยกว่าเขาเพียงครึ่งศีรษะ มีรูปร่างสมส่วน กล้ามเนื้อบนร่างมีไม่มากไป แต่ที่ดูจะโดดเด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นท่าทางที่ดูคล่องแคล่วว่องไวเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นก็เป็นจุดที่ธีรพลต้องพึงระวังอีกฝ่ายไว้ให้มาก

"พี่ชาย ออมมือด้วย" ธีรพลเอ่ยพร้อมตั้งท่ามวยที่คุ้นเคย เกร็งกำลังเตรียมพร้อมรับศึกที่กำลังจะอุบัติขึ้นในไม่ช้า

下一章