ดวงใจปักษา10
ตอน หวนระลึกถึงอดีต1
...ครั้นล่วงกาลวันเพลาพ้นผ่าน ศิรินภานั่งครุ่นคิดถึงอดีตที่ผ่านมากับชะตาตนเอง
ณ เวลานั้น..ในนครอนันตะศิลาลัย สองราชธิดาในท้าวพญาเจ้าผู้ครองนคร ความสนิทสนมกลมเกลียวดั่งฝาแฝด...
" พระพี่นาง เพคะ วันนี้มิออกไปเดินชมสวนพฤกษาพันธ์ ชมดอกไม้งาม กลับหม่อนฉันหน่อยหรือ..เจ้าคะ" จันทร์ฉายเอ่ยชวนพระพี่นาง
" พี่ว่าจักมิออกไปไหน เพราะรู้สึกมิค่อยสบาย "
" พระพี่นางอย่ามาปดน้องเลย..เจ้าคะ น้องรู้หรอกว่า ที่พระพี่นางไม่สบายใจคือเรื่องอันใด! "
" เจ้านี่!..ทำเป็นอวดรู้ซะจริงนะ!.."
" มันน่าจะใช่นี่ เพคะ! ข่าวออกใหญ่โต ว่าจักมีเจ้าแห่งนครบาดาลมาสู่ขอพระพี่นาง น้องก็มิรู้หรอกว่า เจ้าพี่นางนั้นคิดอันใด "
" แต่หากว่า ดูจากพระพักตร์ของพระพี่นางแล้ว จึงทำให้น้อง พอจักเข้าใจว่า พระพี่นางมิยินดีกับการนี้! "
" เจ้า..จักให้พี่ ยินดีได้เยี่ยงไร..จันทร์ฉาย!! "
" เจ้าก็รู้ว่า พี่มิได้รู้จักแลคิดชอบกษัตริย์นครนั้น???"
"และในใจพี่เอง ก็ยังมิพร้อมที่จักออกเรือน ด้วยตัวเรานั้นเป็นหญิง ต้องออกเรือนไปอยู่ ต่างบ้านต่างเมือง เจ้าลองตรองดูสิ! "
" พระพี่นาง...หากว่าท่าน มิชอบมิสบายใจ ใยพระพี่นาง มิทูลต่อพระบิดาล่ะ เจ้าคะ! "
" เจ้าจักให้พี่ทูลต่อพระบิดาได้เยี่ยงไร..!"
"พระบิดาเอง ท่านก็คงมีเหตุผลของท่าน ท่านจึงตกลงรับปาก ฝากสาส์นตอบกลับนครนั้น "
จันทรามณีกล่าวกลับน้องสาว..
"การจะคิดขัดพระทัย ของบิดาก็กลัว ส่วนจิตใจตนนั้น ก็หม่นหมอง ด้วยเพราะความรักที่เริ่มก่อเกิด จักทำการใดดีได้ ตัวเป็นลูกก็ต้องยอมทำตาม ที่บิดาให้กระทำ..."
" เอ่ออ..พระพี่นาง ท่านจักบอกกับท่านขุนแสนเยี่ยงไรรึ เพคะ..กับการที่ต้องอภิเษกในครานี้? "
" ท่านแสนคงจักเข้าใจ ว่าพี่นั้นขัดรับสั่งของพระบิดามิได้ หากมีการขัดพระบัญชา.."
"พี่เองก็กลัวว่าจักเกิดสงครามทำให้ประชาราษฏเดือดร้อน " จันทรามณีกล่าวต่อน้องสาว
" ช่างน่าสงสารท่านแสนธนบดินทร์นะ..เจ้าคะ มิรู้ว่าจักทำเยี่ยงไรได้บ้าง ส่วนพระพี่นางเองก็น่าเห็นใจ??? "
...สองพี่น้องจึงพากันนั่งปรับทุกข์ปลอบใจกันไป โดยลืมเรื่องที่จะออกไปเดินเล่นในอุทยานเลย
..........
...จักกล่าวย้อนถึงเรื่องราว ของพญาแสนธนบดินทร์นาคา ณ นครไพรลินมรกต
"' ท่านแสน!!..ท่านแสน..พระโอรส ท่านพ่อเมืองมีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า!! พระเจ้าค่ะ'
" มีเรื่องอันใดกันรึ กัณฑะ!ใยเจ้าต้องตะโกนเสียงดังมาด้วย ตัวเราก็อยู่เพียงแค่นี้ มิได้ห่างกันกับเจ้าเลย!! แล้วท่านพ่อ มีการอันใดถึงเรียกเราไปเข้าเฝ้า..!!"
"..หม่อนฉัน ก็มิทราบพระเจ้าค่ะ แค่นำคำรับสั่ง มาแจ้งต่อพระองค์ ด้วยมีทหารหน้าวังนำมาแจ้ง หม่อนฉันจึงรับนำมาแจ้งต่อพระเจ้าค่ะ????????"
" เจ้านี้..ก็กระไรนะ ใยมิถามให้แจ้งเสียก่อนค่อยมาบอกเรา!! "
"แต่ชั่งเถอะ..เมื่อเป็นรับสั่งของพระบิดา ให้เราเข้าเฝ้า เราก็จักไปเข้าเฝ้า พระบิดาตามรับสั่ง!..ป่ะเราไปกัน!!"
ณ ท้องพระโรงอันโอ่โถง แลเต็มไปด้วยข้าบริพาร ท้าวพญาแสนธนบดินทร์ เมื่อเข้ามาถึงก็ทำความเคารพ ต่อองค์กษัตริย์ผู้นั่งประทับอยู่บนแท่นบัลลังก์
'ถวายบังคม พระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ'
จากนั้นจึงเดินมายังแท่นนั่งประจำตัว ทางเบื้องขวาที่วางต่ำลงมา และห่างจากแท่นบัลลังก์ลงมาชั้นหนึ่ง...
" เจ้ามาแล้วรึ..แสนบดินทร์ลูกพ่อ ที่พ่อให้ทหารไปตามเจ้า มาเข้าเฝ้าเพราะพ่อได้รับสาส์น จากนครอนันตะศิลาลัย พ่อจึงต้องเรียกตัวเจ้า เพื่อมาปรึกษาพร้อมกับขุนนางวังฝ่ายต่างๆ!! "
" มีการอันใด ให้ลูกรับใช้หรือ พระเจ้าค่ะ..
"ขอเพียงพระบิดาบัญชามา ลูกพร้อมกระทำตาม และยินดีแม้ต้องเเลกด้วยชีวิตตนเอง ก็หาได้กลัวไม่..พระเจ้าค่ะ พระบิดา "
"ในสาส์นที่ทางนั้นได้ส่งมา " องค์พญาอนันตะนาคราช เจ้าผู้ครองนคร มีรับสั่งจักขอเจ้าไปเป็น'ลูกบุญธรรม พร้อมยกตำแหน่งขุนเมืองวังหน้าให้เจ้าครอง "
" แล้วด้วยเหตุใด ใยองค์ท่านถึงเจาะจงมาที่ตัวลูกด้วยกระนั้น..พระเจ้าค่ะ"
"ราชบุตรขององค์อนันตะท่าน ก็มีมิใช่น้อย ใยจักต้องมาขอให้ลูกไปเป็นขุนทหารให้ด้วย..พระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ "
" นั่นนะสิ..ท่านพี่ ใยองค์อนันตะจึงคิดอยากได้จ้าวแสนไปเป็นขุนทหารให้แก่ตนด้วย! " พญาสุทธาโภช เอ่ยถามต่อจากหลานชาย ด้วยเพราะตนเอง ก็ติดใจกับสิ่งที่พญาอนันตะต้องการ...
"...อันตัวพี่เองก็มิแน่ใจเช่นเจ้านั่นล่ะสุทธาโภช อยู่ๆองค์อนันตะส่งสาส์นมา ขอให้เจ้าแสนไปเป็นขุนทหารในปกครองตนเอง ทั้งๆที่ราชบุตรขององค์อนันตะเอง ก็มีมากมาย แถมมีฝีมือการรบ ก็มิต่างจากจ้าวแสนด้วยซ้ำ เมืองของเราเองก็มิได้ใหญ่โตอะไร"
"เป็นแค่เมืองในมณฑลเล็กๆเหตุใดองค์อนันตะจึงอยากได้จ้าวแสนไปเป็นขุนทหารด้วยล่ะ." ..พญาสุทโธนาคราชกล่าวพร้อมครุ่นคิดในเรื่องนี้..
" ท่านพ่อ..อย่าได้วิตกอันใดเลย หากท่านพ่อเห็นสมควรการใดลูกพร้อมปฏิบัติตามรับสั่งบัญชาพระเจ้าค่ะ "
"แลในเรื่องนี้ลูกมิขอออกความคิดเห็น แต่ลูกพร้อมปฏิบัติตามรับสั่งของท่านพ่อ"
"ลูกขอให้ท่านพ่อปรึกษากับท่านอาและเหล่าอำมาตย์เถิด หากได้ข้อสรุปประการใด ก็ส่งทหารไปแจ้งแก่ลูกก็แล้วกันนะ พระเจ้าค่ะ..."
"ลูกขอตัวออกไปตรวจตรารอบๆเมืองก่อนนะท่านพ่อ"
กล่าวจบ แสนธนบดินทร์ก็ทำความเคารพต่อบิดา และท่านอา แล้วเดินออกไปจากห้องโถง ท้องพระโรงไป...
..........
ณ ที่หน้าประตูเมือง จ้าวแสนพร้อมด้วยกัณฑะองครักษ์สนิท ได้พากันเดินตรวจตราความสงบเรียบร้อย
"พระองค์จ้าวแสน..ท่านมิแปลกใจอันใดรึ กับเรื่องสาส์นจากท้าวพญาอนันตะ ที่มาขอให้ท่านไปเป็นขุนทหารในวัง.." กัณฑะเอ่ยถามผู้เป็นนาย..
" เจ้าจักให้เราคิดอันใดรึ กัณฑะ!"
"การที่องค์อนันตะสนใจในเรา นั่นก็คงเพราะอยากได้ แลชื่นชมในฝีมือของเราก็คงเท่านั้น"
"แต่หากคิดมองลึกๆ ก็คงกลัว! กลัวว่า เมืองเล็กๆอย่างเมืองเรา จะแข็งเมือง ไม่ยอมสยบขึ้นในอาณัติของเมืองอนันตะศิลาลัย!!! "
"เรื่องนี้เราอย่าคิดมากจนคิดไปไกลเลย ปล่อยให้ท่านพ่อพร้อมเหล่าอำมาตย์ได้ปรึกษากันไปเถอะ ส่วนเราเป็นลูกก็ขอทำตามรับสั่งเท่านั้นก็พอ!!"
"เราไปเดินตรวจรอบเมืองกันต่อจักดีกว่า เผื่อมีเหตุไม่สมควรจักได้ป้องกันได้ทัน!!"
**********************************