webnovel

Twilight memories : รักต้องห้ามชายาแวมไพร์

โคโกะ หนุ่มน้อยรูปงามผู้เติบโตมาด้วยความเกลียดชังในตัวแวมไพร์ เขาปฏิเสธทุกอย่างแม้กระทั่งสายเลือดที่อยู่ในตัวเองเฉกเช่นเดียวกับกลุ่มแวมไพร์ที่ปฏิเสธในตัวเขา ทว่าความงดงามของหนุ่มน้อยผู้นี้นั้นต่างสร้างความบ้าคลั่ง ความหลงใหลราวกับถูกมอมเมา เมื่อโตขึ้นเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ แต่เมื่อคืนเดือนมืดมาถึงในขณะที่เขากำลังปลูกต้นกุหลาบขาวนั้น เขาได้ถูกแวมไพร์ปริศนาฝังรอยเขี้ยวเอาไว้บนต้นคอ เลือดสีแดงสาดกระเซ็นลงบนกลีบกุหลาบสีพิสุทธิ์ การกระทำทุกอย่างผ่านไปเชื่องช้าราวกับเวลาถูกหยุด สิ่งสุดท้ายที่โคโกะสัมผัสได้ก่อนหมดสติคือน้ำเสียงนุ่มนวลชวนหลงใหลที่บอกราตรีสวัสดิ์กับเขา...

Starry_Alis · Kỳ huyễn
Không đủ số lượng người đọc
11 Chs

คฤหาสถ์เบลินดา

วันนี้เป็นวันฝนตกกระหน่ำรุนแรง บนพื้นถนนเปียกชุ่มฉ่ำ ผู้คนที่เดินผ่านสัญจรไปมากางร่มหลากสีสัน ณ ตรอกเล็ก ๆ ที่แยกออกมาจากทางเท้านั้นปรากฎเงาเล็ก ๆ กระโดดลงมาจากกำแพงด้านบนด้วยความว่องไวกว่ามนุษย์ทั่วไป เมื่อเท้าแตะลงบนพื้นร่างกายแบบางโซซัดโซเซไปมาก่อนจะทรุดฮวบลงบนพื้น ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสมองไปด้านข้าง เห็นกองขยะส่งกลิ่นเหม็นจนแสบจมูก แต่อย่างน้อยมันก็สามารถใช้แทนหมอนหนุนหัวได้ เด็กชายหยิบเศษผ้าขี้ริ้วรุ่งริ่งขึ้นมาห่มคลุมตัวเองเพื่อสร้างไออุ่น เขาเอนศีรษะลงบนถุงขยะ เปลือกตากำลังจะปิดจากความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาตลอดติดกันหลายวัน ทว่าทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าย่ำลงบนพื้นใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้าเขา เด็กชายเปิดผ้าคลุมออก เล็บมือของเขางอกยาวออกมามากกว่าปกติพร้อมกับเขี้ยวสีขาว แต่แล้วเขากลับหยุดชะงักเมื่อเห็นคนตรงหน้า ไม่มีตราสัญลักษณ์สีมองตรงหน้าอกด้านซ้าย ไม่ใช่คนของสภากลางหรอกหรือนี่ เขาลดมือลงพลางเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ สวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลพาเมซาน ชายหนุ่มย่อกายลงมาพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าเด็กชาย สร้างความแปลกใจ ฉงนใจ และหวาดระแวง

"เธอไปอยู่กับฉันไหม" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนโยน

ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสแสดงความประหลาดใจออกมา ในใจร้องเตือนว่าอย่าไปไว้ใจคนตรงหน้า เพราะเป็นใครไม่รู้แน่ชัด เขาจึงปัดมือออก แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มีทำให้มือนั้นแทบไม่ขยับเลยสักนิด ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงสละร่มในมือบังฝนให้กับเด็กชายโดยไม่สนว่าสายฝนจะทำให้เสื้อโค้ทของเขาเปียกจนหนักอึ้งจากการซับน้ำ เด็กชายแสดงอาการประหลาดใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้รับมิตรไมตรี ฝ่ามือของคนตรงหน้าลูบศีรษะของเขา ความอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยที่ส่งผ่านมานั้นทำให้น้ำตาเอ่อล้นไหลออกมา เขาร้องไห้โฮออกมาท่ามกลางเสียงสายฝนให้กับความอ่อนโยนที่ไม่เคยได้รับนับตั้งแต่จำความได้ เด็กชายคุกเข่ากอดเอวของชายหนุ่มเอาไว้จนในที่สุดเขาผลอยหลับไป ชายหนุ่มอุ้มเด็กชายขึ้นมา เดินตรงไปยังรถสีดำคันงาม พ่อบ้านวัยชราเปิดประตูรถให้ด้วยท่าทีนอบน้อม เขาก้าวขึ้นรถไป วางเด็กหนุ่มไว้ที่เบาะด้านใน น่าเสียดายที่เสื้อคลุมของเขาเปียกฝนไปหมดแล้วจึงไม่สามารถถอดมาห่มให้ได้ เขาสั่งให้คนขับรถออกรถไป รถสีดำคันเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอฝ่าสายฝนที่กระหน่ำในช่วงฤดูพายุ

รถมเคลื่อนตัวผ่านรั้วเหล็กดัดสีทอง ขับวนผ่านบ่อน้ำพุสีขาวตรงลานหน้าบ้านเข้าจอดน้าประตูบานใหญ่สีน้ำตาล หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มผู้เป็นภรรยาและนายหญิงของบ้านเดินออกมาต้อนรับสามี ใบหน้าอ่อนเยาว์ และงดงามไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจเมื่อเห็นสามีเดินพร้อมกับอุ้มเด็กชายคนหนึ่งเข้ามาด้วย

"ยินดีต้อนรับกลับค่ะ บาร์" หญิงสาวเอ่ยต้อนรับผู้เป็นสามีที่เพิ่งจะกลับมาที่บ้าน

"ขอบคุณที่มาต้อนรับนะ เมลิน" ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะหอมแก้มผู้เป็นภรรยาหนึ่งฟอด

"เด็กคนนี้..คุณตามหาเขาเจอได้ยังไงกันคะ" เมลิน เบลินดาเอ่ยถามสามี

"ต้องขอบคุณอุปกรณ์ของสภากลางทำให้ผมตามหาเขาได้ง่ายขึ้น หลังจากนี้เขาจะเป็นลูกที่น่ารักของพวกเรา" บาร์ธาซ่า เบลินดาเอ่ยพร้อมกับปรายตามองเด็กชายในอ้อมแขน

"ฉันยินดีที่จะรับเขามาเป็นลูกที่น่ารักของพวกเราค่ะ" เมลินเอ่ย สายตาของเธอมีความสุขมากยามเมื่อมองเด็กชายในอ้อมแขนของสามี เธอกับบาร์ธาซ่าแต่งงานกันมาได้ 10 ปีแล้ว ในปีนี้พวกเธออายุ 35 ปีด้วยกันทั้งคู่ แต่ยังคงไร้บุตร เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตสามีและเธอเข้าไปพัวพันกับการทดลองของฟาร์มเลือดที่แวมไพร์ชั้นสูงให้การสนับสนุน ทำให้บาร์ธาซ่ากลายเป็นหมัน และลูกน้อยของพวกเธอถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมโดยแวมไพร์ที่เป็นผู้สนับสนุน พวกเธอต้องผ่านคืนวันที่โหดร้าย สภาพจิตใจที่ย่ำแย่จนกระทั่งวันนี้..วันที่สภาพจิตใจทุกอย่างดีขึ้นมาก และพร้อมที่จะรับเด็กมาเลี้ยงดู และแล้ววันที่โชคชะตาอำนวยพรมาให้เธอก็มาถึง "เขาจะชื่อว่าอะไรดีนะคะ" เธอจับมือเล็ก ๆ ของเด็กชายแวมไพร์อาหารขึ้นมานาบข้างแก้มอย่างรักใคร่

"โคโกะ.." บาร์ธาซ่าเอ่ยชื่อของเด็กชายแวมไพร์อาหารที่เขาช่วยมาจากตรอกในวันฝนพรำ

"เป็นชื่อที่เหมาะกับเขาเป็นอย่างยิ่งแน่นอนค่ะ" เมลินเอ่ยอย่างเห็นด้วย

สามวันผ่านไปเด็กชายที่ได้นามใหม่ว่า 'โคโกะ' ลืมตาตื่นขึ้นมา เขากระพริบตาปรับการมองเห็น เมื่อเห็นเพดานสีครีมกับลวดลายดอกแดนดิไลออน ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสเบิกกว้างขึ้นมาในบัดดล เขาลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียง สิ่งแรกที่อยู่ตรงหน้าคือใบหน้าอ่อนเยาว์ และงดงามของหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม เธอยิ้มละไมอ่อนโยนให้เขาพร้อมกับส่งแก้วนมอุ่น ๆ มาให้

"ที่นี่ที่ไหนเหรอ..ครับ" เด็กชายเอ่ยถามด้วยท่าทีหวาดระแวง ไม่แตะต้องแก้วนมแม้ท้องจะหิว

"ที่นี่คือคฤหาสถ์เบลินดาจ้ะ สามีของฉันช่วยเธอมา ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรนะ ดื่มนมนี่ก่อน ร่างกายของเธออ่อนแอมาก ยังกินของหนักไม่ได้" เมลินเอ่ย

เด็กชายมองแก้วนมสลับกับใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ดูจากแววตาแล้วเธอคนนี้ไม่น่าจะมีเจตนาร้ายอะไรต่อเขา มือเล็ก ๆ จึงรับแก้วนมมาดื่มอึก ๆ รวดเดียวจนหมดแก้ว เขาใช้หลังมือลูบคราบนมที่ติดอยู่เหนือริมฝีปาก เมื่อผละมือออกหญิงสาวตรงหน้าก็หยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดรอบปากของเขาราวกับว่าเขาเป็นเด็กตัวน้อย

"อีกเดี๋ยวจะมีหมอมาตรวจร่างกายของเธอนะ อยากได้อะไรก็สั่นกระดิ่งข้างหัวเตียงตรงนี้ได้เลย จะมีพ่อบ้านหรือเมดมา" เมลินเอ่ย

เมด ? พ่อบ้าน ? คืออะไรกัน เด็กชายเอียงคอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับเขาผู้อยู่ในฟาร์มเลือดมาตั้งแต่จำความได้ ชีวิตในฟาร์มเลือดนั้นมีแต่นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักชีววิทยา และเหยื่อการทดลองที่มีชะตากรรมเดียวกันกับเขา เรื่องที่ผู้หญิงตรงหน้าพูดจึงเหมือนเรื่องเล่าสุดประหลาดที่สุดในชีวิต

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของเด็กชายให้หันไป พ่อบ้านวัยกลางคนเปิดประตู โค้งคำนับก่อนจะเรียนแจ้งว่า

"หมอมาถึงแล้วครับ"

หมอวัยชราเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าหนังสีน้ำตาล เมื่อเห็นคนสวมชุดกาวน์สีขาว เด็กชายสะดุ้งโหยง ลุกพรวดจากเตียงไปนั่งอยู่มุมห้องด้วยอาการสั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง เขากอดเข่าตัวเองพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างปกป้องศีรษะของตัวเองเอาไว้ ดวงตาสีฟ้าอ่อนใสแสดงอาการหวาดระแวง ภาพเข็มฉีดยาเล่มยาว มีดผ่าตัดหลายขนาด หยาดโลหิตที่ไหลอาบตามร่างกาย และกลุ่มคนใส่ชุดกาวน์ที่กรูกันเข้ามาหาเขาฉายแวบขึ้นมาในความคิด อาการของเด็กชายตรงหน้าบ่งบอกกับเมลินว่าเขาผ่านคืนอันโหดร้ายมาอย่างไม่ต้องสงสัย

"หยะ..อย่าเข้ามา!" เด็กชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"ใจเย็นก่อนจ๊ะ ให้หมอตรวจอาการหน่อยนะ พวกเราจะได้หาวิธีรักษาเธอได้ถูกต้อง" เมลินเอ่ย เธอย่อกายลงคลานเข่าเข้าไปพร้อมกับเอ่ยปลอบประโลมเด็กน้อยที่เธอจะรับมาเป็นบุตรบุญธรรม

"หยะ..อย่า!" เด็กชายเอ่ยเสียงดัง เล็บยาวงอกจากนิ้วทั้งห้าข่วนเข้าที่แขนเรียวของหญิงสาวตรงหน้า เขาชะงักมือเข้าหาตัวเองในบัดดล นัยตาสั่นระริกยามเมื่อมองคราบเลือดที่เกาะอยู่ตามปลายเล็บของตัวเอง เขารีบรุดตัวไปข้างหน้าคว้ามือของคุณเมลินมา เรียวลิ้นเลียลงบนรอยแผลทางยาวบนแขนบอบบาง ฉับพลันบาดแผลทางยาวมลายหายไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

หมอวัยชรานั้นแสดงท่าทางพะอืดพะอมออกมา เขาเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านแวมไพร์ เขาศึกษาแวมไพร์มาหลากหลายชนิท แต่เขาผู้เป็นมนุษยนั้นยังคงรังเกียจน้ำลายแวมไพร์ราวกับมันคือพิษร้าย เพราะอะไรน่ะหรือ..คำตอบนั้นง่ายมากในช่วงที่เขาเกิดนั้นเป็นช่วงคาบเกี่ยวก่อนที่พันธะสัญญา 4 เผ่าพันธุ์จะลงตัวอย่างในปัจจุบัน เขาเคยอาศัยอยู่กับความหวาดระแวงที่มีต่อเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ แน่นอนว่าเขาไม่มีทางยอมรับพันธะสัญญาบ้าบอนั่นแม้ในตอนนี้ตัวเขานั้นจะทำงานภายใต้การดูแลของสภากลางก็ตาม

"ถึงจะเป็นแวมไพร์อาหาร แต่น้ำลายของผมสามารถรักษาบาดแผลได้เหมือนน้ำลายของแวมไพร์ปกติ" เด็กชายเอ่ยเมื่อผละเรียวลิ้นออกจากแขนของคุณเมลิน เสื้อเชิร์ตตัวโคร่งของสามีที่อยู่บนตัวนั้นร่นลงมาเผยให้เห็นรอยแผลเป็นรูปค้างคาวสัญลักษณ์ของตระกูลแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ที่มีอิทธิพลมากในโรมานา

"ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เป็นอะไรเลยนะครับ เห็นทีคงไม่ต้องตรวจอาการอะไร" หมอวัยชราเอ่ยกึ่ง ๆ เหน็บแนมพร้อมกับส่งสายตารังเกียจไปยังเด็กชาย

"ร่างกายของเขาอ่อนแอมาก ฉันคิดว่าคุณเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านแวมไพร์คงจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง แต่ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ดิฉันคิดว่าคงมีผู้เชี่ยวชาญด้านแวมไพร์อีกหลายคนในโรมานา ดินแดนของแวมไพร์" เมลินเอ่ยตอกกลับใส่หมอวัยชราจนอีกฝ่ายรู้สึกหน้าชา

หมอวัยชรากัดฟันกรอดเมื่อรับรู้ว่าตัวเองถูกหมิ่นเกียรติ เขาสะบัดหน้าเดินออกจากห้องมาโดยไม่กล่าวลา เมลินถอนหายใจออกมาอย่างนึกเคือง เธอน่าจะรู้ดีว่ามนุษย์เกลียดชังแวมไพร์มากแค่ไหนแม้จะเป็นคนของสภากลาง ความจริงเธอจะส่งเด็กคนนี้ไปให้หมอที่เป็นแวมไพร์ตรวจดูก็ได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่สู้ดีนัก สภากลางคงกำลังหาตัวของโคโกะ เพราะถือว่าเป็นพยานคนสำคัญในคดีฟาร์มเลือด และคิดจะกำจัดในภายหลังเพื่อให้ความลับสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

"ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกครับ" เด็กชายเอ่ย "สภากลางจะต้องเข้ามาค้นที่นี่ จะทำให้คุณลำบากได้"

"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เพราะคฤหาสถ์เบลินดาเป็นเขตพิเศษที่ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ก็ไม่สามารถเข้ามาได้หากไม่ได้รับอนุญาต เพราะที่นี่เป็นที่อยู่ของผู้สังเกตการณ์ของสภากลาง!"

สวัสดีค่ะ กว่าจะเขียนตอนที่สองออกมาได้ แอบยากมาก ๆ เลยค่ะ เพราะต้องวางร่างแบบระบบหลายอย่างในหัว ทำให้ตีกันไปหมดจนสับสนค่ะ 555+ ในตอนนี้ไรท์เตอร์ชอบคุณเมลินมาก ๆ ค่ะ แน่นอนว่าจะพาเธอมาเจอรีดเดอร์ทุกคนบ่อย ๆ ค่ะ แน่นอนว่าเธอมีบทบาทสำคัญ วันนี้อัพดึกีอกแล้ว ฝันดีราตรีสวัสดิ์ค่า

Starry_Aliscreators' thoughts