ตอนที่ ๑
ควันสีขาวลอยกรุ่นอยู่เหนือปากแก้วเมื่อน้ำร้อนถูกเติมลงไปในระดับพอเหมาะ ก่อนจะหมุนวนไปตามช้อนที่คนเบา ๆ จนน้ำเปล่าสีใสกลายเป็นสีดำเข้มของกาแฟชั้นดีที่ไม่มีการผสมน้ำตาลหรือครีมเทียม
กาแฟดำในแก้วกระเบื้องถูกยกขึ้นสูดกลิ่นด้วยความพอใจ ก่อนตัวคนชงจะจิบเพียงเล็กน้อยแล้วเดินถือไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานของตัวเอง
"ทาร่า"
เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ขาที่กำลังจะก้าวเดินชะงักไว้เพียงแค่นั้น ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปทางเจ้าของเสียงที่แค่ได้ยินก็รู้ดีว่าเป็นใครแม้จะยังไม่ได้เห็นหน้า แก้วกาแฟถูกยกขึ้นจิบเล็กน้อยขณะหันกลับไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มองดูอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาหา
"ว่าไงปีเตอร์"
"คุณรู้เรื่องหรือยัง"
"อยู่ที่ว่าคุณหมายถึงเรื่องอะไร"
จบประโยคนั้นเจ้าตัวก็ออกเดินทันทีจนทางฝ่ายปีเตอร์ต้องรีบเร่งฝีเท้าเดินตาม ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เพียงเสี้ยววินาทีแล้วหันกลับมามองทางเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยกแก้วกาแฟขึ้นเป่าเบา ๆ ก่อนจะจิบลงคอไปอีกนิดพอให้ได้กลิ่นหอมคลุ้งอยู่ในปากอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ
"เรื่องนครที่สาบสูญ"
คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังมีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ ร่างสูงโปร่งยังคงก้าวเท้าเดินตามจังหวะเดิมของตัวเองอย่างไม่เร็วขึ้นและไม่ช้าลง เสียงพูดก็ยังคงฟังดูเรียบเรื่อยตามปกติ แถมยังดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงเท่าไรด้วยซ้ำ
"ที่ว่าจู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมากลางทะเลทรายน่ะเหรอ"
"ไม่ได้ผุดขึ้นมาซะหน่อย เกิดแผ่นดินไหวจนทรายยุบตัวเลยค้นพบต่างหาก"
"อ๋อ"
"ผมเห็นภาพที่ถูกส่งมาแล้ว ทองคำทั้งหลังเลย"
"อืม"
"แค่อืมเหรอ"
"แล้วจะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ"
"คุณคิดว่าไง น่าสนใจไหม"
"น่าสนใจดี แต่ตอนนี้ผมก็มีงานของผมอยู่"
ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินกลับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดที่มีหมอนอิงวางซ้อนหลังอยู่หนึ่งใบ เพื่อช่วยลดอาการปวดหลังเวลาต้องนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน
ภายในห้องถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ล้วนอยู่ในจุดที่จะหยิบใช้สอยได้อย่างสะดวก บนโต๊ะทำงานมีของ 2-3 ชิ้นวางอยู่ ใกล้ ๆ กันนั้นมีหนังสืออีกเล่มที่ถูกคั่นหน้าไว้ด้วย
ปีเตอร์เหลือบมองเพียงไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจ ยังคงทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย แล้วออกปากเรียกแบบที่ทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้วมุ่น เพราะมันแฝงไว้ด้วยเจตนาอย่างโจ่งแจ้งแบบที่ไม่ต้องพูดอธิบายอะไรก็สามารถรับรู้ได้ทันที
"ทาร่า"
"ปีเตอร์ งานผมล้นมือเลยตอนนี้"
"แต่มันก็ไม่รีบไม่ใช่เหรอ"
นั่นไงล่ะ!
"ผมไม่ว่าง คุณเข้าใจนะ"
"ผมไม่ได้ขอให้คุณช่วยนะทาร่า"
รูปประโยคแปลก ๆ ที่ได้ยินทำให้หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับไปก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบเอกสารบางอย่างออกมาวางลงบนโต๊ะ สังหรณ์แปลก ๆ ทำให้ต้องรีบหยิบมากวาดตาอ่านรายละเอียดทันที แล้วก็แทบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง
"เขาอยู่ไหน ผมจะไปคุยกับเขา"
"พอยื่นนี่ให้ผมเสร็จเขาก็รีบหนีขึ้นเครื่องไปทันทีเลย"
ยิ่งได้ยินคำตอบแบบนั้นคนได้รับคำสั่งก็ได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองอย่างโมโห
หน็อย! ทำความผิดไว้แล้วก็รีบหนีไปเลยนะ
คอยดูเถอะ กลับมาเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่!
ในขณะที่เจ้าของห้องนั่งส่งเสียงฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด คุณผู้ส่งสารก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ เหมือนกลัวโดนลูกหลงไปด้วย แม้ปกติอีกฝ่ายจะเป็นคนใจดียิ้มง่าย แต่บทจะโมโหก็ร้ายไม่หยอกเหมือนกัน ที่สำคัญถ้ายิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่เพิ่งจะชิ่งหนีไปต่างประเทศคนนี้แล้วด้วย อารมณ์ของเจ้าตัวก็จะยิ่งร้ายกาจกว่าปกติเกือบเท่าตัว
"นี่ผมจะต้องเดินทางเมื่อไหร่"
จู่ ๆ ก็โดนถามมาแบบนั้นทำให้ปีเตอร์ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เกิดตั้งตัวไม่ทันขึ้นมา เลยทำได้แค่ส่งสีหน้าเหลอหลาตอบกลับไป จนกระทั่งเห็นเจ้าตัวยิ่งขมวดคิ้วแน่นเหมือนคนกำลังจะระเบิดลงนั่นแหละ เขาถึงได้เรียกสติกลับมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี เหมือนเรื่องมันจะจบง่ายไปหน่อยนะ
"สรุปคุณตกลงแล้วเหรอ"
"โดนมาเป็นคำสั่งแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้เหรอ"
แม้จะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงก็ยังคงแฝงความหงุดหงิดไว้ไม่น้อย ใบหน้าขาวใสมุ่ยลงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ก่อนจะยื่นเอกสารฉบับนั้นคืนให้จนปีเตอร์ต้องรีบคว้าไว้แทบไม่ทัน
"สรุปว่าไง ผมต้องไปเมื่อไหร่"
"ก็...ถ้าคุณเคลียร์อะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปได้เลย"
"อีกสามเดือน"
พูดจบคนที่กำลังหงุดหงิดก็แกล้งหยิบเอางานที่ทำค้างไว้มาเริ่มจัดการต่อด้วยท่าทางนิ่งเฉย โดยไม่สนใจสภาพของปีเตอร์ที่ยิ่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งดูเหมือนจะแก่ลงไปอีกหลายปี ไม่รู้ทำไม เวลาต้องเป็นคนกลางให้พี่น้องคู่นี้ทีไร เขาถึงได้รู้สึกเหมือนต้องใช้อายุขัยของตัวเองมาเป็นเดิมพันอยู่ตลอด
"ทาร่า คุณอยากให้ระเบิดลงที่นี่เหรอ"
"มาดูกันไหมว่าผมกับเขาใครจะระเบิดก่อน"
"ขอเถอะ ทั้งคุณทั้งแดเนียลผมไม่อยากให้มีใครต้องระเบิดลงทั้งนั้นแหละ"
พูดไปปีเตอร์ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไป เขาอยู่ของเขาดี ๆ แล้วทำไมถึงต้องโดนวานให้เอาเรื่องนี้มาบอกด้วยก็ไม่รู้ ทำไมถึงต้องส่งปีเตอร์ผู้น่าสงสารมาอยู่กลางดงระเบิดของพี่น้องคู่นี้ด้วยเนี่ย?
"งั้นคุณก็ไปบอกให้เขาเลิกทำให้ผมโมโหสักทีสิ"
"คุณเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ยังบอกไม่ได้เลย แล้วผมจะบอกได้เหรอ"
"งั้นคุณก็อยู่อย่างหวาดระแวงระหว่างระเบิดสองลูกนี้ไปตลอดเถอะ"
ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันไปทำงานต่อโดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าซีดอยู่เลยแม้แต่น้อย เดือดร้อนให้ปีเตอร์ต้องรีบขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้หน้าโต๊ะยิ่งขึ้น ก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทั้งยังทำตาปิ๊ง ๆ ให้อีกต่างหาก
"ทาร่า"
"....."
"คุณจะไปใช่ไหม"
"บอกแล้วไงว่ามาเป็นคำสั่งแบบนั้นยังไงผมก็ปฏิเสธไม่ได้"
"งั้นก็ดีแล้ว แต่ต้องไม่ใช่สามเดือนอย่างที่คุณพูดนะ"
มุมปากของคนฟังโค้งลงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไร ทางด้านปีเตอร์จึงทึกทักเอาเองว่าท่าทีของเจ้าตัวตอนนี้ถือเป็นการตอบตกลง พอคิดได้แบบนั้นก็ค่อยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจได้บ้าง
รายละเอียดต่าง ๆ ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญถูกปีเตอร์เร่งอธิบายให้ฟังทั้งหมดไม่มีตกหล่น โดยที่ระหว่างนั้นคนฟังก็ยังคงเอาแต่นั่งทำงานของตัวเองต่อไปเหมือนไม่สนใจ แต่ปีเตอร์รู้ดีว่าท่าทางแบบนั้นเป็นเพียงการแสดงอาการต่อต้านเล็กน้อยเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วเจ้าตัวมีความเป็นมืออาชีพมากพอและคงกำลังจดจำรายละเอียดเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดี
"แดเนียลให้คนประสานงานกับที่นั่นไว้แล้ว พอคุณไปถึงจะมีทหารชุดรักษาความปลอดภัยมารอรับคุณ"
"ต้องเอิกเกริกขนาดนั้นเลย"
"ผมบอกคุณแล้วไงว่าทองคำทั้งหลัง คุณคิดว่าจะได้ทำงานง่าย ๆ หรือไง ยิ่งข่าวแพร่กระจายไปขนาดนี้พวกนักล่าสมบัติคงแห่กันมาทั้งโขยง อันตรายจะตาย"
"หึ!"
ได้ยินเสียงขึ้นจมูกแบบนั้นปีเตอร์ก็รู้ได้ทันทีว่าภายใต้ท่าทีแข็ง ๆ ที่เจ้าตัวชอบแสดงใส่พี่ชาย แท้จริงในตอนนี้คงกำลังแฝงความน้อยใจไว้อยู่
ถ้าให้ว่ากันตามความจริง ทุกคนส่วนใหญ่ที่นี่จะเห็นและคิดเหมือนกันว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไร เจอหน้ากันทีก็ฮึ่ม ๆ แฮ่ ๆ ใส่กันตลอด แต่สำหรับคนที่อยู่ใกล้กับทั้งคู่อย่างเขารู้ดีว่าความจริงแล้วคนพี่ก็ทั้งรักทั้งห่วงคนน้องมาก ในขณะที่คนน้องเองก็แอบอ้อนแอบทำตัวน่ารักใส่คนพี่อยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน แม้จะไม่ค่อยพูดจาหวาน ๆ หรือแสดงความห่วงใยกันตรง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมาก
"แดเนียลเป็นห่วงคุณนะ เขาถึงให้รีบประสานงานกับทางนั้นทันทีเรื่องการรักษาความปลอดภัย ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจแต่เหมือนเราจะได้รับคำสั่งมาอีกทีว่าให้จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แล้วคนที่ทำงานได้เร็วที่สุด ดีที่สุดและเรียบร้อยที่สุดของเราจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คุณ ที่สำคัญครั้งนี้เป็นเรื่องที่คุณถนัดด้วยนะ เหตุผลทุกอย่างมันลงล็อคที่คุณทั้งหมดเลย"
"งั้นเหรอ"
"ไม่งอแงสิ"
"ผมไม่ใช่เด็กแล้วปีเตอร์"
"โอเค ไม่เด็กก็ไม่เด็ก"
รอยยิ้มล้อเลียนที่ได้รับทำให้ดวงตาคู่สวยถลึงมองกลับไปอย่างไม่พอใจ หากแต่คนได้รับกลับยิ่งหัวเราะร่าอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่เพียงครู่เดียวก็ดึงตัวเองกลับมาสู่โหมดจริงจังอีกครั้งแล้วเริ่มพูดต่อ
"งานนี้อาจจะยากหน่อย คุณเอาผู้ช่วยไปด้วยนะ"
"อือ"
"อยากได้ใครก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวผมไปจัดการให้"
"ใครก็ได้เหรอ"
"ใช่ แดเนียลบอกว่าให้เป็นกรณีพิเศษเลย"
"แซค"
ชื่อที่ถูกพูดถึงทำเอาปีเตอร์ที่กำลังยิ้มกว้างเปลี่ยนเป็นยิ้มค้างในทันควัน ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่จ้องมองคนตรงหน้าพลันดูว่างเปล่าเลื่อนลอยไปชั่วขณะ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะทำหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้เต็มที ได้แต่ค้อมตัวลงเอาคางเกยกับโต๊ะแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหมดเรี่ยวหมดแรง
"คุณอยากให้แดเนียลอกแตกตายเหรอ"
"คุณบอกเองว่าให้ผมเลือก ผมเลือกแซคแล้วมีปัญหาอะไร"
"เจ้าเด็กนั่นจะไปช่วยอะไรได้นอกจากก่อความวุ่นวาย"
"สนุกดีออก ทำงานแล้วไม่เครียด"
"ทาร่า เปลี่ยนใจเอาคนอื่นไปแทน--"
ปัง!
"พี่น้ำ!"
ปีเตอร์ยังพูดไม่ทันจบประตูห้องทำงานก็ถูกกระชากเปิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และโดยที่ยังไม่ทันมีใครตั้งตัว ร่างสูงโปร่งของหนุ่มน้อยที่กำลังถูกพูดถึงพอดีก็วิ่งถลาเข้ามายืนทำหน้าตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆ โต๊ะทำงานของเจ้าของห้องเป็นที่เรียบร้อย
"แซค!"
เสียงเรียกที่เจ้าของชื่อฟังยังไงก็ให้ความรู้สึกคล้ายเสียงคำรามลอดไรฟันซะมากกว่า ทำให้เจ้าตัวที่มัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนพุ่งความสนใจทั้งหมดมายังเจ้าของห้องจำต้องหันไปมอง ก่อนจะเอียงคอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าปีเตอร์เองก็อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน
"อ้าว คุณปีเตอร์สวัสดีครับ ผมไม่นึกว่าคุณจะอยู่ด้วย"
"ฉันจะอยู่หรือไม่อยู่นายก็ควรเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้ามาแบบนี้สิ บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว"
"ขอโทษด้วยครับผมกำลังตื่นเต้น...พี่น้ำดูนี่สิ ดูนี่ ๆ"
พูดกับปีเตอร์จบเจ้าตัวก็หันไปทำสีหน้าตื่นเต้นใส่เจ้าของห้องที่ในตอนนี้กำลังนั่งกลั้นขำโดยไม่สนใจแขกที่เข้ามาก่อนเลยแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันที่คนมาใหม่จะได้โชว์ผลงานอะไร ทางฝั่งเจ้าของห้องที่ควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้เรียบร้อยก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาซะก่อน
[รุต พี่มีอะไรจะบอกด้วยล่ะ]
[อะไรเหรอพี่]
[คือว่า--]
"อย่าคุยกันรู้เรื่องแค่สองคนสิ เอาภาษาที่ผมรู้เรื่องด้วย"
น้ำเสียงที่มาพร้อมดวงตาดุ ๆ ทำให้คนโดนว่าหัวเราะร่าออกมาอย่างชอบใจที่แกล้งให้ปีเตอร์โวยวายได้ ยิ่งเห็นสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย ธารา หรือ น้ำ หรือที่ปีเตอร์เรียกว่า ทาร่า ก็ยิ่งรู้สึกตลกจนอารมณ์ขุ่น ๆ ก่อนหน้านี้พอจะลดน้อยลงไปได้บ้าง
คนที่นี่ต่างรู้กันดีว่าแซคหรือศรุตเป็นคนไทยแท้ ๆ เกิดและเติบโตอยู่ที่ประเทศไทย แต่ว่าเลือกจะมาเรียนต่อและเข้าทำงานที่นี่ ในขณะที่ตัวธาราเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด แต่ว่าความจริงแล้วเขาเป็นลูกครึ่ง มีคุณแม่เป็นคนไทยก็เลยได้หัดพูดหัดเรียนภาษาไทยมาจากคุณแม่ แล้วชื่อธาราคุณแม่ก็เป็นคนตั้งให้เช่นกัน เพราะท่านบอกว่ายังไงก็มีเชื้อสายอยู่ในตัว ก็ควรจะมีชื่อที่เป็นภาษาไทยด้วย
เพราะฉะนั้น...
เวลาที่คุยกันแค่สองคนส่วนใหญ่ทั้งธาราและศรุตจึงมักจะพูดกันเป็นภาษาไทยมากกว่า
"ไม่มีอะไรมากหรอกปีเตอร์ ผมแค่จะคุยเรื่องที่เราพูดกันค้างไว้กับแซคเท่านั้นเอง"
"โธ่ ทาร่า คุณยังจะ..."
"รุต"
ธาราไม่ได้สนใจสีหน้าเหมือนคนเห็นโลกกำลังจะพังทลายของปีเตอร์เลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวหันไปเรียกพร้อมทั้งส่งยิ้มให้รุ่นน้องคนสนิทที่เลิกคิ้วกลับมาเป็นเชิงถาม
"อะไรครับ"
"วันนี้กลับไปเตรียมเก็บของด้วยนะ เอาเยอะ ๆ หน่อยเพราะเราคงต้องไปนาน"
"ไปไหนเหรอพี่"
"ทาร่า..."
น้ำเสียงอ้อนวอนของปีเตอร์ดังขัดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสองข้างภายใต้กรอบแว่นกระพริบปริบ ๆ อย่างจะขอความเห็นใจ ซึ่งธาราเองก็หันมามองด้วยรอยยิ้มนิด ๆ เหมือนจะให้ความหวัง หากแต่ประโยคต่อมาที่หันไปพูดกับศรุตก็ทำให้ความหวังอันริบหรี่ของปีเตอร์สลายหายไปในพริบตา
[The lost city นครที่สาบสูญ]
tbc...