webnovel

The Lost City...นครที่สาบสูญ

ธารา / ทาร่า นักโบราณคดีหนุ่มผู้มากความสามารถ แถมยังเป็นคนยิ้มง่ายเลยเข้ากับคนอื่นได้ดี จู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งให้มาจัดการเกี่ยวกับเรื่องนครสาบสูญที่เพิ่งถูกค้นพบ เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่มหานครแห่งนี้จะล่มสลายค่อย ๆ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา อดีตชาติและยุคสมัยใหม่ค่อย ๆ ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจากคนเพียงคนเดียว... อาเธอร์ นายทหารมากฝีมือ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ถูกส่งมาดูแลความปลอดภัยให้กับงานครั้งนี้โดยเฉพาะ เป้าหมายหลักคือให้ความคุ้มครองจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น เป็นคนหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มเลยดูดุจนทำให้คนอื่นกลัวตลอดเวลา แต่ความจริงถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ คนหนึ่ง ทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไร แต่เจ้าตัวกับเป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันที่กำลังจะเกิดขึ้น ศรุต / แซค หนุ่มเลือดไทยเต็ม 100% แต่มาเรียนต่อที่ต่างประเทศเลยได้พบกับธารา เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทยเลยพูดกันรู้เรื่อง ตั้งแต่นั้นมาศรุตจึงติดรุ่นพี่ใจดีคนนี้เอามาก ๆ แม้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต แต่เพราะตัวติดกับธาราตลอดจึงต้องรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เบน หนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าจึงมีอำนาจรองจากอาเธอร์คนเดียวเท่านั้น และเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีจึงเข้ากับคนอื่นได้เร็ว พอมีเวลาว่างก็มักจะไปคุยเล่นกับธาราและศรุตเสมอจึงสนิทกันพอสมควร และอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือเจ้าตัวเป็นเพื่อนกับอาเธอร์มาตั้งแต่เด็กจึงสนิทกันมากชนิดรู้ไส้รู้พุงดี ไม่มีความลับใด ๆ ต่อกันทั้งสิ้น

LyLyAiAi · LGBT+
Không đủ số lượng người đọc
6 Chs

ตอนที่ ๑

ตอนที่ ๑

ควันสีขาวลอยกรุ่นอยู่เหนือปากแก้วเมื่อน้ำร้อนถูกเติมลงไปในระดับพอเหมาะ ก่อนจะหมุนวนไปตามช้อนที่คนเบา ๆ จนน้ำเปล่าสีใสกลายเป็นสีดำเข้มของกาแฟชั้นดีที่ไม่มีการผสมน้ำตาลหรือครีมเทียม

กาแฟดำในแก้วกระเบื้องถูกยกขึ้นสูดกลิ่นด้วยความพอใจ ก่อนตัวคนชงจะจิบเพียงเล็กน้อยแล้วเดินถือไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานของตัวเอง

"ทาร่า"

เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ขาที่กำลังจะก้าวเดินชะงักไว้เพียงแค่นั้น ดวงตาคู่สวยตวัดมองไปทางเจ้าของเสียงที่แค่ได้ยินก็รู้ดีว่าเป็นใครแม้จะยังไม่ได้เห็นหน้า แก้วกาแฟถูกยกขึ้นจิบเล็กน้อยขณะหันกลับไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม มองดูอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาหา

"ว่าไงปีเตอร์"

"คุณรู้เรื่องหรือยัง"

"อยู่ที่ว่าคุณหมายถึงเรื่องอะไร"

จบประโยคนั้นเจ้าตัวก็ออกเดินทันทีจนทางฝ่ายปีเตอร์ต้องรีบเร่งฝีเท้าเดินตาม ดวงตาคู่สวยเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้าง ๆ เพียงเสี้ยววินาทีแล้วหันกลับมามองทางเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยกแก้วกาแฟขึ้นเป่าเบา ๆ ก่อนจะจิบลงคอไปอีกนิดพอให้ได้กลิ่นหอมคลุ้งอยู่ในปากอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

"เรื่องนครที่สาบสูญ"

คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังมีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ ร่างสูงโปร่งยังคงก้าวเท้าเดินตามจังหวะเดิมของตัวเองอย่างไม่เร็วขึ้นและไม่ช้าลง เสียงพูดก็ยังคงฟังดูเรียบเรื่อยตามปกติ แถมยังดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงเท่าไรด้วยซ้ำ

"ที่ว่าจู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมากลางทะเลทรายน่ะเหรอ"

"ไม่ได้ผุดขึ้นมาซะหน่อย เกิดแผ่นดินไหวจนทรายยุบตัวเลยค้นพบต่างหาก"

"อ๋อ"

"ผมเห็นภาพที่ถูกส่งมาแล้ว ทองคำทั้งหลังเลย"

"อืม"

"แค่อืมเหรอ"

"แล้วจะให้ผมตอบว่าอะไรล่ะ"

"คุณคิดว่าไง น่าสนใจไหม"

"น่าสนใจดี แต่ตอนนี้ผมก็มีงานของผมอยู่"

ประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินกลับเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดที่มีหมอนอิงวางซ้อนหลังอยู่หนึ่งใบ เพื่อช่วยลดอาการปวดหลังเวลาต้องนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน

ภายในห้องถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ล้วนอยู่ในจุดที่จะหยิบใช้สอยได้อย่างสะดวก บนโต๊ะทำงานมีของ 2-3 ชิ้นวางอยู่ ใกล้ ๆ กันนั้นมีหนังสืออีกเล่มที่ถูกคั่นหน้าไว้ด้วย

ปีเตอร์เหลือบมองเพียงไม่นานก็รู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้ากำลังยุ่งอยู่กับเรื่องอะไร แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจ ยังคงทิ้งตัวลงนั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของอีกฝ่าย แล้วออกปากเรียกแบบที่ทำให้คนฟังเผลอขมวดคิ้วมุ่น เพราะมันแฝงไว้ด้วยเจตนาอย่างโจ่งแจ้งแบบที่ไม่ต้องพูดอธิบายอะไรก็สามารถรับรู้ได้ทันที

"ทาร่า"

"ปีเตอร์ งานผมล้นมือเลยตอนนี้"

"แต่มันก็ไม่รีบไม่ใช่เหรอ"

นั่นไงล่ะ!

"ผมไม่ว่าง คุณเข้าใจนะ"

"ผมไม่ได้ขอให้คุณช่วยนะทาร่า"

รูปประโยคแปลก ๆ ที่ได้ยินทำให้หัวคิ้วคนฟังขมวดเข้าทันที แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับไปก็ต้องชะงักกึก เมื่อเห็นอีกฝ่ายหยิบเอกสารบางอย่างออกมาวางลงบนโต๊ะ สังหรณ์แปลก ๆ ทำให้ต้องรีบหยิบมากวาดตาอ่านรายละเอียดทันที แล้วก็แทบจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง

"เขาอยู่ไหน ผมจะไปคุยกับเขา"

"พอยื่นนี่ให้ผมเสร็จเขาก็รีบหนีขึ้นเครื่องไปทันทีเลย"

ยิ่งได้ยินคำตอบแบบนั้นคนได้รับคำสั่งก็ได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเองอย่างโมโห

หน็อย! ทำความผิดไว้แล้วก็รีบหนีไปเลยนะ

คอยดูเถอะ กลับมาเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่!

ในขณะที่เจ้าของห้องนั่งส่งเสียงฮึดฮัดอย่างหงุดหงิด คุณผู้ส่งสารก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ เหมือนกลัวโดนลูกหลงไปด้วย แม้ปกติอีกฝ่ายจะเป็นคนใจดียิ้มง่าย แต่บทจะโมโหก็ร้ายไม่หยอกเหมือนกัน ที่สำคัญถ้ายิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่เพิ่งจะชิ่งหนีไปต่างประเทศคนนี้แล้วด้วย อารมณ์ของเจ้าตัวก็จะยิ่งร้ายกาจกว่าปกติเกือบเท่าตัว

"นี่ผมจะต้องเดินทางเมื่อไหร่"

จู่ ๆ ก็โดนถามมาแบบนั้นทำให้ปีเตอร์ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เกิดตั้งตัวไม่ทันขึ้นมา เลยทำได้แค่ส่งสีหน้าเหลอหลาตอบกลับไป จนกระทั่งเห็นเจ้าตัวยิ่งขมวดคิ้วแน่นเหมือนคนกำลังจะระเบิดลงนั่นแหละ เขาถึงได้เรียกสติกลับมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี เหมือนเรื่องมันจะจบง่ายไปหน่อยนะ

"สรุปคุณตกลงแล้วเหรอ"

"โดนมาเป็นคำสั่งแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้เหรอ"

แม้จะพูดแบบนั้นแต่น้ำเสียงก็ยังคงแฝงความหงุดหงิดไว้ไม่น้อย ใบหน้าขาวใสมุ่ยลงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ก่อนจะยื่นเอกสารฉบับนั้นคืนให้จนปีเตอร์ต้องรีบคว้าไว้แทบไม่ทัน

"สรุปว่าไง ผมต้องไปเมื่อไหร่"

"ก็...ถ้าคุณเคลียร์อะไรเรียบร้อยแล้วก็ไปได้เลย"

"อีกสามเดือน"

พูดจบคนที่กำลังหงุดหงิดก็แกล้งหยิบเอางานที่ทำค้างไว้มาเริ่มจัดการต่อด้วยท่าทางนิ่งเฉย โดยไม่สนใจสภาพของปีเตอร์ที่ยิ่งคุยกันไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งดูเหมือนจะแก่ลงไปอีกหลายปี ไม่รู้ทำไม เวลาต้องเป็นคนกลางให้พี่น้องคู่นี้ทีไร เขาถึงได้รู้สึกเหมือนต้องใช้อายุขัยของตัวเองมาเป็นเดิมพันอยู่ตลอด

"ทาร่า คุณอยากให้ระเบิดลงที่นี่เหรอ"

"มาดูกันไหมว่าผมกับเขาใครจะระเบิดก่อน"

"ขอเถอะ ทั้งคุณทั้งแดเนียลผมไม่อยากให้มีใครต้องระเบิดลงทั้งนั้นแหละ"

พูดไปปีเตอร์ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ไป เขาอยู่ของเขาดี ๆ แล้วทำไมถึงต้องโดนวานให้เอาเรื่องนี้มาบอกด้วยก็ไม่รู้ ทำไมถึงต้องส่งปีเตอร์ผู้น่าสงสารมาอยู่กลางดงระเบิดของพี่น้องคู่นี้ด้วยเนี่ย?

"งั้นคุณก็ไปบอกให้เขาเลิกทำให้ผมโมโหสักทีสิ"

"คุณเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ ยังบอกไม่ได้เลย แล้วผมจะบอกได้เหรอ"

"งั้นคุณก็อยู่อย่างหวาดระแวงระหว่างระเบิดสองลูกนี้ไปตลอดเถอะ"

ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันไปทำงานต่อโดยไม่สนใจคนที่นั่งหน้าซีดอยู่เลยแม้แต่น้อย เดือดร้อนให้ปีเตอร์ต้องรีบขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้หน้าโต๊ะยิ่งขึ้น ก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทั้งยังทำตาปิ๊ง ๆ ให้อีกต่างหาก

"ทาร่า"

"....."

"คุณจะไปใช่ไหม"

"บอกแล้วไงว่ามาเป็นคำสั่งแบบนั้นยังไงผมก็ปฏิเสธไม่ได้"

"งั้นก็ดีแล้ว แต่ต้องไม่ใช่สามเดือนอย่างที่คุณพูดนะ"

มุมปากของคนฟังโค้งลงเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไร ทางด้านปีเตอร์จึงทึกทักเอาเองว่าท่าทีของเจ้าตัวตอนนี้ถือเป็นการตอบตกลง พอคิดได้แบบนั้นก็ค่อยยิ้มออกมาอย่างโล่งใจได้บ้าง

รายละเอียดต่าง ๆ ทั้งที่สำคัญและไม่สำคัญถูกปีเตอร์เร่งอธิบายให้ฟังทั้งหมดไม่มีตกหล่น โดยที่ระหว่างนั้นคนฟังก็ยังคงเอาแต่นั่งทำงานของตัวเองต่อไปเหมือนไม่สนใจ แต่ปีเตอร์รู้ดีว่าท่าทางแบบนั้นเป็นเพียงการแสดงอาการต่อต้านเล็กน้อยเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วเจ้าตัวมีความเป็นมืออาชีพมากพอและคงกำลังจดจำรายละเอียดเหล่านั้นไว้เป็นอย่างดี

"แดเนียลให้คนประสานงานกับที่นั่นไว้แล้ว พอคุณไปถึงจะมีทหารชุดรักษาความปลอดภัยมารอรับคุณ"

"ต้องเอิกเกริกขนาดนั้นเลย"

"ผมบอกคุณแล้วไงว่าทองคำทั้งหลัง คุณคิดว่าจะได้ทำงานง่าย ๆ หรือไง ยิ่งข่าวแพร่กระจายไปขนาดนี้พวกนักล่าสมบัติคงแห่กันมาทั้งโขยง อันตรายจะตาย"

"หึ!"

ได้ยินเสียงขึ้นจมูกแบบนั้นปีเตอร์ก็รู้ได้ทันทีว่าภายใต้ท่าทีแข็ง ๆ ที่เจ้าตัวชอบแสดงใส่พี่ชาย แท้จริงในตอนนี้คงกำลังแฝงความน้อยใจไว้อยู่

ถ้าให้ว่ากันตามความจริง ทุกคนส่วนใหญ่ที่นี่จะเห็นและคิดเหมือนกันว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไร เจอหน้ากันทีก็ฮึ่ม ๆ แฮ่ ๆ ใส่กันตลอด แต่สำหรับคนที่อยู่ใกล้กับทั้งคู่อย่างเขารู้ดีว่าความจริงแล้วคนพี่ก็ทั้งรักทั้งห่วงคนน้องมาก ในขณะที่คนน้องเองก็แอบอ้อนแอบทำตัวน่ารักใส่คนพี่อยู่บ่อย ๆ เหมือนกัน แม้จะไม่ค่อยพูดจาหวาน ๆ หรือแสดงความห่วงใยกันตรง ๆ แต่ทั้งคู่ก็ถือว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมาก

"แดเนียลเป็นห่วงคุณนะ เขาถึงให้รีบประสานงานกับทางนั้นทันทีเรื่องการรักษาความปลอดภัย ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจแต่เหมือนเราจะได้รับคำสั่งมาอีกทีว่าให้จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด แล้วคนที่ทำงานได้เร็วที่สุด ดีที่สุดและเรียบร้อยที่สุดของเราจะเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่คุณ ที่สำคัญครั้งนี้เป็นเรื่องที่คุณถนัดด้วยนะ เหตุผลทุกอย่างมันลงล็อคที่คุณทั้งหมดเลย"

"งั้นเหรอ"

"ไม่งอแงสิ"

"ผมไม่ใช่เด็กแล้วปีเตอร์"

"โอเค ไม่เด็กก็ไม่เด็ก"

รอยยิ้มล้อเลียนที่ได้รับทำให้ดวงตาคู่สวยถลึงมองกลับไปอย่างไม่พอใจ หากแต่คนได้รับกลับยิ่งหัวเราะร่าอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่เพียงครู่เดียวก็ดึงตัวเองกลับมาสู่โหมดจริงจังอีกครั้งแล้วเริ่มพูดต่อ

"งานนี้อาจจะยากหน่อย คุณเอาผู้ช่วยไปด้วยนะ"

"อือ"

"อยากได้ใครก็บอกแล้วกัน เดี๋ยวผมไปจัดการให้"

"ใครก็ได้เหรอ"

"ใช่ แดเนียลบอกว่าให้เป็นกรณีพิเศษเลย"

"แซค"

ชื่อที่ถูกพูดถึงทำเอาปีเตอร์ที่กำลังยิ้มกว้างเปลี่ยนเป็นยิ้มค้างในทันควัน ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่จ้องมองคนตรงหน้าพลันดูว่างเปล่าเลื่อนลอยไปชั่วขณะ ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะทำหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้เต็มที ได้แต่ค้อมตัวลงเอาคางเกยกับโต๊ะแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหมดเรี่ยวหมดแรง

"คุณอยากให้แดเนียลอกแตกตายเหรอ"

"คุณบอกเองว่าให้ผมเลือก ผมเลือกแซคแล้วมีปัญหาอะไร"

"เจ้าเด็กนั่นจะไปช่วยอะไรได้นอกจากก่อความวุ่นวาย"

"สนุกดีออก ทำงานแล้วไม่เครียด"

"ทาร่า เปลี่ยนใจเอาคนอื่นไปแทน--"

ปัง!

"พี่น้ำ!"

ปีเตอร์ยังพูดไม่ทันจบประตูห้องทำงานก็ถูกกระชากเปิดอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และโดยที่ยังไม่ทันมีใครตั้งตัว ร่างสูงโปร่งของหนุ่มน้อยที่กำลังถูกพูดถึงพอดีก็วิ่งถลาเข้ามายืนทำหน้าตื่นเต้นอยู่ข้าง ๆ โต๊ะทำงานของเจ้าของห้องเป็นที่เรียบร้อย

"แซค!"

เสียงเรียกที่เจ้าของชื่อฟังยังไงก็ให้ความรู้สึกคล้ายเสียงคำรามลอดไรฟันซะมากกว่า ทำให้เจ้าตัวที่มัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนพุ่งความสนใจทั้งหมดมายังเจ้าของห้องจำต้องหันไปมอง ก่อนจะเอียงคอเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าปีเตอร์เองก็อยู่ในห้องด้วยเหมือนกัน

"อ้าว คุณปีเตอร์สวัสดีครับ ผมไม่นึกว่าคุณจะอยู่ด้วย"

"ฉันจะอยู่หรือไม่อยู่นายก็ควรเคาะประตูก่อนที่จะเปิดเข้ามาแบบนี้สิ บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว"

"ขอโทษด้วยครับผมกำลังตื่นเต้น...พี่น้ำดูนี่สิ ดูนี่ ๆ"

พูดกับปีเตอร์จบเจ้าตัวก็หันไปทำสีหน้าตื่นเต้นใส่เจ้าของห้องที่ในตอนนี้กำลังนั่งกลั้นขำโดยไม่สนใจแขกที่เข้ามาก่อนเลยแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันที่คนมาใหม่จะได้โชว์ผลงานอะไร ทางฝั่งเจ้าของห้องที่ควบคุมตัวเองให้กลับมาเป็นปกติได้เรียบร้อยก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาซะก่อน

[รุต พี่มีอะไรจะบอกด้วยล่ะ]

[อะไรเหรอพี่]

[คือว่า--]

"อย่าคุยกันรู้เรื่องแค่สองคนสิ เอาภาษาที่ผมรู้เรื่องด้วย"

น้ำเสียงที่มาพร้อมดวงตาดุ ๆ ทำให้คนโดนว่าหัวเราะร่าออกมาอย่างชอบใจที่แกล้งให้ปีเตอร์โวยวายได้ ยิ่งเห็นสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย ธารา หรือ น้ำ หรือที่ปีเตอร์เรียกว่า ทาร่า ก็ยิ่งรู้สึกตลกจนอารมณ์ขุ่น ๆ ก่อนหน้านี้พอจะลดน้อยลงไปได้บ้าง

คนที่นี่ต่างรู้กันดีว่าแซคหรือศรุตเป็นคนไทยแท้ ๆ เกิดและเติบโตอยู่ที่ประเทศไทย แต่ว่าเลือกจะมาเรียนต่อและเข้าทำงานที่นี่ ในขณะที่ตัวธาราเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด แต่ว่าความจริงแล้วเขาเป็นลูกครึ่ง มีคุณแม่เป็นคนไทยก็เลยได้หัดพูดหัดเรียนภาษาไทยมาจากคุณแม่ แล้วชื่อธาราคุณแม่ก็เป็นคนตั้งให้เช่นกัน เพราะท่านบอกว่ายังไงก็มีเชื้อสายอยู่ในตัว ก็ควรจะมีชื่อที่เป็นภาษาไทยด้วย

เพราะฉะนั้น...

เวลาที่คุยกันแค่สองคนส่วนใหญ่ทั้งธาราและศรุตจึงมักจะพูดกันเป็นภาษาไทยมากกว่า

"ไม่มีอะไรมากหรอกปีเตอร์ ผมแค่จะคุยเรื่องที่เราพูดกันค้างไว้กับแซคเท่านั้นเอง"

"โธ่ ทาร่า คุณยังจะ..."

"รุต"

ธาราไม่ได้สนใจสีหน้าเหมือนคนเห็นโลกกำลังจะพังทลายของปีเตอร์เลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวหันไปเรียกพร้อมทั้งส่งยิ้มให้รุ่นน้องคนสนิทที่เลิกคิ้วกลับมาเป็นเชิงถาม

"อะไรครับ"

"วันนี้กลับไปเตรียมเก็บของด้วยนะ เอาเยอะ ๆ หน่อยเพราะเราคงต้องไปนาน"

"ไปไหนเหรอพี่"

"ทาร่า..."

น้ำเสียงอ้อนวอนของปีเตอร์ดังขัดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาสองข้างภายใต้กรอบแว่นกระพริบปริบ ๆ อย่างจะขอความเห็นใจ ซึ่งธาราเองก็หันมามองด้วยรอยยิ้มนิด ๆ เหมือนจะให้ความหวัง หากแต่ประโยคต่อมาที่หันไปพูดกับศรุตก็ทำให้ความหวังอันริบหรี่ของปีเตอร์สลายหายไปในพริบตา

[The lost city นครที่สาบสูญ]

tbc...