สามีเฝ้ามองชายอาภรณ์สีนิลพลิ้วไหวใต้สายลมเยียบเย็น ภรรยาหายไปในร่างผีเสื้อ ในร่างสตรีวิ่งไปมาในตลาด มือขวาถือถุงกำมะหยี่แดง 'ข้าจะซื้ออันนี้นะ อันนี้ด้วย' นางตื่นเต้นกับการออกมาเที่ยว มีสามีเดินรั้งท้ายตามหลังนาง
'ข้าผิดต่อเจ้า ถิงถิง ข้าไม่ควรรับเจ้าเป็นภรรยา กักขังเจ้าในนครมรณาเช่นเดิม เจ้าควรได้ริบอิสรภาพ จะไปที่ใดก็ได้กับมิตรสหายของเจ้า...'
ปีศาจน้อยมิอาจได้ยินเสียงในใจของสามี นางหยุดปลายเท้าหน้าร้านค้าใต้ต้นไม้สูงตระหง่าน ยื่นมือออกไปข้างหน้า แสงจันทราสีชาดกระทบลงบนฝ่ามือ เหมันต์โปรยปรายไม่ทำให้รู้สึกหนาวเย็นอีกต่อไป
"ข้าจะออกจากนครมรณาไปกับสามีในทุกรุ่งอรุณได้หรือไม่ หากมีโอกาสให้ข้าพบปะมิตรสหาย ญาติสนิทของข้านาน ๆ ครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ?"
"เจ้าออกมาเที่ยวเล่นไม่ได้ นครมรณาไม่ติดต่อกับผู้ใดทั้งสิ้น หากไม่ใช่กรณีจำเป็นเช่นครั้งนี้ การรับภรรยาจำต้องปฏิบัติตามตำรา"
"ไม่เป็นไร ข้าตามใจสามี แต่ข้ายังคงปรารถนาแสงอรุณ แสงจันทรา ในเมืองมรณามืดสนิท"
"เจ้าลืมแล้วรึไง?" เขาเอ่ย จับปอยผมด้านหน้าขึ้นแตะปลายจมูก หายใจเข้าลึก นางหลุบตามองสามีดมกลิ่นหอมอ่อนจากเรือนผม จูบเส้นผมของนางด้วยแววตาหลงใหล "เจ้าเป็นครึ่งหนึ่งของเทพมรณา"
"จริงด้วย ข้าเป็นส่วนหนึ่งของท่าน นีเทียนต้าเซิน..."
หัวใจปีศาจสาวเต้นระรัวแรง สามียิ้มตามนางครั้งหนึ่ง ความเศร้าหมองเจือจางลงดังไอหมอก
มองสีหน้าเป็นกังวลของสามีแล้วนางน่าจะอยู่ไม่นาน ในเมืองปีศาจมีกลิ่นเหม็นฉุนของความชั่วร้าย นางสัมผัสรับรู้ตั้งแต่มาเหยียบเรือนใต้ ทั้งทาสปีศาจ คณาญาติผู้ที่นางเคยมองด้วยความภักดี อยู่ดี ๆ นางกลับไม่ชอบหน้าพวกเขา ยามนี้กลิ่นดอกปี่อั้นลอยฟุ้งมาจากเรือนผมของนาง ประสาทการรับรู้ของนางแตกต่างไป นางระลึกถึงความตายซึ่งอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ
ราวกับว่านีเทียนต้าเซินเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตอันไร้ค่าของนาง เคยไร้ซึ่งแสงอรุณรอน จากนี้ไปปีกของนางจะยังคงอยู่ นางไม่จำเป็นต้องเสกสร้างดวงอรุณจากภาพลวงตาผีเสื้อในห้องนอน อิงแอบข้างต้นไม้ซึ่งปลูกไว้หน้าเรือน นางอาจเป็นเหมือนท่านลุงยมทูต
"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน เจ้าพยายามปรับตัว ไม่ง่ายดายสำหรับเจ้า ข้าพรากอิสรภาพไปจากเจ้าด้วยการรับเจ้าเป็นภรรยา เอาเป็นว่าข้าจะพาเจ้าออกจากกรงมารับแสงสว่างบ้าง เราสองควรมีเวลาออกจากเมืองมรณา"
"ท่านกำลังเข้าใจผิด สามี ข้าสุขสบายในแดนมรณาจนไม่อยากกลับไปเมืองปีศาจอีกแล้ว" นางหัวเราะร่าเริง คว้ามือหนาขึ้นกุม สามียิ้มอ่อน เมื่อนางแก้ความเข้าใจของเขาเสียใหม่ ไยเขาจึงรู้สึกผิดต่อนางอยู่เสมอ
พูดเรื่องความสงบสุขไม่ทันไร พ่อค้าเฒ่าเข้ามาขายของให้นางอีก นางวิ่งไปทางซ้ายและขวา ทั้งในร่างสตรี ในร่างผีเสื้อบิน ๆ หาย ๆ จนได้ของที่ต้องการ ในมือของนางเต็มไปด้วยถุงผ้าหลายใบ สามีหายไปในหมอกเมฆา พบแม่ค้าสตรีขายอาหารหน้าตาน่ารับประทาน เขาแลกมันด้วยของมีค่าชนิดอื่น ส่งหมั่นโถวที่มีควันลอยฉุยให้นาง อีกชิ้นหนึ่งเป็นขนมนุ่มนิ่มคล้ายดอกเหมยฮวา มีลูกอมสายรุ้งของเด็กน้อยในมือของเขาและนาง รสชาติหวานกลมกล่อม นางกินมันทั้งหมดนั้น
"ข้าจะหาซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหารไปฝากท่านลุง ได้ไหมเจ้าคะ?"
"เจ้าทำได้ทุกสิ่งในเมืองมรณา ข้าอนุญาตเจ้า แต่เจ้าเดินให้ช้าลงหน่อย" เขายกมือป้องปากกระแอมไอว่า 'จะคลาดกัน'
น่าอับอายมิใช่น้อย หากพูดถึงเรื่องคลาดสายตา ภรรยาคงได้หัวเราะเยาะ แต่นางเพียงขมวดคิ้ว นางหลงลืมไปว่ามองเห็นลมหายใจสีชาดเมื่อไร สามีก็มาถึงตัวนางแล้ว นางและเขาใช้ลมหายใจร่วมกัน
"ข้าเดินเร็วไปหรือ? ในเมืองน่าตื่นเต้นเหลือเกิน ข้าได้มาเดินเที่ยวกับสามี"
"เจ้าไม่ได้มาเที่ยวตลาดปีศาจครั้งแรกเสียหน่อย เจ้ามากับใคร?" เขาหรี่ตาเล็กลงมองนางด้วยท่าทางจับผิด เอามือวางบนศีรษะน้อย นางเงยหน้าขึ้นอมลมในแก้มกลมตุ่ยไม่ตอบคำถาม นัยน์ตาสีชาดซุกซนทอประกาย
"ข้าไม่ถามเจ้าดีกว่า ข้ารู้ว่าเจ้ามากับใคร"
สามีหยิกแก้มกลมป่องของนางแล้วเดินไป นางหันกลับมาจูงมือเขา
ท่ามกลางตลาดคราคร่ำด้วยพ่อค้าแม่ค้า สามีเดินรั้งท้ายมองตามอาภรณ์สีนิล
แปลกที่ในเมืองปีศาจเช่นนี้ กลับไม่ได้มีเพียงปีศาจ ยังมีกลิ่นอายของครึ่งปีศาจ มีเทพแอบแฝงตนมา มีปีศาจชั้นล่างที่เป็นเพียงทาส ด้านหน้าตลาดมีป้ายอักษรใหญ่โตว่า'ห้ามทะเลาะวิวาท ซื้อของพวกท่านแล้วรีบไป'
"ข้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเคยมาเดินตลาดในเมืองปีศาจตอนยังเล็กนัก เหมือนกับว่าท่านแม่เคยพาข้ามา ภาพเหล่านี้คลับคล้ายคลับคลาในห้วงนิทราเจ้า"
"ข้านึกออกแล้ว ไปซื้อของฝากท่านแม่ดีกว่า!" นางโวยวาย มุ่งตรงไปหาของฝาก สามีเบิกตากว้างมองตามผีเสื้อสีชาด ว้าวุ่นใจเรื่องของขวัญ ไม่รู้จะนำไปให้มารดาอย่างไร ก่อนหน้านี้มารดาว่าจะเป็นธุระเรื่องปีศาจในเรือนใต้ มีของขวัญให้ลูกสะใภ้ด้วย เขาคงหาทางหลีกเลี่ยงไม่ไปพบมารดา
"ถิงถิง... เจ้า" เขาเรียกนาง ประจวบเหมาะพอดี ได้ยินเสียงเรียกจากที่อื่น 'ถิงถิง ไม่พบกันนาน เจ้าเป็นยังไงบ้าง?' ปีศาจน้อยโบกมือไปมาให้มิตรสหายแล้วยิ้ม นางไม่ได้ตอบคำถามมิตรสหาย ตรงไปซื้อของจนเงินหมดถุง สามีตามไปจับมือนาง ชะงักฝีเท้าลงไม่ไกลจากโรงเตี๊ยม
"เจ้าเอานี่ไปด้วย" สามีก้มลง ยัดเยียดของใส่ในอุ้งมือน้อย เป็นปิ่นทองคำประดับมุกนิล บุปผชาติหลากสีสันบนนั้น
"ท่านให้ข้าหรือ?"
"ข้าเห็นเจ้ามองมัน ไม่ซื้อสักที"
ร้านค้าแรกตอนนางมาถึงตลาดติดริมธารน้ำใส นางจ้องมันด้วยนัยน์ตาลุกวาว นับเงินในถุงหน้าตาสลดเศร้า สามีเดินตามนาง เอี้ยวมองไปข้างหลัง ตัดสินใจขอแลกเปลี่ยนกับพ่อค้าผู้เฒ่าด้วยไข่มุกที่หายากกว่า
"โชคดีที่พ่อค้าแม่ค้ารับแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งของ นอกจากพลังวิญญาณ ไม่เช่นนั้นเงินก็คงไม่พอ ข้าจะเก็บรักษาของขวัญจากท่านเป็นอย่างดี ขอบคุณ... สามี"
รอยยิ้มจริงใจปรากฏในแววตาสีชาด สามีก้มมองของที่มอบให้นาง ปักปิ่นผมให้นางหน้าโรงเตี๊ยมในเมืองจิ้งจอก