จวนเยี่ยอ๋อง
"หลันหลั่น! ข้ากำชับเจ้าไว้เยี่ยงไร อย่าลืมสถานะและหน้าที่ของตนสิ เป็นเพียงสาวใช้ส่วนตัวของข้า อย่าริอาจหาญใช้วาจาตีตนสนิทเสมอนายเยี่ยงนี้"
ฟ่งหลันหลั่นตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินแม่ทัพหนุ่มดุนางอย่างไม่มีสาเหตุเช่นนั้น หรือเพียงเพราะว่านางสวมอารมณ์หรูหราเทียบเท่าเหล่าคุณหนู สูงศักดิ์กระนั้นหรือ เมื่อคิดได้นางก็ชักสีหน้าบึ้งตึงใส่เขาเช่นกัน พร้อมกับพ่นลมออกทางจมูกอย่างหงุดหงิดใจ
"เฮอะ ข้าไม่มีวันลืมฐานะของตัวเองหรอก ข้ารู้ดีว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่ท่านก็ไม่เห็นจะต้องพูดจาดูถูกและกดขี่ข่มเหงกันเยี่ยงนี้"
เมื่อถูกสตรีน้อยต่อปากต่อคำกลับอย่างไม่พอใจ หลงอี้หลิงยิ่งเกิดอารมณ์เดือดพล่านขึ้น เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้หมายความอย่างที่นางเข้าใจ หากแต่เขาเองก็หลุดการควบคุมตัวเองโดยไม่รู้ว่าทำไม จนพานให้พูดจาไม่คิดออกไปเช่นนั้น
"เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก กลับไปถึงเรือนเมื่อไร เจ้าจะต้องไปช่วยงานข้าที่ห้องหนังสือและฝึกคัดหนังสือตัวอักษรโบราณ 100 รอบ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง นี่ถือเป็นการลงโทษ เข้าใจหรือไม่!"
หลงอี้หลิงออกคำสั่งอย่างเด็ดขาดกับสตรีน้อยข้างกาย
ฟ่งหลันหลั่นไม่ได้ขานรับคำสั่งของหลงอี้หลิง นางได้แต่ยืนนิ่งและมองเขาด้วยสายตาค่อนขอด และแอบน้อยใจนิด ๆ ที่ถูกดุต่อหน้าผู้คนมากมาย โดยที่ตนไม่ได้ทำอะไรผิด
'เป็นบ้าอะไรของเขากันนะ จู่ ๆ ก็พาลโกรธคนรอบข้างแบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงอย่างกับว่าไปกัดกับหมาที่ไหนมา ใครจะยอมทำตามที่ท่านบอก ข้าไม่มีทางไปนั่งคัดอักษรโบราณที่ห้องหนังสือนั่นหรอก'
ในขณะที่สตรีน้อยกำลังจ้องหน้าแม่ทัพหนุ่มและบ่นให้เขาในใจนั้น หลงอี้หลิงก็เบนสายตาจากนาง และหันขวับเดินตรงไปยังจุดที่เยี่ยอ๋องและคนสนิทยืนอยู่ตรงลานกว้าง ซึ่งพวกเขากำลังยืนมองมาอย่างสนอกสนใจเช่นกัน
โดยปล่อยให้สาวใช้คนสวยยืนหน้าบึ้งตึงไม่สบอารมณ์อยู่ตรงนั้น รวมทั้งทหารนายกองคนสนิททั้งสองคนเองก็ยืนงงกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างสงสัยและไม่เข้าใจในตัวแม่ทัพหนุ่ม พอ ๆ กับสตรีน้อย
ฟ่งหลันหลั่นหันกลับไปถามคนทั้งสองที่ยืนฟังอยู่ด้านหลังด้วยความงงงวย
"ท่านเข่อลั่ว ท่านจางเก่อ นี่ข้าพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกท่านถึงได้สั่งลงโทษข้าด้วยการคัดตัวอักษรโบราณตั้ง 100 จบ แถมวันนี้วันขึ้นปีใหม่ ช่วงกลางคืนในเมืองจัดเทศกาลงานโคมไฟด้วย แบบนี้ข้าก็อดเที่ยวงานพอดีสิ"
อีกทั้งนางยังรู้สึกผิดหวังและเซ็งมาก เมื่อคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ออกไปเที่ยวงานเทศกาลของเมืองหลวงที่จะจัดขึ้นในค่ำคืนนี้
จางเก่อไม่มีใครรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผู้เป็นนายหงุดหงิดและเคืองขุ่นใจมากเช่นนี้ จึงได้แต่ตอบคำถามนางไปตามที่คิด
"ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่านายน้อยหงุดหงิดไม่พอใจเรื่องอันใด เพราะอาภรณ์ที่แม่นางฟ่งสวมใส่อยู่ตอนนี้ ก็เป็นคนของหอหรงอี้ เป็นผู้เลือกให้ตามคำสั่งของเขา แต่พวกเราควรรีบเดินไปหาเขาก่อนเถอะ ไม่งั้นอาจจะโดนสั่งลงโทษเพิ่มอีก"
สตรีน้อยจึงได้หันไปมองหน้านายกองร่างท้วมข้างกาย แต่เขาก็ส่ายหน้าพร้อมกับยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่ง และแสดงท่าทางงุนงงไม่รู้เรื่องเช่นกัน
ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปสมทบกับแม่ทัพหนุ่มตรงลานกว้างด้านหน้าตามหน้าที่ของตน
ทางด้านเยี่ยชิงเซียว ธิดาเพียงคนเดียวของเยี่ยอ๋อง ซึ่งเป็นเจ้าของงานวันเกิด เจ้าตัวพร้อมกับสาวใช้คนสนิทก็กำลังง่วนอยู่กับการต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงานอยู่ภายในตัวเรือนหลัก
โดยมีบุรุษหนุ่มน้อยใหญ่ ซึ่งเป็นลูกหลานของเหล่าขุนนาง รวมไปถึงตระกูลสูงศักดิ์และผู้ดีมีฐานะ พากันยืนโอบล้อมเจ้าของงานวันเกิด เพื่อแย่งกันทำคะแนนให้ตัวเอง
ถงเสี่ยวเถาสาวใช้ส่วนตัวของธิดาอ๋อง พลันเบนสายตาออกไปนอกเรือนใหญ่ สายตาของนางมองไปเห็นแม่ทัพหนุ่มจากระยะไกลอย่างบังเอิญ ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายยืนสนทนาอยู่กับเยี่ยอ๋องตรงกลางลานกว้างหน้าจวนใหญ่
นางจึงรีบเดินปรี่ตรงเข้าไปสะกิดและกระซิบนายหญิงของตนอย่างรวดเร็ว
"คุณหนูเจ้าคะ ท่านแม่ทัพหลิงมาถึงแล้ว ตอนนี้กำลังยืนสนทนากับนายท่านอยู่ตรงลานกว้างด้านหน้าเรือนใหญ่เจ้าค่ะ"
เยี่ยชิงเซียวได้ฟังสาวใช้รายงาน สีหน้าเบื่อหน่ายของนางก่อนหน้านี้ก็พลันเริงร่าและฉีกยิ้มหน้าบานสดใสจนแก้มแทบปริออกมาด้วยความดีใจ
ธิดาอ๋องไม่รอช้า หันไปตัดจบการสนทนากับเหล่าบุรุษตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และขอแยกตัวออกไปจากตรงนั้นโดยไม่สนใจสีหน้าผิดหวังของพวกเขาเลยสักนิด เพื่อนางจะรีบไปต้อนรับแม่ทัพหนุ่ม ผู้ที่ตนตั้งหน้าเฝ้ารอตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อได้พบเจอเขา
ธิดาของเยี่ยอ๋องเดินออกมาจากเรือนหลักพร้อมสาวใช้คนสนิทอย่างกระตือรือร้นและตรงดิ่งไปรวมกลุ่มกับบิดาของตนทันที
ทว่าเมื่อสายตาพลันเหลือบเห็นสตรีวัยกุหลาบแรกแย้ม รูปร่างอรชร ผิวพรรณสวยสดใส โฉมยงไม่แพ้ตนยืนอยู่ข้างกายแม่ทัพหนุ่ม ใบหน้างามของเยี่ยชิงเซียวที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับพลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าบูดบึ้งโกรธขึ้งและดูไม่สบอารมณ์
เยี่ยชิงเซียวไม่รอช้าเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปหากลุ่มของบิดาอย่าง ร้อนใจ เมื่อไปถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์ก็เผยอาการไม่ชอบใจและแสดงอารมณ์ ขุ่นเคืองออกมาให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจน
ความสงสัยและความอยากรู้ที่มีอยู่แน่นอกของธิดาอ๋องเกี่ยวกับสตรีข้างกายของแม่ทัพหนุ่ม ทำให้เจ้าของงานวันเกิดผู้นี้ตัดสินใจเอ่ยแทรกถามขึ้นกลางวงสนทนานั้น โดยไม่สนใจว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่
"ท่านแม่ทัพ มิทราบว่าสตรีนางนี้คือผู้ใดกัน เหตุใดข้าถึงได้ไม่เคยพบหน้าและรู้จักนางมาก่อน"
น้ำเสียงราบเรียบที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธแฝงในคำถามของเยี่ยชิงเซียว ฟังแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรมากนัก แต่แววตาอาฆาตไม่เป็นมิตรที่จ้องมองไปยังสตรีน้อยข้างกายของแม่ทัพหนุ่ม ราวกับตั้งใจจะข่มอีกฝ่ายให้ดูต่ำต้อยกว่าตน
แม้สตรีสูงศักดิ์ผู้นี้จะไม่รู้ว่าสตรีน้อยเป็นผู้ใด แต่ลักษณะการชายตามองมองผู้อื่นไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาต่ำเตี้ยเยี่ยงนั้น มันคือการดูถูกผู้อื่นอย่างชัดเจน
ทุกคน ณ ตรงลานกว้างนั้น ต่างล้วนมองออกว่าธิดาอ๋องผู้นี้กำลังคิดและรู้สึกเช่นไรต่อสตรีข้างกายของแม่ทัพหนุ่ม
มีเพียงฟ่งหลันหลั่นที่ยังไม่รู้ตัวว่าโดนหมายหัวจากธิดาอ๋อง จอมหยิ่งยโสและเอาแต่ใจผู้นี้เสียแล้ว
เยี่ยอ๋องเองก็รู้จักนิสัยของธิดาของตนเป็นอย่างดี เขากลัวว่านางจะทำให้เขาเสียงานใหญ่ จึงกล่าวตำหนิบุตรีเสียงเข้มขึ้น
"เซียวเอ๋อร์! สำรวมกิริยาหน่อย ห้ามเสียมารยาทต่อท่านแม่ทัพหลง"
เวลานี้เขาต้องการดึงหลงอี้หลิงให้มาเป็นพวก จึงไม่อยากมีเรื่องผิดใจกันโดยใช่เหตุ
เยี่ยชิงเซียวถูกบิดาตำหนิต่อหน้าผู้อื่น จึงชักสีหน้าขุ่นเคืองไม่พอใจหนักยิ่งขึ้น แต่พอได้เห็นสายตาดุดันโกรธขึ้งของบิดาฉายแววออกมา นางจึงนึกขึ้นได้ว่าตนอยู่ในฐานะใด
"เซียวเอ๋อร์ขออภัยท่านแม่ทัพหลิงที่เสียมารยาท" เยี่ยชิงเซียวฝืนใจกล่าวขอโทษแม่ทัพหนุ่มด้วยท่าทีอ่อนน้อม
นิ้วมือเรียวงามทั้งสองข้างที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้ชายแขนเสื้อ กำลังจิกมืออีกข้างของตน เพราะนางกำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์และความรู้สึกขุ่นเคืองไว้ข้างใน
"ท่านหญิงหาได้ทำสิ่งใดผิด ต้องขออภัยท่านอ๋องและท่านหญิงด้วย หากแต่เป็นความผิดข้าเองที่พาคนติดตามมาโดยมิได้แจ้งให้จวนอ๋องทราบล่วงหน้าเสียก่อน"
หลงอี้หลิงออกตัวรับความผิดนั้นไว้แทนฐานะบุรุษ เพราะเสียอย่างไรแล้ว เยี่ยชิงเชียวก็เป็นถึงธิดาอ๋อง แค่ถูกบิดาตำหนิต่อหน้าผู้อื่น นางก็รู้สึกอับอายมากพอแล้ว
ด้านฟ่งหลันหลั่นแม้จะยืนฟังพวกเขาสนทนากันอยู่อย่างเงียบ ๆ แต่สายตาของนางก็มองกวาดไปรอบตัวและสังเกตพฤติกรรมและทั้งท่าทางการแสดงออกของกลุ่มบุคคลตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา โดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว
จางเก่อและเข่อลั่วก็ยืนทำหน้านิ่งขรึมวางมาดเข้มเพื่อให้ดูน่าเกรงขามสมกับที่เป็นทหารนายกองคู่ใจของแม่ทัพหนุ่ม
...
เซียงไค 盛開