เด็กหนุ่มผมสีทองเป็นประกายยืนเด่นอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวถึงสามคน ดวงตาสีมรกตสั่นระริก ผิวสีขาวจัดบัดนี้กลับแลดูซีดเผือดราวกับตอบสนองความสั่นไหวในจิตใจของเจ้าของร่าง เกเบรียลกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดีเมื่อถูกรุมจับจ้องด้วยสายตาที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ของบรรดารุ่นพี่ที่เขาเพิ่งเคยพบหน้า
ปีศาจคลั่ง...สมญาของผู้อารักษ์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นั่นคือสิ่งที่เขาเคยได้ยินมา และจากที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้า ณ ขณะนี้ ก็พอจะมีเค้าลางอยู่บ้างว่าเพราะเหตุใดถึงได้รับฉายาเช่นนั้น แม้จะยังไม่มีรุ่นพี่ตนใดเอ่ยปากออกมา แต่เกเบรียลก็พอจะมองออกว่าเมื่อสักครู่เขาได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตลงไปเสียแล้ว
ความขุ่นมัวจากผู้ที่จะเป็นเจ้านายของเขาในอนาคตลอยมาไกลถึงหลังเสาที่เกเบรียลยืนหลบอยู่ และนั่นเป็นสาเหตุทำให้บรรยากาศการรายงานตัวครั้งแรกในชีวิตของเขาเหมือนกับอยู่ในนรก
"มาที่นี่ได้ยังไง" พิทักษ์ถามเสียงเรียบ ขณะที่คนถูกถามสะดุ้งเฮือกก่อนจะตอบเสียงเบาอย่างคนไม่มั่นใจ
"คือว่าผมรู้สึกถึงพลังแปลก ๆ ครับ"
"อะไรนะ พูดดัง ๆ ซิ อมข้าวอยู่รึไง" ปกป้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำเอาเด็กใหม่อย่างเกเบรียลผงะอย่างตกใจ
"ผม..ผมรู้สึกได้ถึงพลังแปลก ๆ ครับเลยตามมา คิดว่าน่าจะเจอพวกรุ่นพี่ได้ที่นี่" เขาตอบเสียงดัง..ขึ้นนิดหนึ่ง
"แล้วทำไมเพิ่งมารายงานตัวเอาป่านนี้ ฉันได้รับแจ้งตั้งนานแล้วว่านายจะมาร่วมทีม" พิทักษ์ขมวดคิ้วท่าทางไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก เป็นเด็กใหม่แท้ ๆ กลับเถลไถลเที่ยวเล่นไปทั่วแทนจะมารายงานตัวงั้นหรือ
"ผมหลงทาง" เด็กหนุ่มตอบอ้อมแอ้มด้วยความอาย
"อะไรนะ! พูดชัด ๆ สิโว้ยยย จะกระซิบหาพระแสงอะไร!" ปกป้องชักโมโห เพราะยิ่งพูดอีกฝ่ายก็ยิ่งลดเสียงลงเรื่อย ๆ จนแทบไม่ได้ยิน จะพูดเบาไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็ไม่มีใครได้ยินพวกเขาอยู่แล้ว
เพราะเคยชินกับความกระโชกโฮกฮากของเพื่อน พิทักษ์และรามิลจึงไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อปกป้องโวยวายเสียงดัง แต่พวกเขาลืมไปว่าคนที่ถูกโวยวายใส่นั้นเป็นเพียงเด็กที่มีอายุเพียงไม่เท่าไหร่ และเพิ่งเข้ามาร่วมทีมวันแรก พอโดนรุ่นพี่ตัวโตท่าทางน่ากลัวขึ้นเสียงใส่เท่านั้น เกเบรียลก็แทบจะขวัญกระเจิง ดวงตาสีมรกตมีน้ำใส ๆ เอ่อคลอ ก่อนที่หยาดน้ำใสจะร่วงหล่นลงพื้น
ปกติเด็กน้อยอย่างเขาก็ควบคุมมนตราได้ไม่ค่อยเสถียรอยู่แล้ว ยิ่งมีคนทำให้ตกใจ สภาพจิตใจไม่มั่นคง มนต์กำบังจึงคลายลงกะทันหัน นำไปสู่เหตุการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
"น้องคะ ร้องไห้เหรอ"
ดวงหน้าหวานตกใจเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมสีทองคนที่พุ่งเข้ามาประชิดตัวเธอเมื่อสักครู่ยืนร้องไห้น้ำตาร่วงเผาะ ๆ อยู่ข้างเสา ปกติแค่เห็นเด็กร้องไห้ใจเธอมันก็เหลวเป็นน้ำแล้ว แต่นี่ยังเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่เคยขอแม่เลี้ยงตอนเด็ก ๆ อีก แล้วเธอจะทนยืนมองอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไรกัน
"โดนพี่ชายดุเหรอ" แค่คิดว่าอีกฝ่ายต้องโดนดุเพราะทำเธอตกใจ ท้องฟ้าก็ยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
"ไม่เป็นไรนะ พี่แค่ตกใจเฉย ๆ เอง อย่าร้องไห้เลย"
นอกจากจะยื่นทิชชู่ให้เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักเช็ดน้ำตาแล้ว ท้องฟ้าก็ลูบศีรษะที่เต็มไปด้วยเส้นผมสีทองยุ่งเหยิงของอีกฝ่ายพลางเอ่ยปลอบ
"ขอโทษนะ ทำให้โดนดุเลยใช่ไหม?" เธอเอ่ยเสียงเบา
เกเบรียลได้แต่ชะงักค้างทำอะไรไม่ถูก มือหนึ่งถือทิชชู่ที่หญิงสาวมอบให้ ดวงหน้าขาวจัดจ้องมองอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าร่างในตอนนี้ของเขาจะเป็นเพียงเด็กหนุ่ม แต่ก็เป็นเด็กหนุ่มที่โตแล้วนะ สูงเกือบเท่าเธอแล้วด้วย อยู่ ๆ จะมาลูบหัวก็ลูบเลยแบบนี้มันได้เหรอ นี่ยังไม่นับอีกว่าอายุจริงของเขามากกว่าเธอตั้งกี่เท่า
เกเบรียลแอบหงุดหงิดที่อยู่ ๆ หญิงสาวก็ล้ำเส้น แต่แล้วกลับอดประหลาดใจไม่ได้ที่ตัวเองดันรู้สึกดีเอามาก ๆ เวลาที่โดนเธอลูบหัว
อยากยืนแบบนี้ไปอีกนาน ๆ จัง...
ขณะที่เกเบรียลยืนยิ้มให้ท้องฟ้าลูบหัวอยู่นั้น สายตาดุดันเกรี้ยวกราดราวกับสายฟ้าก็ฟาดมาจากอีกฟากของห้อง แน่นอนว่าเจ้าตัวไม่ทันรู้สึกเพราะมัวแต่เคลิ้มอยู่ แต่เหล่าผู้อารักษ์รุ่นพี่ที่ยืนตาค้างอยู่ข้างหลังทั้งคู่นั้นสัมผัสได้เต็ม ๆ ทว่าจู่ ๆ จะปรากฏตัวขึ้นมาจากอากาศแล้วแยกทั้งสองออกจากกัน หญิงสาวนามท้องฟ้าคนนี้คงได้เป็นลมแน่ ๆ
"ขอโทษนะครับ น้องชายผมไปทำอะไรคุณรึเปล่าครับ" พิทักษ์ที่เดินอ้อมไปอีกทางก่อนจะเดินกลับเข้ามาในชุดสูททักท้องฟ้า
"อ๋อ เปล่าค่ะ ฉันเห็นน้องเขาร้องไห้น่ะค่ะ เลยเข้ามาดู" ท้องฟ้าชะงักก่อนหันไปตอบอีกฝ่ายเสียงอ่อย "อย่าดุแกเลยนะคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เมื่อสักครู่แค่ตกใจเท่านั้นเอง"
พิทักษ์ลอบมองมือเรียวบางที่ละจากศีรษะของรุ่นน้องตัวดีด้วยความโล่งใจ เขายิ้มรับแล้วพยักหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าเด็กน้อยของเธอจะไม่ถูกดุอีก ไม่ทันที่ท้องฟ้าจะออกไปพ้นสายตาดี สัญญาณบางอย่างก็ถูกส่งมาจากอีกฟากของห้อง รามิลรีบลากคอเด็กใหม่ของทีมเดินตามร่างที่หายลับตาไปอย่างรวดเร็ว
"ท่านปาลิน" พิทักษ์เอ่ยเรียกเสียงเบาเมื่อเห็นเจ้านายของตนเอาแต่จ้องผู้อารักษ์คนใหม่เสียจนอีกฝ่ายสั่นเทิ้มไปทั้งตัวด้วยความประหม่า
"ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมถึงไม่เรียกพวกเรา" น้ำเสียงเป็นห่วงของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทำให้วัสปาลินยอมละสายตาจากผู้อารักษ์คนใหม่ได้ในที่สุด
"เราไม่อยากให้วุ่นวายใหญ่โตกัน" น้ำเสียงเรียบแฝงนัยบางอย่าง
"นับตั้งแต่มีสัญญาณการกลับมาของท่าน พวกเราก็ได้แต่รอท่านปรากฏตัวกันอย่างเงียบ ๆ มาตลอด แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้าก็เริ่มกังวล เลยตัดสินใจแอบตามหากันจนพบร่องรอยของท่านที่นี่" พิทักษ์เล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"มีใครรู้อีกไหม" ดวงตาคมตวัดกลับไปมองร่างบาง ๆ ของผู้อารักษ์ที่เขาไม่คุ้นหน้า
"ไม่มีครับนายท่าน"
"แล้วนี่ใคร" วัสปาลินถามแทบจะในทันที
"นี่ผู้อารักษ์ตนใหม่ที่ถูกส่งมาครับ เขาเพิ่งเกิดได้ไม่นาน เผอิญว่ามีพลังที่ค่อนข้างหายาก" พิทักษ์สบตากับผู้เป็นนายเพื่อขยายความประโยคสุดท้ายของตัวเอง
"เหรอ"
น้ำเสียงที่ติดดูถูกเล็ก ๆ บ่งบอกให้ทราบว่าคนพูดไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่นัก ทำให้ร่างที่บางกว่าคนอื่นของเกเบรียลยิ่งดูฟีบลงไปอีก หยาดน้ำใส ๆ เริ่มเอ่อคลอด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
"ชื่ออะไร" ดวงตาคมกวาดสำรวจอีกฝ่ายขณะที่เอ่ยถาม
"เกเบรียลครับ" เขาตอบเสียงเบา ดวงตาหลุบมองต่ำเพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่ของบุคคลที่อยู่ตรงหน้า เขาได้แต่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรสักอย่าง
"ไปเปลี่ยนชื่อ"
"เอ๊ะ อะไรนะครับ" เกเบรียลลืมตัวเงยหน้ามองบุคคลในตำนานด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
"ไปเปลี่ยนชื่อซะ" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยช้าชัด เป็นจังหวะ เจาะจงทุกคำ ดวงตาสีน้ำตาลมองตรงมาที่เขานั้นไม่วี่แววล้อเล่นแม้แต่น้อย
"เปลี่ยนชื่อ" ร่างสูงย้ำครั้งสุดท้ายก่อนเดินหายไปจากคลองสายตาของลูกน้องทั้งสี่ ทิ้งไว้เพียงประกาศิตที่เกเบรียลไม่อาจต่อต้านได้