"เป็นไรวะ"
ไอ้เกลือโผล่หน้าเข้ามาก็ถามด้วยความสงสัยทันที คนอื่น ๆ ในร้านคงคุยกันเรื่องของเขากันไปบ้างแล้วแหละ เพราะเกลือเข้ามาก็มองมาที่ข้อมืออย่างรู้ที่เจ็บ
"เจ็บข้อมือนิดหน่อย ยกของผิดท่า"
"ไหวเปล่าวะ อยู่ในครัวก็ยกของตลอดเวลา"
อีกฝ่ายถาม นั่นก็เป็นอีกอย่างที่เขาเริ่มคิด วันนี้นั่งมองเชฟโอบทำอาหารแล้วก็รู้สึกว่าต้องใช้ข้อมือหนักมากเหมือนกัน ทั้งยกกระทะ ควงตะหลิว ยิ่งถ้าเป็นการผัดสไตล์จีนที่ต้องใช้เวลารวดเร็วและคุมการกระจายของไฟ ข้อมือคงต้องรับภาระเยอะมาก
"ถ้าไม่ผิดท่าก็ไม่เจ็บหรอก" มั้ง
คำหลังเก็บไว้แค่ในใจ เกลือหันมามองหน้าครู่หนึ่ง ก่อนกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียง หลังจากรับลูกค้ามื้อเที่ยง พนักงานมีเวลาพัก 14.30 – 15.30 น. ก่อนที่จะเตรียมตัวทำงานรับลูกค้ามื้อเย็นอีกครั้ง อาหารก็มีให้ตักกินในครัวไม่อั้น รสชาติก็แล้วแต่วัน เพราะสลับกันทำกิน
"แล้วทำไมมึงถึงมาสมัครเป็นผู้สืบทอดร้านนี้วะ"
คนที่นอนอยู่อีกเตียงถาม เด็กหนุ่มหันหน้าไปมองน้อย ๆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอยและเหม่อมองไปที่ผนังเพดาน ราวกับมันเป็นท้องฟ้ากว้าง ยิ่งใหญ่สุดลูกหูลูกตา เขานิ่งนึก เกลือเองก็น่าจะเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งในการสืบทอดร้านนี้
"กูชอบกินกะเพราแล้วเชฟก็ทำกะเพราอร่อยดี"
เกลือหัวเราะ
"หัวเราะอะไร กูชอบกินผัดกะเพราแล้วกูผิดเหรอ กูเป็นผัดกะเพราเลิฟเวอร์เลยนะเว่ย มาแข่งแฟนพันธุ์แท้ผัดกะเพรากับกูได้"
"ก็ถ้ามึงชอบกินกะเพรา มึงก็ซื้อกะเพรากินสิ มึงจะมาเป็นเชฟทำไม"
เออ ไอ้เกลือก็พูดถึง แต่จะบอกว่าเขาตั้งใจจะฮุบร้านก็ไม่ได้เปล่าวะ คราวนี้เป็นปลาวาฬหัวเราะขึ้นมาบ้าง โชคดีที่อย่างน้อยเกลือก็น่าจะเป็นมิตรภาพดี ๆ ในร้านนี้ได้
"โห ร้านนี้ขายแพงจะตาย มื้อละ 3,000 แดกทุกวันก็หมดตัวดิ" เขาหันไปยักคิ้วให้อีกฝ่าย "มาเป็นลูกจ้างที่ร้านได้กินฟรีทุกวันเว่ย จนกว่าจะโดนไล่ออก"
"กากสัด"
เกลือด่าแบบไม่จริงจังอะไรนัก เขาเหลือบหันไปมองไอ้เชฟตาตี่บ้าง เหมือนรสชาติผัดกะเพราบะหมี่กึ่งยังวนเวียนอยู่ในปาก อร่อยไม่เคยลืม
"แล้วมึงอะ ทำไมถึงมาทำร้านนี้อะ ฝีมืออย่างมึงไปเปิดร้านใหม่ก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องมาสมัครแข่งขันอะไรแบบนี้เลย"
ในวันที่เขามากินในฐานะลูกค้า เกลือก็ถือเป็นเชฟคนหนึ่ง อาหารหลาย ๆ จานก็เป็นฝีมือเกลือปรุงด้วย นั่นหมายความว่าฝีมือของเกลือก็ดีอยู่ในระดับที่เชฟโอบยอมรับ สำหรับเขา นั่นก็มากพอจะไปเปิดร้านอาหารของตัวเองแล้ว ไม่เห็นต้องมาอยู่ใต้ร่มเงาของเชฟโอบแบบนี้เลย
"กูชอบร้านนี้มั้ง"
ปลาวาฬพึมพำรับไปในลำคอ
"กูเห็นร้านนี้มาตั้งแต่วัยรุ่น ตอนเรียนมหาลัย กูอยู่หอแถวนี้แหละ แต่ก่อนร้านนี้ยังไม่ใช่ไฟน์ไดนิ่งแบบนี้ กูแวะมากินบ่อย"
"เหรอวะ เป็นร้านแนวไหนวะ"
"ร้านคล้าย ๆ อิซากายะอะมึง ราคาไม่แพง เหมาะกับในพวกนักศึกษามานั่งคุยยาว ๆ แต่อาหารที่ขายส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยนี่แหละ ผัดกะเพรา แล้วก็พวกของทอด"
เขานิ่งฟังอย่างสนใจ
"ตอนนั้นเชฟโอบยังไม่ดังเลย หมายถึงในวงกว้างอะนะ แต่สำหรับเด็กมหาลัยกูนี่ดังมาก ตอนหนุ่ม ๆ เชฟโอบหล่อกว่านี้อีก หน้าโคตรอปป้า วันไหนเชฟออกมาเสิร์ฟหรือมารับลูกค้า ร้านคนโคตรแน่น ลูกค้าไม่ยอมลุก อยู่กันจนปิดร้าน" เกลือเล่าไปตลกไป
"แล้วมันเปลี่ยนเป็นไฟน์ไดนิ่งได้ไงอะ"
เด็กหนุ่มถาม เจ้าของแว่นตากลมบ๊อกนิ่งเงียบเหมือนนึก ก่อนจะตอบออกมา กลับกลายเป็นเขาที่รับฟังอย่างตั้งใจ เหมือนจะค่อย ๆ ได้รู้จักคนที่ชื่อโอบเอื้อนั่นอย่างที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน ตอบไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่สารภาพจากใจก็คือเขาอยากรู้
"กูก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดแฮะ" คราวนี้เกลือมีท่าทีลังเลอย่างจริงจัง "หลังจากที่กูเรียนจบ กูก็บินไปเรียนไดโพลมาที่สวิตฯ"
"เชี่ย มึงเป็นนักเรียนนอกเหรอวะ เหยด"
เออ เอาว่ะ จะตื่นเต้นเรื่องไหนก่อนดี เรื่องเชฟโอบก็อยากรู้ เรื่องเชฟเกลือก็อยากรู้ ต่อมเผือกมันสั่นไปหมด ตานี่ลุกเป็นประกาย
"เออ ไปเรียนไดโพลมา เหมือนไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมากกว่า เรียนอยู่ปีนึง กูไปหาประสบการณ์มากกว่า ตอนนั้นก็ได้ทำงานร้านอาหาร ค่าครองชีพมันแพงด้วย กูก็เลยต้องทำอาหารเอง ไป ๆ มา ๆ ก็อยากหันมาเป็นเชฟจริงจัง ตั้งใจว่าจะกลับมาลองดู"
"เจ๋งว่ะ" เขาพูดอย่างทึ่ง ๆ
"กลับเข้าเรื่อง พอกูกลับมาอ่ะ ร้านก็ปิดรีโนเวตอยู่ คนแถวนี้อะเขาก็เมาท์กันว่าร้านกำลังช็อต ติดจำนองธนาคาร" เกลือพูดเสียงค่อยลง "กูไม่ได้พูดเองนะเว่ย คนแถวนี้พูดกันจริง ๆ กูมาไม่เจอร้าน ก็หาร้านใกล้ ๆ กินแทนแล้วก็ถาม เขาก็เล่าให้ฟัง แบบเมาท์ ๆ อะนะ"
ข้อมูลถูกต้อง ไอ้เพื่อนรัก ข่าวกรองรับประกัน เขาพยักหน้าหงึกหงัก แต่ไม่ได้พูด พูดไปก็คงตายหยังเขียด โดนเชฟจับเจี๋ยน
"ช่วงนั้นเชฟโอบดังแล้วนะ กูกลับมาเขาก็ไปออกรายการโน่นนี่ละ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนร้านเป็นไฟน์ไดนิ่ง เชฟโอบก็ดังด้วยแหละ หาลูกค้าไม่ยาก ตอนนั้นก็ประกาศรับผู้ช่วยเชฟ กูชอบร้านนี้ก็เลยมาสมัคร ทำงานมาจะสองปีละมั้ง พอเชฟบอกว่าจะเซ้ง กูก็สมัครเป็นแคนดิเดตด้วย"
เออ มึงนี่เหมาะสมจะเป็นผู้สืบทอดจริง ๆ มีประวัติศาสตร์กับร้านมายาวนานฉิบหาย จะเอาอะไรไปชนะวะเนี่ย ผัดกะเพราให้หมูสุก เขายังทำไม่เป็นเลย
"กูอะได้ข่าวไม่ค่อยดีมาด้วย"
เกลือพูดต่อแบบมีอาการไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาหูผึ่งทันที ความอยากรู้อยากเห็นทำงานอีกรอบ มึงรู้ด้านมืดของเชฟโอบใช่ไหม บอกกูมาเถอะไอ้สหาย
"อะไรวะ"
เขากระซิบ สายตาหลุกหลิก เกลือหันมามอง ทำท่าเหมือนจะขำ
"มึงเห็นที่ดินว่าง ๆ รอบร้านปะที่มีรั้วกั้นไว้" ปลาวาฬรับคำตอบ "คือมันมีบริษัทจะซื้อที่ไปทำคอนโดเว่ย กว้านซื้อได้หมดแล้ว เหลือแค่ที่พื้นนี้ผืนเดียว"
เอ๊ะ ทำไมคุ้น ๆ
"ฝ่ายนู้นเจรจาซื้อเท่าไหร่ แต่เชฟโอบก็ไม่ขาย เพราะรู้ว่าขายไปยังไงก็ต้องโดนทุบ เรื่องที่เชฟจะเซ้ง กูว่ายังไงฝ่ายนู้นก็ต้องรู้เหมือนกัน นั่นหมายความว่า..."
"ว่า..."
"ในหมู่พวกเราจะต้องมีเกลือเป็นหนอนไง กูว่าต้องมีคนถูกส่งเข้ามาเพื่อชิงตำแหน่งเชฟของร้านนี้เพื่อเอาที่ไปขายให้ไอ้บริษัทพวกนั้นแน่"
เกลือพูดด้วยท่าทีมุ่งมั่น เหมือนอยากจะปกป้องร้านไว้จากเงื้อมมือคนเลวให้ได้สำเร็จ ตรงกันข้ามกับเขาที่ยิ่งฟังก็ยิ่งทำหน้าไม่ถูก
กูนี่แหละไอ้เกลือ กูนี่แหละตัวโกงของเรื่องนี้!
เอาแล้ววว ปลาวาฬ ภารกิจนี้จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย มาลุ้นกัน >_<
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta