ลี่ภรรยาสาวเมื่อเห็นเมฆผู้เป็นสามีแรกเข้าชิงชัยก็สร้างความได้เปรียบทั้งพลังสภาวะและกลยุทธ์วิธีการ จิตใจจึงบังเกิดความฮึกหาญเข้าครอบงำ แม้จะกังวลว่าหากผละจากลูกน้อยไปแล้วเขาอาจจะถูกชิงตัวกลายเป็นเครื่องต่อรองได้ แต่ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ ตัวเธอจึงคิดว่าหากตัดสินใจลงมือเสียแต่ตอนนี้ ทางฝั่งของเธอก็จะชิงความได้เปรียบเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
แม้ใจคิดไปพลางแต่ร่างกายกลับตอบสนองไปว่องไวกว่า จากสะเก็ดไฟจุดเล็กๆหลายสิบจุดพลันลุกพรึบพรับกลายเป็นเปลวไฟสีส้มครอบคลุมแขนทั้งสองข้างเอาไว้อย่างวิจิตรบรรจง
ด้านผู้ไล่ล่าที่ยังไม่เปิดเผยศักดิ์ฐานะอีกสองคนที่เหลือ เมื่อเสียเพื่อนร่วมขบวนไปหนึ่งคนแล้ว ก็ไม่กล้าที่จะชะล้าใจอีกต่อไป ต่างคนต่างพยักหน้าให้แก่กัน นัดแนะวิธีการอย่างรู้ใจ ก่อนจะเคลื่อนไหวมุ่งเข้าหาลี่อย่างพร้อมเพรียง หวังเปลี่ยนสภาวะตั้งรับเป็นรุกไล่ บีบให้อีกฝั่งเสียขบวนรวนเร
การกระทำเป็นเรื่องหนึ่งแต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นดั่งที่หวังไว้ ทั้งๆที่ผู้ลุกไล่ทั้งสองผนึกกำลังส่งหนึ่งมีดสั้นฉาบพิษที่สะท้อนลายสีม่วงอ่อนจางไว้ที่คมดาบ กับอีกหนึ่งฝ่ามือที่มีไอเย็นจัดเสียจนทำให้ฝนเยือกเป็นประกายน้ำแข็งระยิบระยับตามมาตลอดทาง หมายบีบคั้นให้ลี่หยุดยืนรับมือ
แต่กระนั้นคู่มือสาวก็ยังระเบิดพลังพุ่งเข้าหาฝ่ามือน้ำแข็ง โดยไม่กังวลว่ามีดสั้นฉาบพิษจากอีกด้านหนึ่งนั้นจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเธอเช่นไร
ฟี้ด!
เปลวไฟในฝ่ามือซ้ายถูกบีบอัดจนส่งเสียงดังหวีดหวิว ไฟจากเดิมที่มีสีส้มก็กลับกลายเป็นสีส้มปนเหลือง อุณหภูมิความร้อนโดยรอบพลันพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
หนึ่งฝ่ามือยังไม่ทันได้บรรลุถึงเป้าหมาย แรงกดดันอันไร้สภาพกลับเคลื่อนถึงและโจมตีผู้ที่เป็นเป้าหมายก่อน
เมื่อเผชิญกับแรงกดดันที่ไม่อาจดูแคลน ผู้ไล่ล่าฝ่ามือน้ำแข็งจึงเลือกที่จะไม่สนใจสภาพการณ์รอบข้าง มุ่งสมาธิไปที่การหักล้างกับคู่เป้าหมาย
ตึบ!
สองฝ่ามือประกบเข้าหากันแทนที่จะส่งเสียงระเบิดสร้างแรงผลักอย่างรุนแรง แต่กลับหักล้างกันอย่างเงียบเชียบ ทั้งสองกัดกร่อนกันไปมาราวกับว่าไม่อาจมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ร่วมบนโลกใบเดียวกันได้อีกต่อไป
ขณะที่อยู่ในช่วงเวลาตัดสิน มีดสั้นอาบเคลือบพิษยาวแปดนิ้วก็ได้บรรลุมาถึง อาวุธลับคมเดียวแค่ลำพังหากโดนจ้วงแทงเข้าอย่างจังก็สามารถสร้างบาดแผลฉกรรจ์ให้กับอวัยวะภายในถึงแก่ชีวิตได้แล้ว แต่นี่ที่คมดาบยังอาบพิษงูกะปะผสมดอกไม้มีพิษอีกสองสามชนิดเข้าไว้ ขอแค่เพียงเฉียดพุ่งผ่านกายเนื้อก็จะสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสให้กับคู่มือได้เลยทีเดียว
เมื่อเป็นดังนั้นผู้ไล่ล่าคนหลังพลันแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการประมือจะสะดวกดายถึงเพียงนี้
แต่ทันใดนั้นเองเรื่องที่ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น บานประตูไม้ที่ปกติปิดโกดังเก็บเกลือสินค้าอยู่ดีๆก็พลันถูกกระแทกหลุดออกจากวงกบ ด้วยแรงอันมหาศาลที่ตามติดมาทำให้บานไม้ดังกล่าวปลิวลอยพุ่งตรงมายังมือมีดที่หันหลังอยู่นั้น
ด้วยอารามตกใจอย่างสุดขีด มือมีดที่กำลังตั้งท่าจะจ้วงแทงลี่อยู่นั้น ก็ตาลีตาเหลือกปล่อยมีดชักมือกลับ ก่อนจะตวัดเท้ากลับหลัง พาดเข้าใส่บานไม้อย่างถนัดถนี่
เปรี้ยง!
ละอองไอร้อนสีใสเคลือบม่วงกลุ่มใหญ่แตกปะทุออก กระแทกบานไม้จนแหลกเป็นเสี่ยง แม้กระทั่งเศษไม้ที่ปลิวเวียนวอนอยู่ในอากาศยังถูกไอร้อนที่แฝงมากับท่าเท้านี้ กัดกร่อนจนมลายหายสิ้น
"ลูกเตะที่ยอดเยี่ยม"
เสียงเข้มเสียงหนึ่งกระซิบขึ้นด้วยน้ำเสียงชมเชยจากใจจริง ดังขึ้นที่ข้างหูเจ้าของท่าเท้าคนดังกล่าวอย่างไร้วี่แวว
ขณะที่มือมีดยังไม่ทันได้เรียกสติร้องขวัญให้กลับมาแจ่มใสได้ดีดังเก่า ก็ต้องพบกับชายรูปร่างสันทัดผู้หนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นราวกับภูตพราย และเพียงพริบตาเดียวที่ได้พบหน้า ชายรูปร่างสันทัดผู้นั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดยกเท้าซ้ายเยียบขึ้นบนหน้าขา วางเท้าขวาขึ้นพาดไหล่ ส่งตัวขึ้นเหนือศีรษะอย่างว่องไว
คนที่ปรากฏกายขึ้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกเสียจากพี่ทองใบเกลอคนสนิทของเมฆที่ได้นัดหมายกันไว้นั่นเอง แน่นอนว่าเขามาถึงยังจุดนัดพบตรงเวลาที่ได้นัดแนะกันไว้ แต่เมื่อเห็นมีกลุ่มผู้ไล่ล่าติดตามมา ทองใบจึงตัดสินใจที่จะพรางตัวเงียบไว้ เพื่อต้องการสำรวจดูสถานการณ์ให้รอบคอบดีเสียก่อน จึงค่อยทำการเคลื่อนไหวส่งสัญญาให้กับฝั่งของตน
ทุนรอนซึ่งก่อนหน้านี้ที่ทำให้ลี่มั่นใจเป็นหนักหนาจนกล้าเปิดฉากโจมตี อีกทั้งยังกล้าเพิกเฉยต่อหนึ่งท่าสังหารราวกับอีกฝ่ายถือหมอนถือนุ่นมาก็มิปาน ก็คือไพ่ตายใบนี้ที่กำลังสำแดงอานุภาพอยู่นั้นเอง
ไอเย็นโดยรอบถูกทองใบสูดเข้าในกายอย่างบ้าคลั่ง จากไร้สภาพแปรผันเป็นพลังงานแข็งกร้าว แขนขวาทั้งข้างก็พลันเปลี่ยนกลายเป็นแข็งเกร็งดั่งสลักขึ้นจากไม้เนื้อแข็งทั้งท่อน
จากจุดสูงสุดศอกข้างนั้นกลับพลิกเปลี่ยนเป็นทิ้งตรงลงมาด้วยความเร็วที่ไม่อาจติดตามทัน ห้วงอากาศโดยรอบที่ศอกข้างนั้นเคลื่อนผ่านล้วนวิบัติแตกกระจาย แลดูเห็นขยายออกกลายเป็นวงคลื่นดั่งโยนหินลูกใหญ่กระแทกผิวน้ำดังโครม
"ฤาษีบดยา"
หนึ่งฉากที่สะท้านสะเทือนดิน ศอกนั้นทิ้งลงบนกระหม่อมมือมีดอย่างถนัดถนี่ เสียงป๊อกพลันดังขึ้น พร้อมกับร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ถูกกระทำตกกระแทกลงพื้นไปราวผักปลาในบัดดล
ฝั่งลี่เมื่อปราศจากบุคคลที่สามเข้าสอดมือยุ่งเกี่ยว หลังจากปะทะหักล้างตาต่อตาฟันต่อฟันกันไปอีกหลายมือหลายเท้า แม้ทั้งสองจะมีพลังอ่อนโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูเหมือนทางฝั่งลี่จะมีภาษีที่ดีกว่า เนื่องจากสถานการณ์โดยรวมพลิกกลับเป็นฝ่ายที่มีเปรียบ ส่วนในด้านแนวทางพลังงานธาตุก็กดข่มกันตามธรรมชาติอยู่แล้ว เรื่องชัยชนะคงขึ้นอยู่ที่เวลาช้าหรือเร็วเท่านั้น
แต่แม้จะมีเปรียบในหลายทาง ลี่ก็ยังไม่ต้องการให้การศึกครั้งนี้ยืดเยื้อติดพันไป เธอจึงคิดเร่งเผด็จศึก เหนี่ยวรั้งพลังที่เหลือมาบีบอัดลูกไฟที่ฝ่ามือซ้ายอีกครั้งจนบังเกิดเป็นเสียงทึบต่ำจากการระเบิดเล็กๆขึ้น เพียงแต่ครั้งนี้ลูกไฟที่เดิมเคยเป็นสีส้มปนเหลืองกลับเปลี่ยนเป็นเหลืองเข้มขึ้นมาถนัดตา ในด้านอานุภาพก็ถือได้ว่าร้ายแรงขึ้นกว่าเป็นเท่าตัว
และดูเหมือนทางฝั่งลี่จะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้หยุดพักหายใจ ดวงไฟในมือพลันเปล่งรังสีอันร้อนแรง เธอบังคับร่างเคลื่อนเข้าหาศัตรูอย่างไว กระแทกระเบิดพลังที่ส้นเท้าส่งร่างกรีดผ่านอากาศเป็นเส้นโค้งจากล่างขึ้นบนอย่างงดงาม
ท่วงท่าจากเดิมก็เปลี่ยนเป็นมืออยู่ล่างเท้าอยู่บน ครั้นพอถึงตำแหน่งเหนือศัตรูก็พลันพลิกฝ่ามือยิงลูกไฟดวงนั้นออกไปราวกับลูกธนูหลุดออกจากแล่ง ก่อนจะหยิบยืมสภาวะตีลังกาเคลื่อนห่างออกไป
ตูม!
เสียงระเบิดกัมปนาทดังสนั่น อากาศธาตุร่วมวาเศษจากจุดศูนย์กลางถูกเผาผลาญทำลายลงสิ้น ละอองเกล็ดน้ำแข็งจำนวนมหาศาลพลันโปรยปรายลงจากท้องฟ้าแลดูระยิบระยับชวนน่ามอง
พร้อมๆกับแสงวาบที่อ่อนจางลง ผู้ไล่ล่าคู่มือก็ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งในสภาพที่แขนเสื้อข้างขวาทั้งแถบมอดไหม้หมดสิ้น จนเผยให้เห็นแขนขาวผ่องของอิสตรีนางหนึ่งในสภาพที่เลือดไหลอาบแขนทั้งข้าง ร่างทรุดนั่งลงประคองตัวอย่างอ่อนล้า หมดสภาพที่จะสู้ต่อไปโดยปริยาย
จากการปะทะครั้งแรกดอกผลที่ได้ออกมาดียิ่ง ฝั่งเมฆทั้งๆที่ตกเป็นรองตั้งแต่เริ่มต้นกลับประสบชัยชนะสามสนามติด อีกทั้งยังทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บสองล้มตายหนึ่ง หลงเหลือเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มอีกคนเดียว นับว่าประตูแห่งความหวังในการหนีรอดเปิดออกอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ทั้งหมดก็ต้องผ่านกระดูกชิ้นโตที่เบื้องหน้านี้ไปให้ได้เสียก่อน
"ตอนนี้ คงถึงตาพวกเราต่อรองได้แล้วกระมัง" เมฆที่เปลี่ยนมายืนคุมเชิงประจันหน้ากับหลงพลันเอ่ยขึ้น
"นับว่าพวกเจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง ใช่ ตอนนี้พวกเจ้าได้สิทธิที่จะต่อรองแล้ว เพียงแต่คนที่จะต่อรองกับพวกเจ้า ไม่ใช่ข้า" แม้สหายที่มาด้วยจะบาดเจ็บล้มระนาว แต่ก็ดูเหมือนหลงก็ยังมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนใดๆ เขาจึงได้เอ่ยตอบอย่างปลอดโปร่ง ก่อนจะก้มตัวโค้งคำนับลงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"คำนับท่านรองแม่ทัพที่สอง"
หลังจากยืดตัวขึ้น หลงก็พลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคาโกดังไม้ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง
"อืม" เสียงตอบกลับสั้นๆ แต่ทุ้มกังวานเสียจนกลบเสียงฝนโดยรอบไปสิ้น
เงาร่างชายสูงใหญ่ราวเจดีย์เหล็กผู้หนึ่งที่เข้ามายังสถานที่ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ ยืนตระหง่านอยู่บนจั่วโกดัง ทีท่าเอามือไพล่หลังมองดูทั้งหมดราวกับกำลังดูละครฉากหนึ่งอยู่
"ไม่ได้การเอาเสียเลยพวกเจ้า เป็นถึงตุลาการแต่กลับพลาดท่าเสียทีเอาเสียได้ กลับไปคงต้องรายงานท่านจอมราชันย์ สั่งการให้ท่านมหาเสนบดีฝ่ายเข้มงวดกรวดขันพวกเจ้าให้มากกว่านี้" โดยไม่สนใจพวกเมฆแต่อย่างใด แทนที่ผู้ที่มาจะรีบจัดการสะสางเรื่องราว แต่กลับเอ่ยตำหนิพวกหลงทั้งสามขึ้นเป็นสิ่งแรก เสมือนประหนึ่งว่ามีความบาดหมางไม่ลงรอยกันอยู่ในที
"พวกข้าน้อยต้องขออภัยท่านรองแม่ทัพเป็นอย่างสูง เมื่อมาถึงแล้ว ท่านรองแม่ทัพมีคำสั่งใด โปรดสั่งการ" แม้จะแสดงกริยาพินอบพิเทา แต่หลงที่โดนตำหนิซึ่งๆหน้าจากผู้ที่มีอายุไล่เลี่ยกันก็อดไม่ได้ที่จะมีอารมณ์ความรู้สึก และในเมื่ออีกฝั่งที่ระดับเหนือกว่าเสนอหน้าเข้าจัดการแล้ว เขาซึ่งเป็นผู้น้อยก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรั้งอยู่เข้ารับมือรับเท้าอีก จึงได้ชิงกล่าวตัดบทไป
"ชมการแสดงปาหี่ของพวกเจ้ามามากพอแล้ว ไปเสียให้พ้นหน้าข้า" ชายผู้มีตำแหน่งรองแม่ทัพกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเชิงประณามหยามหยัน โบกมือไล่ทั้งสามไปอย่างไม่ให้เกียรติ แล้วเปลี่ยนมาจับจ้องมองพวกของเมฆซึ่งเป็นภารกิจหลักในบัดดล
แม้จะยังไม่ทันได้เปิดฉากเข้าโรมรัน แต่ทันทีที่ชายแข็งแกร่งผู้นั้นหันขวับกลับมาสำรวจเมฆและพวก แรงกดดันอันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ก็พลันแผ่ซ่านออกมามากเสียจนทำให้ทุกคนในบริเวณหายใจเข้าออกไม่ทั่วท้อง กับความอึดอัดกดดันเช่นนี้ นอกเสียจากระดับผู้อาวุโสภายในพรรคที่สามารถกระทำได้แล้ว ก็แทบจะไม่เคยพบเจอผู้ใดที่มีฝีมือใกล้เคียงระดับนี้มาก่อน นี่ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงวัยที่กำลังอยู่ในช่วงแค่เพียงสามสิบต้นๆเท่านั้น หากจะเรียกคนที่กำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ว่าปีศาจก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด
เมฆฝนในขณะนี้จากที่เคยหนาหนักก็เริ่มเบาบางลงมากแล้ว คลื่นลมในท้องทะเลจากที่เคยปั่นป่วนก็ทุเลาลงกว่าห้าหกส่วน ในความมืดมิดเป็นแผ่นผืนในที่สุดดวงแสงลูกกลมโตก็ปรากฏขึ้นบนผืนทะเลที่ไม่ห่างออกไปนัก
แต่กระนั้นแม้จะรับรู้ถึงการมาของเรือประมงที่จ้างวานไว้ บนใบหน้าเมฆและพวกก็กลับไม่แสดงออกถึงความยินดีเลยแม้แต่น้อย พวกเขาต่างมีความรู้สึกเช่นเดียวกันว่าทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายทั้งสิ้น ดังนั้นจากนี้ไม่ว่าจะกระทำสิ่งใด ก็ต้องคิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบเป็นที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วชะตากรรมของทุกคนนั้นต้องกลับกลายเป็นอเนจอนาถเป็นแน่แท้ สามารถพูดได้ว่าการพบเจอกับชายนิรนามคนนี้นำมาซึ่งความยากลำบากเสียยิ่งกว่าพวกของหลงทั้งสี่รวมกันเสียอีก
เมื่อตุลาการทั้งสามร่างหายกลืนในความมืดไปแล้วสิ้น เงาร่างมหึมาบนจั่วโกดังก็พลันกระโดดข้ามหัวเมฆและพวก ตีลังกาทิ้งตัวตั้งตรงลงบนคันดินจนบังเกิดเสียงดังครืนใหญ่ จนผืนดินแถบนั้นพลันเกิดหลุมยุบลึกลงไปราวนิ้วเศษอย่างไม่อาจต่อต้าน พร้อมกันนั้นก็ปรากฏแสงเรือนรางรูปกระทิงตัวสูงใหญ่ท่วมหัวชายคนดังกล่าวที่กำลังกระฟัดกระเฟียดอย่างฉุนเฉียวให้เห็นเค้ารางอยู่รำไร
"คงไม่ต้องสาธยายใดๆให้มากเรื่อง ใครอยากจะตายเป็นคนแรก เข้ามา" ชายคนดังกล่าวสะแหยะยิ้มเย็นกวักมือร้องเรียก
"พี่ทองใบ อีกฝ่ายมีอัตลักษณ์พลังสถิตแล้ว การรับมือจากนี้คงจะไม่ง่ายสะดวกดายดั่งที่ผ่านมา เราทั้งสองเข้าสู้พร้อมกันเป็นอย่างไร?" เมฆที่ประเมินดูคู่ต่อสู้อย่างรอบคอบดีแล้ว เมื่อรู้ว่าอีกฝั่งมีฝีมือฉกาจฉกรรจ์ถึงเพียงใด จึงไม่อาจไม่ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เสียใหม่ จึงได้เอ่ยกล่าวขอยืมกำลังเกลอคนสนิทเข้าต่อกรร่วมกันโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีแต่อย่างใด
"ได้ เหมือนวันเก่า"
ทองใบที่เป็นคนพูดน้อยต่อยหนักมาแต่ไหนแต่ไรหันมายิ้มตอบกับเมฆ ทั้งๆที่สถานการณ์นั้นเลวร้ายกว่าที่คาดคิดไว้มาก แต่ชายไทยใจองอาจผู้นี้ก็หาได้ครั่นครามเกรงกลัวไม่
"เหมือนวันเก่า"
ในชีวิตคนผู้หนึ่งหากได้พบสหายที่ยอมควักหัวใจเคียงบ่าเคียงไหล่ตายแทนกันได้เช่นนี้ นับว่าไม่เสียทีที่ได้มีวาสนาพบพานกัน เมฆเมื่อได้ยินคำตอบดังนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างสมใจ ยิ้มตอบเกลอที่เสมือนพี่ชายแท้ๆคนนี้กลับไป แล้วจึงกระซิบนัดแนะลี่ที่คุ้มครองลูกชายอยู่ที่เบื้องหลัง