เช้าวันต่อมาฮาวเวอร์กลับเข้าไปที่ค่ายทหารเพื่อดูความคืบหน้าของงาน แม้ว่าจะสำเร็จไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจอยู่ดี เขาเอาตัวอย่างนั้นกลับไปศึกษาต่อที่ฐานลับฮาวเวอร์ และให้คนในค่ายสร้างชิ้นใหม่โดยยังอิงรูปแบบเดิมอยู่
"นายท่านยังจะกลับไปที่เขตปกครองในป่าอีกหรือขอรับ ทั้งที่เรายังไม่ต้องเร่งทำสงครามกับอาณาจักรแล้วตอนนี้ ท่านน่าจะอยู่ที่นี่เพื่อดูผลงานที่ท่านสั่งไว้"
"เรื่องนั้นมันก็จริง แต่ตอนนี้ข้ามีภาระเพิ่มขึ้น อีกอย่าง ข้าต้องเตรียมที่ทางใหม่ให้พวกเจ้าอาศัย หากเราพึ่งพาอาณาจักรโพราเท็สไปมากกว่านี้ คงได้มีบุญคุณมากมายจนใช้ไม่หมดแน่"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแม่ทัพน็อลก็ต้องยอมปล่อยให้ฮาวเวอร์ไป เขาเดินทางไปจนถึงเขตปกครอง โทมัสหนึ่งในหัวหน้าหน่วยก็เข้ามารายงานความเป็นไปทั้งหมดระหว่างที่เขาไม่อยู่
"นายท่านขอรับ เผ่าจาลิดที่ท่านส่งให้ไปขุดอุโมงค์ใต้ดินรายงานมาว่ามีอมนุษย์จากเขตคามาโดบุกเข้ามาทำร้ายพวกเผ่าขนถึงภายในเขตปกครองของมารโมงุน พวกเขาเลยให้ที่หลบซ่อนและเผลอโต้ตอบไปด้วย พอฝั่งนั้นเห็นว่าทั้งสองเขตร่วมมือกันก็เลยจะรวมตัวกันก่อนสงครามที่ชายเขตปกครองขอรับ"
"ปรึกษากับมารโมงุนแล้วรึยัง?"
"ขอรับ พูดคุยไปบ้างแล้ว ได้ความว่านางจะเข้าคุ้มกันเขตของตนและรวมตัวเข้าต่อสู้ด้วยตนเอง"
"ดี งั้นปล่อยให้นางจัดการไป"
"ขอรับ" หัวหน้าโทมัสมองฮาวเวอร์นานหลายนาทีก่อนจะเริ่มพูดออกมา "นายท่านขอรับ สงครามครั้งนี้ท่านไม่ร่วมรบด้วยหรือขอรับ? "
"ข้าไม่อยากทำสงครามหากไม่จำเป็น ต่อให้เราขอยืมแบ่งเขตปกครอง แต่การปกป้องดินแดนก็ยังเป็นหน้าที่ของมารโมงุน หากข้าเข้าไปก้าวก่ายจะยิ่งกลายเป็นว่าฝั่งคามาโดจะเอาเรื่องที่ทั้งสองเขตรุมรบกับเผ่าตัวเองมาเป็นข้ออ้างหาความชอบธรรม แล้วนำเขตปกครองจากที่อื่นมาร่วมจนเกิดเป็นสงครามใหญ่โต"
"แล้วถ้าหากมารโมงุนแพ้ล่ะขอรับ"
"เราจะรบแล้วเอาเขตปกครองของมารโมงุนและเผ่าคามาโดมาเป็นของตัวเอง"
โทมัสนึกภาพตามก็เข้าใจได้ในทันที หากว่าร่วมรบกับมารโมงุน ฮาวเวอร์ต้องแบ่งเขตปกครองของเผ่าคามาโดร่วมกันด้วย แต่ถ้ารบกลับในช่วงที่ฝั่งนั้นยังอ่อนแออยู่ ก็เท่ากับว่าได้ทั้งเขตของมารโมงุนและเขตของเผ่าคามาโดมาอยู่ในกำมือในการทำสงครามเดียว
"นั่นสินะขอรับ ต่อให้ฝ่ายโมงุนชนะ เราก็ยังเป็นพันธมิตรกับเขตนั้นอยู่"
"ไม่มีทางชนะหรอก แต่เดิมเผ่าโมงุนไม่ได้แข็งแกร่งอะไร คอยแต่จะให้ทางอาณาจักรหนุนหลังและสร้างผลประโยชน์ต่อกันจนฝ่ายนั้นต้องออกปากช่วยปกป้อง หากเป็นตอนนี้ที่อาณาจักรเปลี่ยนการปกครอง มารโมงุนไม่สามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรได้ และกำลังใช้เราเป็นโล่กำบังให้ตัวเอง แต่ทางเราดันออกปากปัดการเป็นโล่ให้ทางฝั่งนั้นก็ยังทำทีไม่เดือดร้อน ถ้าหากไม่มีไม้เด็ดซ่อนอยู่ก็คงหยิ่งยโสเกินกว่าจะยอมยกเขตปกครองให้เรา ข้าจะคอยดูว่า ระบบคนแข็งแกร่งเป็นใหญ่จะมีใครยืนบนจุดสูงสุด"
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา สงครามเริ่มก่อกำเนิด เพราะต้องอยู่ใต้พื้นดินที่ผู้คนเหยียบย้ำ จึงได้ยินเสียงเดินทัพของเผ่าคามาโดกำลังมุ่งหน้าเข้าเขตการปกครองมารโมงุน ทั้งสองฝั่งเข้าปะทะกันจนเกิดการนองเลือด ทางฝั่งเผ่าขนมีคนน้อยกว่าจึงกลายเป็นการฆ่าฟันเพียงฝ่ายเดียว
ถึงแม้จะไม่ใช่คำสั่งของฮาวเวอร์ แต่คนที่เคยได้รับความช่วยเหลือก็เหมือนติดเชื้อความดีมาด้วย เผ่าแมลงในการปกครองฮาวเวอร์คอยเก็บพวกคนที่ยังมีโอกาสรอดจากฝั่งมารโมงุนเอาไว้และเข้าช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด สงครามยาวนานอยู่หลายวันจนทางฝั่งคามาโดบุกเข้าเขตของมารโมงุนไปเกือบครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แม้จะเดินทัพผ่านหมู่บ้านหลายที่ แต่ก็ไม่เห็นมีคนอาศัยราวกับหมู่บ้านร้าง แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่คนพวกนี้หนีไปก่อน แต่ก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีคนถูกทิ้งไว้บ้างแต่กลับไม่มีเลย
"เดินทัพไปต่อ! ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าอย่าให้เหลือ!!"
หัวหน้าฝั่งคามาโดสั่งทัพ ทุกคนก็เดินหน้าต่อ เสียงฝีเท้าดังกึกก้องไปทั่ว ใต้อุโมงค์ทางยาวลึกกว่าห้าสิบเมตร มีเผ่าขนที่เป็นทั้งคนชรา สตรีและเด็กรวมตัวกันอยู่เยอะ เพราะถูกเผ่ากายัวช่วยได้ทันพวกเขาทั้งหมดจึงรอดจากการสังหารหมู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะนิ่งนอนใจได้ เผ่าคามาโดยังคงเดินหน้าต่อไปอีกจนถึงเผ่าคูเกาที่มีมารโมงุนอาศัยอยู่ เมื่อเห็นฝั่งคูเกาบุกเข้ามา ฝั่งคามาโดก็พุ่งเข้าไปปะทะด้วยทันทีเสียงดาบและการนองเลือดประสานกันไม่หยุด มารโมงุนเดินเข้าไปในสงครามและกลายร่างเป็นแมวป่าขนาดใหญ่สูงสามเมตรกวาดพวกคามาโดกระจายในที่เดียว ฝั่งนั้นยิงธนูเข้าสู้แต่ก็ถูกบาเรียขนาดเล็กดักไว้ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น
ทัพหลังของเผ่าคูเกามีเพียงสตรีที่ออกต่อสู้เพราะเหล่าบุรุษถูกส่งไปทัพหน้ากันหมด ถ้าหากว่าเผ่าคามาโดบุกมาถึงนี่ได้แล้ว ก็หมายความว่าทัพหน้าได้พ่ายแพ้ไปแล้ว
"บุกต่ออย่าไปกลัวมัน!!"
เผ่าคามาโดปลุกใจพวกพ้องโห่ร้องเข้าสู้กับมารโมงุนอย่างไม่กลัวตาย กระโดดเข้าเกาะพลางแทงหอกเข้าร่างของนาง แม้จะไม่เข้าแต่ก็ทำนางเสียหลักจนล้มลง นางสร้างวงแหวนเวทย์ขึ้นก่อนจะมีสายฟ้าฟาดออกมาจากวงแหวน ทำให้เผ่าคามาโดต้องถอยหนี แต่ได้ไม่นาน พวกมันก็ยิงธนูไฟเข้าใส่พื้นที่บริเวณรอบ เผ่าขนต้องวิ่งหนีไฟเพราะกลัวจะไหม้ตามตัว แต่มารโมงุนไม่สนใจ ไฟพวกนี้ทำอะไรนางไม่ได้ เมื่อเห็นทีว่าศึกจะยืดเยื้อ ทางคามาโดก็สร้างวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นมา ดูจากลายอักษรบนเวทย์แล้วคงเป็นสิ่งที่พวกเผ่าคามาโดใช้ปกครองกัน
"อัญเชิญปีศาจแห่งความโลภ! โจรเหรียญร้อยศพ!"
พวกมันโยนเหรียญเงินขึ้นไปบนวงแหวนเวทย์ ไม่นานก็มีมือขนาดโผล่ออกมาคว้าเหรียญนั้นไว้ก่อนจะเอามือนั้นยันพื้นขึ้นมาจะวงแหวนเวทย์ ปรากฏเป็นร่างเน่าสกปรกของศพ มันลุกขึ้นยืนจนสูงเกินห้าเมตร ก่อนจะเอาเหรียญที่ได้มาใส่ปากแล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา เสียงของมันเล็กแหลมเสียดแทงแก้วหู และตรงเข้าหาเผ่าคูเกาที่กำลังสู้กันอยู่ มารโมงุนกระโดดเข้าไปขวางและปะทะกับปีศาจตนนั้นแทน ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าจึงลงน้ำหนักทุ่มใส่ร่างของมารโมงุนแล้วทุบร่างนั้นด้วยกำปั้น นางดิ้นหลุดไม่ได้จึงใช้วงแหวนเวทย์สั่งอสนีบาตใส่ร่างเน่านั้นไม่ยั้ง แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านและชกต่อยนางต่อ นางใช้เล็บแมวป่าข่วนมันที่แขนหลายทีจนขาดออก แต่แขนมันก็งอกขึ้นมาใหม่และง้างมือจะต่อนางอีกหมัด
โฮกกกกกกก!
เสียงเล็กแหลมของหมาป่าดังเข้ามาก่อนจะบินเหนือร่างปีศาจแล้วพ่นไฟเผาร่างของมัน แล้วบินไปอีกฝั่งเผาที่หูลากยาวไปถึงดวงตา ปีศาจถูกรบกวนจึงต้องละความสนใจจากมารโมงุนแล้วเข้าไปคว้าเจ้าหมาป่าติดปีกนั่นเอาไว้ แต่เพราะมันเร็วเกินไปจึงคว้าได้เพียงอากาศ เผ่าคามาโดเองก็ยิงธนูเข้าใส่ แต่หมาป่าตัวนั้นก็สร้างบาเรียดักวิถีธนูเอาไว้จนธนูร่วงหล่น และเพราะหมาป่าตนนั้นสนใจแต่การโจมตีด้านล่างจึงไม่ทันเห็นมือของปีศาจกำลังพุ่งเข้ามา ปีศาจตบหมาป่าตัวนั้นจนตกลงสู่พื้นและกลิ้งเข้าไปในป่า
"สกายลาร์!"
มารโมงุนพุ่งตัวเข้าไปหาหมาป่าตนนั้นก่อนจะเขี่ยร่างไปมาให้เขาตื่น ระหว่างมัวแต่สนใจร่างน้อยอยู่นั้น เผ่าคามาโดง้างธนูเตรียมยิงมารโมงุนในขณะที่นางทันไม่ระวังตัว
เฟี้ยว! สวบ!
ร่างคนยิงถูกขย้ำทันที ส่วนลูกธนูที่ปล่อยไปนั้นก็แทงทะลุเข้าร่างของมารโมงุนเข้าไป ลิลลี่เมื่อจัดการเจ้านั้นจนสิ้นลมหายใจก็เดินเข้ามาดูร่างน้อยในทันที อสูรเวทย์หมื่นดาราร่างเล็กนอนหายใจรวยรินในอ้อมกอดของมารโมงุน นางเข้าไปเขี่ยร่างน้อยให้ตื่น หมาป่าน้อยตนนั้นเงยหน้ามามองนางก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ให้ได้ยิน
"แม่…"
สองตาของหมาป่าน้อยหลับไปนางก็เกิดโทสะขึ้นในทันที
"ใครมันกล้าทำลูกของข้ากัน!!"
ลิลลี่วิ่งเข้าไปในกลุ่มสงครามอย่างบ้าคลั่ง ฉีกทึ้งร่างของเผ่าคามาโดอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อเห็นว่าฝั่งนั้นมีอสูรเวทย์หมื่นดาราเข้าร่วมก็คิดจะอัญเชิญปีศาจอีกตนขึ้นมา ในขณะร่ายเวทย์ ร่างของปีศาจโจรเหรียญร้อยศพก็ล้มลงมาทั้งยังขาดครึ่งท่อนทับพวกคนร่ายเวทย์จนคนพวกนั้นไม่ทันได้สร้างวงแหวนขึ้นมาใหม่ เมื่อมองออกไปไกลๆ ภายในป่าเห็นร่างเล็กเดินเข้ามาอย่าเนิบๆ ไม่รีบร้อนอะไร ท่ามกลางความวุ่นวายและความเป็นความตายของผู้อื่น ผู้ที่เดินเข้ามาในสนามรบนั้นให้ความรู้สึกเหมือนยมทูตเข้ามารับวิญญาณก็ไม่ป่าน
"ลิลลี่ กลับมาได้แล้ว"
เสียงเย็นเอ่ยขึ้นก่อนที่เข้าจะเดินไปทางมารโมงุนแล้วดึงร่างน้อยออกจากอ้อมอกของนาง ฮาวเวอร์เดาว่าหมาป่าน้อยตัวนี้คงเป็นลูกของลิลลี่แน่ๆ เมื่อลิลลี่เห็นว่าเด็กน้อยอยู่ในมือฮาวเวอร์แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปหา ฮาวใช้เวทย์ฮิลลิ่งชั้นสูงกับร่างน้อย ไม่นานเด็กคนนั้นก็ไอออกมาก่อนจะลืมตาตื่นมามองคนตรงหน้า ฮาวเวอร์วางหมาป่าน้อยเดินเข้าไปหามารดาและกำลังจะเดินหันหลังออกไป
"เดี๋ยว!"
มารโมงุนพูดขึ้นก่อน ตอนนี้นางไม่เหลือสภาพจะต่อสู้ต่อ หากว่าต้องปล่อยให้ศึกนี้พ่ายแพ้ให้กับเผ่าคามาโดแล้วล่ะก็ ยอมยกให้ฮาวเวอร์ เจ้าชายของอาณาจักรริลกลิมยังจะดีเสียกว่า
"ข้ายอมศิโรราบต่อท่าน"
"มาขอตอนนี้มันไม่สายไปหรือ แล้วที่เจ้าอุตส่าห์ดื้อรั้นมาตลอดนั่นเพื่ออะไรกัน หากศักดิ์ศรีมันมีค่ามากนัก ทำไมไม่ยอมตายไปพร้อมกับมันล่ะ"
แม้จะเป็นคำพูดประชดประชันแต่นางก็ไม่อาจโกรธเคือง ความจริงแล้วที่นางไม่อยากขอความช่วยเหลือจากฮาวเวอร์ ก็เพราะไม่อยากให้ลิลลี่รับรู้ว่าตนเอาลูกของนางมา ไม่อยากให้เด็กน้อยจากไป แต่ตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรแล้ว ความเห็นแก่ตัวของนางนั้นกำลังจะทำร้ายคนทั้งหมู่บ้าน
"ถึงข้าจะตายก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าท่านยังอยากได้เขตการครองนี้อยู่ละก็ ยังไงก็ต้องต่อสู้เพื่อนำกลับมาอยู่ดี ทำไมท่านไม่ทำเสียตอนนี้เลยล่ะ จะรอให้คนตายหมดก่อนหรือ? ถึงจะลงมือ"
"หึ! ช่างกล้ามาสอนข้า ตัวเจ้าเป็นฝ่ายทำให้มันวุ่นวายก่อนยังจะมีหน้ามาโยนความผิดให้ข้า แล้วตอนนี้ยังจะมาตายให้ผู้อื่นเห็นใจอีก เจ้านี่มันเห็นแก่ตัวจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ "
ฮาวเวอร์ค่อยๆ ดึงธนูปักที่สีข้างนางออกแล้วใช้เวทย์ชั้นสูงรักษานาง ใช้เวลาอยู่นานจนคนของเผ่าคามาโดล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ เมื่อฮาวเวอร์รักษานางเสร็จก็หันไปทำสัญญาณมือกับลิลลี่ นางพ่นลูกไฟเป็นก้อนกลมๆ ขึ้นบนฟ้าก่อนที่เดินตามหลังฮาวเวอร์ออกไป
เผ่าคามาโดไม่เข้าใจสัญญาณนั้นก็ตรงเข้าไปจะทำร้ายพวกเขาต่อ แต่เดินไม่ถึงครึ่งทางก็ล้มลงหน้าทิ่มพื้น ไม่นานควันหมอกสีขาวก็กระจายไปทั่วผืนป่า ไอน้ำพวกนั้นมาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่มันบดบังวิสัยทัศน์ไปจนหมด บางคนในเผ่าเริ่มสติแตกก็เข้าฟันมั่วซั่วแต่พอรู้ตัวอีกทีก็ขยับร่างกายหนีไม่ได้แล้ว และเพราะไอน้ำมีความชื้นสูงจึงทำให้เวทย์ไฟที่ถูกร่ายขึ้นมอดดับลงทันทีที่ส่องสว่าง
บรรดาเผ่าคูเกาถูกเก็บลงดินแล้วถูกขนย้ายไปร่วมกับกลุ่มอพยพในหลุมหลบภัย เพราะในช่วงที่ฮาวเวอร์ไม่อยู่ เผ่าทั้งสามนักขุดก็ได้เจาะพื้นดินแห่งจนพรุนทะลุเข้าออกได้หมด แถมยังจำเส้นทางได้จากที่ฮาวเวอร์ให้ทำสัญลักษณ์และแผนที่ไว้เดินทางกันเองด้วย ส่วนด้านบนนั้นเหลือแต่พวกเผ่าคามาโดผู้บุกรุก ไม่รู้เส้นทางพื้นที่ บางคนติดกับดักจึงเดินไปไหนไม่ได้เพราะลูกใยแมงมุมพันรอบกาย และบางคนก็ฉลาด ก้มหัวลงกลัวการถูกสาดลูกธนูใส่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ถูกกับดักจากพื้นดินอยู่ดี เผากายัวจะเข้าไปจับคนที่ล้มลงกับพื้น คนที่จับมาหากไม่ใช่พวกมีขนก็จะถูกพิษอมนุษย์ตะขาบกัดให้เป็นอัมพาตชั่วคราว ส่วนคนที่จะกระโดดขึ้นเพื่อเปิดวิสัยทัศน์ ก็โดนใยแมงมุมกางไว้ดักทางด้านหน้าจนติดอยู่กับใยแมงมุม ใช้เวลาอยู่นานจนเผ่าคามาโดติดกับดักจนหมด สายลมก็พัดเอาไอน้ำค่อยๆ จางออกไปจากป่า เผยให้เห็นเผ่าแมลงยืนคลุมอยู่เหนือร่างเหล่าคนในเผ่าคามาโด พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าพวกนี้จะต่อกรกับตนได้เพราะขนาดต่อสู้กับเผ่าคูเกาพวกมันยังแพ้จนมารงูต้องเขามาครอบงำ ไม่รู้ว่าพวกมันเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ตอนนี้ทัพหน้าของคามาโดได้สิ้นฤทธิ์แล้ว
ฮาวเวอร์ได้ยินข่าวการจับตัวเชลยของฝั่งคามาโดได้ก็ให้สร้างคุกขังพวกมันเอาไว้ ก่อนจะจับใครสักคนมาสืบสวนความเป็นไปของเผ่าคามาโดภายใน แม้พวกมันบางคนจะไม่ปริปากฮาวเวอร์ก็จำใจปล่อยไป เพราะหากไม่ทำ เจ้าอีคอนจะควบคุมร่างแล้วปล่อยพวกมันไปเอง และเอวาก็อ้อนวอนขอความเมตตาให้คนพวกนี้อีกด้วย ถึงทางฝั่งของเผ่าขนจะคับแค้นใจจนอยากจะจับทรมานให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งฮาวเวอร์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นผู้ปกครองคนใหม่ไปแล้ว
ในห้องบัญชาการได้นัดรวมหัวหน้าเผ่าการปกครองเก่าของมารงู หัวหน้าเผ่าไร้การปกครองในป่าอาถรรพ์ และหัวหน้าเผ่าการปกครองของมารโมงุน และมีมารโมงุนนั่งรวมอยู่ด้วย เมื่อทุกคนนั่งประจำที่กันพร้อมหน้าฮาวเวอร์ก็กล่าวความสำคัญขึ้นมา
"ในตอนนี้เราได้รวมเขตปกครองทั้งสองเขตเข้าด้วยกันแล้ว รวมถึงหมู่บ้านไร้การปกครองในละแวกนี้ด้วย พวกเจ้าต้องรับรู้ว่าสิ่งที่เราต้องทำต่อจากนี้คืออะไร เหตุเพราะการทำสงครามระหว่างเขตมารโมงุนกับเขตเผ่าคามาโดได้เริ่มขึ้น ทางมารโมงุนจึงยกเขตการปกครองให้ข้าหลังจากพ่ายแพ้สงครามทางใจไปแล้ว ข้าจึงต้องเป็นผู้ขับไล่ผู้บุกรุกออกไปด้วยกองกำลังของเหล่าเผ่าแมลง แม้ว่าตอนนี้เหตุการณ์จะสงบลงแต่ก็ยังต้องกังวลกับทัพหลังที่เผ่าคามาโดจะส่งเข้ามาอีก บางทีอาจจะส่งมาเยอะกว่าเดิม โหดเหี้ยมกว่าเดิม และฉลาดขึ้นกว่าเดิม พวกเราจึงต้องรับมือกับพวกมันอย่างรอบคอบที่สุด เด็ดขาด และไม่ปรานี แน่นอนว่าคำปฏิญาณของข้ายังเหมือนเดิมคือการต่อสู้อย่างไร้ผู้เสียชีวิต แต่คงทำได้ยากและหากทำได้ก็คงเป็นวิธีที่เหี้ยมโหดไม่ต่างจากตาย"
ฮาวเวอร์ทำหน้าเศร้าเว้าวอนต่อท้องฟ้าเบื้องหน้าเอวาซึ่งมองอยู่
"เพราะชีวิตทุกชีวิตคือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ หากใครฉุดพรากหรือทำให้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับล้วนต้องได้รับตราบาปแห่งความผิดนั้น แม้ว่าเจ้าจะทำด้วยความจำเป็นก็ตาม หรือเพื่อปกป้องใครก็ตาม ทุกอย่างล้วนต้องเป็นไปด้วยความไม่ยุติธรรมบนความยุติธรรมของพระเจ้า"
เอวากุมมือทาบอกด้วยความประทับใจที่เห็นฮาวเวอร์คิดได้ แน่นอนว่าเข้าสร้างภาพเป็นผู้หวังดีกับชีวิตทุกคน แต่ใจจริงคือไม่อยากถูกดึงลงนรกและต้องใช้ชีวิตอยู่เป็นล้านปี ถึงจะเป็นแค่วันเดียวของโลกนี้ก็ตาม
โทมัสรู้ความหมายของการกล่าวเช่นนี้ดี เขาเคยเห็นวิญญาณฮาวเวอร์ถูกดูดไปกับตา ถึงแม้ว่าตั้งแต่มานี่เขาจะไม่เห็นไอเวทย์น่ากลัวจากฮาวเวอร์แล้วก็ตาม แต่ก็สามารถแยกทั้งคู่ได้จากความคิดและการกระทำ
"แล้วถ้าหากเราเลี่ยงที่จะสังหารผู้บุกรุกไม่ได้ล่ะขอรับ เราต้องทำยังไงต่อ"
ฮาวเวอร์หันไปมองโทมัสก่อนจะเริ่มบรรยายสิ่งที่คิดขึ้นมาอยู่ก่อนแล้ว
"ข้าจะแบ่งการปกครองเป็นออกเป็นห้าส่วน การทหาร ข้าจะให้โทมัสขึ้นควบคุมทหารทั้งหมดของเขตปกครอง แบ่งแยกออกตามความสามารถและแต่งตั้งเป็นหน่วยย่อยโดยมีหัวหน้าหน่วยควบคุมอีกที"
โทมัสได้ยินถึงกับอึ้งในทันที หน้าที่นี่ไม่ต่างจากการเป็นแม่ทัพควบคุมกองกำลังทั้งหมด เขาคิดว่าตัวเองอาจไม่ดีพอจึงพูดขัดขึ้น
"ข้าคิดว่า... ข้าอาจมีความสามารถไม่มากพอ"
"เจ้าคิดว่าแม่ทัพน็อลมองคนผิดหรือยังไง? เขาส่งเจ้ามาเพราะเขามองการณ์ไกลเรื่องการขยายเขต และต้องควบคุมกองกำลังของที่นี่เพื่อป้องกันอีก เขาเห็นว่าเจ้ามีความสามารถยังต้องห่วงเรื่องอะไรอีก อย่าทำให้ข้าผิดหวัง รับงานนี้ซะ"
"ขอรับ"
"การควบคุมเสบียงอาหาร การขนถ่ายสิ่งของเข้าออกและแจกจ่ายอาหารให้คนในฐานและเด็กๆ ข้าจะมอบหน้าที่นี้ให้เผ่าดังงัว อมนุษย์ด้วงนามว่า อิล จัดการ
ผู้คุมกฎการอยู่ร่วมกัน มอบหมายให้เดรก อมนุษย์ตะขาบ
ผู้อำนวยความสะดวกให้การศึกษา เผ่าสาไลลี่ อมนุษย์ผีเสื้อนามว่า วิลล่า
และผู้ปกครองเขตทั้งหมดหลังจากที่ข้าไม่อยู่ควบคุมดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้คือ ลาติโน"
ทุกคนต่างแตกตื่นที่ลาติโนได้เป็นผู้ควบคุมเขตแทนหากฮาวเวอร์ไม่อยู่ แทนที่จะเป็นมารโมงุนที่มีความแข็งแกร่งสูงกว่า
"ในที่นี้มีใครจะคัดค้านอะไรไหม?"
ฮาวเวอร์ถามพร้อมมองหน้าแต่ละคน นอกจากเผ่าขนก็ไม่มีใครดูมีปัญหา ฮาวเวอร์กำลังจะสั่งคนแยกย้ายแต่มารโมงุนก็พูดขึ้นมาก่อน
"แล้วเจ้าจะให้ข้าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ข้าเป็นผู้ปกครองเก่าของเขตเผ่าขน หากเจ้าไม่พูดให้ชัดเจนว่าข้าต้องอยู่หรือไป คนในเขตข้าก็ไม่เข้าใจหรอกนะ"
"ทำไมพวกเจ้าเข้าใจอะไรยากกันจัง พวกเจ้าถูกรวมกับเขตปกครองของข้า ตอนนี้เจ้าก็เป็นประชากรของข้าไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ข้าตั้งไว้และไม่ทำผิดจากนั้นก็พอ นอกนั้นอยากจะทำอะไรก็เชิญ เลิกประชุม!"
ทุกคนต่างกลับไปทำงานของตัวเอง ห้องบัญชาการตอนนี้เริ่มดูเหมือนห้องบัญชาการมากขึ้น ฮาวเวอร์ให้นำไข่ทารกไปเลี้ยงที่อื่นโดยสร้างอาคารอบอุ่นไว้ให้ และมีเอวาคอยดูแลอยู่เป็นประจำ เมื่อห้องนี้ไม่มีทารก โลกของฮาวเวอร์ก็สงบลงทันที
ตกดึกมืดค่ำ ลิลลี่และลูกได้พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กน้อยเล่าว่าตั้งแต่เห็นแม่ถูกจับไปก็เดินร้องไห้ในป่าเพียงลำพัง อาหารก็จับไม่ค่อยได้จนพบกับคนของเผ่าคูเกา พวกนั้นคิดจะจับเขากินเป็นอาหารแต่มารโมงุนห้ามเอาไว้ แล้วเลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด นางไม่ยอมปล่อยให้เด็กน้อยออกไปไหนจนกระทั่งเกิดเรื่องกับนางครั้งนั้น
ถึงลิลลี่จะรู้สึกขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยเหลือลูกของตนเอาไว้ แต่ก็ยังรู้สึกโมโหที่คิดจะเก็บลูกตนไว้เลี้ยงเพียงคนเดียว
"สกายลาร์ แม่มาหาแล้ว" มารโมงุนกล่าว
"อย่ามาโมเมนะ นี่ลูกฉัน"
"เธอทิ้งเขาในป่า นั่นก็เท่ากับว่าเขาตายไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นลูกข้ามีนามว่าสกายลาร์"
"ลูกข้าแข็งแกร่งอยู่แล้ว ต่อให้เผ่าเจ้าเป็นสิบคนก็เอาเขาไม่อยู่หรอก"
"แต่เผ่าข้าคนเดียวก็ล่าเด็กคนนี้มาได้แล้ว เพราะงั้นเขาเป็นลูกข้า"
เด็กน้อยเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันก็ไม่เข้าใจว่าทั้งสองทะเลาะกันทำไมก่อนจะเริ่มหาวเมื่อรู้สึกง่วงนอน
"เจ้าเงียบๆ หน่อยสิ ลูกข้าจะนอนหลับ" ลิลลี่กล่าว
"ลูกข้าต่างหาก" นางเถียงเบาๆ
"พวกมามาไม่ต้องทะเลาะกันนะ ยังไงข้าก็รักมามาทั้งสองคน"
เด็กน้อยพูดแล้วก็ล้มตัวลงนอน เมื่อเห็นลูกน้อยนอนหลับพวกนางจึงเลิกเถียงกัน หากจะคิดให้ดี ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็รักเด็กคนนี้ไม่ต่าง ทั้งคู่จึงหลับตาลงเคียงข้างเด็กน้อยคนนี้ไม่ห่าง
อีกด้านทางฝั่งเขตเผ่าคามาโด เมื่อรู้ว่าทหารทัพหน้าที่ส่งไปถูกจับเป็นเชลยหมดก็รู้สึกโกรธแค้น เจ้าคนพวกนั้นทั้งที่อ่อนแอกว่ากลับกล้ารวมหัวกันสู้กับพวกเขาเพียงเผ่าเดียว
"ไอ้พวกขี้ขลาด!!"
"นายท่าน โมโหไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไม่สู้พวกเราเองก็ทำแบบเดียวมันพวกมันดีไหม รวมกับเขตอื่นแล้วเล่นงานพวกมันทั้งคู่"
"ไม่จำเป็นหรอก ยังไงมันก็แค่พวกอ่อนแอรวมตัวกัน พวกเราก็แค่ขยี้มันให้เละไปทีเดียวอย่างไม่ต้องเสียเวลา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จาคอบ! ลูกชายข้า เจ้าต้องอัญเชิญราชาปีศาจออกมาให้ได้ ไอ้พวกนั้นมันจะได้ปลิวหายไปในพริบตาเดียว"
"ข้าจะพยายามขอรับท่านพ่อ"
ชายชรายิ้มอย่างสะใจ ลูกชายหนึ่งในร้อยคนของเขาได้รับพลังเวทย์เหนือผู้ใดจนสามารถอัญเชิญปีศาจได้ถึงสามตนในคราวเดียว เพียงเท่านี้คนในเขตนี้ก็ต้องยอมศิโรราบให้กับเขาแต่เพียงผู้เดียว
จาคอบเดินออกจากห้องของบิดาทันทีเมื่อเขากำลังเล่นสวาทกับบรรดาแม่ๆ ของลูกทั้งหลาย เผ่าคามาโดเป็นอมนุษย์กิ้งก่ายักษ์ ยิ่งใหญ่ได้เพราะการรวมตัวของคนในเผ่าจำนวนมาก เผ่านี้มุ่งมั่นที่จะสร้างประชากรขึ้นมาเยอะๆ โดยไม่สนว่าใครจะคู่ใครหรือจะทำในที่โจ่งแจ้งหรือไม่ จาคอบเอียนกับประเพณีนี้เต็มทนจนขังตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเพียงผู้เดียว
"ท่านจาคอบ ข้าเอาอาหารมามอบให้ท่านขอรับ"
คนรับใช้เดินเข้ามาก่อนจะวางอาหารให้ เมื่อมองไปทางจาคอบก็เห็นเขานอนหันหลังให้อยู่ คนรับใช้เดินเข้ามาใกล้พลางจะปลอบความน้อยเนื้อต่ำใจของเขา แม้จะได้รับคำสรรเสริญจากบิดา แต่เพราะรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์เพียงแค่นั้นก็เอาแต่มานั่งน้อยใจ ทั้งที่ความสามารถของเขาสามารถช่วยคนทั้งหมู่บ้านจากการถูกล่าวิญญาณก็ยังรู้สึกดีไม่พอ
"นายท่าน ท่านมีเรื่องกลุ้มใจอันใดหรือขอรับ เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่"
"ไม่ได้"
"แล้วอย่างนี้ท่านจะไประบายกับผู้ใดกันเล่าขอรับ นอกจากข้าผู้นี้ท่านก็ไม่เคยให้ใครเฉียดใกล้ที่พักเลย"
"นั่นเพราะเจ้าไม่มีกลิ่นชวนอ้วกน่ะสิ"
"ยังไงท่านก็ต้องสืบพันธุ์อยู่ดีนะขอรับ จะทำเป็นรังเกียจไปทำไมกัน"
"ข้าไม่อยากทำ และไม่คิดจะทำด้วย"
คนรับใช้ทำท่าเหนื่อยหน่ายใจก่อนจะลุกเดินจากไป ถึงแม้เขาจะพูดอย่างนั้นแต่ร่างกายก็ยังเติบใหญ่เพราะสัญชาตญาณอยู่ดี ที่น่าแปลกคือเขาไม่ได้ต้องการจะสืบพันธุ์กับคนที่ท้องได้และมีกลิ่นยั่วยวน แต่กลับอยากสืบพันธุ์กับผู้ที่ตั้งท้องไม่ได้อย่างเจ้าคนรับใช้เมื่อครู่ หากว่าเขาไม่ไล่ออกไปก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้มากกว่านี้ เขาคงอดทนไม่ไหว จับเจ้าคนนั้นมาหอมแก้มซ้ายขวาแน่นอน
"เฮ้อ ข้าประหลาดเกินไปรึเปล่าที่ดันไปชอบพอกับเจ้า"
แม้ไม่มีเสียงตอบรับแต่สองตาที่ปิดสนิทก็ได้ตอบความคิดนั้นในใจด้วยตัวเอง
'มันประหลาดสินะ'
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เผ่าคามาโดเคลื่อนทัพเข้ามายังชายเขต พอดีกับที่กลุ่มการปกครองของฮาวเวอร์ยกพลมาป้องกันชายแดน ทั้งสองฝั่งจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง คนหนึ่งชายแก่บ้าตัณหา อีกคนก็เด็กหน้าตาอัปลักษณ์ ทั้งสองฝ่ายยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ก่อนที่ทั้งสองการปกครองจะเริ่มพูดคุยกัน
"ไอ้แก่! ยกทัพกลับไปเถอะ ถ้าไม่ห่วงชีวิต ก็อย่าคิดลองดีกับข้า!"
"ไอ้เด็ก! ตัวเล็กกะเปี๊ยกเดียวจะทำอะไรได้ ยอมจำนนซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตแต่ผู้หญิง!"
ฮาวเวอร์เดินหน้าออกมาอย่างห้าวหาญ ตาแก่นั่นก็เอาบ้างเดินขึ้นหน้าปะทะสายตากับฮาวเวอร์
"เจ้าพวกขี้ขลาด กล้ารวมหัวกันรังแกเผ่าข้า"
"ใครกันแน่ที่รังแกก่อน พวกเจ้าส่งคนมาทำร้ายคนในเผ่าข้า ข้าก็ต้องตอบโต้กลับสิ โง่รึเปล่า หา?!"
สิ่งที่ทั้งคู่ทำอยู่ตอนนี้คือการยั่วยุให้เกิดการลงมือ หากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำร้ายอีกฝ่ายก่อน ฝั่งนั้นจะได้รับความชอบทำให้ลงมือตอบ และถ้าฝ่ายที่โดนกระทำก่อนแพ้ อีกฝั่งจะถูกกล่าวหาว่ารังแก แต่ถ้าฝ่ายที่โดนกระทำก่อนชนะ จะถือว่าการทำสงครามครั้งนี้มันชอบธรรมแล้ว
"ไอ้แก่หนังเหี่ยว!"
"ไอ้เด็กอัปลักษณ์!"
"ไอ้บ้าตัณหากลับ!"
"ไอ้เตี้ยแคระแกร็น!"
การด่านั้นยังดำเนินไปต่อท่ามกลางผู้คนที่กำลังลุ้นว่าใครจะเล่นงานอีกฝ่ายก่อน ไม่นานชายแก่ก็เริ่มเสียงเบาลงก่อนจะหอบหายใจ
"ฮึก! อึก! แอ่ก"
ชายแก่ล้มตัวนอนลงไปแม้ว่าฮาวเวอร์จะไม่ได้ลงมือก่อน คนจากฝั่งนั้นวิ่งเข้ามาราวกว่าสิบคน เมื่อเข้ามาดูร่างนอนแน่นิ่งแล้วก็ต้องทำหน้าตกใจอย่างสุดขีด
"เขาตายแล้ว!!"
คำผิดที่เป็นปัญหามากที่สุดคือคำที่อยู่ผิดที่
สมองคิดอีกคำแต่ดันไปพิมพ์อีกคำ
เจริญ~