หลังจากที่ทราบข่าวเรื่องความตายของราชินีเกรสสัน อีคอนก็ร้องไห้เป็นวักเป็นเวนในห้องบัญชาการถึงสามวัน หลังจากนั้นอีกสามวันก็นั่งเศร้าสลด และอีกหนึ่งวันในจิตก็เริ่มคิดเคียดแค้น ในตอนที่เขาตั้งใจจะเดินออกจากห้องบัญชาการไปฆ่าราชาไมนัส แต่ก็ถูกเอวาห้ามเอาไว้ด้วยการอ้อนวอน ฮาวเวอร์ไม่อาจต่อกรกับเขาได้จึงอัญเชิญราชานรกขึ้นมายังโลก เมื่อนั้นเอวาก็ไม่อาจฉุดรั้งฮาวเวอร์ได้อีก เขาจึงได้โอกาสออกจากห้องบัญชาการด้วยมิติต่างสถานที่ของราชานรก และยืนอยู่บนเส้นทางสัญจรของเหล่านักเดินทางสายเก่า ซึ่งตอนนี้ร้างไร้ผู้คนเดินเข้าออก ที่ปลายสุดสายตา มองเห็นอาณาจักรสีขาวปูกระเบื้องด้วยหลังคาสีทองเหลือง กำแพงใหญ่โอบล้อมอาณาจักรดูแข็งแกร่งราวหินผา
ฮาวเวอร์เดินเท้ามาที่แห่งนี้อย่างไม่รีบร้อนอะไร ภายในใจคิดหาหนทางร้อยวิธีในการฆ่าตัวการของเรื่องวุ่นวายนี้ หากว่าเป็นครั้งที่ยังไม่รู้ความตายของราชินีเกรสสัน เขาคงค่อยๆ สืบเสาะหานางแล้วช่วยออกมาให้ได้ แล้วก่อสงครามเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ผู้คนได้ทวงคืนอาณาจักร และมารดาใหม่ผู้นี้จะได้ขึ้นครองราชย์อย่างเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่เมื่อนางจากไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องเสียอีก บ้านเมืองเขาไม่อยากได้ คนตายก็ไม่อาจฟื้น สิ่งเดียวที่เขาอยากทำให้มันจบๆ ไปเสียก็คือ สังหารราชาไมนัสแล้วล้มล้างอาณาจักรให้สิ้นซาก หากยังหลงเหลือที่แห่งนี้อยู่ ก็จะยังคงมีคนโลภเข้าครอบงำและทำให้เรื่องราวน่าอดสูเกิดขึ้นไม่รู้จบอีก
"เห้ย! ที่นี่ไม่อนุญาตให้ใครเข้า"
ทหารยามเฝ้าประตูใช้ด้ามหอกเขี่ยเขาออกจากทางเดิน แต่ด้ามไม่เฉียดเข้าใกล้เขาเลยสักนิด แถมฮาวเวอร์ยังเดินหน้าต่อไปอีกอย่างไม่เกรงกลัว
"ผะ ผู้บุกรุก มีผู้บุกรุกเข้ามา!!"
ยามหน้าประตูวิ่งขึ้นไปบนกำแพงและสั่นระฆังเตือน ฮาวเวอร์ยังคงเดินหน้าต่อไม่สนใจผู้ใด
'ฮาวเวอร์ เจ้าตั้งใจจะทำอะไร อย่าเพิ่งวู่วามนักสิ ทำไมเราไม่ไปสมทบกับกองกำลังปฏิวัติแล้วเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่ก่อน'
'ไม่จำเป็นหรอก พอสัญญาณเตือนแล้ว พวกชาวบ้านจะอพยพกันไปเอง พวกทหารทั้งหมดจะมารวมตัวกันที่หน้าทางเข้าแล้วเปิดโอกาสให้คนพวกนั้นหนี'
ฮาวเวอร์ยังพอพูดรักษาน้ำใจอีคอน หากพูดไปตรงๆ ว่าไม่สนใครจะตายตรงหน้า ก็คงได้สลับจิตและปล่อยให้ทหารพวกนี้รุมรังแกโดยกล่าวว่า เพราะฆ่าไม่ตายจึงอภัยให้ หารู้ไม่ว่ามนุษย์มันไม่เคยมีความดีอยู่จริง ต่อให้ยอมมันก็ยิ่งเหลิง หลงระเริงคิดว่าตัวเองเหนือกว่า ล้อเล่นกับความตายของผู้อื่นจนน่ารังเกียจอย่างที่ทำกับแม่ของตน ถ้าคิดว่ามนุษย์มันเป็นคนดีได้ทุกคน นรกก็คงไม่ต้องมี
"มันอยู่ตรงนั้น"
ทหารกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาหาฮาวเวอร์ เขาสร้างบาเรียรอบตัวก่อนจะดันเจ้าพวกนั้นออกจากเส้นทาง จนเดินมาถึงลานน้ำพุกว้าง คราวนี้มีทหารยืนรอพร้อมง้างธนูเตรียมยิง ฮาวเวอร์ยังคงเดินไปต่อ ธนูเหล่านั้นก็พุ่งเข้าหาตัวเองแต่ก็เจาะทะลุบาเรียเข้ามาไม่ได้ พอไม่มีใครทำอะไรได้ก็ตั้งใจจะดันบาเรียกลับแต่ก็สู้แรงของฮาวเวอร์ไม่ไหว เขาเดินหน้าต่อไปเรื่อยจนถึง หน้าราชวัง
เมื่อเดินเข้าเขตรั้วของวัง บาเรียที่เคยสร้างก็หายไป นี่อาจเป็นวงแหวนไร้เวทย์ที่โคซูเคยใช้ พอทหารเห็นว่าบาเรียหายไปแล้วก็วิ่งเข้าจู่โจมทันที ฮาวเวอร์หลบการโจมตีเล็กน้อยก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนอากาศแล้วเดินข้ามหัวอัศวินในราชวังจนไปถึงพื้นที่ว่างด้านหน้า แล้วเดินต่อไปจนถึงหน้าประตูเข้าวัง เสียงเอะอะด้านนอกทำให้คนด้านในต้องออกมาดู ทั้งสาวใช้ ทั้งคนงาน เมื่อเห็นฮาวเวอร์เดินเข้ามาต่างก็ตกใจในรูปลักษณ์และความสามารถของเขา
"เจ้านั่นมันเข้ามาถึงนี่ได้ยังไงกัน"
ฮาวเวอร์มองรอบราชวัง เห็นที่ทางไม่ต่างจากที่จำได้ตอนเป็นทารก แม้ตอนนั้นมันจะกลับหัวกลับหางกันก็ตาม แต่องค์ประกอบเดิมก็ยังคงเหลืออยู่
ประตูราชวังเปิดออกเผยให้เห็นร่างชายวัยสามสิบปลายๆ เดินออกมาทั้งสภาพอิดโรย ผอมตอบยิ่งกว่าลอร์ดมาร์คัสเสียอีก เดาว่านั่นคงเป็นขุนนางภายใน
"เคารพองค์ราชา" ทุกคนในลานพื้นที่ต่างคุกเข่าเคารพ
'ช่างออกมาไม่ดูสถานการณ์เลย'
"เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงบุกเข้ามายังที่แห่งนี้"
ฮาวเวอร์สบตาเผชิญหน้ากับเขาด้วยความเงียบ ไม่นานราชาก็เหมือนเพิ่งนึกได้ว่าเคยทำอะไรกับเขาไปบ้าง
"ลูกชายข้า…"
"ยังจะกล้าเรียกอย่างนั้นอีกรึ ตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือที่สาปให้ข้าเป็นเช่นนี้ ทำให้ข้าผลัดจากถิ่น ผลัดพรากจากมารดา และท่านก็ทำให้นางตรอมใจตายด้วยการเมินหนี ยังจะกล้าเรียกข้าว่าลูกชายอีกรึ!!"
คนในพื้นที่ต่างตกตะลึง ราชาไมนัสเองก็ลืมตัวจนเผลอเรียกออกมา สิ่งที่โกหกชาวเมืองไป ตอนนี้ได้ถูกเผยแพร่แล้วและเขาต้องรีบปกปิดก่อนจะมีใครมารับรู้เพิ่ม
ควันสีดำลอยออกจากฝ่ามือเข้าไปยังกลุ่มทหาร คนพวกนี้ไม่รู้ว่าควันนั้นเป็นอะไรจึงไม่ได้หลบหนี ไม่นานนัก ใครที่สูดดมสิ่งนั้นเข้าไปก็นอนแน่นิ่งไปกับพื้น สิ้นไร้หมดหายใจต่อ
'โหดร้าย แม้แต่ทหารของตัวเองก็ไม่เว้น'
'ขนาดลูกเมียยังลงมือได้ กับคนอื่นมันต้องกลัวอีกรึ'
ฮาวเวอร์ยังคงยืนอยู่ได้และมองเขาต่อ ในตอนนี้พวกเขาเหลือกันเพียงสองคน ราชาไมนัสไม่มีท่าทีแปลกใจ แถมยังก้าวเข้ามาหาเขาต่ออย่างไม่เกรงกลัว
"ในเมื่อหนีไปมีชีวิตอยู่ได้ตั้งหลายปี ทำไมถึงกลับมาตายเอาตอนนี้เล่า หรือเป็นเพราะอยากตายข้างกายแม่ของเจ้า"
ฮาวเวอร์ไม่ได้โต้ตอบ ดมกลิ่นควันดำนั้นก็เข้าใจในทันทีว่าทำไมคนที่นี่ถึงตาย ควันนั่นคือยาพิษ อยู่นอกเหนือจากพลังเวทย์ จึงไม่ถูกระงับใช้ คนที่ไม่ใช่อมตะหรือตายอยากอย่างฮาวเวอร์ก็คงเสียชีวิตทันที
"ไม่อยากเชื่อว่าข้าเองก็ได้ความเป็นอมตะจากท่าน ดูสิขนาดข้าดมกลิ่นพิษจากท่านข้าก็ยังไม่เป็นอะไร"
"อย่ามาเหลวไหล ความอมตะไม่ใช่สิ่งที่จะสืบทอดได้ เจ้าเป็นตัวอะไรข้าย่อมรู้ดี ผู้ที่สร้างบาดแผลให้ข้าได้ แม้ว่าร่างกายจะไร้วิญญาณก็ตาม ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องตามมาสังหารข้าในสักวัน เจ้าคือผู้ถือคุณสมบัติของยมโลกแบบเดียวกับมหาราชาพาวเวอร์ ไม่นึกว่าผ่านมาตั้งหนึ่งพันปี ตระกูลนี้จะยังไม่ทิ้งโชคชะตาอันเกี่ยวโยงกับยมโลก"
ฮาวเวอร์ไม่แน่ใจว่าราชาไมนัสพูดเรื่องอะไร ที่เขามีพลังของยมโลกนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ทำไมเขาถึงรู้เรื่องเมื่อหนึ่งพันปีได้
"งั้นเจ้าก็เผยตัวแล้วว่าตัวเองเป็นอมตะ ถ้าไม่รู้ว่ายมโลกส่งข้ามาทำไม ข้าก็จะบอกให้ เจ้านั่นส่งข้ามาเพื่อฆ่าพวกเจ้า"
แม้อยู่ในเขตไร้เวทย์แต่ที่แห่งนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเขาเลย ฮาวเวอร์พุ่งตัวเข้าประชิดร่างของราชาไมนัส เขาเอาโล่จากหุ่นอัศวินข้างตัวเข้ามากันดาบ แต่เพราะแรงกายมหาศาลทำให้ร่างเขากระเด็นเข้าไปในห้องโถงของวัง
ไอเย็นปกคลุมไปทั่วห้องแห่งนี้แม้ว่าฤดูของเดือนเป็นฤดูร้อนอันอบอุ่น ฮาวเวอร์มองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าก็ต้องพบเรื่องน่าแปลกใจอยู่หลายอย่าง ชายถูกแช่แข็งนั่งอยู่บัลลังก์ผู้ปกครอง สตรีผิวเผือกกำลังร้องไห้เป็นเกล็ดหิมะโรยลงมาจากด้านบนทั้งยังถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนหลายเส้น บุรุษผมสีแดงเพลิงไร้ใบหูสามเหลี่ยมอันเป็นที่เรื่องลือว่าเป็นทายาทของราชาทรราชกำลังนั่งบนตักของชายแช่แข็งอย่างรักใคร่ และเด็กน้อยวัย 10 ปีที่ยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวแม้จะอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บแทบเสียดแทงเข้าไปถึงกระดูก
'คนพวกนี้เป็นอมตะกันหมดงั้นหรือ?'
ข้อสงสัยของอีคอนดังขึ้นในจิต ฮาวเวอร์เองก็คิดเช่นนั้น มิน่าเล่าถึงได้ควบคุมทั้งอาณาจักรได้ ก็เพราะมีมนุษย์อมตะมากกว่าหนึ่งนี่เอง
"ไมนัส เจ้ากำลังรบกวนข้า" บุรุษผมสีแดงกล่าวขึ้น ราชาไมนัสคุกเข่ายอมรับอย่างเกรงกลัว
"ขออภัยนายท่าน ข้าเองก็ไม่คิดว่าเขาจะต่อกรกับข้าได้ในตอนที่ไร้พลังเวทย์"
"เจ้าดูถูกพลังของยมโลกมากเกินไป หากว่ายมโลกวางแผนจะให้สิ่งใดสำเร็จแล้วล่ะก็ เขาไม่ยอมให้เรื่องเหล่านั้นผิดพลาดเป็นอันขาด"
"ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องยมโลกดีเหลือเกินนะ เขาเป็นสามีเก่าเจ้ารึไงถึงได้เข้าใจหัวอกกันซะเหลือเกิน"
ฮาวเวอร์พูดขึ้นประชด บุรุษผมสีแดงลุกออกจากตักของชายนั่งบัลลังก์และเดินเข้าหาเขาอย่างช้าๆ เผยใบหน้าสีขาวซีดไร้เลือดไหลเวียนทั้งดวงตาเศร้าสร้อยคล้อยน้ำตาเอ้ออยู่ภายในไม่ไหลออก ฮาวเวอร์ตะลึงงันในทันที เมื่อมองใบหน้านั้นจนลึกไปถึงดวงวิญญาณ สิ่งนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ยมโลกไม่เคยกล่าวเรื่องนี้กับเขามาก่อน
'ข้าทำไม่ได้ ข้าฆ่าเขาไม่ได้'
"ข้าเข้าใจดีว่าเจ้ารู้สึกยังไง คาเอลของข้า เจ้าเองก็เป็นเครื่องมือของยมโลกไม่ต่างจากคนรักของข้า เขาถูกกำหนดความตายให้ และเราก็แยกจากกันไปตลอดกาล หากว่าเจ้าต้องการแค่ลูคัสคนใดก็ได้ ให้ข้าเข้าไปแทนดีไหม และเจ้าก็เติมเต็มส่วนที่เหลือให้ข้าด้วยวิญญาณของเจ้าสิงสู่ในร่างของเขา เราจะท่องไปในมิติและหลีกหนีจากทุกอย่างที่จะพรากเราจากกัน"
ฮาวเวอร์มองสองตาใสนั้นแล้วคล้อยตามเข้าไปหา ความปรารถนาที่ไม่เคยถูกเติมเต็ม ความรักที่ไม่เคยได้รับแม้ว่าจะเรียกหามากแค่ไหน ความเศร้าโศกที่เคยทำให้ร่ำไห้ คนตรงหน้านี้ก็ปัดเป่าให้หายเพียงสัมผัสเดียว
นิ้วมือเย็นเฉียบลูบไล้ไปตามกรอบหน้าของฮาวเวอร์ ก่อนจะเลื่อนลงไปที่กลางอกแล้วกดนิ้วเรียวยาวเข้าไปควานหาวิญญาณที่ต้องการนั้นมา แสงสีขาวสาดเรืองรองออกจากร่างของฮาวเวอร์ อีคอนถูกดึงเข้าสวมร่างแทนวิญญาณที่ออกไป แต่วิญญาณฮาวเวอร์ก็ถูกดึงออกได้ไม่นาน ช่องมิติขนาดเล็กเกิดขึ้นที่อกของเขา มือหนาโผล่ออกมาก่อนจะจับวิญญาณฮาวเวอร์กลับเข้าไปในร่าง มือนั้นสัมผัสเข้ากับมือของบุรุษผมสีแดงจนเขาต้องชักมือออกและอึ้งงันกับสิ่งที่เห็น วิญญาณฮาวเวอร์กลับเข้าร่างเดิมแต่เพราะการถูกดึงวิญญาณออก ทำให้วิญญาณเขาสิ้นสติและหลับใหลในจิตใต้สำนึก
'ฮาวเวอร์…'
อีคอนเรียกจิตของเขาเพราะกลัวว่าฮาวเวอร์จะหายแล้วไร้ร่างในแบบที่ตายจากโลกใบนี้
'จิตนามฮาวเวอร์ถูกชัตดาวน์เพื่อรีเซตการควบคุมร่างใหม่ โปรดรอในอีก 48 ชั่วโมง'
อีคอนถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก็ต้องหนักใจอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้ามองมาที่เขาอย่างไม่วางตา
"เป็นอย่างนี้เองสินะ" บุรุษผมสีแดงกล่าวขึ้นทั้งยังหัวเราะขำกับตัวเอง "จับมันไปขัง แล้วอย่าให้ออกมาได้อีกเป็นครั้งที่สอง"
ศพหน้าทางเข้าลุกขึ้นเดินสะเปะสะปะเข้ามาลากตัวอีคอนออกไป เขาพยายามขัดขืนแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ พละกำลังของเจ้าพวกนี้มีมากกว่า แถมจิตฮาวเวอร์ก็ยังหลับใหลอยู่
อีคอนถูกนำตัวไปยังคุกใต้ดิน ที่แห่งนี้มีแต่ซากศพที่ถูกทรมานจนตาย ถึงเขาจะฆ่าไม่ตาย แต่ก็แอบกลัวว่าถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อ คนในเขตปกครองกับกองกำลังปฏิวัติจะเป็นยังไง เพราะฮาวเวอร์อาศัยช่วงที่เขาหลับทำอะไรบุ่มบ่าม และเขาเองก็ไม่คิดจะห้ามด้วยเพราะไม่อยากให้ใครต้องเข้าไปเสี่ยงอีก ไม่นึกว่านอกจากตัวเองจะทำอะไรไม่ได้ ฮาวเวอร์ก็เกือบถูกชิงดวงวิญญาณไปอีก
"เรามันไร้ประโยชน์ที่สุด" คิดไปน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม พลางก่นด่าที่ตัวเองไม่มีความคิด ทำอะไรไม่เก่งเท่าฮาวเวอร์
"ไม่มีใครไร้ประโยชน์หรอกนะ ทุกคนย่อมมีด้านดีๆ ของตัวเอง"
เสียงหวานของสตรีดังออกมาจากห้องใดห้องหนึ่งในคุกใต้ดิน เสียงนี้เขาไม่ลืมจากความทรงที่ยังเป็นทารก น่าแปลกที่ยังได้ยินอยู่ ไม่ใช่ว่าเขากำลังหูแว่วหรอกนะ ฮาวเวอร์เดินไปที่ประตูห้องขังแล้วออกแรงดึงออก
ปัง!
ประตูถูกเปิดออกจากกัน อีคอนเดินเข้าไปด้านในห้องขัง หนึ่งในกรงขังนั้นเป็นที่ที่ขังผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้ นางนั่งชันเข่ามองลอดออกไปนอกช่องระบายน้ำโสโครก เส้นผมสีทองสว่างแม้จะเปรอะเปื้อนด้วยคราบโคลนก็ยังทอแสงสว่างยามกระทบแสง สองตาค่อยๆ หันมามองร่างน้อยที่เดินเข้าไป เมื่อทั้งคู่สบตาเข้าหากันต่างคนต่างก็นิ่งเงียบในบัดดล
'นี่คงไม่ใช่ภาพลวงตาหรอกใช่ไหม?'
"ฮาวเวอร์? "
อีคอนส่ายหน้าทันที แต่พอนึกอีกทีเขาก็ต้องสับสนกับคำพูดที่จะเอ่ย ร่างนี้คือร่างที่มีนามว่าฮาวเวอร์ แต่นามที่เขาใช้เรียกจิตคืออีคอน เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงก็นั่งลงไม่ไกลจากกรงนั้น
"ข้าไม่แน่ใจว่าต้องเรียกตัวเองยังไงดี ท่านให้กำเนิดข้า แต่ข้ามีสองจิต จิตนี้ข้าเรียกนามตัวเองว่าอีคอน อีกจิตก็ใช้นามที่ท่านเรียกว่าฮาวเวอร์"
"แต่เหนืออื่นใดเจ้าคือลูกของแม่"
นางเดินเข้ามากอดเขาเต็มอกแม้จะมีลูกกรงกั้นอยู่ตรงกลาง อีคอนก็กอดนางตอบ ไม่นึกเลยว่า คนที่เขาคิดว่าตายไปแล้วจะยังยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าเจ้าฮาวเวอร์มาเห็นคงหายบุ่มบ่ามแล้วกลับไปนำทัพเข้ามาช่วยแน่
"ข้านึกว่าท่านตายไปแล้วเสียอีก"
"มีเรื่องอย่างนั้นด้วยรึ? "
"ขอรับ ความจริงแล้วข้ากับฮาวเวอร์ตั้งใจว่าจะทำสงครามกับอาณาจักรเพื่อช่วงชิงบัลลังก์คืนให้ท่าน แต่ข้าก็ต้องล้มเลิกเมื่อได้ข่าวว่าท่านเสียไปแล้ว เจ้าฮาวเวอร์โมโหถึงขนาดบุกมาที่นี่เพียงคนเดียวเลยนะขอรับ"
"ลูกข้า เจ้าไม่ต้องทำอะไรเพื่อข้าอีกแล้ว เพียงเจ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าก็มีความสุขมากพอแล้ว"
คำปลอบนั้นทำให้อีคอนมีความสุขอย่างล้นเหลือ เขาเงยหน้ามองนางก่อนจะกล่าวความสำคัญ
"พวกเรารีบหนีออกจากที่นี่กันเถอะขอรับ ข้าจะพาท่านออกไปเอง"
"ช้าก่อนลูกข้า แม้ว่าแม่จะยังอยู่แต่ใช่ว่าจะออกไปได้…"
นางชี้ให้เขาดูเส้นขอบรอบกรงขัง มันมีเส้นสีแดงส่องออกมาราวกับว่าเป็นเขตแดนอะไรสักอย่าง
"สิบปีก่อนที่แม่ให้กำเนิดเจ้า แล้วมีอัศวินพยายามจะช่วยแม่ออกไป พ่อเจ้าจึงได้สร้างเขตแดนนี้ขึ้นมา หากว่าแม่เดินออกจากกรงขังนี้ไป ก็คงออกไปได้เพียงร่างกายเท่านั้น"
'ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับตายน่ะสิ'
"ข้าจะหาทางช่วยท่านออกมาให้ได้ ข้าสัญญา"
อีคอนยังคงอาศัยอยู่ในคุกต่อเพื่อเสาะหาวิธีการแก้เขตแดนนั้นจนกระทั่งฮาวเวอร์กลับเข้าร่างมา
ในอีกที่หนึ่งซึ่งห่างไกลจากอาณาจักรริลกลิม ฐานลับของฮาวเวอร์ ที่ซึ่งรวบรวมเอาอมนุษย์หลากหลายสายพันธุ์เข้าไว้ด้วยกัน ในห้องบัญชาการซึ่งถูกปกปิดตั้งแต่รู้ว่าฮาวเวอร์หายตัวไป ภายในนั้นเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นมากมายจนไม่มีใครจินตนาการได้
เทพธรณีถูกราชาปีศาจจ้องตาไม่กะพริบมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ เพราะถูกฮาวเวอร์อัญเชิญมาแล้วทำสัญญาเอาไว้ว่าให้จ้องมองเทพธรณีไม่ไปไหน ตามจริงแล้วการทำสัญญานั้นต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าและขึ้นอยู่กับว่าผู้ทำสัญญาด้วยจะยินยอมไหม แต่ฮาวเวอร์ไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไรเลย แค่สั่งให้ทำเขาก็ทำอย่างไม่ปริปากบ่นสักคำ
"ถ้าฮาวเวอร์ไม่กลับมา เจ้าจะจ้องข้าอย่างนี้จนโลกแตกเลยหรือไง" เทพธรณีบ่นบ้างเพราะเริ่มอึดอัด
"ข้าก็เคยทำมาแล้วเป็นล้านปี เพียงแต่ตอนนั้นเจ้าไม่รู้สึกก็เท่านั้นเอง"
พอนึกถึงตอนที่ย้อนความทรงจำ ก็มีแต่เสียงของเขาพร่ำบอกรักกับตนอยู่ฝ่ายเดียวจนทำเรื่องน่าอายนั่นด้วย
"ทำเป็นพูดไป เจ้าทำเพียงจ้องมองข้าอย่างตอนนี้เสียที่ไหน เจ้าน่ะ ทำเรื่องไร้ยางอายกับข้าด้วยไม่ใช่รึไง"
"เรื่องน่าอาย?" คนพูดหัวเราะก่อนจะมองมาทางเอวาอย่างนึกขัน "เจ้าคิดว่าข้าจะจุมพิตเจ้ายามหลับหรือ ข้าไม่ทำเรื่องน่าอายหากไม่ได้เห็นเจ้าอายจริงๆ หรอกนะ"
"แล้วเรื่องเสียงหอบอย่างอ่อนแรงของเจ้าเล่า? " พูดไปก็อายไป ถึงขนาดเอามือมาปิดใบหน้าร้อนฉ่าเอาไว้
"ข้านั่งมองเจ้านานๆ ก็ต้องเมื่อยบ้างอะไรบ้างน่ะสิ ถ้าไม่ขยับตัวออกกำลังกายเสียบ้าง รากแถวนั้นจะงอกขึ้นตัวข้าจนขยับไม่ได้"
พอได้ฟังคำอธิบายนั้นแล้วเอวาก็รู้สึกโล่งใจ นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ความคิดอคติเล็กน้อยจะทำให้เขาคิดไปไกลขนาดนี้ ถึงราชานรกจะใจร้ายที่ขังเขาเอาไว้ไม่ปล่อยไปไหนก็ตาม
ระหว่างที่ทั้งคู่เงียบใส่กัน เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นมา เปลือกไข่ทารกถูกกะเทาะออกก่อนจะแตกจนเผยให้เห็นร่างน้อยอวบอ้วนภายใน เอวารีบอุ้มขึ้นมาดูก่อนจะให้เขาดูดนิ้วมือที่เสกให้มีน้ำนมออก
"ข้าว่าเจ้าใช้ตัวช่วยจะดีกว่า นิ้วของเจ้าคงไม่พอสำหรับเด็กสิบคนแน่"
ไข่ทารกในถ้ำราวกับพร้อมใจแตกออกจากกัน เกิดเป็นทารกหลายสายพันธุ์ขึ้นมา ราชานรกเปิดมิติเอาของใช้เด็กออกมาก่อนจะวางลงตรงหน้าของเอวา เทพธรณีเสกน้ำนมขึ้นมาให้เต็มขวดก่อนจะป้อนเด็กน้อยตรงหน้า และอุ้มเด็กอีกคนขึ้นมาแล้วทำแบบเดียวกัน
"ข้าคิดว่าข้าเลี้ยงคนเดียวไม่ไหวหรอก เจ้ามาช่วยข้าได้ไหม ยังไงซะเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เด็กเหล่านี้เกิดมา"
ราชานรกยิ้มขำกับคำพูดนั้น ไม่รู้ว่าเทพธรณีจะรู้ไหมว่าคำพูดนั้นหมายความว่ายังไง
หลังจากผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ อีคอนและฮาวเวอร์ยังติดอยู่ในคุกใต้ดิน ทุกวันราชาไมนัสจะให้คนส่งอาหารมาให้ราชินีเกรสสัน แต่ไม่ได้นำอาหารมาให้อีคอน เขาคงรู้อยู่แล้วว่าอีคอนไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ฮาวเวอร์คิดว่าหากเอามารดาออกจากกรงไม่ได้ก็ให้ทุบผนังออกแทน หรือไม่ก็ขุดดินออก เมื่อคิดอย่างนั้นก็ทำการ เจาะผนังออกทีละนิดในทุกวันจนกระทั่งมันสามารถหยิบออกได้และขนาดใหญ่พอให้คนออก เป็นไปตามคาด อาณาเขตนั้นมีไว้กั้นเฉพาะลูกกรง อีคอนพาราชินีเกรสสันวิ่งหนีไปยังทางที่เคยจำได้จากความทรงจำเดิม คราวนี้ดูเหมือนว่าการป้องกันจะเบาบางลงกว่าแต่ก่อนจนคนทั้งสองหนีออกจากปราสาทได้
บนหอคอยสูงทอดมองลงมาที่คนทั้งคู่วิ่งหนีออกจากราชวังไป ราชาไมนัสไม่ได้มีท่าทีจะตามไปเอาชีวิตทั้งคู่ก่อนจะมองที่ร่างน้อยวัย 10 ปี ซึ่งยืนอยู่ไม่ห่าง ร่างไร้วิญญาณทั้งที่ยังหายใจอยู่ ไม่มีใครฆ่าหรือทำลายร่างนี้ได้ ราวกับเป็นเทพมาจุติก็ไม่ป่าน
เขาได้รับความเป็นอมตะตอนร่างใกล้เข้าวัยกลางคน อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ไม่ได้หล่อเหล่าจนใครชม ที่ทำให้ราชินีเกรสสันหลงรักได้ก็เพราะยาเสน่ห์ชนิดรุนแรงและไร้กลิ่นไอเวทย์จึงไม่เป็นที่สงสัย เด็กตรงหน้านี้ทั้งที่ส่วนหนึ่งเกิดจากเขาแต่นอกจากเส้นผมสีดำขลับแล้วก็ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นลูกของเขาเลยสักนิด ใบหน้าอ่อนเยาว์เติบโตขึ้นทุกวันและเขาก็ตั้งใจว่า ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นเมื่อไหร่ จะใส่วิญญาณของตัวเองลงไปและใช้ร่างนี้แทน อยู่กับความหนุ่มแน่นและหล่อเหลาอย่างที่ไม่เคยสัมผัสในร่างก่อน
อีคอนเข้าเขตป่าอาถรรพ์ในการปกครองของมารโมงุน แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่คิดว่าหากอยู่ที่นี่คงดีกว่าเดินทางในทุ่งโล่งให้ผู้อื่นพบเจอได้ง่าย เมื่อเข้าเขตป่าได้ไม่นาน เผ่าคูเกาก็เข้ามาทักทายเขาในทันที
"หนีหัวซุกหัวซุนอะไรมาท่านฮาวเวอร์ หากว่าข้าเป็นคนอื่นอาจฆ่าตายไปแล้วเพราะคิดว่าเป็นโจรป่า" โคซูกล่าวทัก
"อย่างเจ้าเนี่ยนะ จะฆ่าข้าได้ ขนาดลิลลี่น้อยของข้าเข้ายังสู้นางไม่ได้"
"ลิลลี่น้อย?"
เมื่อนึกไปถึงอสูรเวทย์นามว่าลิลลี่ซึ่งมีความสูงเกือบสองเมตรก็ไม่เห็นคำนิยามว่าน้อยตรงไหน ไม่แน่ว่าอาจจะตัวสูงใหญ่กว่าโคซูก็เป็นได้
"ช่างเถอะ! ไหนๆ เจ้าก็เข้ามาในเขตของเราแล้ว เดินทางไปพบกับมารโมงุนหน่อยเป็นไง"
อีคอนที่สวมรอยเป็นฮาวเวอร์ก็กล่าวขึ้นด้วยท่าทางพยายามอย่างเย่อหยิ่ง
"เอาสิ ยังไงก็ทางผ่านข้าอยู่แล้ว"
อีคอนเดินทางเข้าไปในหมูบ้านของเผ่าคูเกาที่หมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่จะสร้างบ้านไว้บนต้นไม้ มีผ้าสานหลากหลายสีสันห้อยประดับตามบ้านย้อยลงมาถึงพื้น หลังจากที่มองไปทั่วก็เพิ่งสังเกตเห็นสตรีผิวน้ำผึ้งกับเส้นผมสีแดงและใบหูสามเหลี่ยม นางเดินตรงมาทางเขาก่อนจะกล่าวทักทาย
"สวัสดียามราตรีเจ้าคะ เจ้าชายฮาวเวอร์ และ… ราชินีเกรสสัน"
นางนิ่งงันมองไปที่องค์ราชินีก่อนจะคุกเข่าลง เกรสสันรีบเข้าไปห้ามนางให้ยืนขึ้นก่อนทั้งคู่จะสบตากัน
"ไม่ต้องมีพิธีอะไรกับข้าหรอก ตัวข้าตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรแล้ว หากว่าข้าไม่พบเจอกับอีคอนและฮาวเวอร์แล้วล่ะก็ ข้าคงต้องตรอมใจตายอยู่ที่คุกใต้ดินนั่นไปแล้ว"
"พวกเราเผ่าคูเกาไม่รู้เลยว่าท่านต้องเจอเรื่องลำบากเช่นนี้ ไม่รู้ปีศาจตนใดสิงสู่ราชาไมนัสให้ทำเรื่องราวร้ายกาจเช่นนี้ แต่เรื่องนั้นค่อยเล่าทีหลังจะดีกว่า ท่านเข้าไปข้างในก่อนเถิด"
อีคอนมองนางประคบประหงมมารดาตัวเองก็วางใจก่อนจะเดินตามหลังไป
"ช้าก่อน ห้องนอนท่านข้าจะพาไปเอง มารโมงุนไม่ชอบให้มีกลิ่นผู้ชายในห้องของนาง"
เช้าวันต่อมา จากที่มารโมงุนอยากคุยกับฮาวเวอร์เป็นการส่วนตัวกลับกลายเป็นว่าได้คุยกับราชินีเกรสสันเป็นการส่วนตัวแทน ราวกับทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมานานก็พูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบจวนจะกลับ ฮาวเวอร์ส่งจดหมายไปทางเขตปกครองของตัวเองว่าตอนนี้อยู่ที่เผ่าคูเกาและจะเดินทางไปที่เขตปกครองฮาวเวอร์ในช่วงบ่ายของวัน
"เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะ หากว่าเราร่วมต่อสู้กับราชาไมนัสจนสำเร็จ ก็คงได้พบกันอีก"
พอเดินเข้าเขตปกครองฮาวเวอร์ เผ่ามางามูก็เข้ามาทักทายก่อนเป็นอันดับแรก และพาทั้งคู่เดินทางไปยังฐานลับฮาวเวอร์ เมื่อมาถึงงานทุกอย่างก็ถาโถมเข้าใส่ฮาวเวอร์อย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งเรื่องเด็กล้นอาคาร เรื่องอุโมงค์ทางผ่าน และเรื่องห้องบัญชาการถูกปิดตาย
อันดับแรกที่เขาต้องทำคือเปิดห้องบัญชาการ ในรอบหนึ่งอาทิตย์ตั้งแต่ฮาวเวอร์ไปก็ไม่รู้ว่าราชานรกจะลักพาตัวเทพธรณีไปแล้วหรือยัง
อุแว้ อุแว้
เด็กทารกราวห้าสิบคนถือกำเนิดจากไข่ร้องประสานเสียงออกมาโดยมีเทพธรณีคอยดูแลอย่างไม่พักไม่เหนื่อย ราชานรกเองก็ต้องอุ้มโอ้เด็กน้อยในมือพลางป้อนนมในยามที่เอวาไม่ว่าง ช่างดูราวกับพ่อแม่มือใหม่กำลังเลี้ยงลูกอยู่ไม่ป่าน
ฮาวเวอร์ขึ้นสลับจิตกับอีคอนเมื่อต้องคุยกับราชานรก เขาทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มเดินเข้าไปในถ้ำ
"อ้าว เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าราชานรกเลี้ยงเด็กเป็นด้วย"
"ทำไมจะไม่เป็น เลี้ยงเด็กนั้นง่ายจะตาย เจ้าลองเอาไปเลี้ยงสักคนสิ"
เขายื่นให้ฮาวเวอร์ถือก่อนจะสร้างมิติขึ้นจากนั้นก็เดินจากไป เอวามองตามหลังเขาไปก่อนจะหันมาทางฮาวเวอร์ต่อ
"เพราะเจ้าเอ่ยแซวน่ะ เขาถึงอายแล้วเดินหนีไป"
"อย่างนั้นเองหรือขอรับ"
อีคอนต้องสลับจิตใจขึ้นมาคุยกับเอวาเพราะฮาวเวอร์เขินเวลาต้องอยู่ใกล้เขาและต้องกันตัวเองจากของรักของหวงของเพื่อนอย่างราชานรกอีก
เกรสสันมองลูกชายที่ต้องสลับเปลี่ยนจิตใจไปมาก็แอบรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาทั้งคู่ และเผลอคิดขึ้นมาว่า ถ้าทั้งสองมีหนึ่งร่างหนึ่งจิตกัน พวกเขาคงได้ทะเลาะเถียงกันทุกวันแน่ แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขจนเต็มอก แต่ไม่รู้ทำไม พอคิดเรื่องนี้ได้ไม่นานนางก็ลืมความคิดนี้ไป ราวกับความทรงจำบางอย่างถูกกดเอาไว้ไม่ให้แพ่งพายออกมา
นี่เราเร่งเนื้อเรื่องเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
แต่ช่างเถอะ มันยื้อเยื้อมานานแล้ว ( ;=_=)