webnovel

บทที่ 13 เทพธรณี

ฮาวเวอร์หันหลังกลับเข้าถ้ำอีกครั้ง ครั้งนี้มันโผล่ลูกตาออกมาจากหลุมให้เขาเห็นเต็ม ๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นฮาวเวอร์ก็ฟันดาบใส่มันอีกทันที ร่างของมันแยกอีกก่อนจะรวมตัวกลับเข้ามาเหมือนเดิม ก้อนหินที่เคยทับถมมันก่อนหน้านี้ก็ถูกคายออกไปอยู่ใต้พื้นจนยกระดับ​พื้น​สูงขึ้น ยิ่งเปิดโอกาสให้ฮาวเวอร์หนีและโจมตีได้ง่ายกว่าเดิม

ฮาวเวอร์แกว่งดาบโจมตีผนังถ้ำอีกครั้งจนมันหล่นมาทับถมก้อนเมือก ครั้งนี้เขาต้องจับให้ได้ ไอ้สิ่งที่อยู่ข้างในก้อนเมือก จริงๆ แล้วมันเป็นมนุษย์หรือแค่สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายคน

ฮาวเวอร์พุ่งเข้าไปในระยะประชิด ร่ายเวทย์ไฟให้ลุกโชนและโถมเข้าใส่ร่างของมันอีกครั้ง พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เขาทุ่มให้กับการโจมตีครั้งนี้ จากลูกไฟดวงน้อยขยายใหญ่ขึ้นเป็นพันเท่า และเผ่าร่างของมันให้ลุกโชติช่วงราวกับทะเลเพลิง!

ฟู่!

ความร้อนระเหยปิโตรเลียมจนกลายเป็นไอแก๊ส แน่นอนว่ามันอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แต่ในเมื่อฮาวเวอร์เป็นสิ่งที่ฆ่าไม่ตาย เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับมัน

แค่ก แค่ก

เสียงไอสำลักควันดังออกมาจากกองเพลิง ร่างสีดำขยับไปมาราวกับว่าพยายามจะลุกยืนด้วยขาทั้งสองข้าง ฮาวเวอร์มองท่าทีของมันจนมันลุกได้และเดินเข้ามาหาเขาเรื่อยๆ ฮาวเวอร์ยืนมองมันจนเห็นสภาพศพเดินได้แต่ก็ไม่หวั่นกลัว

"หะ เหงา… เหงา..เหลือเกิน"

มันเอื้อมมือสองข้างพยายามคว้าร่างของเขาเอาไว้ ฮาวเวอร์เหนื่อยเกินกว่าจะขัดขืนก็ปล่อยให้มือทั้งสองข้างโอบล้อมร่างของตนเอาไว้

"หายเหงารึยังล่ะ"

คำประชดของฮาวเวอร์ดังออกจากปาก แต่คนที่ฟังกลับรู้สึกอุ่นใจในอก กี่ปีกันนะที่พยายามไขว่คว้าความปรารถนานั้น เมื่อได้มาซึ่งความอบอุ่นที่ต้องการไม่นานมันก็เย็นชืด เขาลืมความทรงจำ ลืมความเจ็บปวด เหลือเพียงความหนาวเหน็บในหัวใจมันเย็นลึกจนเสียดแทงเข้ากลางอก

เมื่อร่างกายหายเหนื่อยจากการต่อสู้ ฮาวเวอร์ลุกออกจากอ้อมกอดและเดินออกไป ร่างเผ่าไหม้เหมือนหยุดนิ่งก่อนจะนอนล้มลงไป

สัญญาณสั่นสะเทือนจากในถ้ำหยุดลง โลอาโนผู้เฝ้าดูสถานการณ์กระตุกใยที่เชื่อมเข้าไปในถ้ำเข้าหาตัว ภายในถ้ำเกิดอะไรขึ้นเขารู้ไม่ละเอียดมากนัก รู้เพียงฮาวเวอร์รอดจากสัตว์ประหลาดตัวนั้น เวลาที่เขาเฝ้าดูคือ 2 วัน เกือบบรรจบวันที่ 3 การต่อสู้ที่ยาวนานนี้ทำเขาลุกไปไหนไม่ได้ ยังดีที่พาคนของตัวเองมาด้วย ผู้ติดตามของฮาวเวอร์เองก็นั่งนิ่งไม่ไปไหนเช่นกัน ทุกคนที่นี่ได้แต่สงสัยความสามารถของฮาวเวอร์ และคอยฟังสถานการณ์ภายในจากแมงมุมสื่อสารอย่างใจจดใจจ่อ แน่นอนว่าเขาส่งแมงมุมไปกว่าร้อยตัวเผื่อถูกลูกหลงจนตาย แต่ตอนนี้แมงมุมที่ส่งไปเหลือเพียงตัวเดียวที่สื่อสารได้ และประจวบเหมาะพอดีกับที่ฮาวเวอร์ยุติการต่อสู้ลง

"ลูกพี่โลอาโน ถ้าคนผู้นั้นฆ่าสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ได้​ ไม่แน่อาจจะต่อกรกับมารงูได้ก็ได้นะขอรับ"

"ถ้าเขาทำตามที่พูดจริงก็คงดี มนุษย์ขึ้นชื่อเรื่องความปลิ้นปล้อน แม้เขาจะช่วยเหลือเผ่าเรา แต่เราก็ไม่ควรไว้ใจเขาไปเสียหมด"

"พวกเจ้านี่ขี้ระแวงกันเสียจริง ฮาวเวอร์ช่วยพวกเจ้าขนาดนั้นแล้วยังไม่สำนึกอีก" ลิลลี่พูด

"ที่เราบาดเจ็บก็เพราะเจ้าไม่ใช่รึไง"

"ที่เจ้าบาดเจ็บก็เพราะจะทำร้ายคนเผ่าอมนุษย์แมลงสาบนี่นา กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง" แอดดี้เถียงตอบ ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอย่างเอาเรื่องแต่แอดดี้ใจสู้แค่สองนาทีก็หลบตาลงแล้ว

"อ๊ะ ลูกพี่ เขาออกมาแล้ว"

โลอาโนหันไปมองที่ปากถ้ำ ร่างน้อยเดินออกมาพร้อมลากอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย ขนาดยาวเรียวสีดำ หรือจะเป็นซากของสัตว์ประหลาดในถ้ำ โลอาโนวิ่งเข้าไปหาฮาวเวอร์อย่างเร่งรีบพร้อมกับสร้างใยเวทย์ครอบตัวเขาเอาไว้

"นี่พวกแกกำลังทำอะไรกัน" ฮาวเวอร์ถามเสียงเรียบอย่างใจเย็น

"ตาข่ายดักจับวิญญาณ ก่อนที่พวกมันจะร่อนเร่หนีไปไกล ก่อนตายดวงวิญญาณจะลอยตามคนฆ่าเพราะความแค้น และดวงวิญญาณผู้แค้นก็จะมีวิญญาณดวงอื่นที่เขาฆ่าตามมาด้วย เจ้าตัวนี้อยู่ที่นี่มาหลายปี ฆ่าคนไปหลายคน บางที่อาจได้วิญญาณมาเยอะก็ได้ แต่ถ้ายมทูตมาพบหรือหายโกรธแค้นผู้ฆ่าดวงวิญญาณก็จะร่องรอยออกไปจนจับไม่ได้"

"เจ้าจะได้รึ ไอ้สัตว์ประหลาดนั่นยังไม่ตายเลย"

"ตายไม่ตายเจ้าก็ดูสิ่งที่ข้าจับได้สิ…"

เมื่อแหงนหน้ามองเหนือหัว สิ่งที่ปรากฏคือละอองแสงหลากสี หลากรูปลักษณ์ลอยเหนือหัว ขนาดของมันใหญ่จนปกคลุมท้องฟ้าตรงหน้าเขา

"แสงพวกนั้นคือ…" ฮาวเวอร์ไม่เคยพบเห็นมาก่อนก็ถามออกไปอย่างเหม่อลอย

'ดวงวิญญาณ สิ่งที่หลุดออกจากร่างหลังความตาย' อีคอนตอบ

"มันเยอะขนาดนี้เชียวหรือ สิ่งมีชีวิตที่หลอกหลอนพวกเรามานาน นานเกินกว่ากาลเวลาจะเริ่มเปลี่ยนผ่าน เจ้านั่นมันไม่ได้​มีแค่ความแข็งแกร่ง แต่มีวิญญาณที่ไม่อาจถูกปลดปล่อยอยู่เต็มไปหมด ดูเหมือนเจ้าจะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เข้าให้แล้ว"

ฮาวเวอร์ไม่ได้ต่อคำบอกเล่านั้น มองวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกตาข่ายดักจับจนเต็มฟ้า

"ปรกติคนทั่วไปจะมองไม่เห็นวิญญาณนี่นา ทำไมเจ้าถึงจับมันได้ล่ะ" อีคอนเอ่ยถาม

"เส้นใยข้าทำมาเป็นพิเศษเพื่อดักจับวิญญาณ และนำไปมอบให้มารงู เพราะงั้นตาข่ายดักจับจึงทำให้วิญญาณแสดงตัวออกมา"

"เจ้ายังต้องเอาดวงวิญญาณเหล่านี้ไปให้มารงูอีกเหรอ? "

"ไม่ทั้งหมดหรอกขอรับ ข้าจะเอาไปเป็นเหยื่อล่อเพื่อพาท่านเข้าพบมารงูให้ได้ตามที่ท่านต้องการ" โลอาโนดักวิญญาณเพียงหนึ่งร้อยดวงเข้าไปวงแหวนเวทย์ ก่อนจะปล่อยดวงวิญญาณที่เหลือลอยขึ้นฟ้า ไม่นานดวงวิญญาณที่เคยส่องแสงทั้งหมดก็หายไป

บนท้องฟ้าระรานไปด้วยวิญญาณนับไม่ถ้วน ผู้สังเกตการณ์ของยมโลกมองเหล่าวิญญาณสูญหายลอยล่องไปในอากาศ ยมทูตผู้ดักจับวิญญาณของโลกใบนี้ก็ลอยเข้าหากลุ่มวิญญาณแล้วสร้างฟองอากาศขนาดยักษ์ดูดวิญญาณเหล่านั้นเข้าไป ยมทูตสร้างมิติแยกขึ้นมาแล้วดันเอาก้อนวิญญาณนับล้านเข้าไป​จนหมด​ ก่อนจะทะลุมิตินั้นเข้าไปด้วย

โครม!

เพราะขนาดของวิญญาณสูญหายใหญ่เกินไป ตอนถูกส่งเข้าห้องพิพากษาของยมโลก ฟองอากาศบรรจุวิญญาณจึงแตกออกแล้วกระจัดกระจายไปทั่วห้องพิพากษา วิญญาณเหล่านี้สูญเสียความทรงจำไปจนหมดเพราะถูกจองจำเป็นเวลานาน บ้างก็เดินเอ้อระเหยในวิหาร บ้างก็กระโดดแกล้งเพื่อนวิญญาณด้วยกัน แม้ร่างเดิมจะเคยเป็นมนุษย์ แต่ร่างวิญญาณเป็นเพียงก้อนขนมีแขนขาเท่านั้น

"เจ้าพวกนี้เป็นวิญญาณสูญหายที่ติดอยู่ในกลไกหมุนเวียนพลังของโลกเวทมนตร์มักใช้กันเลียนแบบการหมุนเวียนวิญญาณของพระเจ้า"

"แล้ววิญญาณหลงทางล่ะ? " ยมโลกกล่าว

"ดูเหมือนนั่นจะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะฆ่าได้นะครับ ผมเลยเอาแค่จิตที่แยกออกจากร่างชั่วคราวมาแสดงตัวก่อน ไม่นานจิตนั้นก็จะถูกส่งกลับ"

"งั้นช่วยพามาให้เห็นหน่อย"

จิตแยกของร่างต้นปรากฏให้เห็น จิตนี้อยู่ในร่างชายหนุ่มหน้ามนนัยน์ตาสีคราม บนศีรษะมีวงแหวนสีท้องเรืองรองเป็นประกาย เส้นผมสีทองยาวจรดพื้น มิได้สวมใส่เสื้อผ้า​ เพียงแค่นำเส้นผมมาปกคลุมเรือนร่างเอาไว้

"ท่านเทพธรณี เหตุใดท่านถึงได้หายไปอาศัยในโลกแห่งนั่นเล่า? "

คนถูกพูดถึงตัวสั่นก่อนจะโผล่เข้ากอดยมทูตข้างกาย "ข้าเหงาจังเลย ฮือออ ข้าไปสำรวจโลกที่เพิ่งถูกรีเซตเลยเผลอหลับเพียงชั่วขณะ พอตื่นขึ้นมาก็มีเมือกสีดำมาปกคลุมทั่วทั้งร่าง มันดูดกลืนพลังของข้าไปจนหมด ร่างกายข้าก็เลยขยับไปไหนไม่ได้เป็นเวลานาน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้กลับมาบนสวรรค์"

"ราว 100 วันบนสวรรค์ขอรับ"

"นานขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วโลกนั้นเกิดวิบัติอะไรใหญ่หลวงรึเปล่า"

"ระหว่างที่ท่านหลับไป เจ้าเมือกนั่นมันไล่เขมือบผู้คนตามจำนวนวิญญาณที่สูญหายด้านหลัง และพลังของท่านกระจายไปทั่วโลกทำให้เกิดมนุษย์หลากหลายสายพันธุ์ มนุษย์เป็นสัตว์ที่ถือตนอยู่แล้ว หากมีสิ่งใดต่างจากตนก็จะกีดกันและผลักดันให้กลายเป็นศัตรู ตอนนี้โลกจึงมีแต่การแก่งแย่งฆ่าฟันระหว่างมนุษย์ต่างสายพันธุ์​ จนดวงวิญญาณที่สมควรเกิดไม่ได้เกิด วิญญาณที่สมควรตายไม่ได้ตาย ถึงแม้จะเพิ่มนโยบายบุรุษท้องได้ก็ยังถูกผลักให้กลายเป็นความชั่วร้ายของปีศาจ โลกเกิดความโกลาหลมากมายเพียงเพราะท่านหลับไปบนโลก"

เทพธรณีได้ยินอย่างนั้นก็มีสีหน้าเศร้าสลด ไม่คิดว่าความสะเพร่าของตัวเองจะสร้างความเดือดร้อนมากมายขนาดนี้

"แต่ถึงอย่างนั้นข้ารู้สึกแปลกใจมากกว่าที่ท่านหลับนานไปขนาดนี้ บางทีเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ ข้าขอตรวจสอบความทรงจำของท่านได้หรือเปล่า" เทพธรณีพยักหน้าอย่างยินยอม เขาไม่รู้จะหาสิ่งใดมาทดแทนความผิดบาปของตนได้จึงยอมถูกรื้อความทรงจำออกมาดู

แม้เทพจะมีพลังยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ แต่ไม่มีความสามารถเก็บความทรงจำได้นานเท่ายมโลก ความทรงจำของเทพธรณีถูกฉายออกเป็นภาพเหนือศีรษะของเขา ในช่วงแรกจะเป็นฉากการต่อสู้กับฮาวเวอร์อย่างดุเดือด จนไปถึงช่วงที่ยังอยู่ในร่างเมือก ความทรงจำตรงนี้ถูกปกปิดจนมืดดำดูไม่ถนัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็พอได้ยินเสียงบ้างประปรายจากการต่อสู้ฆ่าฟันของมนุษย์บนโลก ฟังไปได้หลายล้านเสียงจนถึงปีที่ห้าร้อยล้านก่อนมนุษย์เกิด ในช่วงนั้นจะเป็นเสียงสัตว์เสียส่วนใหญ่ก่อน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นในช่วงที่ไม่ควรมีเสียงนี้อยู่

"โอ้ที่รัก ข้าต้องกลับไปขึ้นเป็นราชาแทนราชาองค์เก่า​ เขาได้ไปจุติใหม่ในความมืด ข้าคงไม่ได้กลับมาหาเจ้าอีก… ข้าเสียดายเหลือเกินที่ไม่อาจดึงเจ้าลงนรกไปด้วยได้ และเพราะอย่างนั้น… ข้าจะจองจำเจ้าในโลกนี้ รอวันที่ข้าหาคนมาแทนที่บัลลังก์​ราชา​ได้แล้ว ข้าจะได้กลับมา​ครองรักกับเจ้าต่อ"

"นั่นมัน…" เทพธรณีตัวสั่นทั้งหน้างง "เขาเป็นใครกัน ทำไมถึงทำอย่างนั้น"

"ถ้าให้เดา​ เขาคงเป็นราชาผู้ปกครองนรกอยู่ในตอนนี้ ช่างเป็นคนชั่วช้าเสียจริง ข้าได้ยินมาว่าเขาเจ้าชู้หลายใจ มีคนรักมากมายในมิติอื่น เจ้านั่นคงทำกับเทพองค์อื่นไม่ต่างจากท่านถึงได้เกิดผู้โชคร้ายวิญญาณหลงทางในโลกมนุษย์มากขึ้น ท่าน​ไม่ต้องห่วง​ ข้าจะแจ้งความชั่วโฉดของเขาไปยังคลังกลางของยมโลก ให้มีการอนุมัติลงโทษราชาแห่งนรกผู้นั้น"

"ข้าขอบใจเจ้ามาก แต่คงไม่จำเป็นหรอก ยังมีอะไรต้องลงโทษเขาได้อีกนอกจากการพาไปยังนรก และเขาก็อยู่ในนรกแล้วด้วย"

"ที่ท่านกล่าวมาก็ไม่ผิด แต่หากข้าแจ้งไปยังคลังกลางแล้ว ยมโลกทั้งหมดจะนำความชั่วของเขามารวมกันแล้วนำส่งไปให้พระเจ้าพิจารณา หากความชั่วของเขามีมากพอ เขาจะถูกส่งไปจุติในความมืดให้หลอมรวมกับที่แห่งนั้นแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย"

"ข้าเกรงว่าเราอาจจะยังฟังความไม่มากพอ ลองย้อนความทรงจำจนถึงต้นตอของเรื่องได้หรือเปล่า"

ความทรงจำถูกย้อนลึกลงไป เสียงลมหายใจเหนื่อยหอบดังเป็นเวลานานหลายเดือนหลายปีจนยมโลกถึงกับถอนหายใจในความอยากกระหายของราชานรกผู้นี้ เทพธรณีจากหน้าแดงด้วยความกระดากอายจนกลายเป็นความโมโหเมื่อเสียงนั้นไม่หยุดจนเวลาล่วงเลยไปหลายล้านปี

"ข้าชักไม่อยากรู้แล้วว่าจุดเริ่มต้นมันเป็นมายังไง" เทพธรณีกล่าว

"อีกนิดเดียวก็จะถึงจุดเริ่มต้นแล้วขอรับ ได้โปรดทนอีกหน่อย"

ทนฟังได้ไม่นานเสียงเหล่านั้นก็หายไปกลายเป็นภาพจากสายตาของเทพธรณี บนโลก ณ เวลานั้นเป็นเพียงโลกว่างเปล่าที่มีแต่พื้นทราย เทพธรณีสร้างสสารหลายตัวแล้วกระจายออกไปบนโลก ให้บรรดาสสารเหล่านั้นเกาะตัวเป็นธาตุต่างๆ แล้วจึงก่อกำเนิดเป็นธรรมชาติรูปแบบต่างๆ เทพธรณีเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นด้วยสายตาตัวเองก่อนจะมีอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาจากทรายที่เขาเหยียบ มันเป็นงูตัวสีดำกำลังจ้องมองมาทางเขาตาไม่กะพริบ เทพธรณีแปลกใจที่โลกนี้วิวัฒนาการจนถึงช่วงที่สร้างสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ได้เพียงเวลาไม่กี่สิบปีเองหรือ เทพธรณีเดินเข้าไปอุ้มงูตัวนั้นขึ้นมาก่อนจะเอาเข้ามาดูใกล้ๆ งูตัวนั้นเลื้อยจากมือสู่แขนแล้วอ้อมหลังไปที่คอ จากสัมผัสลื่นเรียบของงูกลายเป็นสัมผัสหยาบกร้านจนต้องหันไปมอง ปรากฏเป็นชายร่างหนายืนกำลำคอของเขาแล้วกัดลงจนจมเขี้ยว​ สองตาของเทพพร่ามัวและมองไม่เห็นสิ่งใดจนเกิดเป็นเรื่องราวน่าอับอายหลายล้านปีเมื่อครู่

"แสดงว่าท่านไม่ได้เผลอหลับไปอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้านี้"

"ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าเพิ่งรู้ตัวหลังจากที่ได้ยินเสียงของมนุษย์แล้ว แต่ถึงจะรู้ตัวร่างของข้าก็ไม่อาจขยับได้อย่างเป็นอิสระ"

"เป็นเช่นนี้นี่เอง ร่างของท่านยังคงอยู่บนโลก หากว่าพลังท่านฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะก็ ข้าจะให้ยมทูตพาท่านไปส่งบนสวรรค์เอง"

"ไม่ต้องลำบากหรอก ข้ากลับเองได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพลังจะเพิ่มมากน้อยแค่ไหน"

วิญญาณของเทพธรณีหายวับไป เหลือเพียงเหล่าวิญญาณสูญหายที่รอการพิพากษา

"เอาล่ะเจ้าวิญญาณสูญหาย​ เดินหน้าเข้ามารับการพิพากษาเพื่อพาไปเกิดใหม่เร็วๆ "

วิญญาณสูญหายไร้สติยังคงกลิ้งวนเล่นกันไปมาอย่างกับเด็ก ยมทูตต้องจับมาพิพากษาทีล่ะคนจนครบ เล่นเอาหมดแรงเพราะวิญญาณบางดวงก็วิ่งหนีการจับตัวของยมทูต

เทพธรณีรู้สึกตัวเมื่อตื่นขึ้นมาบนโลก ภาพเบื้องหน้าคือผนังถ้ำสูงกับแสงจากก้อนหินเรืองแสงบนเพดาน ท่านเทพลุกขึ้นนั่งพลางมองไปรอบด้าน เห็นคนหลายคนกำลังนั่งมองหน้าเขาอยู่ แต่บางคนด้านหลังก็กินดื่มกันอย่างสนุกสนานราวกับกำลังมีงานเลี้ยง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เขาไม่อาจย้อนความทรงจำอย่างที่ยมโลกทำได้​ จึงทำได้เพียงมึนงงกับสถานการณ์ในตอนนี้

เมื่อย้อนกลับไปตอนที่อีคอนมองเห็นละอองแสงวิญญาณลับหายไป และยมทูตพาเหล่าวิญญาณสูญหายกลับเข้าไปอีกมิติ สถานการณ์เดิมที่ฮาวเวอร์เพิ่งต่อสู้เสร็จแล้วกำลังพาวิญญาณหนึ่งร้อยดวงกับร่างสัตว์ประหลาดกลับเข้าหมู่บ้านเผ่าอมนุษย์แมลงสาบ อยู่ๆ ก็มีมิติประหลาดโผล่ขึ้นตรงหน้า และมีชายร่างสูงหนากว่าสองเมตรเดินออกมาด้วยชุดเกราะกันกระสุนทันสมัยสีดำเปื้อนเลือด เขาหันมามองทางอีคอนอย่างช้าๆ ก่อนจะถลึงตามองอย่างตกใจกับร่างสีดำเป็นถ่านนอนคดด้วยลมหายใจแผ่วเบา สองมือกระชับดาบยาวก่อนจะฟาดลงตรงคนถือร่างนั้น

เพล้ง!

เสียงดาบกระทบกัน ฮาวเวอร์เปลี่ยนจิตกะทันหันเข้าป้องกันดาบของศัตรู ชายผู้นั้นเตะเขาออกจากวิถีดาบจนกลิ้งไปกับพื้น แต่ได้ไม่นานฮาวเวอร์ตั้งหลักได้ก็แหว่งดาบเข้าใส่ มันปัดดาบเขาได้เพียงพริบตาก่อนจะหันมาฟันกันแบบตาต่อตากันอีกที

"พอแค่นี้ก่อนไหม? ถ้าเราสู้กันจริงโลกนี้คงได้เละแน่"

"คิดว่ากูต้องสนโลกใบนี้รึไง มึงทำเมียกูมึงต้องตาย!"

"ฮ่ะฮ่ะ ไปนับเขาว่าเป็นเมีย เขาไปรู้เรื่องด้วยรึไง ไอ้ราชาบ้ากาม"

"..." ชายแปลกหน้าหยุดมือทันทีก่อนจะนิ่งพินิจพิจารณาคนตรงหน้าแล้วหัวเราออกมาดังๆ "ฮ่าฮ่าฮ่า มึงนี่เอง ไอ้เครื่องมือยมโลก เพราะมีวิญญาณอีกดวงอยู่ด้วยก็เลยไม่ค่อยได้กลิ่นความชั่วของมึงสักเท่าไหร่"

"ปากดีไปเถอะ ตอนนี้ความชั่วของมึงรู้ถึงหูยมโลกแล้ว มันคงไม่ปล่อยมึงไปแน่"

"คิดว่ากูกลัวเหรอวะ ยังไงมันก็ทำอะไรกูไม่ได้อยู่ดี ไหนๆ ก็ได้เจอมึงแล้ว ไปหาที่สกปรกนั่งดื่มเหล้ากันดีกว่า"

พูดจบก็เดินไปอุ้มร่างสีดำไว้ในอกแทนคนก่อน มองใบหน้าไหม้เละหายใจเบาๆ อย่างอดสู เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้นอกจากเขาเอง เพราะคนที่ทำให้เทพองค์นี้พบกับชะตากรรมน่าสงสารเช่นนี้​ก็คือเขาเอง

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านใต้ดิน ราชานรกก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ ที่แห่งนี้มีแต่แมลงสาบแมงมุมเต็มไปหมด เป็นที่ที่ดูสกปรกสมคำปากเขาจริงๆ

"เอาล่ะ! มาจัดงานเลี้ยงกัน ฉลองวันที่ข้าได้พบสหายเก่า คาเอลบูมบูม!!" ฮาวเวอร์รีบสะกิดราชานรก

"เฮ้ยๆ นั่นมันชื่อเก่าเว้ย อยู่นี่กูชื่อฮาวเวอร์"

ราชานรกไม่สนใจเปิดมิติใหม่ขึ้นมาก่อนจะดึงสัตว์ประหลาดจากโลกอื่นเข้ามาแล้วฆ่าทิ้งในดาบเดียว​ เขาจับมันย่างไฟจนสุกก่อนจะปล่อยให้คนอื่นเอาไปกิน รวมถึงเปิดอีกมิติขึ้นมาอีกแล้วดึงไหเหล้าขนาดใหญ่หลายใบเข้ามาในถ้ำ​ เจาะรูให้มันรั่วก่อนกระดกดื่มกิน ทั้งสองคนสังสรรค์กันอย่างสนุก ยกเว้นอมนุษย์ทั้งสองเผ่าพันธุ์ที่ตักอาหารกันอย่างเป็นระเบียบแล้วหาแก้วชามมารองน้ำแบ่งกันดื่ม ดูไร้สีสันของการเป็นงานฉลอง

"ไอ้พวกนี้เคยจัดงานฉลองรึเปล่า"

"ตั้งแต่กูเกิดมาก็ไม่เคยเห็นนะ"

ราชานรกขมวดคิ้วมองฮาวเวอร์อย่างงงๆ "โลกนี้มันดึกดำบรรพ์ขนาดไหนวะเนี่ย"

เขาก็เคยพูดคำนี้ไว้แล้วเหมือนกัน ในเมื่อคนในที่นี้ไม่รู้จักงานฉลอง ราชานรกจึงต้องทำให้ดู เขาเปิดมิติอีกหนึ่งช่องออกมาก่อนจะลากเอารถติดลำโพงสเตอริโอสามคันมาเรียงต่อกัน เปิดเพลงดังกระหึ่มจนผนังถ้ำสะเทือน ขาของผู้คนในพื้นที่เริ่มกระดิกไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ ศีรษะบางคนก็โยกตามจังหวะเพลงไปมา ฤทธิ์ของเหล้าเริ่มส่งผลให้อมนุษย์ทั้งหลายเริ่มออกลีลาเต้น

"อย่างนั้นแหละพวก!!"

ราชาปีศาจตะโกนพร้อมเสียงดนตรีดังครึกครื้น ฮาวเวอร์ไม่ได้ห้ามก็ปล่อยให้บรรยากาศมันเป็นไปตามอารมณ์ ไม่ใช่ว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้ที่นรก คนที่นั่นจิตใจห่อเหี่ยวจนไม่อาจหาความสุขให้ตัวเองได้ มีแต่บนโลกมนุษย์นี่แหละที่พอจะได้เล่น ได้เต้นเต็มที่อย่างนี้

"แล้วมึงมาที่นี่ได้ยังไง ไม่ใช่ว่ากำลังปกครองนรกอยู่รึ"

"ก็แค่ช่วงพักร้อนเดี๋ยวกูก็กลับ"

ราชานรกปล่อยให้เพลงบรรเลงต่อไป ส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งมองร่างของเทพธรณีที่เริ่มฟื้นฟูร่างกายตัวเอง นับจากวันแรกที่พบกันจนถึงวันนี้ ไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมใบหน้างดงามของเทพองค์นี้ได้เลย ตั้งแต่เขาเข้ามิติผิดจนไปพบกับเทพธรณีกำลังสร้างโลก ก็เฝ้าดูเขาทุกวันจนตัดสินใจได้แล้วว่าจะเก็บเอาไว้เป็นของตน และเพราะเอากลับลงนรกไม่ได้ จึงจองจำเอาไว้ในเมือกใสให้คอยทะนุถนอมร่างนั้นเอาไว้ไม่ให้ใครทำร้าย นานวันก็กลายเป็นว่าเจ้าเมือกนั่นโลภมากอยากได้พลังจนไล่เขมือบคนไปทั่วทำให้มีวิญญาณสูญหาย เรื่องนั้นเขาก็รู้แต่ไม่อยากให้ความผิดนั้นตกมาถึงตัวเลยปกปิดเอาไว้ ปล่อยให้ร่างนี้ถูกจองจำต่อไป และคิดว่าสักวันคงได้กลับไปหา แต่ตอนนี้มันคงสายไปแล้ว

"นี่นะหรือ เทพธรณีที่มึงเคยเล่าให้กูฟัง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นตัวเขมือบอยู่ในถ้ำ" ฮาวเวอร์พูดพร้อมดูปฏิกิริยาของราชานรก "รู้ไหมว่าตอนที่กูสู้กับมัน มันเอาแต่เพ้อว่า เหงา เหงาเหลือเกิน บางทีอาจจะมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่เขาจำมึงได้ก็ได้"

"ไม่มีทางหรอก พิษกูทำให้เขาหลับนานพอจนไม่รู้ความ แถมเมือกนั่นก็ดูดพลังเขาจนอ่อนแรงไม่อาจต้านได้ กูคงไม่ได้รักอย่างใจหวังอีกแล้ว"

"เหอะ! ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้มึงพ่นพิษใส่เขาแล้วกักขังเอาไว้เป็นล้านปีกันวะ เขาจะเกลียดมึงก็ไม่แปลก ทำใจเถอะ"

ฮาวเวอร์เดินไปตบไหล่เบาๆ พลางมองร่างของเทพธรณีที่ฟื้นฟูเต็มที่ ไม่นานนักสองตานั้นก็เปิดออกพลางมองเขาทั้งคู่

"ที่นี่ที่ไหนกันหรือ? "

"ที่นี่เป็นหมู่บ้านใต้ดินเผ่าอมนุษย์แมลงสาบ ยินดีต้อนรับขอรับ ท่านเทพธรณี"

คนได้ยินถึงกับตกใจ แต่พอมองไปที่ฮาวเวอร์ก็เข้าใจในทันทีก่อนจะโผล่เข้ากอดเขาด้วยความดีใจ

"เจ้านั่นเองที่ปลดปล่อยข้า ข้าขอบใจเจ้ามากจริงๆ หากเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วย บอกข้ามาได้เลย ข้าจะพยายามทำให้"

"โอ้ อย่างนั้นหรือขอรับ"

ฮาวเวอร์เผลอตัวโอบกอดร่างเทพธรณีเอาไว้ กลิ่นกายของเขาหอมราวกับมีดอกไม้อยู่ในตัว ใบหน้าสดชื่นระรื่นใจกลับต้องเคร่งขรึมทันทีเมื่อเห็นออร่าความเคียดแค้นของราชานรกส่งมา ฮาวเวอร์ผละจากเทพธรณีก่อนจะนั่งลงทำหน้าเครียด

"ท่านเทพ นับจากนี้ไปท่านจะกลับดินแดนสวรรค์ในอีกกี่วันขอรับ"

"เรื่องนั้น… ข้าไม่ค่อยแน่ใจ พลังของข้าหายไปเพราะถูกเมือกดูดไป แถมลูกแก้วกักเก็บพลังของข้าก็ดันหายไปอีก"

"ลูกแก้ว? "

"ใช่ ตอนนี้ข้ามีติดตัวอยู่แค่ลูกเดียว ตรงปลายนิ้วทั้งสิบของข้าจะมีลูกแก้วฝังอยู่ ลูกแก้วพวกนี้เป็นแหล่งรวมพลังของข้า ถ้าหากหามาคืนไม่ครบ ข้าจะกลับไปเป็นเทพอย่างสมบูรณ์ไม่ได้แล้ว"

"สมบูรณ์? "

"ใช่ ข้าเป็นเทพธรณี ผู้บุกเบิกดิน หากว่าข้ามีพลังสร้างดินไม่มากพอ โลกใบนั้นก็จะไม่สมบูรณ์ และอาจแตกสลายได้ง่าย ไม่รู้ว่าปีศาจตนนั้นแค้นอะไรข้าหรือเปล่า ถึงได้จองจำข้าไว้นานหลายปี จนเทพธรณีคนอื่นต้องคอยรับงานของข้าไป พลังของพวกเขาก็ลดน้อยจนแทบไม่เหลือ หากว่าข้ากลับไปได้แต่เก็บลูกแก้วไม่พอ ก็เหมือนกลับไปอย่างเปล่าประโยชน์"

"น่าเศร้าเลยนะครับที่ท่านต้องอยู่ที่นี่ต่อ" ฮาวเวอร์หันไปยักคิ้วให้ราชานรก

"ข้าอยู่ได้ไม่นานนักหรอก ยมโลกได้กล่าวกับข้า​ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าก็ต้องกลับสวรรค์​ภายในหนึ่งร้อยปีของโลกมนุษย์ เพราะหลังจากนั้นโลกใบนี้อาจจะแตกสลายเพราะมีมนุษย์อมตะมากเกินไป

"แค่หนึ่งร้อยปีเองงั้นเหรอ? " ราชานรกพูดขึ้น

"ท่านคือใครหรือ? ข้ารู้สึกคุ้นเสียงท่านจังเลย"

ราชานรกมองไปที่เทพธรณี ใบหน้าไร้เดียงสามองเขาเหมือนคราวนั้น​ ตอนที่เขาฝังเขี้ยวลงบนคอของอีกคน เขาไม่รู้เลยว่าอันตรายคืออะไรจนน่าสงสาร

"ข้าคือคนที่จองจำเจ้าไง"

เขียนปุ๊บ​ ลงปั๊บ​ หลับเลย​//(_ _)​zZzZ

LOANOcreators' thoughts
Chương tiếp theo