หลังจากเกิดเหตุการณ์พุ่งหอกได้ไม่นาน แม่ทัพน็อลรีบส่งทหารตั้งแถวเป็นแนวยาว กดดันให้ฝั่งคนของเขตถอย ครอบครัวเจดเองก็ถูกดันให้กลับไปด้วย แต่เพราะความเป็นห่วงจึงพากันมุดลอดขาเหล่าทหารเข้ามา พี่ชายของเจดหลุดการจับกุมมาได้ก็รีบไปเขย่าตัวน้องชายให้ตั้งสติ
"เจด พวกเรารีบไปกันก่อนเถอะ เจ้ามารนั่นถูกสังหารแล้ว ถ้าขืนอยู่ต่อ มารเจ้าของไข่นั่นอาจมาสาปคนที่นี่ เดี๋ยวพวกเราจะโดนไปด้วย"
เจดยังคงมองร่างน้อยเปื้อนเลือดไม่วางตา พี่ชายเห็นอย่างนั้นก็คิดจะอุ้มออกไปแต่เจดกลับผลักคนไปพี่ออก
"ใครกันแน่ที่เป็นมาร ข้าเห็นกับตาว่าในไข่เป็นเพียงเด็กธรรมดา พวกท่านหลอกข้าเพราะเหตุใด หลอกข้าให้ฆ่าเด็กน้อยไร้เดียงสาได้ยังไง!"
คนในครอบครัวเองก็ชะงักกับสิ่งที่เจดพูด สองตาของเขาเอ้อล้นด้วยน้ำตาจนคนเป็นแม่จุกในอก พี่สาวเข้าไปพยุงแม่ไม่ให้ล้ม คนเป็นพ่อก็เดินเข้าไปดูร่างน้อยในไข่นั่นใกล้ เหมือนเห็นภาพที่เคยเห็น ร่างเล็กนั่นมีผมสีน้ำตาลอย่างเจด ใบหน้าหลายส่วนคล้ายภรรยาที่แต่งด้วย พ่อของเจดปิดปากแน่นเมื่อเห็นและรู้ทันทีว่านี่คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเจด
"เจด ยังไงตอนนี้เด็กคนนั้นก็จากเราไปแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ"
พ่อเองพยายามจะโน้มน้าวเจดให้กลับ แต่ด้วยความอาลัยอาวรณ์เด็กคนนี้ อุตส่าห์เฝ้ามองทุกวัน เฝ้ารอวันที่เขาจะฟักออกกลับต้องมาเห็นเขามีสภาพอย่างนี้ต่อหน้าต่อตา เจดยังคงดื้อไม่ยอมไปไหน ปล่อยให้น้ำตาไหลในความโศกเศร้าที่เสียสิ่งสำคัญไป
แสงละอองสีขาวสว่างยังคงคาอยู่ที่กลางอก อีคอนรู้สึกแปลกใจที่มันยังไม่ลอยไปไหนจึงเข้าไปดู เด็กคนนี้ยังคงมีลมหายใจอยู่และเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ
"แม่ทัพน็อล มีใครในค่ายเป็นหมอบ้างรึเปล่า หรือมีใครใช้เวทย์รักษาได้บ้าง"
"มีขอรับ ข้าจะไปตามให้เดี๋ยวนี้"
ไม่นานนักคนผู้หนึ่งก็วิ่งเข้ามา อีคอนสั่งให้เขาดูอาการของเด็กแล้วรักษาแต่หมอคนนั้นกลับส่ายหน้าทำไม่ได้
"เรียนท่านฮาวเวอร์ เวทย์รักษามีไว้สำหรับเร่งฟื้นฟูบาดแผลเพียงเท่านั้น ไม่สามารถย้อนกลับให้แผลเป็นเหมือนเดิมได้ อีกทั้งแผลลึกและใหญ่ขนาดนี้ไม่ว่าหมอคนไหนก็ไม่อาจช่วยเหลือได้ขอรับ"
อีคอนจนใจ 'นี่เราต้องปล่อยให้เด็กคนนี้ค่อยๆ ตายไปต่อหน้าต่อตาหรือนี่'
'ใช่' เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจ
'ฮาวเวอร์! นายกลับมาแล้วเหรอ'
'ก็อย่างที่เห็น ตัดใจซะเถอะ รีบปลิดชีพเด็กคนนั้นแล้วก็ให้ครอบครัวเอาไปฝัง'
'นั่นมันโหดร้ายเกินไปแล้ว ถ้าเราปล่อยให้เด็กคนนี้ตายไปอีกคน โลกก็ยังคงเข้าใจว่าเด็กที่เกิดจากไข่เป็นมารต่อไป ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าวิญญาณคนที่เรารักเกิดเป็นไข่อีก อาจต้องตายตั้งแต่ยังไม่เกิด'
'นี่เจ้าต้องการจะสื่ออะไรกับข้า'
'ก็ถ้าหากว่าเราช่วยโลกนี้จากมนุษย์อมตะได้สำเร็จแล้วโลกไม่ถูกรีเซต บางทีวิญญาณลีโออาจจะเกิดในโลกนี้อีกหน แต่ก็อาจจะตายก่อนเพราะโชคร้ายเกิดในไข่'
'หึ เจ้าคิดว่าใช้มุกนี้แล้วจะได้ผลกับข้ารึ? ...โชคดีที่เจ้าคิดถูกและข้าก็เริ่มเห็นด้วย แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้นอกเสียจาก…'
'นอกเสียจากอะไรรึ? '
'เจ้าลองคิดภาพตาม เวทย์ฮิลเป็นเวทย์เร่งการฟื้นฟูของร่างกาย การรักษาจึงจำกัดอยู่ที่ร่างกายสามารถสร้างเซลล์ทดแทนได้ในระดับไหน ถ้าหากมีคนโดนตัดแขนแล้วทำแขนหายไป เวทย์ฮิลก็จะสร้างแขนทดแทนไม่ได้ แต่หากสามารถนำแขนมาต่อก่อนที่เลือดในแขนจะไหลหมดจนเน่าแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นยังมีสิทธิ์เชื่อมต่อแขนกลับเข้าไปได้ แต่ก็ต้องใช้ความสามารถในการรักษาของผู้ใช้เวทย์ด้วยเช่นกัน หากเชื่อมต่อเส้นประสาทผิดแขนนั่นก็อาจใช้การไม่ได้แม้จะเชื่อมต่อกับร่างแล้ว'
'ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเราจะรักษาเด็กคนนี้ต้องเชื่อมต่อส่วนที่ตัดขาดทีละชั้นสินะ เพราะหอกนั่นยังฝังในร่างอยู่ ทำให้เลือดยังคงไหลเวียนในร่างกายและไม่เกิดอาการช็อกเสียก่อน ดังนั้นถ้าเราจะรักษาต้องค่อยดึงหอกออกแล้วรักษาส่วนที่เสียหายจากระดับล่างก่อน'
'แต่ก็ต้องระวังอย่างหนึ่งด้วย ถ้าหากเจ้าเชื่อมต่อผิด จะแก้ใหม่ไม่ได้แล้ว การฟื้นฟูมันต่างจากการย้อนกลับ ถ้าคิดจะแก้ก็ต้องทำลายส่วนที่ต่อผิดแล้วเชื่อมใหม่'
'อื้ม ข้าจะระวัง'
อีคอนรีบวิ่งเข้าไปดูร่างของเด็กน้อย ฮาวเวอร์สร้างดวงตาเวทย์มองทะลุผ่านร่างทุกสัดส่วนเผยให้บาดแผลภายใน หอกยาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม. ปลายแหลมแทงเข้าร่างกายในแนวเฉียงจากกลางสะดือไปจนถึงส่วนเอวด้านซ้าย สร้างความเสียหายให้ลำไส้ กระเพาะอาหาร และซี่โครงส่วนล่างฝั่งซ้ายอีกสองเส้น เมื่อวิเคราะห์ความเสียหายของอวัยวะสำคัญที่ถูกทำลายจึงเริ่มจับหอกแล้วค่อยๆ ดึงออกอย่างช้า
'หอกพ้นผิวหนังชั้นในแล้ว ทำการเร่งฟื้นฟูได้'
ฮาวเวอร์เพ่งสมาธิไปที่ด้านหลังของเด็กสร้างบาเรียเล็กๆ กั้นระหว่างผิวหนังชั้นนอกกับด้านในกันไม่ให้ไอเวทย์ฟื้นฟูลอดเข้าไปทำการฟื้นฟูส่วนอื่นที่ต้องใช้ความละเอียดสูง
'ผิวหนังชั้นนอกปิดแล้ว การไหลเวียนของเส้นเลือดฝอยเป็นไปได้ด้วยดี คราวนี้สร้างเนื้อเยื่อที่หลังผิวชั้นในให้เข้าที่ก่อนแล้วเลื่อนไปฟื้นฟูส่วนลำไส้และกระเพาะอาหาร '
ฮาวเวอร์สร้างท่อบาเรียขนาดเล็กส่งไอเวทย์เข้าไปในร่างระดับชั้นเนื้อเยื่อส่วนหลังและสร้างบาเรียอีกชั้นจำกัดการรักษาทีล่ะส่วน
'การขยับหอกทำให้เส้นเลือดใหญ่เคลื่อน ตอนนี้เลือดไหลคลั่งตรงหลังใกล้กับลำไส้เล็ก'
'รีบหาเส้นเลือดใหญ่อีกเส้นเพื่อเชื่อมต่อ อย่าปล่อยให้เลือดคลั่งนาน'
'รับทราบ' ฮาวเวอร์ยังคงตั้งสมาธิกับการต่อหลอดเลือดหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อต่อ 'เจอแล้ว ปลายอีกด้านอยู่ล่างสุดถูกหอกกดจนบีบพับ ต้องเคลื่อนหอกออกแล้วสร้างบาเรียครอบไปจนถึงปลายอีกด้าน'
ฮาวเวอร์รีบสร้างบาเรียตามเส้นทางที่อีคอนบอกแล้วปล่อยไอเวทย์เข้าส่วนที่ครอบเอาไว้ฟื้นฟูหลอดเลือดให้จนติดกัน 'เรียบร้อย'
เมื่อลดความเสียหายของอวัยวะภายในทีล่ะระดับชั้นขึ้นมาเรื่อยๆ สีผิวของเด็กก็เริ่มมีสีขึ้นมา เจดมองการกระทำของอีคอนก็ได้แต่ทึ่งในความสามารถของเขา แม้ภายนอกจะเห็นเพียงเขานั่งนิ่งจับหอกแล้วกางมือออกเหนือร่าง แต่ผลลัพธ์ของการกระทำนั้นกลับทำให้ร่างของเด็กน้อยดูมีชีวิตกว่าตอนแรกที่มีสีผิวซีดลงเรื่อยๆ
ปลายหอกถูกดึงออกจนสุดและแผลภายนอกก็สมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กไร้บาดแผลแต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องอย่างเด็กทั่วไปแต่อย่างใด ฮาวเวอร์จับเด็กพลิกไปมาก่อนจะทุบเข้ากลางหลัง
ปึก! ปึก!
"นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ!"
เจดเห็นฮาวเวอร์ทุบหลังเขาหลายทีก็ตกใจ จะเอื้อมมือไปคว้าเด็กคืนแต่ไม่นานเด็กก็อ้วกออกเป็นน้ำเมือกใสๆ และเปล่งเสียงร้องออกมา
"งาาาาาาา งาาาาาาา"
เสียงร้องดังไกลไปทั่วค่ายราวกับประกาศกร้าวว่าข้าถือกำเนิดแล้ว เจดเข้าไปดูเด็กคนนั้นก่อนฮาวเวอร์จะยื่นให้เขาอุ้มด้วยมือของตัวเอง
"เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ หากว่ามีใครคิดจะทำร้ายเด็กคนนี้อีก คนที่นี่จะได้คุ้มกันให้"
"ข้าขอบใจที่เจ้าเป็นห่วง แต่ข้ามีบ้านให้ต้องกลับไปแล้ว"
เจดพูดพร้อมกับครอบครัวของเขาเดินเข้ามาจากด้านหลัง ทุกคนก้มหัวเล็กน้อยให้ฮาวเวอร์พร้อมส่งสายตาขอบคุณ สมาชิกใหม่ตั้งแต่ร้องออกมาได้ก็เริ่มดิ้นไปมา ทุกคนเห็นว่าเขาสุขภาพดีก็พลอยเอ็นดูไปด้วย
หลังจากได้ลูกกลับคืน เจดก็พาเขาเดินกลับบ้านพร้อมครอบครัว คนที่เคยเข้ามาโวยวายหน้าทางเข้าต่างมองเป็นตาเดียว เห็นได้ชัดว่าเด็กที่เจดอุ้มอยู่คือเด็กจริงๆ ไม่ได้มีส่วนงอกส่วนย้อยอย่างปีศาจมารบางประเภท แม้บางคนจะเริ่มสงสัยในคำสอน แต่บางคนก็ยังยึดมั่นและคาดเดาว่าเด็กคนนี้ต้องกลายร่างเป็นปีศาจมารในสักวัน
สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง แต่ก็ยังไม่กระจ่าง หากมีเด็กตัวอย่างแค่คนเดียวบางคนอาจไม่เชื่อและมองเป็นเรื่องบังเอิญหรือหลอกตา อีคอนและฮาวเวอร์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หากเจอชายตั้งท้องอีก จะเก็บไว้เป็นกรณีศึกษาเพิ่มอีกคน
'ตั้งแต่ข้าหายไป 32 วัน เจ้าก็ยังคง… น่าสมเพชเหมือนเดิม'
ฮาวเวอร์ย้อนมองอดีตเมื่อ 32 วันก่อน จากความทรงจำร่างเห็นการเฝ้ามองของไข่ทุกวัน การจดบันทึกสังเกตการณ์ และเห็นฉากที่ถูกรุมเตะเป็นฟุตบอลในป่า ฮาวเวอร์เริ่มคิดได้ว่า ถ้าเขาเผลอฆ่าใครอีกจะถูกส่งลงนรกทันที และร่างนี้ก็จะเหลือจิตซื่อบื้อหนึ่งคนที่ไม่ว่าอะไรก็ยอม อะไรก็ปล่อยวาง ถ้าเขาไม่สร้างอำนาจไว้ในค่ายนี้ อีคอนคงถูกเมินเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ
'ดูจากความสามารถของเจ้าแล้ว เจ้าช่ำชองเรื่องการแพทย์รึ? '
'ก็นิดหน่อย ส่วนใหญ่ข้าเป็นหมอสมุนไพรมากกว่า'
'แต่เจ้าเป็นพระ? '
'เป็นพระก็เป็นหมอได้ ถือเป็นการเมตตาต่อร่างกายของตัวเองและผู้อื่น ข้ารักษาคนที่มาขอความช่วยเหลือ ช่วยได้บ้างไม่ได้บ้างก็แล้วแต่อาการหนักเบา'
'ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ช่วยพัฒนาการแพทย์ให้สูงขึ้นไปอีกได้น่ะสิ เดิมทีข้าติดอยู่ในนรก ที่นั่นไม่มีการรักษาอย่างที่เจ้าทำหรอกนะ แต่ล่ะคนที่ถูกทำร้ายจากสงครามจะต้องรอการรีเซตวันใหม่ร่างถึงจะกลับมาเป็นปรกติ'
'แล้วเจ้ารู้จักเวทย์ฮิลได้ยังไงกัน'
'ข้ามีคอนเนคชั่นจากเพื่อนหลายโลกในนรก บางโลกก็มีเวทย์หลงเหลืออยู่เลยได้ศึกษามาบ้างเพราะอาจต้องใช้ในโลกนี้ บางโลกก็ไร้เวทย์อย่างโลกที่ข้าจากมาไม่มีพลังเวทย์อะไรแต่ก็พึ่งเทคโนโลยีช่วยให้ชีวิตคนเกิดง่ายตายยากไม่ต่างจากข้อแลกเปลี่ยนที่เคยทำแล้วเจ้าล่ะ'
'ข้าไม่ค่อยเข้าใจคำว่าเทคโนโลยีของเจ้าหรอกนะ ข้ารู้จักแค่ป่าเขากับธรรมชาติที่ข้าเคยอยู่อาศัย ว่าแต่พวกเราก็เริ่มพูดศัพท์โบราณตามคนที่นี่ไปแล้ว'
'นั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า'
แม่ทัพน็อลเดินเข้ามาขัดจังหวะพูดคุยกันในจิต แต่ภายนอกคือยืนอยู่เฉยๆ ที่หน้าค่ายนานหลายนาทีจนคนที่เคยมาก่อความวุ่นวายก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว
"ท่านฮาวเวอร์ขอรับ คนอื่นกลับกันหมดแล้ว อากาศเริ่มหนาวท่านกลับเข้าข้างในก่อนเถอะครับ"
"เรียกหัวหน้าหน่วยทุกคนไปที่เต็นท์บัญชาการ เราจะคุยกันเรื่องแผนการรบกับอาณาจักรริลกลิม"
"ขอรับ"
แม่ทัพน็อลเดาว่าฮาวเวอร์กลับมาแล้ว แต่น่าแปลกที่ไอเวทย์ไม่ได้ดุดันเท่าเมื่อก่อน
ในเต็นท์บัญชาการห้อมล้อมไปด้วยเหล่าหัวหน้าหน่วยดูแลทหาร 1 หมื่นนาย จำนวน 10 คนนั่งเต็มโต๊ะ ด้านหน้ามีฮาวเวอร์ทำหน้าเครียดจ้องมองแผนที่อาณาจักรริลกลิมซึ่งอยู่ห่างออกไป 1 ร้อยกิโล
มองภาพพื้นที่ตั้งผ่านกระดาษแผ่นเดียวก็พอจะนึกออกว่าบ้านเมืองนี้ถูกจัดสรรประณีตเพียงใด ทั้งถนนและบ้านเรือนถูกวางอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีพื้นที่ยากจนแต่จะเป็นพื้นที่ชนบทเสียส่วนใหญ่ ฮาวเวอร์เกิดคำถามขึ้นมาจึงใคร่ถามคนที่เกิดมาในอาณาจักรแห่งนี้เอง
"ที่อาณาจักรประชาชนส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไร"
"การเกษตรขอรับ เมืองเราตั้งห่างจากป่าอาถรรพ์ พื้นที่กว้างขวางจึงสนับสนุนให้ชาวบ้านทำการเกษตร แถมเรายังมีแม่น้ำใหญ่พาดผ่านเมืองทำให้ไม่ขาดแคลนน้ำตลอดทั้งปี"
"เป็นความคิดที่ดี แล้วอาณาจักรนี้มีการค้าขายทาสหรือซ่องโสเภณีหรือเปล่า"
"เรื่องนั้นมีขอรับ แต่ว่าไม่ใช่ประสงค์ของราชาหรอกขอรับ เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อน เพราะมีการอพยพเข้าอาณาจักรเรามาจากชนเผ่าดาอินทางตอนเหนือของอาณาจักรอาเรียด พวกเขาถูกรุกรานจากโจรสลัดเหนือน่านน้ำทะเลเทียร่าทำให้เมืองถูกทำลาย เมื่อไม่มีที่อาศัยจึงหนีไปขอที่พักในอาณาจักรอาเรียดแต่กษัตริย์ที่นั่นไม่ต้อนรับเพราะความต่างด้านวัฒนธรรม จึงหนีมาอาศัยที่นี่แทน ตอนแรกเราก็ต้อนรับและให้อยู่แถบชนบทเรียนรู้การทำเกษตร แต่นานวันพวกเขาก็เริ่มมีปัญหากับคนในท้องถิ่นทำให้เกิดการต่อสู้กัน คนที่นั่นเริ่มหนีเข้าเมืองหลวงเกิดอาชญากรรมและจี้ปล้นมากมาย หลังจากนั้นองค์ราชาจึงมีคำสั่งให้นักโทษเหล่านั้นทำงานรับใช้เป็นทาสให้ขุนนางเพื่อคุมความประพฤติ เมื่อชีวิตคนพวกนั้นดีขึ้นชาวบ้านธรรมดาจึงเอาอย่างและขายตัวเป็นทาสเช่นเดียวกัน เป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ว่าทาสของเราไม่ได้ถูกทำสัญญาเวทย์หรอกนะขอรับ แค่สัญญาธรรมดาแผ่นเดียวพวกเขาก็ไม่กล้าขัดขืนแล้ว"
"เป็นทาสหนีความอดยากสินะ เพราะไม่มีใครซื้อทาสทั้งที่ไม่มีปัญญาอุปถัมภ์คนพวกนั้นหรอก ถ้าเลี้ยงดีก็ซื่อสัตย์จวบจนตาย ถ้าเลี้ยงไม่ดีก็แว้งกัดไม่ก็อยู่อย่างอาภัพไปทั้งชีวิต แต่ในเมื่อเมืองนั้นมีก็ถือเป็นจุดอ่อนให้แทรกแซงได้แล้ว ส่งทหารราว 1 ร้อยคนออกเดินทางในอาทิตย์นี้ แสร้งเป็นทหารหนีทัพเข้าไปในเขตการค้า อาจมีพ่อค้าโลภสักคนเก็บเขาเอาไว้แล้วใช้ให้ทำงานเป็นทาสปกปิดความผิด จากนั้นก็เริ่มสอดส่องและคอยส่งข่าวให้คนของเราที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าแถวนั้น เมื่อเรารู้เรื่องราวในอาณาจักรเราถึงจะวางแผนการรบอีกที"
"ทหารที่ประจำการ ทหารสังกัดขุนนางที่ถูกยึด ทหารรับจ้างเกณฑ์เข้าวัง รวมถึงผู้ตรวจการในอาณาจักรรวมแล้วก็ 2 แสน 5 พันคน ประชากรในอาณาจักรล้วนเป็นคนต่างชาติพันธุ์ที่ทยอยเข้ามาสวามิภักดิ์กับราชาราว 1 ล้าน 3 แสนคน ตอนนี้เรามีทหารในสังกัดตัวเองเพียง 1 แสน 40 นาย ถ้าเราโจมตีแบบล่อเสือออกจากถ้ำแล้วเข้าโจมตีภายในอาจได้ผลกว่าสู้รบซึ่ง ๆ หน้า"
"ถูกต้อง นอกจากส่งคนสอดแนมเข้าไป เราจะหาผู้ร่วมอุดมการณ์ภายใน เส้นทางใต้ดินจากท่อระบายน้ำเชื่อมออกนอกอาณาจักรฝั่งใต้จะเป็นจุดนัดพบของกองกำลังปฏิวัติของเรา เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการก่อสงครามข้างในได้ประชาชนที่นั่นจะเป็นอันตราย ผู้ร่วมอุดมการณ์ใหม่เราต้องเป็นผู้นำประชาชนภายในอพยพผ่านท่อน้ำใต้ดินออกนอกเมืองหลวงเมื่อนั้นเราจะเข้าจู่โจมจากทุกทิศขังทหารอาณาจักรริลกลิมไว้ในกำแพงและโจมตีเข้าไปจนกว่าฝ่ายนั้นจะพ่ายแพ้"
"แต่ว่าการจะล้อมขังศัตรูได้ต้องมีกำลังรบมากกว่าไม่ใช่หรือขอรับ ทางเรามีทหารไม่พอล้อมอาณาจักรเลยด้วยซ้ำแถมทหารฝั่งนั้นยังมากกว่าเราหลายเท่าตัว"
"เรื่องนั้นข้าคิดไว้อยู่แล้ว อาณาจักรริลกลิมมีประตูทางออกอยู่ 7 ประตู ท่อน้ำใต้ดินอีก 4 ที่ เรายึดท่อน้ำใต้ดินไว้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดศึกปิดการเข้าออกของศัตรูภายใน ประตูทั้ง 7 ต้องแยกทหารฝั่งเราออกเป็น 7 กลุ่ม เราจะปิดกั้นการเข้าออกของแต่ล่ะประตูเอาไว้ให้พวกทหารภายในโจมตีทางอากาศอย่างเดียว พอถึงตอนนั้นเราจะยิงกระสุนใหญ่เข้าไปทำลายบ้านเมืองภายใน เมื่อเมืองหลวงเกิดความโกลาหลอย่างหนัก ข้าจะบุกเข้าประตูหน้าและเข้าปะทะกับราชา หากข้าต่อสู้กับราชาและพ่ายแพ้ พวกเจ้าก็เตรียมถอยทัพเดินทางไปทางทิศตะวันตก ที่นั่นจะเป็นที่สำหรับตั้งฐานทัพใหม่เพื่อรอโอกาสต่อสู้ครั้งต่อไป"
"ถ้าเสียนายท่านไปแล้วเราจะต่อสู้ไปเพื่ออะไรกัน ถ้านายท่านแพ้เราก็จะขออยู่เพื่อตายไปพร้อมท่าน"
"เราสู้เพื่ออิสรภาพ เพื่อลูกหลาน เพื่อความยุติธรรม ไม่ใช่เพื่อข้า ต่อให้ข้าตายก็อย่าได้ทำให้ผิดแผน เดินหน้าทำแผนต่อไปอย่าหยุดยั้ง อย่าหันหลัง และอย่ายอมแพ้!"
ฮาวเวอร์พูดออกเสียหนักแน่นจนคนภายในเงียบกริบ แม่ทัพน็อลเมื่อรู้ว่าฮาวเวอร์จะไม่ขึ้นเป็นราชาก็มีสีหน้าหมองคล้ำอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เด็กน็อลคลั่งไคล้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมหาราชาพาวเวอร์มากจนอยากเกิดในช่วงเวลานั้นเพื่อเห็นความแข็งแกร่งของเขา แต่เมื่อทำไม่ได้จึงตั้งเป้าหมายว่าจะต่อสู้เพื่อทายาทของราชาพาวเวอร์จนกว่าจะตาย แต่ตอนนี้ได้เห็นเงาร่างของมหาราชาคนต่อไปอย่างฮาวเวอร์จึงรู้สึกเหมือนความฝันถูกเติมเต็ม แต่เมื่อฮาวเวอร์ไม่ฝักใฝ่การครองราชย์ น็อลจึงรู้สึกเหมือนฝันสลายที่รู้เรื่องนั้น
"แม่ทัพน็อล มีเรื่องอะไรกวนใจเจ้าหรือเปล่า" น็อลได้สติก็รีบบอกปัดไปทันที
"ไม่ขอรับ แล้วเรื่องที่ให้ถอยไปตั้งรับที่ทิศตะวันตกในป่านั่นท่านแน่ใจหรือครับว่าจะไม่ถูกตามตัวเจอ"
"เรื่องนั้นไม่แน่ใจนักหรอก แต่พื้นที่นอกแผนที่ตรงนี้อาจพอมีที่ให้หลบซ่อนได้ ข้าคิดจะไปสำรวจสักหน่อย พวกเจ้าที่อยู่ที่นี่ก็ฝึกฝนทหารและคอยรับข่าวจากภายใน ควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามแผน"
"ถ้านายท่านจะไปสำรวจให้ข้าไปด้วยดีไหมขอรับ ได้ยินว่าอาณาเขตในป่ายิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งมีอสูรและปีศาจมากขึ้น สาเหตุที่ไม่มีการสำรวจที่แห่งนี้ได้เพราะถูกโจมตีโดยอสูรก่อนเข้าถึงข้างในป่า"
"อย่างนั้นเองรึ? "
"ใช่ขอรับเพราะอย่างนั้นให้ข้ากับทหารสักพันคนตามนายท่านไปด้วยดีไหมขอรับ"
"ไม่ต้อง ข้าจะเข้าไปคนเดียว อย่างที่ข้าพูด พวกเจ้าอยู่ที่นี่และคอยควบคุมสถานการณ์จนกว่าข้าจะกลับ ในอีก 6 เดือนอย่างน้อย ถ้าหากมีอะไรเกิดในอาณาจักรนี้ก็จงช่วยเหลือตัวเองให้ได้"
"แล้วนายท่านจะเริ่มเดินทางเมื่อไหร่ขอรับ"
"ในอีก 3 วัน"
วันต่อมาอีคอนขอเข้าพบลอร์ดมาร์คัสหลังจากพิสูจน์ได้แล้วว่าไข่ที่ถูกฟักออกมานั้นเป็นเด็กมนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ และอาจขอความช่วยเหลือจากเขาให้คุ้มกันเจดและเด็กระหว่างที่เขาไม่อยู่
"เจ้าจะออกเดินทางเข้าป่าอาถรรพ์ในอีก 2 วันงั้นหรือ เจ้าแน่ใจนะ? "
"ขอรับ ข้าจะไปดูที่ทางสำหรับตั้งค่ายพักแรมให้ทหารหลังหนีสงครามด้วย หากฝ่ายเราแพ้สงครามทางฝั่งอาณาจักรโพราเท็สจะถูกหางเลขไปด้วย อย่างน้อยหลังจากแพ้แล้วเรายังพอมีที่ให้หนีและทางฝั่งโพราเท็สจะได้ปัดความรับผิดชอบให้เป็นความผิดของทางเราฝ่ายเดียว อาณาจักรนี้ก็ไม่ถูกรุกรานต่อ แถมฝั่งริลกลิมจะได้เปลี่ยนเป้าหมายมาทางเราอีกด้วย"
"เจ้าดูเป็นห่วงอาณาจักรเราเสียเหลือเกิน มีสิ่งใดที่เจ้าอยากรักษาไว้เป็นพิเศษรึเปล่า? "
'บอกเขาไปว่าเป็นลีโอ!!' ฮาวเวอร์
"ไม่มีหรอกครับ ชีวิตทุกชีวิตล้วนมีค่าเท่าเทียมกัน ข้าไม่อยากให้ทางฝั่งโพราเท็สร่วมสงครามด้วยก็เพราะเป็นห่วงชีวิตทุกคนที่นี่"
"รวมถึงโจรและคนร้ายน่ะหรือ เจ้าใจดีไร้ขอบเขตเกินไปหรือเปล่า หากอาณาจักรนี้ต้องสูญสิ้นไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องเป็นห่วง"
"อาณาจักรสูญสิ้นแต่คนต้องไม่สูญเสีย ความตายคือการจากลาอย่างไม่มีวันหวนกลับ ข้าเดาว่าท่านเองก็คงมีคนที่ไม่อยากปล่อยให้จากไปอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าโจรหรือคนร้าย แม้ชั่วช้าสักเพียงใดในจิตใจก็ยังมีใครที่สำคัญอยู่"
"เป็นความคิดที่ดี ถ้างั้นก่อนท่านจะไป ช่วยรับของขวัญจากข้าไปสักหน่อยดีไหมขอรับ ป่าอาถรรพ์นั้นไม่เหมือนป่าทั่วไป มีเรื่องมากมายที่หาคำมาอธิบายไม่ได้ รวมถึงสัตว์อสูรป่าเถื่อนอีก เพราะฉะนั้นได้โปรดรับของขวัญจากข้าด้วย"
เช้าวันต่อมา อีคอนถูกลอร์ดมาร์คัสเชิญให้เดินทางไปที่คฤหาสน์ตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งคู่ขึ้นรถม้าและเดินทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักร ในย่านการค้าส่วนลึกจะเป็นที่พักแรมของชนชั้นสูง หินไม้แกะสลักตามเสาดูงดงามตระการตา
'เชยชะมัด สถาปัตยกรรมที่นี่เหมือนเอาหินมากะเทาะแล้วแปะๆ อย่างกับเด็กเล่น ไม่รู้ว่าใครมันช่างออกแบบ'
ฮาวเวอร์พูดเหน็บแนมบ้านเรือนของคนชนชั้นสูงตลอดทางจนรถม้าจอดลงที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
"ห้องนอนธรรมดา 1 ห้อง และห้องนอนพิเศษ 2 ห้อง" สาวใช้พูดกับพนักงาน
"เออ.. ท่านหญิงนอนห้องธรรมดา กับท่านลอร์ดนอนห้องพิเศษ แต่เจ้าตัวนั้น...เออ ท่านคงไม่ให้อีกห้องกับมันใช่ไหมขอรับ? "
พนักงานเลิกคิวถามอย่างสงสัย อีคอนได้ยินทั้งหมดแต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน เขานึกอยู่แล้วว่าเรื่องมันต้องเป็นอย่างนี้แต่ก็ปล่อยให้เลยตามเลย
สาวใช้ชูป้ายสัญลักษณ์ขึ้นให้พนักงานดู ก่อนที่นางจะเก็บลงในห่อผ้าอย่างดี พนักงานกลืนน้ำลายลงคอทันทีก่อนจะหยิบกุญแจ 3 ดอกให้กับนาง สาวใช้ถือทั้ง 3 ดอกเอาไว้ก่อนจะยื่นมาให้ฮาวเวอร์ 1 ดอก
"เชิญท่านขึ้นไปรอที่ห้องพักก่อน ท่านลอร์ดมีธุระอื่นต้องไปทำต่อ เมื่อตะวันตกดิน นายท่านถึงจะกลับมารับท่านไปดูของขวัญได้" สาวใช้กับลอร์ดมาร์คัสเดินออกไป
เมื่อท้องฟ้าเลือนลับเป็นสีคราม ยามดึกสงัดเสียงเคาะเรียกจากประตูดังขึ้น
"ท่านอีคอน ถึงเวลาต้องไปแล้วเจ้าคะ"
อีคอนเปิดประตูออกไปพบ สาวใช้ยื่นเสื้อคลุมกับหน้ากากปกปิดใบหน้าให้ นางเองก็ใส่แบบเดียวกันไม่ต่าง อีคอนเดินตามหลังไปที่ประตูทางออก รถม้าจอดรออยู่ด้านนอก สาวใช้เปิดประตูให้อีคอนก้าวไปข้างในและปิดลงเดินไปนั่งที่ด้านหลัง
รถม้าบังคับพาออกไปไกลจากโรงแรม เป็นทิศตรงกันข้ามกับฝั่งวิหาร มีอุโมงค์ลับใต้ท่อระบายน้ำกว้างพอให้รถม้าเข้าไปได้ เมื่อรถม้าบังคับเข้าไปภายใน เสียงเซ็งแซ่จากข้างในก็ดังขึ้น
"เร่เข้ามา เร่เข้ามา ทาสหนุ่ม ทาสสาว ทาสเด็กมีทุกทาสแล้วแต่จะต้องการ เร่เข้ามา~ จะทาสอสูร หรือทาสอมนุษย์พวกเรามีหมด ต้องการทาสแบบไหนแค่มีเงินก็เดินเข้ามา"
'ที่อโคจร!!!'