webnovel

รับสาย (1/2)

สองสามีลงไปยังห้องนั่งเล่นทั้งที่ความรู้สึกยังค้างคา หลินนั่งข้างน้องสาว ตวันเอียงพิงเพื่อน ดูการ์ตูนกันด้วยแววตาว่างเปล่าแทบไม่รับรู้ ท่ามกลางลูก ๆ ที่มองอย่างกังวล หลินดูรู้เรื่องสุด โรมดูรู้สึกผิดที่สุดแต่ก็ยังดูไม่ยอมแพ้เช่นกัน

ทุกคนต่างรอ

ทารกหลับไปแล้วในกระเช้า ดูจากใบหน้าเล็กที่ปกติจะเปี่ยมสุขตอนนี้มุมปากตกลงเล็กน้อย ป๊ารู้ทันทีว่าไม่ใช่การหลับที่สุขสบายใจนัก หม่อนหลับเพราะเหนื่อยกับอารมณ์ผันเปลี่ยนไปมาของผู้ใหญ่ที่เป็นหลักยึดเหนี่ยว ผู้เป็นพ่อรู้สึกผิด อยากจะเข้าไปปัดเป่าเรื่องเลวร้ายในความฝันที่ทำให้คิ้วบาง ๆ นั้นขมวดมุ่น

แต่เมื่อได้ยินคำพูดของตวัน ป๊าถูกย้ำเตือนว่าเรื่องเลวร้ายในฝันนั้นคือเขาเอง

"ป๊าโกรธหนูเหรอ" เด็กชายหันมากระซิบถามเสียงเล็ก ๆ ดวงตาสั่นไหวน่าสงสาร

"โกรธแด๊ดต่างหาก" สามีตอบแทนให้ทันที อุ้มลูกชายคนกลางขึ้นมาปลอบโยน "ใครจะโกรธคนเก่งของแด๊ดลงล่ะ"

ดวงตากลมโตฉายมาที่เขา ป๊าฝืนยิ้มให้ ยืนยันด้วยน้ำเสียงเหน็ดเหนื่อย "ป๊าเหนื่อยน่ะ ไม่เกี่ยวกับหนูหรอกนะ"

แด๊ดกล่าวราตรีสวัสดิ์สั้น ๆ กับแขกของบ้านเช่นเคย แต่ป๊าไม่มีแรงมากพอจะก้าวพ้นจากหลุมลึกที่ตนขุด ทั้งยังนึกไม่พอใจที่โรมเอาเรื่องเครียดไปเทให้ลูกเขาแบก ถึงได้เมินเฉยกับชายหนุ่มแล้วอุ้มหม่อนที่หลับไม่รู้เรื่องขึ้นบ่า ก่อนเอ่ยไล่ต้อนเด็กเล็กเด็กโตขึ้นเรือนเตรียมตัวนอน

คืนนั้นป๊านอนไม่หลับ ในหัวมีแต่ว่าตวันจะอยู่ยังไง ถ้าเขาปล่อยลูกไปลูกก็ต้องเสียใจ ถ้าให้เลิกกันลูกก็ต้องเสียใจ ถ้าตวันรับรู้ว่าเขาไม่ยอมรับเด็กคนนั้นก็ต้องเสียใจอีก ไอ้ความขี้วิตกนี้เหมือนจะถูกถ่ายทอดไปให้ลูกด้วย เดาได้เลยว่าตวันจะเข้าข้างพ่อแม้จะเศร้ามาก ๆ หากต้องเลิกกับแฟน ถึงได้สองจิตสองใจไม่กล้าบอกมาตั้งนาน

พวกเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้โรมอยู่หรือกลับไป เอาจริง ๆ ดูเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ข้างโรมยกเว้นป๊า คิดแล้วยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นไปอีก

การพยายามข่มตาหลับตอนนี้ไม่ต่างจากทรมานตัวเอง ป๊าลุกออกไปข้างนอก นึกอยากไปดูลูกชายคนกลางว่าหลับสนิทอยู่ไหม ฝันร้ายไหม ร้องไห้เพราะป๊าอยู่หรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ทำแค่เดินงุ่นง่านอยู่หน้าห้องนอนลูก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเข้าไปหาดีหรือไม่ สายตารู้สึกผิดของลูกยังหลอกหลอนอยู่กระทั่งในความฝัน

"ป๊า"

เสียงเล็ก ๆ มาพร้อมใบหน้างัวเงียที่เปิดประตูออกมา

"ตวันเป็นอะไร นอนไม่หลับเหรอลูก"

"หนูออกมาเข้าห้องน้ำ"

"เดี๋ยวป๊าไปเป็นเพื่อนนะ"

เขาอุ้มพาไปทำธุระส่วนตัวแล้วจึงพากลับไปนอน ตลอดการเดินกลับไปมาคือความใจหาย นึกถึงความทรงจำเก่าก่อนตอนอยู่เป็นเพื่อนลูกคนกลางจนกระทั่งหลับ เอาผ้าห่มคลุมให้ บอกฝันดีกับเขาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง พอลูกเริ่มโตก็บ่อยน้อยลง ๆ จนเลิกไป

ป๊าแอบอมยิ้มในใจ สุขที่ได้ทำหน้าที่เดิมอีก เศร้าที่ว่าไม่มีโอกาสทำมาแล้วหลายปี รสชีวิตหวานปนขมอบอวลอยู่ในทรวง

"หนูทำป๊าเสียใจเหรอ"

"เปล่าหรอก…" ดวงตาเขาขยายขึ้นเล็กน้อยด้วยไม่คาดคิด แต่ก็คิดหาคำตอบมาให้ลูกเลิกเข้าใจผิดไม่ได้

การเห็นลูกเหมือนยิ่งตอกย้ำถึงความเห็นแก่ตัวในอดีต เพราะอยากสร้างครอบครัว อยากเติมเต็มความไม่สมบูรณ์ของตัวเองถึงต้องการจะมีเด็กสักคน แล้วก็เอาความสกปรกไปสาดสีน่าเกลียดใส่ผ้าขาว ตอนนั้นทั้งใจร้อนและโง่งม เชื่อสุดใจว่าขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว ทั้งที่ผู้ชายสองคนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้คู่กันสักหน่อย

จู่ ๆ ป๊าก็อยากถามลูกขึ้นมา เขาคงแงะเอาความจริงจากตวันตอนโตได้ยาก ตรงข้ามกับเด็กใสซื่อไร้เดียงสาที่รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น

"เคยเสียใจรึเปล่าที่เป็นลูกป๊า"

"ไม่เสียใจหรอก หนูรักป๊า"

คำว่ารักปักอกเขาจนเจ็บไปหมด ยังไงลูกก็รักผู้เลี้ยงดูมาอยู่แล้ว ทั้งที่ถูกตัดโอกาสการไปเจอพ่อแม่ที่สมบูรณ์พร้อมกว่า

เด็กสี่ขวบไม่เข้าใจหรอกว่าการอยู่ในครอบครัวบิด ๆ เบี้ยว ๆ หมายความว่าอย่างไร ไม่รู้ว่ามีถ้อยคำดูหมิ่นอะไรบ้างที่ต้องเจอ ไม่รู้ว่าการถูกกลั่นแกล้งจะสร้างแผลล้ำลึก ป๊ารู้ แต่ตอนนั้นก็ยังดื้อดึงอยู่ดี ตอนนี้ถึงต้องพยายามปกป้องเขาให้เต็มที่เพื่อทดแทน

กางปีกกกให้ความอบอุ่น ปัดเป่าความทุกข์ที่มาแผ้วพานให้จางหาย สกัดกั้นทุกความเศร้า ผิดหวัง ทุกภัยร้ายของโลกภายนอกรัง

"เหรอจ๊ะ ป๊าก็รักหนูที่สุดเหมือนกัน"

"ถ้าป๊าเกลียดโรม แต่หนูรักโรม แล้ว-แล้วหนูต้องทำยังไง ทั้งสองคนดีกันไม่ได้เหรอ หนูต้องทำยังไง" ตวันถามย้ำด้วยขอบตาแดง น้ำตาวาวในแสงสีส้มนวลจากโคมข้างเตียง

"หนูไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น"

ขอบตาป๊าร้อนผ่าวเมื่อความทรงจำเมื่อก่อนตีตื้นขึ้นมา เขาก็เคยถามเหมือนตวัน ตอนยังใสซื่อและคิดว่าโลกจะหมุนตามใจตัวเองไปเสียทุกอย่าง คิดว่าถ้าสู้ไม่ถอยแล้วทุกอย่างจะดีเอง จนวันที่โดนความจริงทุบหัวหนัก ๆ ว่าเป็นไปไม่ได้

"ป๊าไม่ได้เกลียดโรม ป๊าแค่เป็นห่วงหนู ป๊ากลัวว่าหนูต้องเสียใจทีหลัง"

"หนูไม่กลัวหรอก"

"เด็กคนนี้นี่ ทำไมดื้อนักฮึ"

"ติดป๊ามา"

"ช่างย้อนจริงเชียว"

ผู้ผ่านโลกมามากกว่ายิ้มเหนื่อย ๆ ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของเด็ก ก้มจุมพิตตรงหน้าผากบอกคำว่ารักและฝันดีด้วยภาษากาย ก่อนเอ่ยอธิบายกึ่งตัดบทด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

"วันที่มีลูกแล้วหนูจะเข้าใจเอง"

___

เช้านี้ป๊าไม่ได้ไปปลุกสามี ตอนนอนกอดกันบรรยากาศเหมือนทุกอย่างดีขึ้นแล้วก็จริง แต่ยังไม่คลี่คลาย ทั้งเขายังตะขิดตะขวงใจที่จะไปคุยด้วยอยู่ดี วันนี้เลยจัดการกิจวัตรยามเช้าเองโดยไม่รบกวนคู่ร่วมเตียง

แด๊ดเข้ามาในห้องครัวด้วยใบหน้าบึ้งตึงแต่เช้า ความจริงคำว่าเรียบเฉยตรงกว่า แต่สำหรับเขา อะไรก็ตามที่ไม่ใกล้เคียงกับ 'ยินดีกอดนานเท่านานจนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น' หรือ 'พร้อมหยอดคำรักตลอดเวลา' เข้าข่ายบึ้งตึงทั้งหมด

ป๊าเหลือบมองแว๊บหนึ่งก่อนหลบตา "หน้าบูดอะไรแต่เช้า"

"ฉุนป๊า"

"เหรอ…"

ยังโกรธอยู่เหรอ…

"ป๊าผัดกะเพรา"

แด๊ดจามใส่หนึ่งทีเป็นการยืนยันความฉุน ป๊ารู้สึกอย่างแรงกล้าว่าอยากเอาตะหลิวแทงคน ต่อด้วยกระทะฟาด โทษฐานทำให้อารมณ์เขาปั่นป่วนเป็นช้างตกมันแต่เช้า เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวอึกอัก เดี๋ยวโกรธ จบลงด้วยการกอดเอวแล้วฉวยโอกาสหอมแก้ม ทำตัวเป็นหมีเกะกะไม่เปลี่ยน

"อย่าลืมว่าแด๊ดอยู่ตรงนี้เสมอนะ บางทีก็ลืมเหรอยาหยี เดี๋ยวหอมอีกทีจะได้จำได้แม่น ๆ"

ต่อให้เมื่อวานงี่เง่าอย่างไร ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เขายังหลับสนิทข้างป๊าราวกับผู้ร่วมเตียงเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดในโลก ไม่ว่าจะพึ่งกึ่ง ๆ ทะเลาะกันมาหรือไม่ ยังงัวเงียเบียดกอดในนิทรา ยังตื่นทีหลัง ยังลงมาทะเลาะกับหมาแมวที่แย่งกันกินข้าว ยังคอยกุมมือมอบความอบอุ่นไม่เคยปล่อย สัมผัสถึงแหวนสีเงินวงเกลี้ยงบนมือบาง คู่แฝดของวงที่ห้อยอยู่กับสร้อยคอสามี

ริมฝีปากนุ่มประทับลงที่ไรผมใกล้ขมับ ผนึกคำพูดลงความทรงจำด้วยสัมผัสอ่อนโยน อวัจนภาษาที่บอกชัดเจนกว่าคำสัญญายืดยาว

เขาจะไม่จากไปไหน…เป็นสิ่งเดียวที่ป๊าเชื่อมั่นมาทั้งชีวิต สามีเป็นความมั่นคงเดียวที่จะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป

ในอีกยี่สิบนาทีต่อมา สมาชิกของบ้าน—ไม่ สถานะยังตัดสินไม่ได้ แขกของบ้านเข้าห้องครัวเช้ากว่าทุกวัน

"เอ่อ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ" โรมมาพร้อมสายตาอักอ่วน เหลือบมองป๊าเพื่อสำรวจว่าผู้ใหญ่แสดงความไม่ชอบใจผ่านสีหน้าหรือเปล่า ป๊าไม่พูดอะไร ไม่ได้เกลียดเขา แต่ก็เลือกจะหลบหน้าเช่นเดียวกันแล้วมุ่งมั่นจัดจานต่อ

แด๊ดช่วยทำลายความเงียบอันอึดอัดเหมือนทุกครั้ง "โรมเอ็งมาช่วยปอกกระเทียมซิ"

"ผมทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นนะครับ"

"นั่น มีดเสียบอยู่ที่ชั้น เอามาลอก ๆ เปลือกออกเป็นอันใช้ได้" ผู้ใหญ่อธิบายอย่างเรียบง่ายที่สุด สักพักได้ยินเสียงคนโดนดุอย่างไม่ค่อยจริงจัง ความเป็นมิตรต่างจากวันแรกที่เจอกันลิบลับ

โรมยังไม่ถูกไล่กลับบ้าน—ในตอนนี้

จะว่าป๊าสงสารเด็กมันก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนคือเข้าใจความทุกข์ของโรมอย่างลึกซึ้ง นาวีตอนสิบแปดเคยเสียใจอย่างไร ป๊าตอนหกสิบก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่บางทีความรู้สึกมันก็ถูกตรรกะปัดตกตอนต้องตัดสินใจ

ข้าวเด้งในครึ่งชั่วโมง ไล่เลี่ยกับเวลาที่ลูกพากันลงจากเรือนตามปกติ

"วันนี้มีอะไรอะป๊า"

"กะเพราหมูกรอบแล้วก็ผักต้ม"

"ใครจะเอาไข่ดาวเพิ่มด้วยไหม"

"หนูเอา" ตวันยกมือฉายไฟ ป๊าถึงทอดเผื่อสักสามฟองเลย หลินยังดูระมัดระวังอยู่เลยเงียบ ๆ แต่เดี๋ยวเด็กคนนั้นก็เริ่มหิวแล้วหาตักทานเอง

"มา ๆ กินข้าวเร็ว"

อาหารบนจานของทุกคนดูน่ากิน ขนาดข้าวทารกที่ถูกบดละเอียดแด๊ดก็ยังพยายามตกแต่งให้เป็นสีสัน ฟักทองต้ม เนื้อปลาฉีก ป๊าทานไปป้อนข้าวลูกไปด้วย บรรยากาศกลับเป็นเช้าที่ผ่อนคลายอีกครั้ง

ตอนนั้นเองที่มือถือป๊าแผดเสียงร้องดังลั่น มันถูกปรับเสียงดังสุดเผื่อบางทีคนแก่เหม่อ ๆ หูตึงอยู่ไม่ทันได้ยิน

"ใครโทรมาน่ะ หยิบให้ป๊าที"

___