webnovel

ของเล่นเก่า

เหล่าผู้ปกครองเข้าห้องนั่งเล่นเพื่อเรียกลูก ๆ ไปดูผลงาน ด้านในเปิดเพลงวัยรุ่นค่อนข้างดัง ชวนให้ห่วงว่าแต่ละคนไม่ถนอมแก้วหูตัวเองกันรึยังไง ป๊าห่วงสุขภาพจบแล้วไปห่วงอีกอย่างต่อ หรือว่าจะผิดที่เขาใช้เครื่องสูบลมเสียงดังรบกวนลูก

หม่อนอยู่ในตะกร้ากระเช้า สีหน้าเบื่อหน่ายจนแทบตาจะปิด ทารกดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคน ลูกน้อยส่งเสียงอ้อแอ้พร้อมโบกมือให้อย่างร่าเริง มือเกาะขอบกรงเขย่าเรียกความสนใจเต็มที่จนแด๊ดต้องไปอุ้ม

"หม่อนช่วยเขาด้วยเหรอเนี่ย ไหนคนเก่งช่วยอะไรพี่ ๆ เค้าหว่า" หยอกลูกคนเล็กเสร็จถึงไปยิ้มร่าถามลูกคนกลางและคนโตต่อ "ฮึม…เหนื่อยกันรึยังเด็ก ๆ"

"ทำไรกันข้างนอกอะ เสียงไอ้ด่างดังมาถึงในนี้เลย หมามันพร้อมใจกันติดสัดเหรอป๊า"

"นังเตี้ยมันตกใจเครื่องดูดฝุ่นน่ะ พอหอนแล้วตัวอื่นก็หอนตามเป็นแถว" ป๊าสบตากับแด๊ด ชายหนุ่มทำหน้าระรื่นอยากตะโกนบอกเสียเดี๋ยวนั้น ความตื่นเต้นสั่นไปทั้งผิวหนังจนทั้งตัวดูราวกับส่องประกาย แต่ต้องพยายามเก็บอาการไม่งั้นเซอร์ไพร์ซเสียหมด

"ป๊ากำลังจัดระเบียบห้องเก็บของอยู่ ไปช่วยยกของหน่อยได้ไหมลูก"

โรมลุกขึ้นมาคนแรก ไม่รู้ว่าเพื่อทำคะแนนเข้าหาผู้ใหญ่ เพื่อศีลธรรมความเอื้อเฟื้อในใจ หรือว่าอยากหนีงานขุดคุ้ยจดหมายที่เขาเอียนเต็มแก่

"หลินก็ด้วยเร็ว"

"หะ?? หนูด้วยเหรอ" หลินหรี่ตาอย่างสงสัย เธอไม่ค่อยชอบนักที่โดนลากตัวออกไปกลางคันจากงานที่ตัวเองกำลังตั้งใจทำ อีกทั้งรอยยิ้มป๊าดูมีเลศนัยอย่างมีนัยสำคัญ แด๊ดก็ดูระริกระรี้ผิดปกติ

ป๊าแทบจะดันไหล่ลูกคนโตให้เดินออกไปด้วยกัน สีหน้าของเด็กหญิงดูงุนงง พอมองด้านหลังเห็นแด๊ดอุ้มหม่อนกับจูงมือตวันมาด้วยยิ่งไม่ชอบมาพากล แต่ความอยากรู้อยากเห็นว่าผู้ปกครองต้องการอะไรเป็นฝ่ายชนะ

คนรุ่นลูกถูกพาตัวออกไปที่บริเวณสนามหญ้าของสวน ปัจจุบันมีปราสาทลมติดอ่างน้ำอันใหญ่ตั้งอยู่บนพื้นหญ้าโล่ง สไลเดอร์สีเขียวแสบสันชวนให้เด็กเข้าไปเล่น และอ่างบอลขนาดเล็กใกล้ ๆ กัน

"สวนน้ามม!" ตวันเป็นคนแรกที่วิ่งไปทิ้งตัวลงสระก่อนจะมีใครห้ามทัน "โรมมาเล่นด้วยกันเร็ว!"

ชายหนุ่มเหลือบมองผู้ปกครองที่ยืนหน้าดุอยู่ ป๊าแค่พยักหน้าส่ง ๆ ในใจลังเลว่าจะอนุญาตดีหรือไม่ แต่เอาเถอะ เพื่อความสุขของลูก อีกทั้งจะได้มีคนช่วยดูตอนตวันเล่นสไลเดอร์ เขาไม่อยากให้ลูกต้องหกล้มก้นขวิดให้เจ็บตัว

"ดูน้องด้วยล่ะ" หลังป๊ากำชับเสร็จ โรมสะบัดรองเท้าถุงเท้าทิ้งอย่างไว รีบลงไปเล่นน้ำอย่างกับย้อนกลับเป็นเด็กอนุบาลเท่าตวัน

แด๊ดอุ้มหม่อนไปตรงอ่างตื้น ๆ ใต้ปราสาทลม ทารกเอื้อมมือหาลูกบอลหลากสีกับลูกบอลกรุ๊งกริ๊งตั้งแต่ยังถูกอุ้มอยู่ พอถูกปล่อยแล้วก็คลานลุยทุกอย่างเหมือนตัวเองเป็นรถถัง แค่แด๊ดโยนบอลใส่เบา ๆ ก็ร้องเสียงสูงชอบใจแล้ว กรี๊ดกร๊าดแข่งกับเด็กอนุบาลที่วักน้ำต้อนรับน้องอย่างมีความสุข สนุกสนานกับสิ่งที่ง่ายที่สุด

"อย่าเล่นกันนานล่ะลูก แดดมันแรง" ป๊ากำชับเป็นห่วง แต่ความจริงจังของประโยคเบาลงไปเยอะเมื่อมาพร้อมรอยยิ้มเอ็นดูระบายทั่วใบหน้า

ตอนนี้ก็เหลืออีกคนเดียวที่ยังยืนเก้ ๆ กัง ๆ มองน้องเล่นสนุกกันเจี๊ยวจ๊าว

"หลินไม่เล่นเหรอ" ป๊าถามเสียงเป็นห่วง อยากให้ลูกสาวไปเล่นน้ำกับน้องบ้าง ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหนเขาก็ไม่อยากให้ลูกทิ้งความเป็นเด็กไป อยากเห็นรอยยิ้ม อยากเห็นสีหน้าเปล่งประกาย อยากเห็นเด็กหญิงที่ร้องเล่นมีความสุขอย่างในอดีตอีกครั้ง

"โธ่วป๊า หนูอายุเท่าไรแล้ว"

ผู้เป็นพ่ออยากจะชี้วัตถุโบราณในร่างชายหนุ่มที่นอนอยู่กลางอ่างเต็มแก่ สามีเขาทำตัวเป็นเป้านิ่งให้เด็กอนุบาลกับทารกโยนบอลใส่ ไม่ก็เด็กโข่งผู้แอบหัวเราะเยาะพ่อตาจากในมุมมืด หรือสุนัขทั้งแก่เด็กวิ่งไล่งับบอลที่กระเด็นออกมากันสนุก หลักฐานชัดเต็มตาว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น

"เมื่อก่อนชอบมากไม่ใช่เหรอ ใครนะเล่นสไลเดอร์ทั้งวันจนแดดเผาหน้าไหม้ไปหมด"

"ใช่หนูเร้ออ ป๊าจำผิดแล้ว ตวันรึเปล่า" หลินปฏิเสธ ใครจะอยากนึกถึงเรื่องน่าอายในสมัยก่อนของตัวเอง

ตรงข้ามกับเด็กหญิง ผู้เป็นพ่อจำสถานการณ์ได้แม่นยำเพื่อตอกย้ำความผิดพลาด ต้องยอมรับว่าตอนนั้นเขาประเมินความร้ายกาจของดวงอาทิตย์ต่ำไป ประกอบกับตามใจลูกอยากเล่นเท่าไรก็เล่นหลินถึงได้แขนลอกหน้าลอก สายตากล่าวโทษของหมอผิวหนังยังผุดหลอกหลอนเขาอยู่เนื่อง ๆ

เพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงต้องไปตามลูกกลับมาโบกครีมกันแดดซ้ำอีกชั้น

"หนูกลับไปห้องนั่งเล่นนะ ยังมีจดหมายรอเช็กอีกเยอะเลย" หลินขอตัวเสียงอักอ่วน

"พักสักวันไม่ได้เหรอ" ผู้พูดเห็นว่าสามีเหลือบมองมาทางนี้หลายทีแล้ว แด๊ดก็เฝ้ารอให้ลูกมาครบองค์ประชุมเช่นกัน แต่ไว้ใจให้ป๊าเป็นคนกล่อมแทน

"งานไม่เสร็จแล้วมันรู้สึกค้างคาอะ"

"ก็ได้ แต่ไปช่วยป๊าจัดห้องเก็บของก่อนแล้วกัน"

"หืมมม"

"ให้ช่วยจริง ๆ นี่ทำความสะอาดมาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ของเก่าเต็มตู้ไปหมด"

พอลูกสาวคนโตทำท่าจะเดินหนี ป๊าใช้ข้ออ้างเดิมกับเมื่อหลายนาทีก่อน หลินเลิกคิ้วรู้ทันจนป๊าต้องยืนยันว่าพวกเขาทำจริง—ไม่ถือว่าหลอกลูกสักเท่าไร ลูกแค่ไม่รู้ว่าหลังปัดกวาดแล้วเจออะไรบ้าง

ครึ่งหนึ่งของห้องถูกจัดเป็นชั้นวางตุ๊กตาตัวเก่า ๆ และสารพัดของเล่นตั้งแต่สมัยก่อน ถูกซักทำความสะอาดและวางตากแดดเปรี้ยงไว้นาน ถูกเอามาวางรวมกันรอคอยเจ้าของค้นพบ

"ป๊าว่าจะพาพวกหนูมาดูตอนเย็น แต่แอบพาหลินมาก่อน เดี๋ยวหนูต้องช่วยเซอร์ไพร์ซน้อง ๆ ด้วยนะ"

เด็กหญิงคนโตนิ่งไปนานจนผู้เป็นพ่อชักใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าลูกจะดีใจไหม ลูกจะเบื่อหน่ายหรือเปล่ามีแต่ของเก่า ๆ ทั้งนั้น ทุกความกังวลของเขาหยุดลงเมื่อหลินก้าวเท้าไปหยุดอยู่หน้าตุ๊กตาลิงตัวยักษ์ เธอกะพริบตาถี่ ๆ มองมันด้วยดวงตาสุกใส เรียกให้มุมปากป๊ายกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่

"น้องจ๋ออ" แขนเล็กกอดหมับ โอบอุ้มตุ๊กตาลิงติดปีกถือคทา ตัวใหญ่เท่าเด็กอายุสิบสอง เจ้าของทั้งดีใจและแปลกใจที่พ่อยังเก็บความทรงจำเก่าก่อนไว้เป็นอย่างดี ตอนนี้มันถูกนำมาทำความสะอาดใหม่ ซักหอมกรุ่นทั้งกลิ่นแดดและกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอม ไม่ต่างจากความทรงจำแสนสุขในวันเก่า ๆ ได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา

"ป๊ายังเก็บไว้อยู่เหรอเนี่ย…" เสียงของเจ้าของที่ห่างหายไปนานเจือความคิดถึง

"หลินชอบไม่ใช่เหรอ จะให้ทิ้งได้ยังไง" ป๊ามองว่าลูกยังเด็กอยู่เสมอไม่ว่าจะโตขึ้นสักเท่าไร ความเป็นเด็กในตัวลูกยังคงมีอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

"กระปุกอันนี้มัน??" เด็กหญิงกวาดสายตามองแต่ละชิ้นบนชั้นวาง ดึงเอาความทรงจำคลุมเครือสมัยเด็กให้ผุดขึ้นมา

"ตอนหนูพึ่งเข้าโรงเรียนไงลูก"

"สวัสดีน้องหมูแดง ไม่ได้เจอแกนาน" หลินทักทายอย่างทุลักทุเล มือหนึ่งยังกอดแขนตุ๊กตา มือหนึ่งลองยกกระปุกออมสินอ้วนกลมขึ้นมาทดสอบน้ำหนัก "หนักเหมือนกันนะ ทุบออกมาคงหลายพัน ถ้ามีเหรียญหายาก ๆ อยู่มั่งคงขายได้หลายหมื่น"

"เอาซี่ ซื้อขนมมาเลี้ยงน้อง"

"บาร์บี้ก็ด้วยเหรอป๊า! หนูนึกว่าขนไปบริจาคหมดแล้วซะอีก"

"ต้องเก็บไว้สิลูก เผื่อหนูกลับบ้านแล้วคิดถึงขึ้นมา"

เด็กหญิงหัวเราะพรืดทันที "ลูกป๊าไม่ใช่สองสามขวบนะ หนูโตเกินของเล่นพวกนี้แล้ว" ถึงพูดอย่างนั้นแต่มือยังกอดตุ๊กตาลิงไม่ปล่อย สำหรับป๊าแล้วดูเหมือนกำลังกอดความทรงจำที่ถูกหลงลืมมากกว่า ผู้เป็นพ่อผุดรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดู

"เผื่อให้ลูกหลานหลินเล่นก็ได้"

"ไม่น่ามีหรอกป๊า ไปหวังกับน้องนู่น"

"อ้าว ทำไมล่ะ"

"มีลูกก็ต้องเลี้ยงลูก แล้วจะเอาตังค์ที่ไหนมาเลี้ยงป๊าแด๊ด" คนอายุน้อยกว่ายักไหล่ปัด ๆ พูดเสียงเหมือนล้อเล่น แต่ป๊าจับความมุ่งมั่นจริงจังได้อยู่ลึก ๆ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้เป็นพ่อรู้สึกตื้นตันในอก น่าแปลกที่มันมาพร้อมกับความไม่พอใจบางเบาอันอธิบายลำบาก เรื่องรออุ้มหลานนั้นป๊าไม่ได้คาดหวังสักเท่าไรหรอก ที่ติดใจคือเขาต่างหากที่มีหน้าที่เลี้ยงดู ไม่ใช่กลับกัน

"แค่พวกหนูอยู่ดีมีความสุขปลอดภัยสุขภาพจิตกายใจดีก็พอแล้วลูก"

"โหป๊า นั่นไม่เรียกว่า 'แค่' เลยนะ"

ก็จริง…แม้ป๊ายังอยากกำชับเรื่องทานอาหารให้ตรงเวลา ครบห้าหมู่ แล้วก็นอนให้เต็มอิ่มอีกสักชั่วโมง

_____