มันก็จริงอย่างที่เขาพูด เธอเถียงเขาไม่ได้สักอย่างเลยพอเจอไม้นี้ของเขาเข้า ผู้ชายคนนี้ฉลาดมาก เขารู้ทันเธอทุกอย่าง อลิชชาจึงตัดสินใจเดินไปเปิดกระเป๋าที่เขานั่นแหละเป็นคนซื้อให้ หยิบปากออกมาเพื่อเซ็นชื่อด้านล่างทั้งสองฉบับ และยื่นฉบับหนึ่งให้เขา เอริคยื่นมือออกมารับเอกสารไปดูลายเซ็นของเธออย่างพอใจ ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ แต่คืนนี้มันยังไม่จบแค่นี้
ร่างสูงใหญ่วางเอกสารสัญญาในมือลงบนหัวเตียง เอานาฬิกาปลุกทับเอาไว้ ก่อนที่จะมองหน้าสวยหวานนั้นอีกครั้ง เขายิ้มหวานให้หล่อน เดินเข้ามาหาหล่อนช้าๆ อลิชชาค่อยๆ ถอยหลังร่นไปจนชิดขอบเตียงและสะดุดล้มนั่งลงบนที่นอนเพราะเสียหลัก
"นี่คุณ ฉันเซ็นสัญญาให้คุณแล้ว คุณก็ออกไปจากห้องของฉันสิ ฉันอยากจะนอนพักผ่อนแล้ว" ร่างบางก้มหน้าก้มตาพูด และหลบหลีกใบหน้าคมสากระคายนั้นไปมาอย่างหวาดหวั่นมากขึ้น เมื่อเขาเข้าประชิดตัว จนแทบจะหายใจรินรดพวงแก้มของเธออยู่แล้ว
"แต่นี่มันเป็นบ้านของผมนะครับ" เขาตอบยียวน จนอลิชชาเริ่มหน้าแดงก่ำมากขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะว่าประหม่าขัดเขินกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เธอกำลังไม่พอใจเขาที่เขาทำเหมือนคนใจแคบ หาทางต้อนเธอให้จนมุม จนเธอแทบไม่มีหนทางสู้
"ถึงที่นี่จะเป็นบ้านของคุณ คุณก็ควรจะให้เกียรติฉันบ้างนะคะ ฉันมีเลือดไทยครึ่งหนึ่ง ที่ยังคงรักนวลสงวนตัว ไม่ใช่ผู้หญิงไร้ค่าที่คุณคิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเชิงชู้สาว ฉันเป็นเพียงแค่ลูกจ้างจนๆ คนหนึ่ง ที่พลัดถิ่นมาพึ่งคุณ คุณจะไม่คิดสงสารฉันเลยหรือคะ คุณชายเอริค"
จากสาวน้อยที่ไม่ค่อยพูด เธอกลับพูดออกมาเสียยืดยาวอย่างน่าสงสาร เพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากอุ้งมือมาร จนเสือร้ายอย่างเอริคถึงกับใจอ่อนยวบลง เมื่อได้ฟังคำที่หญิงสาวผู้น่าสงสารพูดจนจบประโยค
'ตัวเล็กๆ แค่นี้รู้จักพูดเอาตัวรอดเป็นเสียด้วย เขาประเมินค่าหล่อนผิดไปจริงๆ' กายแกร่งยืนขึ้นเต็มความสูง จ้องมองร่างบอบบางที่รีบลุกขึ้นไปยังประตูและเปิดมันออก คล้ายกับจะพยายามไล่เขาออกไปจากห้องอย่างกรายๆ แม้ว่าปากของเธอจะไม่พูด แต่สายตาคู่สวยกับการกระทำของหล่อนกำลังขับไล่เขาอย่างชัดเจน ให้เขารีบออกจากห้องไปไวๆ
เจ้าของร่างสูงกำยำถอนหายใจหนักๆ ออกมา ส่ายหน้าเล็กน้อยเพราะเสียอารมณ์ ทั้งๆ ที่เขาสามารถเขมือบหรือสามารถที่จะทำอะไรหล่อนก็ได้ แต่เขากลับทำไม่ลง ชายหนุ่มเริ่มจะไม่เข้าใจตนเองเหมือนกัน ว่าเขากลายเป็นสุภาพบุรุษไปตั้งแต่เมื่อไหร่
'บ้าชะมัด!'
อลิชชารีบปิดประตูและกดล็อก หัวใจของเธอยังเต้นตึกตักอยู่เลย ทั้งกลัวทั้งหวาดหวั่น กลัวว่าตนเองจะไม่รอด กลัวว่าเขาจะไม่ยอมฟังที่เธออ้อนวอน แต่พอเอริคใจอ่อนยอมปล่อยเธอออกจากกรงแขนของเขา หญิงสาวถึงกับหอบหายใจเหมือนคนที่เพิ่งจะรอดตายมาหมาดๆ หวังว่าพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไป คงจะไม่เกิดเหตุการณ์น่าหวาดเสียวแบบนี้อีกนะ
"คุณเอริค ฉันหวังว่าคุณคงจะไม่ทำกับฉันแบบนี้อีกนะคะ" หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ พิงหลังกับประตูบานใหญ่ พยายามสูดเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ ก่อนที่จะเดินขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องตลอดเวลา