เขาบอกว่าคนเราควรได้รับการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มสีสันและความท้าทายให้กับชีวิต แต่ขอโทษทีเถอะนะ ไอ้คุณระบบผู้เก็บกวาดคะ...ชีวิตพนักงานของเธอมันจะท้า(ตาย)ทายกันเกินไปหน่อยหรือเปล่า!!
เขาว่าคนเราเวลาเกิดมาจะมีช่วงอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณเจ็ดสิบปีถึงเจ็ดสิบห้าปี
ในช่วงของการมีชีวิตอยู่ตามที่ได้กล่าวมานั้น ร้อยละสิบแปดจุดเจ็ดห้าก็ได้ถูกใช้ไปแล้วกับการเรียนรู้ทั้งในรั้วโรงเรียนและของมหาวิทยาลัย ส่วนอีกร้อยละยี่สิบห้าเองก็ถูกใช้จ่ายไปกับการทำงานของวัยผู้ใหญ่เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในขณะที่เหล่าร้อยละที่เหลือสุดท้าย ...ก็ได้ถูกเบียดบังนำเอามาใช้แบ่งสันปันส่วนกับการหาความสุขในวัยชราที่ไม่อาจเหลือกำลังวังชาไว้ให้ได้ใช้เฉกเช่นเมื่อครั้งเยาว์วัย
ดูถ้าแล้วชีวิตของมนุษย์เราก็ไม่ได้มีอะไรมากมายลึกซึ้งเหมือนอย่างที่ใครหลาย ๆ คิดเอาไว้เสียทีเดียว
"เฮ้อ"
เสียงถอนหายใจพรืดยาวดังออกมาจากหญิงสาวในชุดทางการซึ่งกำลังเดินเลียบอยู่บนฟุตบาท ในมือของเธอยังคงถือโทรศัพท์มือถือตกรุ่นที่เคยผลิตเมื่อเจ็ดปีที่แล้วเอาไว้ ในดวงตาสีทองที่เคยสว่างสดใสนั้นบัดนี้ปรากฎให้เห็นเหลือเพียงความหดหู่เศร้าใจ ที่กำลังค่อย ๆ กัดกร่อนความรู้สึกและตัวตนภายในของเธออยู่อย่างช้า ๆ
นี่ก็บริษัทที่ห้าแล้วนะ ทำไมเธอถึงยังไม่ได้งานเหมือนคนอื่นเขาสักที ?
ริมฝีปากบางขดเข้าหากันแน่น ไหล่ที่ค้อมงอลงเล็กน้อยนั้นสั่นระริก มือกำโทรศัพท์เข้าหากันเห็นจนเส้นเลือดปูดโปนพลางง้างขึ้นอย่างช้า ๆ คล้ายต้องการใช้เจ้าเทคโนโลยีเครื่องน้อยนี้เป็นเครื่องระบายอารมณ์ แต่ยังไม่ทันจะได้ปาตามใจนึก
...เสียงกรีดร้องริงโทนก็พลันดังขึ้นจนเธอต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ก่อน
"ฮัลโหลค่ะแม่" เธอกดรับสาย
[ฮัลโหลชวนฝัน สัมภาษณ์เป็นยังไงบ้างลูก]
เสียงหญิงวัยกลางคนที่ดังมาจากปลายสายทำให้หญิงสาวหน้าซีดเผือด ชวนฝันสูดลมหายใจเข้าพลางกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่ความร้อน บางอย่างที่กระจุกอยู่ตรงลำคอทำให้เธอพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
"มันก็...ดีค่ะ"
[งั้นหรือ แม่ก็หวังว่าอย่างนั้นนะ]
"ค่ะ ฝันก็ด้วย"
[อา จริงสิ ช่วงหยุดยาวที่ใกล้ถึงนี้น่ะ ฝันจะกลับมาบ้านไหมลูก? แม่จะได้ทำของอร่อยที่ลูกชอบเอาไว้ให้]
"หนูคิดว่าอาจจะลองดู ๆ ก่อน อาจจะได้กลับไปก็ได้"
ขาเรียวเริ่มก้าวเดินบนฟุตบาทไปเรื่อยเปื่อยไร้จุดหมาย หูแนบกับเครื่องเพื่อฟัง ปากก็โต้ตอบโทรศัพท์กับมารดาผู้ให้กำเนิดไปเรื่อย ๆ จนมาถึงประโยคท้ายในที่สุด
[โอเคจ้า แม่จะรอนะ รักลูกจ๊ะ]
"รักเหมือนกันค่ะ"
ชวนฝันกดวางสายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีอึมครึมขณะที่หยาดน้ำฟ้ากำลังเริ่มโปรยปรายลงมากระทบกับแผ่นแก้มทีละเม็ด ๆ คล้ายกับว่าสวรรค์ต้องการตอกย้ำความหดหู่ของชวนฝันก็ไม่ปาน หญิงสาวรีบจ้ำฝีเท้าดวงตาซ้ายขวาพลันกวาดมองไปมาเพื่อหาที่หลบฝนโดยเร็ว
ถ้าตัวไม่เปียกชีวิตวันนี้ก็น่าจะเองซวยได้น้อยลงแล้วล่ะ
[กำลังทำการค้นหา]
"..."
[...ยังไม่พบเป้าหมายที่เหมาะสมต่อการจับคู่]
"..."
[กำลังทำการค้นหาในรอบรัศมีใหม่อีกครั้ง]
"..."
[ค้นพบโฮสต์ที่เข้ากันกับระบบได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์]
[เริ่มทำการเชื่อมต่อถึงตัว'โฮสต์']
ชวนฝันที่วิ่งมาหลบยังป้ายรถเมล์ยืนปัดปอยผมหน้าม้าที่เริ่มยาวเกะกะเล็กน้อย ดวงตาสีดำสนิทค่อย ๆ ช้อนขึ้นไปมองยังท้องถนนข้างหน้า กว่าที่จะทันรู้ตัวโสตสมองและการมองเห็นก็ถูกอาบย้อมไปด้วยผนังสีขาว
อะไรน่ะ มันเกิดอะไรขึ้น?
หญิงสาวกระพริบตาปริบ หลังจากหลับตาลืมตาใหม่อีกครั้งไม่นานเจ้าก้อนปุกปุยนิ่มคล้ายเมฆจิ๋วเท่ากำปั้นก็ลอยมาหยุดตรงหน้าพร้อมกับปีกค้างคาวและหางเล็ก ๆ สีม่วงชมพูดสดใส
เอาล่ะเธอว่าเรื่องนี้มันชักจะประหลาดเกินไปสักหน่อยแล้ว
[???: ขอต้อนรับโฮสต์เข้าสู่พื้นที่ระบบของเรา...]
เสียงเล็ก ๆ น่ารักสังเคราะห์คล้ายกับเด็กเอ่ยขึ้น
[???: ที่นี่คือพื้นที่จำลองเสมือน ขณะนี้ยังเป็นเพียงพื้นที่ว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลยค่ะ หากว่าโฮสต์คนใหม่ของเราต้องการเก้าอี้นั่งแก้เมื่อย ระบบก็พร้อมจะจัดการหาโซฟาให้ได้นะ! อ้อ อาจจะมีชาไม่ก็กาแฟอุ่น ๆ สักที่ เพราะเซ็นเซอร์ระบบจับถึงไอชื้นที่เสื้อของโฮสต์ได้เล็กน้อยค่ะ!]
ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรเจ้าก้อนขนที่ได้อ้างตัวว่าเป็นระบบก็ตอบคำถามที่ค้างคาใจได้ครบถ้วนครั้นเมื่อหันกลับไปมองพื้นที่ด้านหลัง ก็พลันปรากฎโซฟาบุนวมตัวยาวกับโต๊ะนั่งและแก้วกาแฟร้อน ๆ อย่างพร้อมสรรพ
เรียกได้ว่าบริการทุกระดับประทับใจ
[ระบบ: เอาล่ะค่ะโฮสต์ ระบบจะเริ่มทำการอธิบายเนื้อหาภารกิจรวมทั้งข้อเสนอของเรา ทางระบบแม่ของเราไม่มีนโยบายบีบบังคับโฮสต์ให้มารับภารกิจ ทางโฮสต์มีสิทธิที่จะตอบตกลงหรือไม่ก็ได้ แต่หากไม่...ทางเรายินดีที่จะส่งโฮสต์กลับไปยังหน้าป้ายรถเมล์ซึ่งโฮสต์เคยยืนอยู่เมื่อครู่ได้ทุกเมื่อค่ะ]
น้ำเสียงน่าเอ็นดูเอ่ยอย่างมีมารยาท หญิงสาวเหลือบมองถ้วยกาแฟในมือที่ไหวตามแรงสั่นเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดตริตรอง ครั้นเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรก็ตัดสินใจเอ่ยปากแล้วรอฟัง
"ลองเสนอมาได้เลยค่ะ"
END Intro