เทพอู่เฉินเคยพบพานธิดาบนเทวโลกชั้นฟ้ามาก็มาก สตรีเครื่องสังเวยของท่านกลับงดงามเสียยิ่งกว่า อาจถึงขั้นว่าสามารถหยุดห้วงลมหายใจของบุรุษเพศในแต่ละย่างก้าวของนาง
เมื่อนางสะบัดชายกระโปรงลายอสรพิษสีดำสลับแดง เยื้องย่างเข้ามาในพื้นที่รับรองแขกโล่งกว้าง ท่ามกลางบ่อบัวอันงดงามและพรรณพฤกษา ส่ายหน้ามองไปรอบ ๆ โต๊ะจิบชาลักษณะเหมือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของขุนนางในพระราชวังหลวง ซึ่งเหล่าผู้สูงศักดิ์มากหน้าหลายตาจะมารวมตัวกัน ใคร ๆ ต่างก็เอาแต่จ้องมองนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งมารดาแห่งสายน้ำ ที่นั่งอยู่ข้างกันกับเจ้าของเรือนเทพ
เทพอู่เฉินรู้สึกภาคภูมิใจ เมื่อได้เป็นผู้ครอบครองสมบัติรังรองประณีตถึงเพียงนี้ และก็คงไม่ถือสาผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้เป็นแดนเทพ เหล่าเทพคิดเพียงเรื่องดีงามเท่านั้น
เมื่อนางหยุดยืนอยู่ข้างโต๊ะไม้สีแดงสลักมุก นางฟางเหนียงชื่นชมความงามของอาเป้ยเป็นอย่างมาก ในขณะที่เทพเฟยหลิงคงต้องบอกลานาง
"หวังว่าข้าจะได้ประลองฝีมือหมากเซี่ยงฉีกับเจ้าอีก ขอให้เจ้าโชคดี อาเป้ย"
"ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งหากเทพอู่เฉินให้คำอนุญาตข้าในวันหน้า วันนี้ข้าลา ใต้เท้าจีกง เทพเฟยหลิง เทพฟางหรง เทพฟางเหนียง ข้าเป็นหนี้บุญคุณพวกท่านอย่างมิอาจทดแทนได้เลย"
อาเป้ยยกมือคารวะเหล่าเทพ ก้มศีรษะลงขอบคุณพวกเขาอีกครั้ง เมื่อนางรอดชีวิตมาได้เพราะดอกบัวสีทองด้วยส่วนหนึ่งประกอบกับยาสมุนไพร เทพอู่เฉินลุกขึ้นคารวะเป็นการล่ำลา เดินนำนางไปด้านหน้าเรือนอันงดงาม จำแลงกายเป็นอสรพิษกายาใหญ่โอฬาร ทะยานขึ้นท้องนภากว้าง
อาเป้ยคิดว่าเทพอู่เฉินคงไม่พึงพอใจนาง ไม่ว่านางจะทำอะไร ท่านมักคอยขัดไปเสียทุกอย่างเหมือนเกลียดขี้หน้านางนัก ทว่าหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ นางได้รับอนุญาตให้นำพยัคฆ์อัคคีกลับมาด้วย หลังจากที่การไม่พูดจาของท่านถือเป็นคำตกลงของนาง
เมื่ออสรพิษกลับร่างเป็นบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีดำ นางได้รับอิสรภาพจากอุ้งมือของเทพปีศาจ จึงวางเจ้าตัวเล็กลงบนพื้นหญ้า ปล่อยให้มันเดินไปตามทางของมัน เจ้าเหลียนเหลียนเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ เรือนเทพ
"ข้าว่าห้องใต้ดินของเจ้าถึงคับแคบไปสักหน่อยกลับปลอดภัย เงียบสงบที่สุดในเรือนของข้า อากาศอบอุ่นในฤดูเหมันต์ แต่หากว่าเจ้าอยากย้ายห้องไปอยู่ห้องที่ใหญ่กว่านี้ ข้าจะจัดการให้เจ้า"
น้ำใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทรของเทพอู่เฉินทำให้นางแปลกใจ นางมิได้ล่วงรู้เลยว่าเทพอู่เฉินกำลังนึกถึงคราวจำศีลในห้องนอนคับแคบของนาง
"ตอนข้าจำศีล หาได้มีผู้ใดพบข้าหรือเอะใจแม้สักเล็กน้อย ไม่แม้แต่จะมองกำแพงที่เจ้าร่ายเวทกำบังเอาไว้ ข้าว่ามันมีประโยชน์กว่าที่ข้าคิด ข้าไม่ได้ใส่ใจห้องใต้ดินนี้มาก่อน"
"เป็นจริงดังท่านว่า ต่อให้มีศัตรู ก็ยากจะหาห้องใต้ดินนั้นพบ ห้องพักของข้ายังสะดวกสบายกว่ากระท่อมที่ข้าเคยอยู่ ข้าไม่ต้องทนซุกตัวนอนเหน็บหนาวหน้าเตาผิง ข้าได้รับทุกสิ่งจากท่านมากมายเสียจนข้ารู้สึกเกรงใจ"
"เจ้าเป็นสมบัติอันงดงามในเรือนข้า ย่อมต้องดูแลเจ้า..."
เทพอู่เฉินไม่สามารถละวางตาไปจากใบหน้าจิ้มลิ้มของนาง และที่รีบเหาะเหินขึ้นเวหากลับเรือนมาก็หวังจะชื่นชมความงามอันไร้ที่ติ แม้เพียงมองก็ชุ่มชื้นหัวใจประหลาด อาเป้ยคงไม่ทันสังเกตในความเปลี่ยนแปลง
"เจ้าช่างงดงามนักเอาเป้ย เจ้ามีจิตใจกล้าหาญ รู้จักเมตตาต่อผู้อื่นอย่างที่เทพเฟยหลิงเยินยอ เจ้าทำให้ข้าผู้มีจิตและกายครึ่งหนึ่งเป็นปีศาจเกิดหวงของของข้าขึ้นมา"
"ข้าทราบดี เมื่อใดที่ข้าหมดประโยชน์ รึท่านเบื่อสมบัติชิ้นนี้ ขอให้สังหารข้าเสีย"
"ข้าว่าเจ้าคงดิ้นรนขัดขืน คว้ากระบี่ของเจ้าขึ้นต่อสู้ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่เซียนผู้จะยอมตายอย่างง่ายดายนักอาเป้ย"
"หาได้เป็นเช่นนั้นไม่เทพอู่เฉิน ครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง ข้าถือว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ แต่หากมีคราที่สาม ท่านสังหารข้าได้ ข้าจะไม่ดิ้นรนขัดขืน ชะตาชีวิตข้าคงมาได้เท่านี้ ข้าถือว่าข้าชดใช้กรรมของข้าจนหมดสิ้น ร่างกายของข้าเพียงสิ้นสลายไป"
อาเป้ยหมายความเช่นนั้น ถึงเทวโลกจะน่าอัศจรรย์ใจสักเท่าไร นางมองไปรอบ ๆ เรือนไม้ของเทพอู่เฉิน ล้อมรอบด้วยท้องนทีสีมรกต บุปผาโปรยปรายทั้งสีขาวชมพูสลับไปกับสีแดง เวหาเยียบเย็นในอุณหภูมิพอเหมาะ ท้องนภาสีครามกว้างขวางปลอดโปร่ง ให้ความรู้สึกโล่งใจยามเงยหน้าขึ้นมองมัน
"วันนี้ชื่นชม วันหน้าอาจเบื่อหน่าย สหายของข้าเคยบอกกับข้าไว้ว่าจิตใจบุรุษเพศเป็นเช่นนั้น ต่างจากสตรีผู้มีรักมั่นคง"
คำพูดของนางไม่เข้าหูเทพอู่เฉิน แม้ว่านางเพียงพูดความจริงจากใจของนาง
"ข้าเคยมีชีวิตอยู่เพื่อท่านแม่ ยามที่ข้าได้พบท่านแม่บ้างนาน ๆ ครั้งข้าแสนเป็นสุขใจ ตอนนี้ข้าไม่มีจุดประสงค์ของการมีลมหายใจ หากอาจารย์ไม่ให้ความช่วยเหลือข้า ขอให้ข้าอยู่ต่อไป ข้าปรารถนาจะหลับใหลไปตลอดกาล"
"น่าเสียดาย เจ้าจะไม่สมปรารถนาอาเป้ย ตราบใดที่ข้ายังไม่เบื่อหน่ายในตัวเจ้า"
บัดนี้เทพผู้ไม่เคยสนใจเรื่องของสตรี กลับกลายเป็นคนละคน! ใบหน้าคร้ามคมปรากฏอารมณ์อันหลากหลาย เห็นได้อย่างเด่นชัดคือแววตาเยียบเย็นดูพึงพอใจนาง
"ที่มิตรสหายของเจ้าได้กล่าวเอาไว้อาจเป็นความจริงหรือไม่ นางคงหมายถึงบุรุษทั่วไป แต่ที่นี่เป็นแดนเทพ ข้าเป็นบุรุษเทพ มิใช่บุรุษเพศบนโลกมนุษย์ ถึงข้าจะถือกำเนิดจากครรภ์มารดาต่างจากเทพอื่น ๆ ยังไม่อาจนับได้ว่าข้าเป็นมนุษย์ เจ้าเองก็ไม่ใช่..." ปลายเสียงบอกนาง ดวงตาคู่คมปลาบมิได้ละวางไปจากใบหน้าหน้าสงสัยใคร่รู้ของนาง "ก็อาจจะเคยเป็น..."
อาเป้ยมองบุรุษเทพปีศาจรูปงามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม นางไม่คาดคิดว่าเทพอู่เฉินดันเกิดความเสน่หาในตัวนางขึ้นมา หลังผ่านเหตุการณ์หลายอย่างมาด้วยกัน
นางนี่แหละที่จะมีปัญหา...
"เอาล่ะ ข้าจะไปจัดการงานของข้าเสียหน่อย ค่อยมาเชยชมสมบัติของข้า..."