webnovel

Chapter1.3 ประจำวันอันเเสนสงบสุข(ต่อ)

ณ ร้านอาหาร (ที่ทำงานพิเศษ) ฝั่งเขต เวส

จินตอนนี้ได้วิ่งจนมาถึงที่ทำงาน เสียงหายใจดังถี่ๆ กับหัวใจที่เต้นรัว อาการเหนื่อยหอบ ร่างกายที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ในที่สุดก็ถึงสักที เหนื่อยสุดๆไปเลย ไม่ไหว ขอพักหายใจสักประเดี๋ยว ค่อยๆหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกช้าๆ

ควบคุมลมหายใจของตัวเองซะ จนหัวใจเริ่มกลับมาเต้นปกติ...เรียบร้อย

ดูสิว่าสายไปเท่าไหร่? ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ เกือบๆชั่วโมง อืม! โดนด่าแน่เลย อย่างน้อยก่อนที่จะเข้าไป ขอทำใจสักประเดี๋ยว

ในระหว่างที่จินนั้นกำลังทำใจอยู่หน้าร้านที่ทำงาน ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งได้เข้ามาข้างหลังของเขา แตะไปที่ไหล่เบาๆ แล้วกระซิบมาที่ข้างหู

"นี่ๆ พ่อหนุ่ม ทำอะไรอยู่หรอ?"

จิน ตกใจหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว เห็นหญิงสาว รูปร่าง ใบหน้าแลดูงดงาม ราวกับนางแบบ ผมยาวสีบรอนซ์ทอง และแววตาสีฟ้าที่เป็นประกาย

"โธ่~ ตกใจหมดเลยพี่ไมร่า ไม่ใช่ว่าตอนนี้เข้างานอยู่หรอกหรอ?"

"ก็ใช่ เห็นหัวหน้าบอกว่าวันนี้นายจะมาสาย แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะสายเกือบๆชั่วโมง แล้วมัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้หละ ตอนนี้กำลังยุ่งเลย ถ้าเป็นไปได้ก็เร็วหน่อยล่ะ"

"ครับจะรีบตามไปเดี๋ยวนี้แหละ"

เปิดทางเข้าที่ประตูหลังร้าน ทันทีที่นั้นเห็นหญิงสาววัยกลางคนยืนกอดอกอยู่ข้างหน้าประตู รูปร่างที่ผอมเพรียว ตัวสูง ใส่ชุดสุภาพเรียบร้อย มัดผมหางม้า ท่าทางกำลังโกรธ ใช่!นั่นคือหัวหน้าเฟย เธอจ้องมาที่ฉัน ด้วยความกลัวนั้น เลยคุกเข่าก้มหัวลงน้อมรับความผิด

"จะเข้างานสายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ว่านี่มันก็เกินไป เกือบชั่วโมง!"

"ขอโทษจริงๆครับ"

"ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยคุยหลังเลิกงานแล้วกัน เข้าใจนะ? เอาหละไปทำงานได้แล้ว!"

เธอแทบจะไม่พูดอะไรออกมาแถมยังไล่ฉันให้ไปทำงาน แต่มันก็จะเป็นแบบนี้อยู่เสมอตั้งแต่ตอนแรกทีพบกันในตอนนั้น ช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดของชีวิตของฉันนั่งจมปลักอยู่กับความสิ้นหวัง ได้พบกับหัวหน้าเฟย เธอเข้ามาชวนฉันที่ไม่มีที่ไปให้ทำงานกับเธอ

หัวหน้าเฟยมักจะดูแลพนักงานทุกคนเหมือนกับลูกเสมอ ก็นะ...คนส่วนใหญ่ที่มาทำงานที่นี่ก็เป็นนักศึกษาซะส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นเท่าที่ได้ฟังที่เธอบ่นมาตอนที่เมาว่า สามีเธอทิ้งไปเพราะว่าเธอไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอมักจะใจดีกับพนักงานทุกคนอยู่เสมอ

บรรยากาศภายในร้านตอนนี้กำลังดูคึกคัก ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังยุ่งกันจนมือเป็นระวิง

ถึงแม้จะบอกว่าเป็นร้านอาหารกลางคืน แต่ว่าที่นี่ก็ขายพวกแอลกอฮอล์ด้วยเหมือนกัน ทั้งรับออเดอร์และรออาหาร พนักงานทุกคนต้องเตรียมพร้อมรับกับแขกมากมายหลายอารมณ์ให้ได้ ในนี้อาจจะมีทั้งลูกค้าขาประจำที่มาตลอดและลูกค้าที่พึ่งจะมาเป็นครั้งแรก

ในช่วงเวลา 3-4 ทุ่มมักจะเป็นช่วงที่ลูกค้ามากันมากที่สุด น่าจะมาจากสาเหตูที่ว่าทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งสัปดาห์ เลยหาโอกาสที่จะมาเฉลิมฉลองกันในวันศุกร์

ปลดปล่อยความเครียดและความกดดันไปกับเสียงดนตรีที่ขับร้องโดยนักดนตรีมืออาชีพ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หัวหน้าไปจ้างพวกเค้าได้ไง แต่ละคนที่มาร้องนั้นก็ต่างมีชื่อเสียงระดับหนึ่งพอที่จะมีคนรู้จัก บางทีหัวหน้าเฟยอาจจะเคยเป็นดารามาก่อนก็ได้

แต่ก็ช่างเถอะ! ตอนนี้ตั้งใจทำงานก่อนจะได้ไม่โดนเฉ่งทีหลัง

เวลาตี 1-2 มักเป็นตอนที่ลูกค้ากลับกันไปจนเกือบจะหมดร้านแล้ว พนักงานทุกคนต้องมาช่วยกันทำความสะอาด เก็บกวาดเศษขยะต่างภายในร้าน

ระหว่างที่ฉันกำลังเช็ดโต๊ะนั้น หัวหน้าเฟยก็เข้ามาเรียกให้ไปคุยด้วยที่ห้อง

"จิน มีเรื่องที่จะคุยด้วย ช่วยมาที่ห้องที"

"เอาแล้วไง...คราวนี้แหละโดนแน่ๆ"

" มาสายเป็นชั่วโมง หัวหน้าคงจะโกรธมาก...จนอาจจะโดนไล่ออกเลยก็ได้"เสียงซุบซิบของพวกพนักงานหลังจากที่หัวหน้าเรียกให้จินเข้าไปพบ

(ไม่ต้องตอกย้ำกันขนาดนั้นก็ได้ อย่างน้อยก็ขออย่าโดนไล่ออกก็พอ)

"ครับ!"

ฉันยืนนิ่งแข็งราวกับหิน ทั้งๆที่เป็นห้องปกติแท้ๆแตกลับรู้สึกหนาวจนเสียวสันหลัง ทำให้นึกถึงตอนที่เข้าไปยังห้องปกครองในสมัยมัธยมเลย

"ขอโทษสำหรับเรื่องในคราวนี้ครับ คราวหน้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก" ฉันก้มหัวขอโทษเพื่อแสดงความจริงใจ

"ก็ดี..ที่สำนึกผิดต่อการกระทำของตนเอง แต่ว่าที่เรียกมานั่นนะ คืออยากให้ดูวิดีโอนี้ต่างหาก"

หัวหน้าเฟยยื่นวิดีโอให้ดู ภายในนั้นเป็นตอนที่จินนั้นได้เข้าไปมีเรื่องกับพวกอันธพาล มีบันทึกไว้ทุกอย่าง

"ฉันได้รับวิดีโอนี้มาจากเพื่อนที่รู้จักนะ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นนาย ฝีมือยังดีไม่ตกเลยนะ...ไม่คิดจะกลับไปทำงานแบบเดิมหน่อยหรอ? นายจะได้ไม่ต้องลำบากเรื่องเงิน อย่างน้อยอะนะ"

"ไม่ไหวหรอกครับ ผมลาวงการนี้มาตั้งเกือบสามปีแล้วนะ คงเป็นได้แค่กระสอบทรายให้พวกมืออาชีพเล่นเท่านั้นแหละ"

"น่าเสียดายทั้งที่มีความสามารถขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับทิ้งไป ชื่อนั้นคงเหลือแค่เพียงตำนานเท่านั้นแหละนะ กับสมญานาม "ยักษ์"

"ไม่เอาสิครับหัวหน้า ชื่อนั้นน่าอายจะตายไป อีกอย่างผมก็เป็นมนุษย์นะครับ"

"ฉันว่าเท่ดีออกนะ...ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ดูสมเป็นนายดีนิ"

"สมัยก่อนผมนี่ดูโหดร้ายขนาดนั้นเลยหรอ? พอเทียบกับตอนนี้แล้วรู้สึกว่าหล่อขึ้นหรือป่าวนะ?" จินเอามือจับไปที่คางแล้วเชิดหน้าขึ้นชมตัวเอง

"ถ้าคนอย่างนายเอาจริงล่ะก็นะ แต่ว่าอย่างน้อยก็เลิกชมตัวเองได้แล้วมันดูน่าขนลุก"

หัวหน้ายื่นซองขาวที่บรรจุเงินในนั้นให้กับจิน

"ซองอะไรกันครับ อย่าบอกนะว่าจะไล่ผมออก"

"ถ้านายอยากออกก็อออกไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก...ค่าตอบแทนต่างหากเล่า!"

"ล้อเล่นครับ มีหัวหน้าที่ใจดีและแสนสวยขนาดนี้ใครมันจะไปออกจากงานได้หละ" เขายื่นมือไปหยิบซองนั้นอย่างรวดเร็ว

."นายนี่ถ้าเรื่องเงินล่ะก็ไวเชียวนะ"

"มันแน่นอนอยู่แล้ว ถึงแม้หลายคนจะบอกว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างแต่สำหรับผมแล้วมันคือความเป็นความตายเลยนะ ถ้าไม่มีก็ได้ไปคุ้ยขยะกินแทนข้าวแน่ๆ งั้นผมไปก่อนนะ"

"นี่จิน! มีของเหลือที่ยังพอกินได้อยู่ในห้องครัวอย่าลืมเอาไปด้วยล่ะ"

"รับทราบถ้าที่ไหนมีของฟรี...ผมไม่มีพลาด" เมื่อได้ยินดังนั้นเลยรีบเดินไปที่ห้องครัวก่อนกลับ

หลังจากที่ทำงานจนหมดฉันที่พักอยู่ทางเขตอีส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางนี้เลยจำเป็นต้องรอรถประจำทางเที่ยวสุดท้าย พลันนึกถึงเรื่องภายในอดีตที่ไม่ค่อยน่าจำสักเท่าไหร่

เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก เท่าที่จำความได้ พ่อและแม่ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นฉันเลยถูกลุงรับเลี้ยงมา เขาดูแลฉันเหมือนลูกแท้ๆ และได้สอนศิลปะการป้องกันตัว และเขาได้กำชับอย่างแน่นหนาเลยว่า "ต้องมีสติที่จะใช้มัน และอย่าให้อารมณ์ครอบงำการกระทำ อย่าลืมล่ะ" ฉันที่รับปากเรื่องนี้ไว้แล้ว แต่ฉันได้ผิดสัญญาต่อเขาลงไป....

เมื่อตอน 3 ปีที่แล้ว ฉันเลือกที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เนื่องจากฉันไม่มีเงินมากเลยเลือกที่จะทำงานไปด้วย ในระหว่างที่เดินหางานอยู่นั้นเอง ได้พบคนๆหนึ่งที่เข้ามาหาฉัน เขายื่นนามบัตรมาให้พร้อมกับแนะนำตัว

"ผมชื่อ "ราอูล" เป็นแมวมองหาคนมานักสู้มาชกในคืนนี้ครับ สนใจไหม? เนื่องจากที่ผมดูจากรูปร่างคุณแล้วใช้ได้เลย เหมือนว่าเคยฝึกมาก่อนหรือป่าว?" ตอนแรกเขาก็ดูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่แต่ก็รับๆนามบัตรไว้ก่อน ถ้าเกิดไม่มีทางเลือกก็คงต้องไป คงไม่ใช่อะไรมากแค่ไปชกเป็นพิธีแล้วกลับ รับค่าตัวก็น่าจะจบ ในที่สุดแล้ว...วันนั้นฉันก็หางานไม่ได้เลย จำใจต้องตดต่อเขาไป

"เป็นเกียรติมากเลยครับ ที่ท่านได้ติดต่อกระผมมา ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ พวกเราจะจ่ายท่านอย่างแน่นอน" ถึงเขาจะพูดมาแบบนั้นก็เถอะ คงไม่ต้องขนาดเอาจริงเอาจังขนาดนั้นหรอก แค่ชกเป็นพิธีเท่านั้น....ผิดถนัดเลยในที่นั้นมันเป็นเหมือนสนามประลองขนาดย่อมๆ ใต้ดิน มีการลงเดิมพันจำนวนมหาศาล ถ้ายิ่งมีชื่อเสียงมากตนเองก็จะได้รับเงินมากเช่นกัน

(บอกปฏิเสธทันไหมเนี่ย) ฉันคิดแบบนั้น

ในการแข่งนั้นบนเวทีจะมีระบบสองอย่าง แบบธรรมดาที่จะแค่จัดขึ้นเป็นแบบคู่ต่อคู่และอีกอย่างจะเรียกว่า "หอคอยบาเบล" ยิ่งชนะเท่าไหร่ก็ยิ่งได้มาก ถ้าตนเองชนะคู่ต่อสู้คนแรกแล้วเลือกที่จะรับคำท้าคนต่อไป จะได้เงินมากขึ้นเรื่อย หากเลือกที่จะยอมในการขึ้นชั้นก็จะได้เงินที่สะสมไปทั้งหมด หรือเกิดแพ้ขึ้นมาก็จะได้รางวัลครึ่งของทั้งหมด ยิ่งสูงยิ่งเสี่ยง แต่ถ้าหากเราเลือกจะท้ารบกับอีกฝ่ายที่ชนะต่อเนื่อง แพ้จะไม่เสียอะไรและได้เงินตามค่าตัว แต่หากชนะก็จะได้เงินรางวัลเป็นสองเท่า

รอยนี้เหมือนว่าจะเป็นการชกเพื่อเปิดงานเฉยๆ ในตอนที่พิธีเริ่มคู่ต่อสู้เดินเข้ามาพร้อมผลักอกฉัน เดี๋ยวนะ! นี่โกรธอะไรกันป่าวนี่? ฉันไม่ได้อบโต้อะไรกลับไป แล้วจู่ๆก็มีเสียงโห่ร้องออกมาจากคนดูในนั่งเชียร์อยู่ "ไอ้ไก่อ่อน.... ตอบโต้หน่อยสิวะ.... ตอบโต้!"

กฎของการแข่งขันเหมือนว่าจะใช้ศิลปะการต่อสู้ชนิดไหนก็ได้ เพียงแต่อย่างเดียวถ้ายอมแพ้เท่ากับจบ ยกแรกเริ่มขึ้นเพียงเท่านั้นฉันสามารถชนะอีกฝ่ายด้วยการต่อยแค่เพียงหมัดเดียว ร่างกายเขาสลบนอนกองกับพื้น ทันทีนั้นเสียงรอบสนามแข่งก็เงียบสนิท แล้วก็ดังขึ้นโหมโรงอีกรอบ หลังจากที่ลงจากสังเวียนแล้วจู่ๆ ราอูล ก็เข้ามาหาฉันแล้วยื่นข้อเสนอบางอย่างให้ฉัน

"ยินดีด้วยครับที่คุณชนะ สนใจจะมาร่วมงานกับทางเราไหมครับ? แบบเป็นทางการ"

"ชนะอะไร! ก็แค่งานชกเด็กเล่นไม่ใช่หรอ? แล้วอีกอย่างฉันก็แค่ทำอันนี้ไปก่อนเพราะว่าตอนนี้หางานทำไม่ได้เฉยๆ"

"ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ นี่ครับเงินค่าจ้างในคืนนี้" เขายื่นซองขาวๆที่บรรจุเต็มไปด้วยเงินฟ่อนหนาๆหนึ่งฟ่อน

"มันไม่เยอะไปหรอ? นึกว่าจะได้น้อยกว่านี้ซะอีก"

"เนื่องจากคู่ต่อสู้ของคุณคืออดีตแชมป์ หอคอยบาเบล ที่ตอนนี้กำลังตกอับอยู่ เลยว่าจะหานกน้อยมาให้เขาขยี้เล่นๆเพื่อเป็นกำลังใจ แต่กลับกลายมาเจอเหยี่ยวซะได้"

"อย่างนั้นหรอ?" ฉันรีบเดินออกที่สนามประลองนั้นอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เดินออกนั้นเองเขาก็พูดขึ้นมาข้างหลังเขาว่า

"ผมไม่ได้เปลี่ยนเบอร์ ไว้ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก้อย่าลืมผมนะครับ"

ฉันเลือกที่จะหางานต่อไปเนื่องจากแถวนี้เป็นเขตใกล้ตัวเมืองเลยทำให้หางานยาก แล้วอีกอย่างเป็นเพียงแค่นักศึกษาที่ไม่มีประสบการณ์ใดใครจะรับ ช่วยไม่ได้....

"ผมรอคุณอยู่เลย ครับ...ถ้าอย่างน้อยสนใจเข้าร่วมทันทีเลยไหม?"

ก็มันช่วยไม่ได้นิ...ไว้ถ้าอย่างน้อยหางานทำได้ก่อน จะได้บอกลาที่นี่สักที ใช่ บอกลา...บอกลา..ที่นี่...ช่วยไม่ได้....ไม่ได้...มันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยนี่ ง่ายจะตายแค่ชนะอีกฝ่ายและรับเงิน ทั้งชื่อเสียงและเงินตรา ท้ายที่สุดก็ถูกกลืนกินจนหมดสิ้น

ฉันได้มันมาในเวลาไม่นาน จนมีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง และเลือกที่จะเข้าร่วม หอคอยบาเบล แน่นอนฉันชนะไปอย่างราบคาบ จนไม่มีแม้แต่คู่ต่อสู้มาท้าสู้ ขึ้นไปอยู่บนจุดสูงุดของหอคอยนั่น จนมีฉายว่า "ยักษ์"

จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้ท้าชิง เขาคือชายที่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่ฉันได้ชกด้วย เพื่อหวังจะมาทวงคืนบัลลังก์ แต่แน่นอนฝ่ายชนะเป็นฉันเหมือนอย่างเคย

ในตอนที่หลังจากจบการประลองฉันกำลังจะกลับไปหยังหอพัก ระหว่างทางนั้นแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรไปกินหลังจากทำงาน

ได้มีโจรบุกเข้ามาปล้น พยายามขู่ด้วยมีด

พอเห็นฉันที่กำลังจะไปจ่ายค่าสินค้า แล้วจู่ๆโจรคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความเร็ว พยายามที่จะแทง

อีกฝ่ายที่พยายามพุ่งมีดทิ่มเข้ามาที่คอ แต่ฉันเลือกที่จะรับด้วยฝ่ามือจนมันหยุดก่อนที่จะถึงคอ ฉันรีบถีบโจรคนนั้นล้มลง

ตอนนั้นราวกับปีศาจเข้าสิง ปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำ ฉันรีบขึ้นคร่อมแล้วกระหน่ำต่อยนับครั้งไม่ถ้วน หมัดแต่ละหมัดนั้นกระทบเข้าที่หน้าของโจรอย่างแรง เขาพยายามขอร้องชีวิต แต่เสียงนั่นกลับถูกบดบังด้วยความโกรธ จนเสียงเขานั้นค่อยๆหายไปพร้อมกับร่างกายที่แน่นิ่ง บนใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เลือดที่โชกเต็มมือแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร อารมณ์ที่ประทุเริ่มทุเลาลง สติที่หายไปค่อยๆกลับคืนมา เมื่อได้สังเกตดูดีๆอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นคนที่ฉันชนะในคืนนี้คงอาจจะแค้นก็ได้เลยพุ่งเข้ามาทำร้าย

ภายหลังจากเหตุการณ์จบลง ฉันถูกส่งตัวไปทำแผลที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ดีที่บาดแผลนั้นไม่ค่อยสาหัสใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ในตอนที่กำลังเดินออกจากโรงพยาบาล โถงทางเดินที่เงียบสนิทมีเสียงเท้าๆหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน

ข้างหน้านั้นเป็นเด็กผู้หญิงสาวทักผมเปียยาวสีดำอายุราวๆ 18 หยุดอยู่ตรงหน้า

"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?"

หญิงสาวง้างมือตบไปที่หน้าของฉันอย่างแรง จนเสียงนั้นดังไปทั่วโถงทางเดิน

"ขอโทษนะครับ ผมไปทำอะไรให้คุณไม่-"

ยังไม่ทันได้พูดจบ ฉันโดนตบกลับมาอีกที

"ทำไมไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ? ว่าทำอะไรลงไป"

สิ้นสุดเสียงน้ำตาของหญิงสาวค่อยไหลออกมาอาบแก้ม เธอค่อยเช็ดน้ำตานั้นออก แล้วชี้ไปทางห้องฉุกเฉิน

เห็นหญิงท้องแกคนหนึ่งที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องนั้น

"ผมไม่เห็นจะ-"

พอค่อยคิดดูอีกที่ก็เริ่มที่จะเข้าใจ สิ่งที่ทำลงไป กับสิ่งที่หญิงสาวคนนี้ต้องการจะสื่อ

ผมยืนนิ่งไปสักพักหนึ่ง จนหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย

"ต้องเสียใจด้วยครับเราไม่สามารถยื้อชีวิตเขาไว้ได้"

สาวท้องแก่เป็นลมล้มไปกับพื้น พยาบาลหลายคนต่างรีบเข้ามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวไปพักผ่อน

เมื่อเห็นดังนั้นแล้วหญิงสาวผลักผมไปติดกับผนัง แล้วคว้าที่คอเสื้อ หลังจากนั้นเธอเข้ากระหน่ำหมัดนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งใช้เล็บจิกข่วนด้วยแววตาที่เกลียดชังอีกทั้งสียงตะโกนด่าสาปแช่งดังไปทั่วโถงทางเดิน

"ทำไม!!!แกต้องฆ่าเขา!!! พี่ชายของฉัน ทั้งๆที่อีกไม่กี่เดือนเขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วแท้ๆ ฉันจะฆ่าแก! ไอ้ฆาตกร!!"

ฉันไม่ได้ตอบโตกลับไป ยินยอมเป็นฝ่ายที่ถูกอัดอยู่อย่างเดียว ที่เธอพูดมามันก็ถูก ถูกทุกอย่าง ร่างกายที่ไร้การโต้ตอบค่อยๆร่วงลงกองกับพื้น

จนครั้นที่หญิงสาวเอื้อมไปหยิบไม้ถูพื้นที่วางอยู่แถวๆนั้น กำลังจะพาดมาที่ฉันแต่พวกพยาบาลกลับเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน แล้วจับเธอแยกออกไปสงบสติอารมณ์

ตัวผมในตอนนั้นไม่มีแม้แต่แรงที่จะยืน ที่เธอคนนั้นพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ไม่เพียงแค่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ แต่ยังผิดสัญญาที่ได้ให้ไว้กับลุงอีก ถ้าตอนนั้นฉัน....หยุดอยู่แค่นั้นก็ดีแล้วแท้ๆ

หลังจากนั้นชีวิตของฉันก็เริ่มตกต่ำลง แม้แต่เงินสักแดงก็ไม่เหลือ นี่ก็คงอาจจะเป็นผลกรรมก็ได้ที่ได้ผิดต่อคำสัญญากับลุง จนได้พบกับหัวหน้าเฟยได้เข้ามาหาฉันในตอนที่ฉันนั้นแทบไม่เหลือแม้แต่แรงที่จะมีชีวิต "นายนะ! มาทำงานกับฉันไหม?"

Next chapter