บทที่ 18 ทูต (2จบ)
แม้จะแอบด่าในใจ แต่ถึงอย่างไรก็ยังต้องร่วมโต๊ะอาหารอยู่
บรรยากาศโต๊ะอาหารมื้อเย็นนับว่าดีพอสมควร แต่เพราะเจ้าชายไม่ได้พูดถึงแร่ เขาเลยไม่สะดวกพูดอะไรมาก
เมื่อสบโอกาสตอนที่เจ้าชายสั่งให้สาวใช้ไปนำของหวานเข้ามา เปโรจึงลองหยั่งเชิงดู “ฝ่าบาท ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้ว วันนี้ควรเป็นวันแลกเปลี่ยนแร่ แต่กระหม่อมกลับไม่เห็นแร่ใดๆ ในลานกองสินค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์วางแท่งไม้เล็กๆ ในมือลงก่อนจะพยักหน้า “โชคไม่ดีเลย ก่อนหน้านี้เหมืองที่เนินเขาทิศเหนือเกิดถล่มน่ะ หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้คนของข้ากำลังเร่งฟื้นฟูการผลิตอยู่ แต่ยังเก็บกวาดพวกเศษหินที่ถล่มลงมาไม่เสร็จ ดูจากความคืบหน้าตอนนี้ กว่าจะเริ่มทำเหมืองได้อีกทีคงปีหน้า”
ถล่มหรือ เปโรอึ้งไปครู่หนึ่ง บังเอิญขนาดนี้เลยหรือ ทว่าเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องโกหกเขา มิฉะนั้นเขาไปดูที่ีเนินเขาทิศเหนือด้วยตัวเองก็พิสูจน์ความจริงได้แล้ว การโกหกคำโตขนาดนี้มีแต่จะทำลายเกียรติตัวเองเปล่าๆ
“แล้ว....สองเดือนก่อนหน้านี้ล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ขุดได้ไม่มากเท่าไร ถ้าทำตามธรรมเนียมที่ว่า ผลผลิตเพียงเท่านี้เลี้ยงปากท้องประชาชนข้าไม่ได้หรอก” โรแลนด์เน้นคำว่าธรรมเนียม “ท่านทูต ท่านคงจำเดือนแห่งปีศาจเมื่อสองปีก่อนได้กระมัง”
เปโรย่อมจำได้แน่นอน ฤดูหนาวอันโหดร้ายกินเวลานานถึงสี่เดือน ทำให้ชาวเมืองชายแดนเกือบร้อยละยี่สิบอดตาย สาเหตุมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่เทศบาลเฟอร์เรโน ใช่ว่าภายในกลุ่มขุนนางจะไม่มีคนต่อต้าน บางคนยังถึงกับเรียกร้องให้ลงโทษเฟอร์เรโนด้วยซ้ำ ทว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไป เพียงเพราะเขาเป็นสามีของลูกสาวคนรองของดยุค
พอได้ยินเจ้าชายพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เปโรก็เริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
“ครั้งนี้เลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ” โรแลนด์ถอนใจ “หากทำการค้าด้วยรูปแบบเดิมๆ เหมือนเมื่อก่อน ทางข้าคงแลกข้าวสาลีได้สำหรับสองเดือนเท่านั้น และประชาชนของข้าก็จะอยู่ได้ไม่พ้นฤดูหนาว ท่านทูต รูปแบบการค้าแบบเดิมๆ จะต้องถูกล้มเลิก”
เปโรอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร เขาไม่ใช่นักการทูตมืออาชีพ พอได้ยินเหตุผลที่มีน้ำหนักแบบนี้ จึงไม่รู้จะเล่นประเด็นไหนต่อ ได้แต่ถ่วงเวลาออกไปก่อน “ฝ่าบาท กระหม่อมรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างยิ่ง แต่คราวนี้จะไม่มีโศกนาฏกรรมเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก กระหม่อมจะขอให้ทั้งหกตระกูลแจกจ่ายเสบียงสำหรับหนึ่งเดือนล่วงหน้าให้ก่อน หลังจากการผลิตแร่กลับมาเป็นปกติแล้ว ฝ่าบาทค่อยให้ประชาชนของฝ่าบาททยอยชำระคืนได้”
“แต่ถ้าข้าขายแร่ให้เมืองวิลโลว์แทน ทางข้าก็ไม่จำเป็นต้องทยอยชำระคืนอะไร”
“แต่....”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” โรแลนด์ขัด “พวกเขายินดีใช้เงินซื้อแร่ และขณะเดียวกันก็ยินดีขายข้าวสาลี เนยแข็ง ขนมปัง น้ำผึ้งตามราคาตลาด....พวกเขาขายทุกอย่างที่สามารถใช้เงินซื้อได้ นอกจากนี้ ท่านทูต ต่อให้ท่านยินดีให้ทางข้าเบิกเสบียงสำหรับหนึ่งเดือนล่วงหน้า อีกห้าตระกูลที่เหลือจะเห็นด้วยกับท่านหรือ เท่าที่ข้ารู้มา ดยุคไรอันไม่ใช่คนที่จะบรรลุข้อตกลงอะไรง่ายๆ”
เปโรเงียบ เจ้าชายพูดถูกทุกประการ อย่างว่าแต่ห้าตระกูลที่เหลือเลย แม้แต่พ่อของเขาเองเขายังไม่แน่ใจเลยว่าจะเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ หากทางป้อมต้องการรักษาสิทธิ์ผูกขาดนี้ไว้ก็ต้องเปลี่ยนวิธีทำการค้า ทว่าเขาไม่มีอำนาจพอจะตัดสินใจได้ แม้ได้ชื่อว่าเป็นทูต แต่แท้จริงแล้วเป็นแค่กระบอกเสียงเท่านั้น ดยุคคงไม่ต้องการให้ใครแอบทำข้อตกลงใดๆ กับเมืองชายแดนเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ปกครองคนก่อนหรือเจ้าชายก็ตาม ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคนมาที่นี่ทุกๆ ฤดูและทุกๆ ปี และคนพวกนี้ก็จะต้องไม่ใช่คนที่มีอำนาจในตระกูลด้วย
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร เขาก็ต้องลองดู พอคิดถึงตรงนี้ เปโรก็แบไพ่ใบสุดท้ายออกมา “ร้อยละสามสิบ” เขาชูนิ้วสามนิ้ว “ทางป้อมจะรับซื้อแร่และพลอยดิบด้วยราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดร้อยละสามสิบ กระหม่อมคิดว่าราคานี้น่าจะสูงกว่าราคาเสนอของเมืองวิลโลว์กระมัง ฝ่าบาท”
โรแลนด์แบมือ “สูงกว่าจริงๆ แต่ก็ปัญหาเดิมๆ ข้อเสนอของเจ้าจะได้รับความเห็นชอบจากทั้งหกตระกูลหรือ”
“พรุ่งนี้กระหม่อมจะเดินทางกลับป้อมปราการลองซอง หลังจากตกลงกันได้แล้ว กระหม่อมจะนำสัญญาฉบับใหม่มาที่นี่”
“แต่ประชาชนของข้ารอนานขนาดนั้นไม่ไหว ท่านคงรู้ว่าการตกลงกันในหมู่ขุนนางมักกินเวลานานเสมอ”
“ฝ่าบาท การให้ความร่วมมือกับป้อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับฝ่าบาทและประชาชนของฝ่าบาท เมืองวิลโลว์อยู่ไกลเกินไปมาก แม้ว่าพวกฝ่าบาทสามารถไปหลบเดือนแห่งปีศาจที่นั่นได้ก็ตาม” เปโรพูดถึงตรงนี้ก็รู้สึกลำคอแห้งผาก “แต่ว่าระหว่างทางอาจเกิด....อุบัติเหตุได้ง่าย”
สวรรค์ ให้ตายเถอะ นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่ ใจเขาเต้นตุ้บๆ ข้ากำลังข่มขู่เจ้าชายหรือนี่
“ฮ่าๆๆ” โรแลนด์ไม่ได้โมโหเดือดดาลอย่างที่คิด แต่กลับหัวเราะร่วน “ท่านทูต ดูเหมือนท่านจะเข้าใจอะไรผิดไปกระมัง ข้าไม่ได้คิดจะไปเมืองวิลโลว์เลย”
“ความหมายของฝ่าบาทคือ....”
“แน่นอนว่าข้าก็ไม่ได้คิดจะไปป้อมปราการลองซองเช่นกัน” โรแลนด์สังเกตอีกฝ่ายด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น”
เปโรสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า
โชคดีที่เจ้าชายไม่ปล่อยให้ความเงียบประหลาดนี้คงอยู่นาน เขาอธิบายเพิ่มว่า “ข้าจะอยู่ที่เมืองชายแดนตลอดฤดูหนาวนี้ เมืองชายแดนจะเป็นพรมแดนใหม่ของอาณาจักรเกรย์คาสเซิล ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ สหายข้า ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ประเดี๋ยวข้าพาท่านไปดูกำแพงเมืองที่ข้าเพิ่งสร้างก็ได้ อยู่ที่เนินเขาทิศเหนือนี่เอง”
“กำแพง....เมืองหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ กำแพงหินที่เชื่อมระหว่างเนินเขาทิศเหนือกับแม่น้ำแดง สูงสิบสองฟุต กว้างสี่ฟุต เมื่อมีกำแพงเมืองแล้ว พวกเราก็อยู่รับมือกับสัตว์อสูรที่เมืองชายแดนได้”
เปโรรู้สึกเหมือนสมองตัวเองเริ่มใช้งานไม่ได้แล้ว ตอนที่ทูตคนก่อนกลับไปไม่เห็นพูดอะไรเกี่ยวกับกำแพงเมืองสักคำ ไม่สิ ตอนนั้นผู้ปกครองเมืองชายแดนยังเป็นคนของทางป้อมอยู่ จะสร้างกำแพงด้วยกำลังคนที่จำกัดได้อย่างไร หรือพูดอีกอย่างคือ เจ้าชายเริ่มสร้างกำแพงเมืองตั้งแต่มาที่นี่อย่างนั้นหรือ แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เพิ่งสามเดือนเท่านั้น เวลาเพียงเท่านี้จะสร้างอะไรได้
ช้าก่อน....เมื่อครู่นี้เจ้าชายพูดว่าอะไรนะ สูงสิบสองฟุต กว้างสี่ฟุต มิหนำซ้ำยังเชื่อมระหว่างเนินเขาทิศเหนือกับแม่น้ำแดงด้วยอย่างนั้นหรือ เปโรนึกคำนวณในใจ กำแพงขนาดเท่านี้ต้องใช้เวลาก่อสร้างหลายปี เขาไม่มีช่างหินมาช่วยตัดหินมากมายขนาดนั้น! เมืองชายแดนไม่ใช่เกรย์คาสเซิล คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นพวกใช้แรงงานทั้งนั้น
โรแลนด์ไม่รอให้เขาย่อยข้อมูลนี้ แต่กลับสร้างความตื่นตระหนกให้เขาต่อทันทีด้วยคำพูดถัดมา
“ส่วนเรื่องการขายแร่นั้น นับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ข้ายินดีลดราคาให้พวกท่านถึงร้อยละห้าสิบ ท่านทูต แต่ข้าคงไม่ได้ขายแร่ทั้งหมดให้แก่ป้อมปราการลองซอง เพราะพวกท่านคงไม่ได้ต้องการแร่มากมายขนาดนั้น ข้าว่าหากเทียบกับแร่ดิบที่ด้อยค่าแล้ว พวกท่านน่าจะชอบผลิตภัณฑ์โลหะอย่างพวกเสียมหรือพลั่วมากกว่า” พอพูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดเล็กน้อย คล้ายกับจะรอให้เปโรทำความเข้าใจความหมายแฝงในถ้อยคำเหล่านั้นก่อน “ส่วนพลอยดิบพวกนั้นข้าจะขายในรูปแบบการประมูล คนที่ให้ราคาสูงสุดจะเป็นคนได้ไป แม้ว่าใจจริงข้าอยากจะเจียระไนเพื่อเพิ่มมูลค่าก่อนก็ตาม แต่เสียดายที่เมืองชายแดนยังไม่มีศักยภาพขนาดนั้น”
แต่มีศักยภาพจะสร้างกำแพงเมืองให้เสร็จภายในเวลาไม่กี่เดือนนี่นะ เปโรตะโกนอยู่ในใจ แล้วคำว่าไม่ต้องการแร่มากมายขนาดนั้นหมายความว่าอย่างไร ผลผลิตของเหมืองในแต่ละปีมีมูลค่าเพียงหนึ่งพันเหรียญทองเท่านั้น ต่อให้เพิ่มปริมาณการผลิตได้จริง อย่างมากที่สุดก็เพิ่มขึ้นมาอีกเท่า เงินสองพันเหรียญทองนี้ทางป้อมจะไม่มีปัญญาจ่ายเชียวหรือ โอหังเกินไปหน่อยแล้วมั้ง
เขาพยายามสะกดกลั้นโทสะในใจเพื่อรักษามารยาทสุดท้ายสุดกำลัง “สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสมากระหม่อมจะจดจำไว้ กระหม่อมกลับถึงป้อมเมื่อไรจะรีบเรียกประชุมหกตระกูลทันที เพียงแต่ กำแพงเมืองที่ฝ่าบาทตรัสถึงนั้น....กระหม่อมขอไปดูได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ย่อมได้แน่นอน” โรแลนด์หัวเราะ “แต่ท่านไม่ต้องรีบนักก็ได้ กินขนมพื้นเมืองพวกนี้เสร็จแล้วค่อยไปก็ยังไม่สายกระมัง ท่านทูต”
........................................