....
รถบัสมาส่งพวกลูกเสือถึงที่หมายแล้ว….
อาจารย์ได้ให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่หอประชุม และรออาจารย์เรียกทีละหมู่ให้ไปผจญภัยในด่านง่ายๆ เพื่อเรียกน้ำย่อยการผจญภัยของจริงในวันพรุ่งนี้ พอถึงบ่ายสามโมงครึ่งก็ได้ให้ลูกเสือทุกคนไปพักเพื่อเตรียมตัวทำอาหารเย็นกินกันในตอนเย็นของวันนั้น
ถึงเวลาทำอาหารมื้อเย็นของเหล่าลูกเสือทั้งหลาย ก็ดูออกจะวุ่นวายและโกลาหลชอบกล เพราะเด็กๆจะกุลีกุจอกันจุดไฟจุดเตา ซึ่งอาจารย์จะอนุโลมให้สำหรับผู้ที่เตรียมเตาถ่านมา หรือจะใช้แบบเอาหินมาสามก้อนวางเรียงให้เป็นรูปสามเหลี่ยมที่เรียกว่าหินสามเส้า แล้วจุดไฟใส่ฟืนลงไปควันขโมงโฉงเฉง จนเด็กๆต้องวิ่งไปเตรียมหาน้ำมาเตรียมเอาให้พร้อมเผื่อเหตุฉุกเฉิน อาจารย์ปล่อยให้ทำอาหารเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง และแต่ละหมู่จะต้องส่งอาหารของหมู่ของตนไปให้อาจารย์ดู และชิมให้ทันภายในเวลาที่กำหนด ( หรืออาจารย์อาจจะไม่ชิมก็ได้ ซึ่งเป็นสิทธิของอาจารย์หากอาหารนั้นดูเสี่ยงตายเกินไปที่จะชิม!! ) เพื่อทำการให้คะแนนว่าผ่านหรือไม่ แล้วจึงรับประทานอาหารของที่หมู่ของตนเองนั้นทำได้
หมู่ของโชได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ บรรดาพวกเด็กๆต่างก็ทำงานตามที่หัวหน้าหมู่โชได้มอบหมายให้ไว้กันอย่างทุลักทุเล แต่สำหรับตัวโชนั้น เขาคล่องแคล่วทำอาหารอย่างกับพ่อครัวหัวป่าก์มาเองเลย เพื่อนๆในหมู่อู่ทองต่างก็ประทับใจในตัวของหัวหน้าหมู่โชเป็นอันมาก ในตอนแรกโชปล่อยให้ผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นคนทำกับข้าว 3 คนนั้นหุงข้าวก่อน แต่ดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะหุงข้าวแบบเช็ดน้ำไม่เป็น โชกลัวว่าข้าวที่ได้จะเป็นข้าวต้ม หรือไม่ก็ข้าวดิบ และกินกันไม่ได้ เขาจึงได้อาสาหุงข้าวเองจนข้าวสุก ข้าวที่สุกของโชนั้นสวยและหอมกรุ่น.. ดูน่ารับประทานยิ่งนัก เพื่อนๆต่างก็ชื่นชมในตัวของเขา โชเลยบอกว่างั้นเขาจะทำกับข้าวให้ด้วยแต่เพื่อนๆในหมู่จะต้องช่วยเป็นลูกมือเขา ทุกคนต่างก็ยินดีทำทุกอย่างตามที่โชบอก ทั้งหั่นผัก ตอกไข่ และใส่ฟืน โชมีหน้าที่ปรุงอาหารจนสำเร็จ กับข้าวของหมู่อู่ทองนั้น เป็นกับข้าวง่ายๆแต่ถูกใจเด็กๆทั้งหมดในหมู่อู่ทองมาก แค่มีใข่เจียว ผัดผักบุ้งไฟแรง และข้าวสวยร้อนๆแค่นั้น มันไม่ได้ยากเกินความสามารถของโช
กับข้าวและข้าวสวยของหมู่อู่ทองเสร็จแล้ว โชทำเสร็จไวมาก ไวกว่าหมู่ลูกเสืออื่นๆ เขาทำเสร็จเรียบร้อยก่อน พวกเพื่อนๆในกลุ่มต่างก็มองอาหารของเขาด้วยอาการน้ำลายสอ
" เอ้า!!.. ฉันทำเสร็จแล้ว ไหน ? ใครมีหน้าที่ยกไปส่งอาจารย์ ? "
" โอ้โฮ.. โช.. นายคือผู้ประทานความอิ่มให้แก่หมู่อู่ทองของเรา.. ท่านหัวหน้า.. ข้าน้อยขอคารวะ.. " ไก่ ( นายแฝดเสนอผู้เป็นแฟนคลับของโชในตอนนี้ ) ยกมือขึ้นชูและก้มหัวลงมาพร้อมมือทั้งสองข้างของเขา ทำท่างเหมือนกำลัง ซูฮกอาจารย์แบบในหนังจีนกำลังภายใน เรียกความฮาให้กับหมู่อู่ทองไปได้อีก
" เออๆ.. พอเถอะ ฉันเริ่มจะหิวแล้ว รีบเอาอาหารไปส่งอาจารย์เร็วเข้าเถอะ จะได้มากินข้าวกันซะที " โชรีบตัดบท
เพื่อนๆลูกเสือในหมู่อู่ทองต่างก็ช่วยยกสำรับกับข้าวไปยื่นส่งกับอาจารย์ พวกอาจารย์มองดูกับข้าวที่หมู่อู่ทองทำมาส่งก็ยิ้มให้กับลูกเสือแล้วถามไถ่
" โอ้โฮ!! เสร็จก่อนเพื่อนเลยนี่!! แต่กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ? " อาจารย์ตักข้าวมาแค่หนึ่งช้อนกับใข่นิดนึงและผัดผักบุ้งแค่พอในหนึ่งคำ
" ครูจะลองเสี่ยงตายดูก่อนนะ " อาจารย์แกล้งแซวเด็กๆ และชิมอาหาร อาจารย์เลิกคิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้าอยู่ไปมา และอาจารย์ก็ก้มลงจดลงสมุดบันทึก
" ชื่อหมู่อะไรครับ ชั้น ม. ไหน ? "
" หมู่อู่ทองครับ ม. 1 ครับอาจารย์ "
อาจารย์ยิ้มให้ลูกเสือที่ไปส่งอาหาร และให้พวกเขานำอาหารมานั่งกินกันได้เลย พวกเด็กๆในหมู่อู่ทองดีใจกันมาก พวกเขานั่งล้อมวงกินอาหารอยู่ที่สนามหญ้าหน้าตึกอาคารสองใกล้ๆกับสถานที่ที่พวกเขาทำกับข้าวกันไปเมื่อสักครู่ เพื่อนๆลูกเสือในหมู่อื่นๆ ต่างก็มองมาด้วยความอยากจะกินด้วยคงเพราะหิวแล้วนั่นเอง.. แต่พวกของตนยังคงทำกับข้าวยังไม่เสร็จ ก็ได้แต่โวยวายกันไป เสียงเหล่าลูกเสือเจี้ยวจ้าวกันไม่แพ้เสียงที่ดังมาจากที่ตึกอาคารหนึ่งเลยสักนิด ( ตึกที่พวกเนตรนารีอยู่ )
" เฮ้ย!! เร่งหน่อย!! ดูสิหมู่อู่ทองเสร็จแล้ว ได้กินข้าวกันแล้วด้วย " เสียงรุ่นพี่ม. 3 คนหนึ่ง
" ไหน ? เฮ้ย…! ทำไมต้องเป็นไอ้หมู่อู่ทองขี้งกนั่นด้วยว้าาาา.. " เสียงรุ่นพี่จอมเกรียนของเรานั่นเอง
" งก ? อะไรของแกกัน!? "
" ก็.. ฉันลืมเอาข้าวสารมาไง ก็เลยไปขอข้าวสารที่หมู่อู่ทอง แต่พวกมันไม่ให้!! แถมยังบอกขายอีกด้วย กวน… ชิปเป๋ง.. "
" ก็แกลืมเอาข้าวสารมาเองนี่!! แถมยังไปขอรุ่นน้อง ม. 1 อีกด้วย ไม่อายน้องๆมั่งเลยเหรอ.. ไอ้บ้า!! "
" อายทำไม..!? อายก็อดสิ!! แต่ฉันขอพวกมันแค่ถ้วยเดียวเองนะ ขี้ตืดขี้งก "
" อ่าว… ก็เขาบอกขายนายนี่ แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมซื้อล่ะ ? "
" ก็….. ฉัน….. "
" ฉันว่านะ ไอ้คนที่มันขี้งกน่ะ มันคือนายเสียมากกว่า เขายอมขายข้าวสารของพวกเขาให้กับนาย แต่ว่านายไม่ยอมซื้อข้าวสารของพวกเขา แถมจะเอาข้าวสารของพวกเค้าไปฟรีๆอีก… อย่างนี้ให้เรียกว่าอะไรดีล่ะ " รุ่นพี่ ม. 3 คนนี้ยังเป็นคนมีความคิดดีกว่ารุ่นพี่จอมเกรียนเสียอีก
รุ่นพี่จอมเกรียนกัดปากกัดฟันเพราะเถียงอะไรเพื่อนของตนเองไม่ได้ รู้สึกเสียหน้าจนลืมดูใข่ของตนที่กำลังทอดอยู่ จึงทำให้เพื่อนๆในกลุ่มตะโกนบอกเตือน
" เฮ้ยๆๆ…!? ควันขโมงเลย!! ใข่ๆๆ!! ไหม้แล้ว!! "
อารามตกใจ รุ่นพี่จอมเกรียนรีบกลับใข่ เจออีกด้านของใข่ที่ดำปิ๋ดปี๋ ดูน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าน่ากิน ด้วยความที่เขาเห็นใข่ของเขาเป็นแบบนั้น จึงทำให้หน้าตาของรุ่นพี่จอมเกรียนขมวดคิ้วนิ่วหน้าทำปากจู๋ แล้วอุทานออกมาว่า
" เฮ้ย.. ใข่กูดำหมด.. โธ่เว้ย..! "
เพื่อนๆต่างหัวเราะออกมาด้วยอารมณ์ที่ขบขันกันเสียเหลือเกิน
" เห็นไหม ? เพราะพวกแกเอาแต่พูดกันอยู่นั่นแหละ พวกเราเลยต้องกินใข่ไหม้กันเลยวันนี้ ฮ่าๆๆๆ ไอ้ใข่ไหม้ เอ้ย… ไอ้ใข่ดำ ฮ่าๆๆๆ " เพื่อนๆของรุ่นพี่จอมเกรียนโห่ และล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนานจนอาจารย์เดินเข้ามาดู
" โอ้โฮ… นี่พวกเธอ ครูไม่ชิมใข่ของพวกเธอหรอกนะ ดูสิน่ากลัวมาก… ดำขนาดนี้.. ครูยังไม่อยากเป็นมะเร็งตายหรอกนะ อยู่ ม. 3 แล้วยังทอดใข่ไหม้อีก ไม่อายน้องๆ ม. 1 มั่งหรือ ? " อาจารย์พูดไปก็ขำไป
กว่าจะเสร็จเรียบร้อยกันทุกๆหมู่ เล่นเอาวุ่นวายกันไปหมด อาจารย์บอกเด็กๆลูกเสือทั้งหลายว่าถ้าใครกินไม่อิ่มทางโรงเรียนจะเลี้ยงขนมกับนมรอบดึกอีก จึงทำให้บรรดาลูกเสือทุกคนต่างก็เฮกันลั่น เพราะบางหมู่น่าสงสารมากหุงข้าวดิบกินกันไม่ได้ก็มี อาจารย์รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ( เพราะเป็นแบบนี้อยู่ทุกๆปี ) พวกอาจารย์เลยจัดเตรียมขนมปังกับนมไว้ให้เด็กๆได้รับประทานกันก่อนที่จะเข้านอน
และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ อาจารย์ก็ให้เก็บล้างและทำความสะอาดพื้นที่ที่เหล่าลูกเสือทั้งหลายต่างทำอาหารกันไป อาจารย์ก็เรียกรวมตัวมาประชุมบอกเรื่องการอาบน้ำ ซึ่งนับจากนี้ต่อไปจะอลม่านมากและวุ่นวายขึ้นกว่าเดิม เพราะอาจารย์มีเวลาให้ถึง 2 ชั่วโมงเลย ด้วยว่าจำนวนของลูกเสือมากกว่าจำนวนของห้องน้ำ แต่ก็ยังดีที่พวกลูกเสือทั้งหลายเป็นเด็กผู้ชาย จึงทำให้อาบน้ำที่ทางด้านนอกได้ ห้องน้ำของนักเรียนชายจะอยู่แยกคนละฝั่งกับห้องน้ำของนักเรียนหญิง และมีอ่างที่ก่อเป็นแท้งค์สี่เหลื่ยมไว้สำหรับใส่น้ำเอาไว้ใช้ สามารถนำมาอาบได้ อาจารย์จึงให้ภารโรงเอาผ้าใบแบบพลาสติกมากั้นเป็นฉากเพื่อกันมิให้ผู้ที่อยู่ทางอื่นเห็น และให้เด็กๆเอาไว้อาบน้ำ ซึ่งเด็กๆทุกคนก็จะชอบเล่นน้ำกันมากจึงทำให้เวลาอาบน้ำนั้นคือเวลาเล่นสนุกของเหล่าลูกเสือจอมซนทั้งหลาย
อาจารย์ได้ให้ลูกเสือไปอาบทีละกลุ่มทีละหมู่ จนกว่าจะครบทุกหมู่กลุ่มเล่นเอาวุ่นวายจนพวกอาจารย์ต้องกุมหัวปวดขมับกันไปเลย จากหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม อาจารย์ถึงได้เรียกรวมตัวที่หอประชุม อาจารย์มีภาระกิจให้ลูกเสือชั้น ม. 1 ทุกคนไปทำมันคือภาระกิจคนกล้า ลูกเสือชั้น ม. 1 จะต้องไปเอาหนังสือที่อาจารย์กำหนดในห้องสมุดที่มืดมิด คือจะปิดไฟในห้องสมุดไว้ เพราะฉนั้นห้องสมุดของทางโรงเรียนจะมืดสนิดและเงียบมากดูวังเวงและน่ากลัว และทั้งกลุ่มหมู่จะได้ไฟฉายไปเพียง 1 กระบอกเท่านั้น เพื่อเอาไว้ส่องดูและหาหนังสือตามที่ได้รับมอบหมายของภาระกิจนั้นๆ โดยอาจารย์จะให้รุ่นพี่ชั้น ม. 3 มาช่วยกิจกรรมในครั้งนี้ ให้แต่งตัวเป็นผีหลอกรุ่นน้องชั้น ม. 1 เพื่อความสนุกกัน โดยที่ลูกเสือชั้น ม. 1 ทุกคนจะไม่รู้ ( แต่ว่าโชรู้ และเขาก็ไม่ได้กลัวหรือตกใจอะไรเลย ) เพราะเวลาที่เดินไปจะไปแค่ทีละหมู่เท่านั้น พอทำภาระกิจเสร็จแล้วอาจารย์จะแจกขนมกับนมให้ และให้ขึ้นห้องไปเตรียมตัวเข้านอนได้เลย
ส่วนลูกเสือชั้น ม. 2 ต้องทำภาระกิจคนกล้าที่วัด โดยอาจารย์จะไปปักหลักที่จุดๆหนึ่งในวัดที่นั่น ( โรงเรียนกับวัดจะอยู่ใกล้กัน ) ก็จะใกล้ๆกับเมรุและศาลาแต่ในตอนกลางคืนถ้าไม่มีงานศพที่วัด เขาจะปิดไฟทำให้บริเวณนั้นมืดและวังเวง ถึงจะเป็นวัดใกล้ๆในชุมชนแต่เวลาในขณะนั้นมันก็จะดูมืดๆน่ากลัวๆ ซักหน่อยสำหรับคนขวัญอ่อน แต่อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวคงเอาลูกเสือชั้น ม. 3 มาช่วยอยู่เป็นเพื่อนด้วย 3 คน ถ้าลูกเสือชั้น ม. 2 หมู่ไหนมาถึงก่อนก็จะได้ปั๊มตรงแขนเพื่อเป็นหลักฐานว่ามาถึงแล้วก็จะสามารถกลับไปที่ฐานและรับขนมกับนมได้เลย กว่าจะเสร็จภาระกิจก็สามทุ่มครึ่งไปแล้ว
ขณะนี้ทุกคนอยู่ในห้องพักเตรียมตัวนอนพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามากๆ แต่ด้วยความที่เป็นเด็กทุกๆคนยังคงนอนไม่หลับ อาจจะเป็นเพราะว่าแปลกที่ หรือเพราะว่าตื่นเต้นกับการนอนเข้าค่ายในครั้งนี้ก็ไม่รู้ จึงทำให้พวกเขานอนคุยกัน.. เล่นกัน.. ไม่ยอมหลับยอมนอน จนกระทั่งอาจารย์จะต้องเดินมาตรวจทุกๆห้องไป แถมขู่พวกเด็กๆด้วยว่าถ้าใครไม่ยอมนอน จะถูกหักคะแนน แต่ถ้าพวกเด็กๆคนไหนยังดื้อดึงไม่ยอมเชื่อฟังจริงๆก็จะโดนทำโทษ โดยโทษที่ทุกคนต่างก็ไม่อยากจะโดน นั่นคือโทษการให้อมมะขาม มะขามในที่นี้คือมะขามอ่อน มะขามจริงๆที่กินได้ แต่อาจารย์ไม่ได้ให้พวกลูกเสือที่กระทำผิดกินนะ อาจารย์จะให้คนที่ดื้อทำผิดกฎอม!! ใช่!! พวกเราได้ยินได้ฟังกันไม่ผิดหรอก อาจารย์จะให้พวกที่ผิดกฎนั้นอมมะขามทีละคน.. ทีละคน.. จนครบกันทั้งหมู่ โดยที่มะขามคือ อั้นนั้นอันเดียวกัน ( อาจารย์พูดขู่เด็กๆ พร้อมกับโชว์ถุงใส่มะขามให้พวกเด็กๆดู ) พวกเด็กๆถึงได้ยอมเชื่อฟัง แต่ก็คงยังมีเด็กบางคนแอบคุยกันเสียงเบาๆ ในขณะที่อาจารย์ปิดไฟไปแล้วก็มี แต่นั่นมันก็แค่ไม่นานนัก และแล้วทุกๆคนก็ผลอยหลับไป….
...
ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงัดในยามเช้า.. จู่ๆเสียงนกหวีดก็ดังขึ้นก้องสนั่นไปทั่วทั้งอาคารเรียน จึงทำให้เหล่าลูกเสือน้อยใหญ่ต่างก็ตื่นขึ้น ภาระกิจส่วนตัวในตอนเช้า ( ล้างหน้าแปรงฟัน ) อาจารย์จึงย้ำให้บรรดาลูกเสือเร่งไปเตรียมตัวให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ก่อนจะรับประทานอาหารเช้า โดยกำชับด้วยว่า ถ้าใครช้า.. หมู่ไหนช้าที่สุดจะมีบทลงโทษด้วยเช่นกัน จึงทำให้เด็กๆทุกต่างเร่งรีบให้เสร็จทันเวลาที่อาจารย์กำหนด เพราะพวกเขารู้ว่าวันนี้จะมีอะไรที่สนุกๆตื่นเต้นรอพวกเขาอยู่
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว อาจารย์ก็ให้ลูกเสือทุกคนไปรวมตัวกันที่หอประชุม โดยให้เด็กๆนั่งรออยู่กันเป็นแถวๆ และมีอาจารย์มาพูดคุยระหว่างรอทางอาจารย์และทีมงานจัดเตรียมด่านผจญภัยต่างๆ ( ซึ่งที่จริงทางอาจารย์ได้จัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่ทางอาคารเรียนที่ 4 ) และตรวจสอบเช็คดูความเรียบร้อยให้แน่ใจก่อน
ได้เวลาปล่อยลูกเสือไปทีละหมู่ อาจารย์จะนำไปทีละกลุ่มโดยหัวหน้าหมู่จะต้องถือไม้ที่ติดธงสีของหมู่นั้นๆไปด้วยทุกครั้ง ห้ามทิ้งหรือทำหาย ทางที่เดินผ่านอาจารย์จะทำป้ายลูกศรชี้บอกทางไปโดยตลอด ด้วยอาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ มีถึงสี่อาคารเรียนด้วยกัน จึงทำให้อาคารที่สามก็จะเป็นด่านผจญภัยของเหล่าเนตรนารี ส่วนด้านหลังอาคารสี่ ยังคงเป็นพื้นที่ว่างๆ และกองดิน มีบ่อน้ำตื้นๆที่ไม่ใหญ่มากเท่าไหร่ ที่ทางโรงเรียนขุดเอาไว้สำหรับให้นักเรียนที่เรียนเกี่ยวกับการเกษตรสามารถเลี้ยงปลาหรือเอาไว้รถน้ำผักในแปลงผักได้ ซึ่งโดยปรกติแล้วผอ. จะให้เจ้าหน้าที่ภารโรงทำอาณาเขตโดยเอาตาข่ายพลาสติกมากั้นขึงไว้ เพื่อปิดกั้นกันเด็กนักเรียนเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ
ลูกศรที่ชี้บอกทาง ได้นำทางให้ลูกเสือทุกคนเดินกันไปที่อาคารสี่ โดยก่อนจะถึงหน้าอาคารก็จะมีอุโมงค์หรืออาจารย์จะติ๊ดต่างให้เป็นถ้ำ ที่ทำด้วยทางมะพร้าวใบไม้และกิ่งไม้ มีลักษณะต่ำเตี้ยและคับแคบ มีความกว้างแค่พอคนแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมุดผ่านเข้าไปได้ นั่นคือด่านผจญภัยในด่านแรก อาจารย์จะคอยพูดขู่เด็กๆว่ามีมดแดงกำลังตามล่าให้รีบหนีโดยการคลานมุดเข้าไปในถ้ำ ( ที่อาจารย์ติ๊ดต่างเอาไว้นั่นเอง ) และพอโผล่ออกมาหน้าถ้ำ จะเจอแป้งและสีทาที่ใบหน้า เพื่อไปผจญภัยในด่านต่อไป..