webnovel

ภาคต่อตอนที่ 39 หนทางช่วยเหลือ

ยามเฉินวันต่อมา

หลังมื้ออาหารผ่านไป ชิงหลินออกมานั่งวาดภาพที่ศาลาริมสระบัวอย่างที่ชอบทำ มีผู้ติดตามอย่างสี่สหายน้อยวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกลจากศาลา สองสาวใช้นั่งอยู่ด้านข้างรอรับคำสั่ง และกองกำลังหลิ่งหลินห้านาย กระจายกำลังคุ้มกันนางอย่างเข้มแข็ง

ส่วนสามีเดินทางไปวังตะวันออกขององค์รัชทายาทตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางรอเข้าเฝ้าฝ่าบาท ปรึกษาเรื่องกลุ่มผู้ลี้ภัยจากแคว้นฉิน

พอนึกถึงสามีแล้วก็หน้าแดง ไพล่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อจากเมื่อวาน หลังจากลวนลามสามีที่ไม่สามารถปัดป้องช่วยเหลือตนเองได้ เพราะสองแขนแกร่งทำหน้าที่อุ้มนางอยู่จนถึงเรือนพักอันเป็นเรือนหอและเป็นเรือนหลักของจวน

สามีอุ้มนางเข้าไปในเรือน ตรงดิ่งไปยังห้องนอนทันที ซ้ำยังหันมาสั่งห้ามบ่าวไพร่รบกวน สาวใช้ของเธอจำต้องรั้งอยู่ตรงประตูทางเข้าไม่กล้าขัดคำสั่ง สีหน้าท่าทาง การกระทำรวมทั้งคำพูดมันทำให้คนฟังลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก! ตะโกนในใจว่าแย่แล้ว!เป็นครั้งที่สองในรอบวัน แล้วนางก็ถูกสามีทำโทษหลายครั้ง นับแต่ยามเซินลากยาวไปถึงยามจื่อ ได้พักรับประทานอาหารเย็นเพียงครึ่งชั่วยามที่ถูกนำมาเสิร์ฟถึงขอบเตียงกันเลยทีเดียว

ดีที่ใช้ข้ออ้างเรื่องที่กำลังตั้งครรภ์ ต้องพักผ่อนเยอะๆไม่ควรหักโหมมากเกินไป จึงหยุดความต้องการที่มีมากกว่าคนปกติของสามีเอาไว้ได้ ไม่อย่างนั้นฟ้าเหลืองแน่ๆ กระนั้นกว่าจะได้หลับจริงๆก็ล่วงเลยยามจื่อไปแล้ว แต่ก็แปลกแม้จะหลับไปได้ไม่นานนางกลับไปไม่มีอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง หรือง่วงเหงาหาวนอนเลย ช่างเป็นเรื่องแปลกจริงๆ

พอตื่นแทนที่จะเรียกหาสาวใช้ นางกลับใช้ปราณพลังจิตเพ่งไปยังค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหลวงราวยี่สิบลี้จากกำแพงเมืองฝั่งตะวันตก

ภาพที่ปรากฏเข้ามาในหัวทำให้อดชื่นชมในความใส่พระทัยขององค์รัชทายาทไม่ได้ แม้จะมีกำแพงไม้ไผ่ปลายแหลมน่าหวาดเสียว สูงราวร้อยห้าสิบเซนติเมตรวางไขว้กันแบบสลับฟันปลา ตรงส่วนที่ไขว้กันก็ใช้เชือกมัดติดกันไว้ ประตูเข้าออกเพียงทางเดียวก็มีทหารเฝ้าอย่างแน่นหนา รอบค่ายยังมีทหารยามเดินตรวจตราอยู่ตลอด

แต่สภาพภายในกลับสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบไม่วุ่นวาย ต่างจากที่คาดการณ์เอาไว้มาก ถึงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตยังให้ความสำคัญและใส่ใจเพียงนี้ สมเป็นว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปจริงๆ

หลังจากเพ่งดูจนทั่ว ชิงหลินเปลี่ยนเป้าหมายเพ่งจิตข้ามแคว้นไปยังหมู่บ้านตงกวนตามคำบอกเล่าของหัวหน้าหมู่บ้านนาม จิวหู ซึ่งสภาพไม่ต่างจากเฟิ่งกู่ ชิงไห่เลย แห้งแล้ง บ่อน้ำคูคลองแห้งขอด บ้านเรือนไร้ผู้คนอาศัยราวกับหมู่บ้านร้าง

ชิงหลินเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ขอความช่วยเหลือจากพิราบขาวให้ส่งจดหมายให้ เสร็จแล้วก็นั่งเพ่งจิตไปยังหมู่บ้านนั้นอีกครั้ง เป้าหมายคือค้นหาตาน้ำใต้ดิน ผู้ช่วยคนสำคัญหาใช่ใครอื่นยังคงเป็นมดปลวกไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นอีกเช่นเคย

ไม่ถึงหนึ่งเค่อก็พบตาน้ำใต้ดิน จึงขอความช่วยเหลือจากฝูงวิหคที่บินร่อนอยู่แถวนั้น ให้ช่วยนำกิ่งไม้มากองสุมกองใหญ่เป็นสัญลักษณ์บอกตำแหน่งตาน้ำไว้ เตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้นจึงเรียกสาวใช้ให้เข้ามาปรนนิบัติ รับอาหารเช้าแล้วก็มานั่งวาดรูปรอที่ศาลาริมสระบัว

----------

ตำหนักฟ้าทรงธรรมอันเป็นตำหนักของฉีเฉินหลงฮ่องเต้ ณ ห้องทรงอักษร

"เหตุใดไม่พาหลินเอ๋อร์มาด้วยเล่า?"ฉีเฟยหลงถามมู่หลิ่งเหวิน พระสหายคนสนิท ระหว่างที่รอรับเสด็จฮ่องเต้

"พระองค์แสร้งถาม?หรือยังไม่ทรงทราบความจริงกันแน่?"แม่ทัพหนุ่มย้อนถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย

"วาจายังคมคาย เชือดเฉือนไม่เปลี่ยนเลยนะเจ้า"ฉีเฟยหลงสรวลเสียงดัง

"ฝ่าบาทเสด็จ!!!"

ยังไม่ทันที่แม่ทัพหนุ่มจะได้ทูลตอบโต้เสียงประกาศของขันทีก็ดังขึ้น ฉีเฉินหลงเดินเข้ามาหยุดอยู่เบื้องหน้าองค์รัชทายาทและแม่ทัพหนุ่ม

"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆปี"

"ลุกขึ้น "

"ขอบพระทัย"

"เชิญนั่งตามสบาย ได้ข่าวว่าฮูหยินของเจ้ากลับมาแล้ว?"ฉีเฉินหลงถามมู่หลิ่งเหวิน ทันทีประทับเรียบร้อยแล้ว

"พะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มประสานมือค้อมศีรษะตอบ

"ซ้ำยังกำลังตั้งครรภ์ทายาทพยัคฆ์?"ฉีเฉินหลงถามต่อ

"พะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มทูลตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิม แต่ดวงตาอ่อนโยนขึ้นเมื่อกล่าวถึงภรรยา

"ทูลเสด็จพ่อ"ฉีเฉินหลงผินหน้ามาทางโอรสของพระองค์

"ลูกกำลังคิดว่า จะส่งหมอหลวงไปดูแลนางจนกว่านางจะคลอดทายาท เสด็จพ่อทรงเห็นว่าอย่างไรพะย่ะค่ะ?"ฉีเฟยหลงทูลถาม ที่นี่ไม่ใช่ท้องพระโรงฉีเฟยหลงจึงเรียก เสด็จพ่อ แทน ฝ่าบาท เรียกองค์เองว่า ลูก แทน กระหม่อม

"อืม พ่อเห็นด้วยกับเจ้า เพียงแค่ส่งหมอหลวงไป ไหนเลยจะเทียบเท่าคุณงามความดีที่นางทำเพื่อบ้านเมือง"ฉีเฉินหลงฮ่องเต้พยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของโอรส

พระองค์ทรงได้รับรายงานจากองครักษ์เป็นระยะๆ นับแต่ออกราชโองการให้แม่ทัพหนุ่มและฮูหยินเป็นตัวแทนพระองค์นำเสบียงไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยแล้ง เขตเมืองชานตงเป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นไปก่อน

ส่วนเรื่องแหล่งน้ำ พระองค์ได้รับรายงานเข้ามาว่า ราษฎรได้ลองขุดหาแล้วแต่ล้มเหลว ทำให้พระองค์กลัดกลุ้มพระทัยอยู่มาก พลันใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาวนางหนึ่งก็ปรากฏขึ้น อืม...นางน่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาที่ข้าคิดไม่ตกนี้ได้?...อย่าทำให้ข้าผิดหวังเล่า....ธิดาสวรรค์....

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ จึงร่างราชโองการใหม่เพิ่มเติม คือ ให้ฮูหยินท่านแม่ทัพเดินทางไปแจกจ่ายเสบียงครั้งนี้ด้วย และนอกจากแจกจ่ายเสบียงแล้ว ให้หาหนทางแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำของราษฎรไปพร้อมกัน

ซึ่งนางก็ทำได้อย่างที่พระองค์ตั้งความหวังไว้ในเวลาอันรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ ทำให้พระองค์ชื่นชมและโปรดปรานนางขึ้นอีกหลายส่วน และเตรียมรางวัลไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น

"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมและฮูหยิน เพียงทำตามรับสั่งฝ่าบาท ไม่ได้หวังลาภยศสรรเสริญใดๆพะย่ะค่ะ อีกทั้งนางมีความผิดเรื่องที่ขัดราชโองการ ไม่กลับมาตามกำหนดเวลา ฝ่าบาทไม่ทรงคิดเอาความลงอาญา นับว่าเป็นพระกรุณายิ่งแล้วพะย่ะค่ะ หากจะทรงมอบรางวัล ย่อมเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ขอฝ่าบาททรงไตร่ตรองด้วยพะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มทูลยืดยาว ใบหน้าหล่อเหลางดงามราวเทพเซียนยังคงนิ่งเรียบ ไร้อารมณ์

"นางขัดราชโองการเพราะมีเหตุผล หาใช่จงใจขัดราชโองการไม่"ฉีเฉินหลงแย้งคำพูดของแม่ทัพหนุ่ม "เราทราบดีถึงความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อบ้านเมืองของเจ้า อีกทั้งยังไม่เคยมีใจละโมบหวังลาภยศสรรเสริญเฉกเช่นขุนนางทั่วไป แต่เมื่อขุนนางกระทำคุณงามความดี เราผู้ซึ่งเป็นฮ่องเต้จะนิ่งดูดายไม่ใส่ใจได้หรือ?"

"...."แม่ทัพหนุ่มลอบถอนใจ ก้มหน้าต่ำลงอีกนิด

"....."ฉีเฟยหลง แย้มพระโอษฐ์สาแก่ใจ เพราะน้อยครั้งจะได้เห็นพระสหายคนสนิทมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ สุดท้ายแล้วเจ้าก็ต้องยอมจำนนเมื่ออยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อ

"ได้...เจ้าอ้างเรื่องขัดราชโองการ ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เช่นนั้นเราจะลงอาญาเจ้าแทนนางก็แล้วกัน!"

"อู่กงกง!!"

"กระหม่อมอยู่นี่พะย่ะค่ะ"

"รางวัลที่ให้เจ้าจัดเตรียมอยู่ที่ใด?"

"ยังอยู่ที่ท้องพระคลังหลวงพะย่ะค่ะ"

"ดี!....เอากลับเข้าที่เดิมให้หมด!"

"พะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไปจัดการตามรับสั่งเดี๋ยวนี้"

"เช่นนี้เจ้าพอใจรึไม่?"ฉีเฉินหลงถาม

"ขอบพระทัยฝ่าบาท เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว"แม่ทัพหนุ่มก้าวออกมายืนตรงกลาง หน้าเบื้องพระพักตร์ คุกเข่าทำความเคารพเต็มพิธีการ

"พักเรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อน วันนี้ที่เรียกมา เราอยากฟังความเห็นขององค์รัชทายาทกับท่านแม่ทัพ เกี่ยวกับเรื่องค่ายผู้ลี้ภัยแคว้นฉิน"ฉีเฉินหลงโบกมือหนึ่งครั้ง เมื่อสายตาเหลือบเห็นโอรสทำท่าจะกล่าวสิ่งใด

"เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า ควรช่วยเหลือเรื่องเสบียง แล้วผลักดันให้คนเหล่านั้นกลับถิ่นฐานเดิมของตนพะย่ะค่ะ"ฉีเฟยหลงทูลตอบอย่างระมัดระวัง

"อืม...พ่อเองก็คิดเช่นนั้น"ฉีเฉินหลงฮ่องเต้พยักหน้าพอใจในความคิดของโอรส

"ฝ่าบาท...."ขันทีที่ทำหน้าที่ประกาศซอยเท้าเร็วๆเข้ามา

"มีเรื่องอะไร?"ฉีเฉินหลงฮ่องเต้ตวัดสายตาคมมองขันทีที่ทะเล่อทะล่าเข้ามา

"เอ่อ...ทูลฝ่าบาท ด้านหน้าตำหนัก มีฝูงพิราบขาวบินวนเป็นวงกลม ไล่อย่างไรก็ไม่ยอมไปพะย่ะค่ะ"

"อะไรนะ? ฝูงนกพิราบรึ? พาเราจะไปดูหน่อยซิ"

เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนัก ภาพที่ปรากฎต่อสายตาทำฉีเฉินหลงและฉีเฟยหลงตะลึงกับนกพิราบขาวหลายสิบตัวบินวนเป็นวงกลมเหนือตำหนัก ต่อมามีตัวหนึ่งบินลงมาหามู่หลิ่งเหวิน แม่ทัพหนุ่มเดาท่าทีมันออกจึงยื่นแขนออกไปให้เกาะ ซึ่งพิราบขาวตัวนั้นก็บินลงมาเกาะแขนอย่างไม่เกรงกลัว หุบปีกเก็บเข้าข้างลำตัว ส่งเสียงร้องบอกแม่ทัพหนุ่ม

"สารลับ?"แม่ทัพหนุ่มแกะปมเชือกสีแดงที่ผูกมัดม้วนกระดาษแผ่นเล็ก ตรงบริเวณข้อเท้าของมันออก คาดเดาได้แปดส่วนว่าน่าจะเป็นสารลับจากภรรยา

"หลินเอ๋อร์เขียนมาว่าอย่างไรบ้าง?"ฉีเฟยหลงถามด้วยความสนใจ

"ทูลฝ่าบาท...เราสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างหมดจดแล้วพะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มพนักหน้าให้องค์รัชทายาทที่คาดเดาได้แม่นยำ ก่อนจะหันไปทูลรายงานแก่ฝ่าบาท

"ว่ามาเร็วเข้า!"ฉีเฉินหลงขยับกายสูงสง่าเข้ามาใกล้

"เชิญเสด็จด้านในก่อนเถิดเสด็จพ่อ"

"อา ได้"ฉีเฉินหลงกลับไปข้างในพร้อมกับครุ่นคิดไปด้วย คงเป็นความลับไม่อาจแพร่งพรายกระมัง?

"ข้อความในสารแจ้งว่า นางมีหนทางช่วยแก้ปัญหาให้คนเหล่านั้นได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปดูด้วยตนเอง? เราไม่เข้าใจ ในรายงานทั้งสองอำเภอขุดพบน้ำใต้ดินเป็นเพราะได้นางช่วยชี้จุดให้ หรือมิใช่?"ฉีเฉินหลงถาม

"ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วพะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มทูลตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ความกังวลใดๆ

"แล้วนางจะทำได้อย่างไร? อีกอย่างยามนี้นางก็กำลังตั้งครรภ์อยู่?"ฉีเฟยหลงตั้งข้อสังเกตและอดเป็นห่วงหญิงสาวไม่ได้

"กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาท ทรงรับปากกับกระหม่อม ว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้รึไม่พะย่ะค่ะ?"แม่ทัพหนุ่มต่อรองหน้าเครียด

"ได้ เรารับปากเจ้า"เป็นความลับแบบใดกัน? ถึงได้ดูลึกลับเช่นนี้? นางช่างเป็นสตรีที่สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ผู้คนเสียจริง หรือนางจะเป็นเซียนจุติมาช่วยแคว้นฉีให้พ้นภัย?

"ฮูหยินของกระหม่อมสามารถควบคุมสั่งการสิงสาราสัตว์ ให้ทำตามคำสั่ง ในระยะไกลได้พะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มเหลือบมองซ้ายขวา อีกทั้งยังใช้จิตสัมผัสตรวจดูรอบภายในตำหนัก เมื่อมั่นใจจึงทูลตอบเสียงเบา

"เป็นความจริงรึ?"ฉีเฉินหลงค่อนข้างตกใจกับความจริงที่ได้รับรู้ยิ่งนัก ความลับนี้ช่างยิ่งใหญ่ระดับแคว้นเลยก็ว่าได้ สตรีผู้หนึ่งสามารถควบคุมสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่ให้ทำตามใจปรารถนา หากนางตกไปอยู่ในมือบุรุษที่ทะเยอทะยาน ลุ่มหลงในพลังอำนาจคิดการใหญ่ อย่างเป็นหนึ่งในใต้หล้า คงไม่เป็นผลดีต่อแคว้นฉีและแคว้นอื่นๆเป็นแน่!

"หรือว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอดีตเสนาบดีหานหนิงเฉิงที่ลานประหาร เป็นฝีมือนาง?"ฉีเฟยหลงถามน้ำเสียงตื่นตระหนก

"....."แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าตอบ ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขรึมอย่างเห็นได้ชัด

"อย่าได้กังวลไป เราเห็นเจ้าเหมือนบุตรคนหนึ่ง นางเองก็สร้างคุณงามความดีแก่แคว้นฉีไว้มาก หากมีใครกล้ามาหาญหักน้ำใจนางเราจะออกหน้าปกป้องนางเอง!"ฉีเฉินหลงกล่าวเสียงเข้ม

"ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ!!"แม่ทัพหนุ่มคุกเข่าทูลตอบเสียงดัง ใบหน้าหล่อเหลาคลายความกังวลลงไปสองส่วน

"แล้วนางจะเริ่มลงมือเมื่อใด?"ฉีเฉินหลงถามภายในใจโสมนัสยิ่งนัก ให้นึกเสียดายที่ออกเรือนแล้ว ไม่เช่นนั้นจะแต่งตั้งนางเป็นชายารองของรัชทายาทเสียเลย

"ตามความเห็นกระหม่อม ด้วยนิสัยของนาง คิดว่านางคงลงมือไปบ้างแล้วพะย่ะค่ะ"แม่ทัพหนุ่มทูลตอบยิ้มๆ

"เราคงต้องหาเวลาไปเยี่ยมนางที่จวนแม่ทัพไร้พ่ายดูบ้างเสียแล้ว"ฉีเฟยหลงเย้าพระสหาย

"จวนแม่ทัพไร้พ่าย ยินดีต้อนรับเสด็จพะย่ะค่ะ โปรดแจ้งกระหม่อมก่อน กระหม่อมจะได้เตรียมการรับเสด็จ"

"หึๆ"มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มรู้ทัน ดูเหมือนความหึงหวงของเจ้าจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแล้ว รู้ตัวรึไม่?ฉีเฟยหลงเลิกคิ้วล้อเลียนพระสหายที่นั่งหน้าตึงอยู่ข้างๆ

"เอาล่ะ...เจ้าสองคนกลับไปก่อนเถิด เราเหนื่อยแล้ว อ้อ! เราจะรอฟังข่าวดีจากเจ้า"ฉีเฉินหลงกล่าวทิ้งท้ายแล้วกลับไปทางเดิมที่เข้ามา

"น้อมส่งเสด็จ"

-----------------

Next chapter