webnovel

ตอน กรรมบันดาล9

     ตอน กรรมบันดาล 9

นับตั้งแต่วันนั้นมา ทิวาก็ได้เทียวมาเทียวไป ระหว่างบ้านพี่สาวของจิรปรียา กับที่ทำงานตนเองและโรงพยาบาลเรื่อยมา ทำให้ความสนิทสนมเพิ่มขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง

ในวันที่8ของการรักษาตัว วันนั้นทิวามาทำงานปกติ ในช่วงเช้างานยุ่งๆจนมาถึงในช่วงบ่ายที่ว่างงาน 

ทิวาได้จับเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นมีข้อความทักมา  ทิวาจึงเปิดดู เป็นข้อความ ขอความช่วยเหลือของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ทักมาขอคำแนะนำกับการแก้ไขต่างๆ

แรกๆทิวาคิดเพียงว่า แค่จะอ่านแล้วผ่านไป แต่ก็คงเพราะด้วยสำนึกในจิตตนว่า "ผู้คนที่เดือดร้อนหรือร้อนอกร้อนใจมาหาที่พึ่ง แล้วตนจะไม่ช่วยมันก็ไม่ใช่ ด้วยในฐานะที่ตนก็เป็นหมอดูผู้ทำนายชะตาคนนึง"

ทิวาจึงตัดสินใจทักกลับไปถึงผู้หญิงคนนั้น หลังจากที่เธอได้ตอบกลับมา ทิวาก็ได้เห็นภาพในหัวของตนเอง "ในภาพผู้หญิงคนนั้น มีความทุกข์ใจในเรื่องงาน ที่กำลังจะถูกยกเลิกชิ้นงานจากผู้จ้างวาน"

"ทิวายังได้เห็นภาพต่อไปอีกว่างานของเธอนั้น จะได้รับการตอบรับจากผู้จ้างวาน เพราะว่าเจ้านายของเธอนั้น ลงมาติดตามเรื่องงานเอง" 

"หลังจากที่ภาพเหล่านั้น หายไปจากในหัวของทิวา"

เธอ..หญิงคนนั้นก็ได้ทักมาคุยสอบถาม และบอกเหตุผลต่างๆ ให้ทิวารับฟัง "ทิวาคิดในใจหากว่าตนบอกเธอไปแล้ว การที่จะฝืนชะตาโดยที่ตนเองจะรับแทนก็คงไม่ดี"

ทิวาจึงบอกกับเธอว่า "การที่จะให้ผมช่วยแบบนี้ มันเป็นการฝืนชะตา หากว่าจะให้ผมช่วย มันต้องมีค่าครูคับ"

เธอหญิงธิดา..ได้ตอบกลับมาว่า "ฉันยอมจ่ายในเรื่องค่าครูค่ะ ขอแค่เพียงงานชิ้นนี้ ผ่านไปได้ด้วยดีก็พอ"

"และตัวเธอกับแฟนจะได้ไปบวชแก้บนแบบสบายใจ"

"ทิวาจึงตัดสินใจช่วย และแนะนำเธอไปก่อน แม้ว่าจะยังไม่ได้ค่าครู ในการช่วยเหลือในครั้งนี้ เพราะเวลาของเธอนั้น มันเร่งด่วนจริงๆ เหลือเวลาในการตัดสินใจ เพียงแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง"

ทิวาได้บอก"ให้หญิงสาวไปจุดธูป16ดอกกลางแจ้ง แล้วสวดชุมนุมเทวดา อธิฐานขอให้งานชิ้นนี้ผ่านไปได้ด้วยดี"  และทิวายังบอกเธอต่อไปอีกว่า "ในขณะที่ตั้งจิตอธิฐานนั้น ให้ระลึกนึกถึงองค์เจ้าปู่ศรีสุทโธ และตัวของทิวาให้แน่วแน่..!"

"ธิดาเองเธอก็ได้รีบบอกให้แฟนของเธอ ไปทำตามที่ทิวาบอกไป"

หลังจากนั้น ทิวาก็ขอตัวไปทำงานต่อ จนเวลาได้ล่วงมาถึงห้าโมงครึ่ง ธิดาเธอได้ทักมาบอกว่า

"ตอนนี้กำลังรอคำตอบของการเจรจา ว่างานจะผ่านไหม"

ทิวาได้บอกแกเธอว่า "งานนั้นผ่านคับ..!! แต่พวกคุณ ก็จะถูกตำหนิจากเจ้านายบ้าง เพราะเจ้านายพวกคุณนั้น ลงมาติดตามงานเอง"

และทิวายังได้บอกเธอไปอีกว่า "ไม่ต้องห่วงนะคับ งานครั้งนี้นั้น ผ่านชัวร์..!!"

"คนที่บวชจะได้สบายใจ ให้รอคำตอบไปนะคับ"  เมื่อตอบและบอกเธอไปแล้ว ทิวาก็ขอตัวไปทำงานต่อ

เพราะวันนี้มีงานรอบดึกด้วย  จนเวลาได้ล่วงมาเกือบสองทุ่ม หญิงสาวเธอก็ได้ทักมาบอกว่า "งานผ่านจริงๆตามที่คุณทิวาบอกเลยค่ะ"

และเธอก็ได้เอ่ยขอบคุณที่ทิวาช่วย "ธิดาขอบคุณที่ช่วยในครั้งนี้มากๆนะคะ"

ทิวาก็ได้แต่บอกว่า "มันเป็นหน้าที่คับ ที่ผมต้องทำและช่วย ในฐานะหมอดูคนนึง"

"และอีกอย่างคุณกับแฟนจะได้บวชชีพราห์มโดยสบายใจ"

หลังจากที่พูดคุยกันจบ ซักพัก ธิดาก็ทักข้อความมา "พร้อมส่งสลิปการโอนเงินค่าครูในครั้งนี้มาด้วย"

ทิวาก็ได้แต่ขอบคุณและโมทนาบุญในการบวชพราห์มของทั้งสองไป

(ใครกันเล่าจะรู้ ว่าเหตุใดถึงต้องรับช่วยเธอ นอกจากตัวของทิวาเอง และเค้าก็ไม่ได้บอกเธอว่าเพราะอะไร)

ทิวาคิดและนึกไปตามภาพ ที่เคยเห็นในหัว และพูดกับตนเองนี้หรือคือ "ชะตาหรือว่าฟ้ากำหนด!!" "กับภาพในหัวในอดีตที่เกี่ยวพันธ์กัน"

"แล้วทิวาจะพูดมันออกไปได้เชียวหรือ หากพูดไปแล้วใครกันจะเชื่อตน..."

"...หลังจากวันนั้น ทิวาก็ไม่ได้เอ่ยบอกอะไรไปมากกว่านั้น แม้บางสิ่งบางอย่าง ที่เธอถามทิวาก็เลี่ยงที่จะตอบเธอ"

ทิวาได้แค่บอกกับเธอว่า "พวกเธอรวมทั้งแฟนเธอ จะต้องขออภัยขออโหสิกรรมกับใครคนนึง" "เมื่อวันนั้นมาถึง พวกคุณจะได้รู้เองว่าคือใคร"

หลังจากวันนั้นมาธิดาก็ได้ไปบวชเพื่อแก้บน ในช่วงที่เธอบวชนั่นเอง ที่ได้ห่างกัน

"ส่วนทิวาก็ยังเทียวมาเทียวไประหว่างที่ทำงาน กับบ้านจิรปรียาประจำ"

จนวันเวลาผ่านมาได้10วัน กับการรักษาตัวของพี่เขยจิรปรียา วันนี้เป็นวันหยุดว่างจากงาน ทิวาจึงตัดสินใจไปหาจิรปรียาคนรักตน "ที่เริ่มคบกันแบบเป็นทางการ"

ไปถึงบ้าน จิรปรียาได้บอกกับทิวาว่า "วันนี้แม่จะขึ้นมาจากใต้ค่ะ"

ทิวาได้ยินก็อึ้งไปนิดนึง คิดในหัว"แม่เธอจะขึ้นมา นั่น.!! ก็คือวันสุดท้ายของพี่เขยเธอนะสิ จะทำไงดี" 

ทิวาได้อยู่บ้านพูดคุยกันกับจิรปรียา เพื่อรอเวลาที่จะไปเยี่ยมพี่เขยเธอในตอนเย็น จนเวลาได้บ่ายโมงครึ่ง "ทิวามีอาการเพลียๆ จึงขอนอนหนุนตักของจิรปรียา ตรงแคร่หน้าบ้าน อาการแน่นหน้าอก ได้เกิดขึ้นจนทิวาแทบทนไม่ไหว เหมือนคนที่กำลังจะหมดลมหายใจ ไปซะตรงนั้น"

จิรปรียาเอง ก็ได้เห็นอาการที่ทิวาเป็น เธอก็เป็นห่วงในตัวทิวา สักพักพี่สาวของจิรปรียาก็โทรมาจากโรงพยาบาล "แจ้งว่าหมอบอกว่า พี่เขยเธอคงไม่รอดให้ทางญาติทำใจ"

เมื่อได้ยินแบบนั้น จิรปรียาก็รู้ว่าอาการที่ทิวาเป็นนั้นเพราะอะไร

เพราะเธอนั้นคะยั้นคะยอถามจากทิวามาก่อนหน้านั้น เธอจึงบอกและขอให้ทิวานั้น "ถอนการผูกจิตตรึงร่างพี่เขยเธอเสีย" เธอพูดทั้งน้ำตาคลอ

ทิวาเองก็เพลียร่างมาก เพราะมันก็เกินกำลังตน ที่จะฝืนเอาไว้ได้ 

"ทิวาได้ทำการตั้งจิตถอดถอน ในเวลาขณะนั้น ก็ใกล้จะบ่ายสองโมงแล้ว"

หลังจากที่ทิวาได้ถอดถอนจิต ที่ผูกกับร่างของพี่เขยเธอได้เพียงไม่นาน ประมาณสิบห้านาที พี่สาวของจิรปรียาก็ได้โทรมาบอกว่า "พี่เขยเธอได้เสียแล้ว"

เธอฟังโทรศัพท์ไป พร้อมร้องไห้ไป ส่วนตัวทิวาเองก็นอนหนุนตักเธออยู่อย่างนั้น เพื่อทำสมาธิเรียกคืนกำลังตนให้ดีขึ้น

บ่ายสองครึ่งทั้งทิวา จิรปรียาและหลานก็ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้เด็กๆได้เห็นหน้าพ่อครั้งสุดท้าย

"ชะตาหรือว่าเวรกรรม ที่ก่อสร้างกันมา"

ทิวาคิดไปตลอดทาง และร่างของทิวาเองก็ยังไม่ได้ฟื้นคืนเต็มที่ เพราะการถอนจิตนั้น ยังไม่สมบูรณ์

ส่วนร่างของพี่เขยจิรปรียา ก็ยังหายใจรวยริน เพราะอ๊อกซิเจนอยู่

พอมาถึงโรงพยาบาล ทิวาก็ให้จิรปรียาพาหลานๆขึ้นไปก่อน ส่วนตัวเองขอตัวไปห้องน้ำก่อน พอจิรปรียาแยกห่างไป "ทิวาได้ก้าวเดินมาที่โต๊ะนั่งแถวๆนั้น นั่งลงพร้อมเอามือกุมกดท้อง ที่ยังปวดอยู่โดยจิรปรียาเธอไม่รู้"

"พอเธอแยกไปเท่านั้นล่ะ อาการของทิวาก็เริ่มทรุดลง ปวดท้องอย่างแรงแถมอาการหายใจขัดๆ  ทิวาค่อยๆปรับจิตสมาธิของตน เพื่อปรับธาตุในกาย เร่งไฟธาตุให้ธาตุในกายนั้นสมดุลขึ้น"

พออาการดีขึ้นมานิดนึง ทิวาจึงลุกขึ้นเดิน ค่อยๆเกาะกำแพงผนังโรงพยาบาลไปเข้าห้องน้ำ เสร็จจากทำธุระแล้ว ก็ค่อยๆขยับพิงอิงผนังมาเรื่อยๆ

จนมาเจอกับจิรปรียา ที่เธอลงมาเพื่อตามหา เพราะเห็นว่าทิวานั้นหายไปนาน....

............

"อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดชะตาทุกคนล้วนมีกรรมเป็นตัวกำหนด"

ตอนถัดไป