ตอน กรรมบันดาล6
หลังจากที่ทิวาได้เลิกลากับนิดมาได้สองอาทิตย์ ทิวาก็ยังทำตัวเป็นปกติ เช้าออกไปทำงานตกเย็น เลิกงานกลับห้องพักไม่สนใจใคร..อะไร..ยังไง..!
แต่นิดเองกลับยังตามด่าว่าทิวาอยู่เสมอๆ แถมพวกญาติๆของเธอ ก็ยัมีทักข้อความมาต่อว่าทิวาไม่ขาด
ทิวาบอกกลับนิดไปว่า "ต่อให้คุณและใครๆ จะมองว่าผมไม่ดี ผมก็ไม่สนใจหรอก เพราะผมไม่ได้ขอเงินพวกเขาเหล่านั้นมาใช้จ่าย" "จะดีจะร้าย มันก็ตัวของผมเอง"
นิดเองก็ยังตามตอแยไม่เลิก หาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาว่าทิวาตลอดเวลา
แต่ก็แค่นั้น จนมาถึงเรื่องรถที่ทิวาใช้ แต่รถนั้นออกในนามของนิด นิดเร่งให้ทิวาเปลี่ยนชื่อคนซื้อรถ
"วันหนึ่งนิดโทรเข้าไปที่บริษัทรถ บอกทางนั้นว่าจะคืนรถ แล้วทางร้านรถก็ได้โทรมาหาทิวา เพื่อสอบถามว่าจะยังใช้รถต่อหรือไม่ และหากจะใช้รถต่อก็ให้นำเงินมาจ่ายค่าทวงถาม ค่าติดตาม เป็นเงินสี่พันบาทกับยอดที่ค้าง"
ทิวาจัดการเคลียชดใช้ค่าเสียหาย ตามที่ทางร้านรถทวงมาทั้งหมด
"เหตุผลเพราะทิวายังหารถคันใหม่ไม่ได้ และนี่คือเหตุผลเดียว ที่ทิวายังต้องจำทนกับการที่ถูกนิดคอยกดดัน"
หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้เดือนหนึ่งกับการใช้ชีวิตลำพัง ในวันที่ทิวาหยุดงานวันหนึ่ง
วันนั้นทิวาได้ไปทำบุญที่วัดใกล้ๆ ที่พัก แล้วกลับมาที่ห้อง หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะอาการร้อนแล้ว ทิวาก็คิดว่าวันนี้จะรองทำสมาธิดูเพื่อให้จิตใจได้สงบไม่คิดฟุ้งซ่านกับปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาในช่วงนี้
ทิวานั่งทำสมาธิได้ประมาณห้านาทีจิตก็เริ่มสงบ เมื่อจิตสงบก็เกิดภาพในนิมิตสมาธิ "ภาพนั้นเป็นภาพที่ทิวาได้ไปส่งคนรัก กับแม่ของคนรักกลับต่างจังหวัด โดยการนั่งรถทัวร์โดยสารกลับ หลังจากที่ส่งคนรักกับแม่ขึ้นรถแล้ว ทิวาก็ออกจากสถานีขนส่งกลับมาที่ห้องพัก"
"ภาพสลับมาอีกภาพเป็นภาพของคนรักที่กลับไปต่างจังหวัด มีชายคนนึงนั่งรอเธอ เพื่อรอพูดคุยตกลงกัน" ภาพที่ทิวาเห็นเปลี่ยนมาอีกมุมนึงของบ้าน "ชายคนนั้นเดินเข้ามากอดเอวของเธอ แล้วขยับมือมาจับที่ไหล่ทั้งสองของเธอเอาไว้"
ทิวาได้แต่มองภาพนั้น ทิวามองด้วยใบหน้าที่เศร้าๆ "จิรปรียาเองก็เหมือนไม่ได้ขัดขืนอะไรชายคนนั้นมากนัก"
"ทิวาไม่ได้ยินเสียงที่ชายคนนั้นพูดกับจิรปรียาว่าพูดอะไรกัน ได้แต่มองดูภาพตรงหน้า"
"ภาพสลับไปมาอีกครั้ง เป็นภาพในห้องนอน จิรปรียานอนหลับอยู่บนเตียง ชายคนนั้นเดินเข้าไปหอมแก้มของจิรปรียา แล้วถอยออกมานั่งที่เก้าอี้ ชายคนนั้นนั่งมองเธอเป็นนานสองนาน" ทิวาเองก็ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ
สักพักภาพก็เปลี่ยนไป "เป็นภาพของทิวาเดินเข้าในออฟฟิศ" ในมือมีถุงสีดำใส่รองเท้าหนังเอาไว้ ทิวาวางถุงนั้นเอาไว้ที่ข้างตู้ ตรงชั้นวางของแล้วเปลี่ยนชุดทำงาน หลังจากที่เปลี่ยนชุดทำงานเสร็จ ทิวาก็ขึ้นไปประจำจุดทำงานที่ชั้นสี่"
สายๆราวสิบโมงเช้า ทิวาได้รับโทรศัพท์จากจิรปรียา เธอนัดให้ทิวาออกไปหา ทิวาบอกกับจิรปรียาว่าขอเป็นช่วงเที่ยงนะจะออกไปพบ..
จิรปรียาก็ตอบตกลง และยังบอกทิวาว่านัดพบกันใกล้ๆ ที่ทำงานของทิวานั่นหล่ะ เพื่อจะได้สะดวกต่อทิวาเอง เพราะทิวานั้นทำงาน
ทิวาจึงบอกไปว่า"ถ้างั้นตอนเที่ยงเจอกันที่สะพานลอยแถวแยกอโศก"
เมื่อได้เวลา11:30นาฬิกา ทิวากลับลงมาออฟฟิศ ถอดเสื้อกั๊กกับเนคไททำงานเอาไว้ แล้วออกไปพบกับจิรปรียา
ทิวาเดินมาถึงสะพานลอยที่นัดกับจิรปรียาไว้ แต่ยังไม่เห็นเธอมา จึงยืนรออยู่ตรงนั้น ตรงกลางสะพานลอย ทิวามองผู้คนที่เดินไปมา และรถราที่วิ่งไปบนถนน จนมองเห็นจิรปรียาเดินมา
"เมื่อเจอกันทั้งทิวาและจิรปรียาก็ต่างเข้าไปกอดกัน โดยไม่อายใครที่เดินผ่านไปมา ยืนกอดกันอยู่ครู่นึง แล้วก็คลายจากกอด เปลี่ยนมายืนคุยกัน"
จิรปรีพูดขึ้นมาก่อนว่า "วันนี้ที่น้องนัดพี่ออกมาพบ ก็เพื่อน้องจะบอกกับพี่ว่า 'น้องขอโทษ' น้องขอให้พี่ลืมน้องเสีย น้องสงสารคนเก่า น้องจึงให้โอกาสเค้า เพื่อให้เขาได้แก้ไขตัวเอง พี่คงไม่ว่าไม่เคืองโกรธน้องนะ"
ทิวาได้ฟังก็อึ้ง กล้ำกลืนความผิดหวังเสียใจเอาไว้ พร้อมกลับตอบจิรปรียาไปเพียงสั้นๆ ว่า
" คับ พี่ไม่โกรธ พี่มาในเวลาที่ไม่ใช่ พี่ขอให้น้องมีความสุข กับสิ่งที่น้องได้เลือก " ทิวาบอกกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้า
จิรปรียาบอกกับทิวาว่า "เรายังพูดคุยกันเหมือนเดิมได้นะคะ ในฐานะพี่น้องหรือเพื่อน?"
ทิวาก็ตอบไปเพียง "คับ "
"ภาพสลับมาที่จิรปรียาเดินหันหลังลงบันได ไปด้วยน้ำตาที่ไหลคลอตา เธอกลั้นสะอื้นเอาไว้"
ทิวายืนมองเธอเดินลงบันไดไปจนขั้นสุดท้าย จึงหันหลังกลับ "ขณะที่ทิวากำลังจะก้าวเท้าเดินไปนั้น!! ภาพตรงหน้ามีชายสองคนแต่งตัวแฮ๊ปวี่ ใส่หมวกเดินเข้ามาใกล้ อยู่ๆ ชายคนหนึ่ง ที่เดินเข้ามาใกล้ๆทิวา ก็ใช้มีดสปริงแทงสวนตรงมาที่ท้องของทิวาสองที..!
ทิวาทำได้แต่เอามือกุมท้องเอาไว้ แล้วค่อยๆย่อตัวลง พยายามไม่ให้ล้ม ส่วนชายสองคนที่แทง ก็กลับหลังหันพากันวิ่งหนีไป...
ทิวาพยายามหันกลับไปมอง ทางเชิงบันไดหูแว่วได้ยินเสียงคนร้องว่า "ช่วยด้วย..!!! มีคนโดนแทง "
ก่อนที่สติของทิวาจะดับ ทิวาได้มองเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาประคองร่างตน พร้อมกับร้องไห้ หยดน้ำตาของเธอหยดลงที่ใบหน้าของทิวา...
"ทิวาพยายามเพ่งมอง มือหนึ่งกุมท้องเอาไว้ อีกมือที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหยิบแหวนเงินมาวงนึง สวมให้กับหญิงสาวตรงหน้า" แล้วสติของทิวาก็ดับวูบไป....
*****************************
" ชีวิตมีดีแค่ไหนสุขทุกข์ปะปนเคล้าคลอกันไป สิ่งไหนที่มีความสุขจงทำมันเสีย..! "
******************************