webnovel

สุดหัวใจปารถนา

เธอผู้ที่ครั้งหนึ่งกำลังจะมีชีวิตครอบครัวเป็นของตัวเอง แต่แล้วทุกอย่างก็พังทลายแล้วเธอจะใช้ชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร?

K_Pimpakan · สมัยใหม่
เรตติ้งไม่พอ
6 Chs

สิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่(1)

ฉันนั่งรออยู่แถวๆห้องพักของพี่ดนัย นี่ก็ผ่านมา 6 ชั่วโมงแล้วยังไม่มีใครออกมาจากห้องเลย ฉันกำลังรอให้ทุกคนในห้องกลับไปก่อนแล้วค่อยแอบเข้าไปเยี่ยมเขา

"ยังไม่กลับอีกหรือหนู" เสียงของใครสักคนทำฉันสะดุ้งเล็กน้อย ฉันหันไปทางต้นเสียงก็พบว่าเป็นคุณดลคุณพ่อของพี่ดนัย กำลังเดินเข้าแล้วนั่งอยู่ข้างๆฉัน

"หนูเป็นห่วงพี่ดนัยค่ะ" น้ำตาฉันเริ่มไหลอีกแล้วบ้าเอ้ย ฉันรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน เหมือนกับโลกนี้ไม่มีที่ให้ฉันยืนเลย แม้แต่คนที่ฉันรักฉันก็ยังไม่สามารถเข้าไปเจอได้ในเวลาที่เขาเจ็บป่วย

"ดนัยพ้นขีดอันตรายแล้ว แค่รอให้เขาฟื้นเท่านั้น ลุงกำลังจะจ้างคนดูแลอยู่พอดี หนูสนใจไหม?" คุณดลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ได้หรอคะ ให้หนูเข้าไปดูแลเขาได้ใช่ไหมคะ" ฉันหันไปถามด้วยความดีใจ

"ได้สิ แต่ลุงมีข้อแม้นะ" ฉันหันไปมองคุณดลด้วยความสนใจ "หนูจะต้องเลิกโทษตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองเสมอนะ ลุงรู้จักลูกลุงดีอะไรที่เขาเลือก ลุงก็ยินดีทุกเรื่อง" คุณดลพูดพลางมองที่แหวนนิ้วนางข้างซ้ายของฉัน "ดนัยเขาปรึกษาลุงมาพักหนึ่งแล้วล่ะเรื่องหนู เขาขอหนูแต่งงานแล้วใช่ไหม?" ฉันพยักหน้าแทนคำตอบเพื่อกดเสียงสะอื้นไว้ "วันนี้ลุงว่าหนูไปพักก่อนนะ ดูสิเลือดออกอีกแล้วนะ" เท้าฉันเริ่มบวมเพราะเดินเยอะเกินไปและแผลที่เย็บมาก็ฉีก

"ขอบคุณนะคะ เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆที่คุณออกให้ก่อน ถ้าหนูมีเมื่อไหร่จะรีบเอามาคืนทันทีค่ะ" คุณดลยกมือขึ้นมาลืมผมฉันเบาๆ

"ไม่ต้องหรอก ขอบคุณหนูนะที่เคียงข้างเขาจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เจอรถ" ฉันปล่อยให้ตัวเองร้องไห้โฮในขณะที่คุณดลก็ยังคงลูบผมอยู่ กระทั่งตระหนักได้ว่าควรหยุดฟูมฟายได้แล้ว

"วันนี้หนูกลับไปพักผ่อน รักษาตัวก่อนนะ ดูสิเลือดออกเต็มไปหมด" ฉันก้มลงไปมองเท้าตัวเองพอเห็นแผลก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา คุณดลพยุงฉันไปนั่งรถเข็นแล้วฝากบุรุษพยาบาลมารับให้ไปทำแผลอีกครั้ง แล้วท่านก็ฝากนามบัตรไว้ให้ฉันโทรหาหลังจากเท้าหาย

3 วันต่อมา

ตอนนี้เท้าของฉันดีขึ้นมากแล้ว ฉันจึงตัดสินใจโทรหาคุณดลเพื่อที่จะเข้าไปเยี่ยมพี่ดนัย

"สวัสดีค่ะคุณดล หนูนินนินเองนะคะ ตอนนี้อาการพี่ดนัยเป็นอย่างไรบ้างคะ"

"อาการยังทรงตัวอยู่ แต่ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย" ปลายสายถอดหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

"วันนี้หนูขอเข้าไปดูแลเลยได้ไหมคะ ตอนนี้หนูหายดีแล้วค่ะ"

"ได้สิ ถ้าหนูพร้อมก็มาที่ห้องได้เลยนะ" ฉันรีบเก็บของใช้ต่างๆแล้วเดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที เมื่อทำการแลกบัตรเรียบร้อยก็เดินไปหยุดตรงหน้าห้องพี่ดนัย ในระหว่างที่กำลังจะเปิดประตูนั้น...

"เธอทำอะไร" เสียงใครสักคนทำฉันสะดุ้งเผลอปล่อยของตกกระจัดกระจาย "เธอนี่มันกู่ไม่กลับหรือหน้าไม่อาย กันเนี่ย ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะว่าอย่ามายุ่งกับดนัยอีก" คุณแม่พี่ดนัยกดน้ำเสียงให้ต่ำลงเพื่อให้ฉันกลัว ฉันได้แต่ก้มหน้าเก็บของที่พื้น "ต้องการเท่าไหร่" เธอยืนกอดอกแล้วถามฉันอย่างเหยียดหยาม ฉันเก็บของขึ้นมาถือเหมือนเดิมแล้วตอบกลับเธออย่างไม่เกรงกลัว

"หนูไม่ได้ต้องการเงิน หนูแค่อยากมาดูแลพี่ดนัย คุณไม่ต้องสนใจหนูก็ได้ค่ะ แค่ปล่อยหนูให้ทำๆไปได้ไหมคะ" ประตูเปิดออกมาคุณดลยืนอยู่หน้าห้อง "เข้ามาได้แล้วทั้งสองคนคุณหมอรออยู่นานแล้ว"ท่านทำเสียงแกมดุใส่คุณป้า ฉันเดินตามคุณป้าเข้ามา ฉันมองตั้งแต่ช่วงเท้าขึ้นไปตอนนี้พี่ดนัยเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นมีเลือดฝาดเหมือนเดิมแล้ว ปากเขาเริ่มแห้งอาจจะเพราะในห้องเปิดแอร์เย็นเกินไป ผมที่เคยเป็นทรงแบบอปป้าเกาหลีตอนนี้มันยุ่งเหยิงไปหมด

"เอาล่ะครับเมื่อมากันครบแล้วหมอจะขอแจ้งอาการคนไข้ก่อน ตอนนี้ผลซีทีสแกนมองเป็นปกติ ผลเลือดเป็นปกติ แต่ตอนนี้หมอกำลังหาสาเหตุอยู่ว่าทำไมคนไข้ถึงยังไม่รู้สึกตัวนะครับ หากครอบครัวต้องการย้ายโรงพยาบาลอีก 2 วันก็สามารถย้ายได้ครับ เดี๋ยวเชิญญาติลงไปกรอกข้อมูลคำร้องด้วยนะครับ" คุณดลพาคุณป้าออกไปพร้อมคุณหมอ ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เราได้อยู่ด้วยกันหลังจากที่เกิดเหตุการณ์แย่ๆวันนั้น ฉันเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเขาเบาๆด้วยความคิดถึง "หนูคิดถึงพี่นะ เรายังไม่ได้กินสปาเก็ตตี้ด้วยกันเลย เมื่อไหร่พี่จะตื่นคะ" ใบหน้าเขายังหมดจดเหมือนเดิมถึงแม้ว่าปากจะแห้ง ทรงผมที่เคยหล่อเหมือนนักร้องเกาหลีก็ยุ่งเหยิง แต่ก็เหมือนคนที่แค่หลับไปเท่านั้น ฉันหยิบลิปออกมาเติมปากเขาไม่ให้แห้งจนเกินไป "จำได้ไหม ว่าพี่ขอหนูแต่งงานแล้ว หนูจะรอพี่นะคะ นานแค่ไหนก็จะรอ" ฉันพูดพลางหยิบหวีมาจัดทรงให้เรียบร้อย "หล่อแล้วนะครับ" ฉันได้แต่ยืนยิ้มแล้วก็พูดคนเดียวอยู่อย่างนั้นไม่เบื่อเลย

1 เดือนผ่านไป

ฉันไม่ได้ตามพี่ดนัยไปที่กรุงเทพฯเพราะคุณป้าท่านไม่ยอมให้ฉันไปอยู่ใกล้ๆลูกชายของท่าน ฉันได้แต่โทรไปถามอาการพี่ดนัยกับคุณดลแทบทุกวัน ตอนนี้ฉันเริ่มกลับมาทำงานได้แล้ว

"ไง นินนินหายหน้าไปหลายวันเลยนะ ได้ข่าวว่าไปเจอเรื่องเสี่ยงตายมาหรอ" แพรเพื่อนสนิทฉันเธอเป็นเด็กเสริฟประจำร้านนี้

"ที่จริงก็รับงานมาสักพักแล้วนะ ช่วงนี้ขอร้องเพลงเศร้านะ เพลงรักไม่ไหวจริงๆ" แพรเดินมาตบไหล่ฉันเบาๆ

"ฉันเข้าใจ ได้เวลาแกต้องขึ้นไปร้องเพลงแล้วนะ สู้ สู้" แพรชูสองนิ้วเป็นกำลังใจให้ฉัน

"สวัสดีทุกๆคนค่ะ วันนี้นินนินขอถ่ายทอดเพลงเศร้าสักหนึ่งบทเพลงกันก่อนนะคะ" ฉันเริ่มร้องเพลงเพื่อบรรเทาความเหงาและความเศร้าของตัวเอง ฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ถ่ายทอดเรื่องต่างๆผ่านบทเพลง หลังจากร้องเสร็จฉันก็ลงมาหาอะไรทาน

"นี่แก ลูกค้าซื้อกุ้งย่างมาให้ฉันเป็นจานเลย มาๆกินด้วยกัน" แพรแกะกุ้งอย่างมีความสุข

"แกฉันว่ากุ้งมันเสียแล้วรึเปล่าทำไมกลิ่นมันแปลกๆ" ฉันหยิบกุ้งมาดมทีละตัว

"แปลกตรงไหน กลิ่นหอมจะตาย เหม็นอย่างกับคนท้องอย่างงั้นแหละ" ไม่ว่าเปล่าแกะกุ้งจิ้มซอสแล้วเอาเข้าปาก "เนี่ย อร่อยจะตายเพี้ยนแล้วแกอ่ะหรือว่าเป็นโควิด" แพรวางกุ้งแล้วหันมาจ้องฉัน

"บ้า! วันนี้คิวร้องฉันจบแล้ว ฉันกลับก่อนนะพรุ่งนี้เจอกัน" แพรยกมือโบกอีกมือก็ยังจับกุ้งอยู่

ตั้งแต่วันที่เจอพี่ดนัยครั้งสุดท้ายประจำเดือนฉันก็ยังไม่มาเลยนี่นาซื้อไปตรวจก็คงไม่เสียหาย ฉันแวะร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อที่ตรวจครรภ์กับชุดตรวจโควิด แล้วฉันต้องกลัวอะไรมากกว่ากันเนี้ยกลุ้ม