วันนั้นทั้งวันหมอนิลลี่ง่วนอยู่กับการดูแลณัฐ ซึ่งณัฐเองก็ป้อนความรักให้ด้วยการดึงไปหอมไปจูบบ้างตามประสาคนกำลังอินเลิฟตลอดทั้งวันเช่นกัน โดยหมอนิลลี่ก็มิได้หลบเลี่ยงแต่ประการใดมีแต่การตอบสนองกลับด้วยการจูบตอบกลับบ้าง ส่งสายตาแห่งความรักความห่วงใยให้ตลอดเวลาเช่นกัน เหมือนโลกทั้งโลกจะหยุดเวลาอยู่แค่นั้น จนลืมเวลาเลยทีเดียว
ในช่วงเย็นขณะที่หมอนิลลี่กำลังป้อนน้ำให้ณัฐจิบอยู่นั้น ณัฐก็ดึงไปจูบปากอีกเช่นเคยแต่คราวนี้รุนแรงเร่าร้อนกว่าที่เป็นมาทำเอาคนถูกจูบปากแทบจะละลายอยู่ตรงนั้น พร้อมอ้อมกอดอันอบอุ่นดุจไมโครเวฟจนร่างจะละลายในอ้อมกอดทีเดียว แถมด้วยมือไม้ของณัฐก็ซอกซอนไปทั่วร่างกำลังไล่เลียงสำรวจอยู่ที่เนินอกอวบอิ่ม พร้อมกับปากที่เริ่มโลมเลียลงมาเช่นกัน ระหว่างที่กำลังดำเนินบทรักอันเร่าร้อนอยู่นั้น
"พี่หมอ พี่หมอ อยู่ในนี้ไหม" เสียงตุ๊ดตู่เรียกและกำลังเปิดประตูกำลังจะเดินเข้ามาที่เตียง
ทั้งณัฐรีบคลายอ้อมกอดและหมอนิลลี่รีบขยับตัวหนี ในใจณัฐบ่นว่า "กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย ไอ้ตุ๊ดตู่ดันเข้ามาซะได้ ไม่งั้นนะ จะอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว"
"อยู่จ้า มีอะไรจะมาเยี่ยมศิษย์น้องหรือ เข้ามาสิ"
"ครับ" แล้วก็เดินมาที่เตียง แล้วก็ถามณัฐว่า
"ศิษย์น้องเป็นไงเจ็บแผลไหม"
"ไม่เจ็บแล้วหล่ะ มีหมอคนเก่งเป็นคนผ่าตัดเองและดูแลอย่างดีทั้งวัน จะเจ็บได้ไง เสียชื่อแม่หมอหมด" ระหว่างตอบตุ๊ดตู่ มิวายส่งสายตามีความในมาให้หมอนิลลี่ หมอนิลลี่ก็ส่งสายตาค้อนกลับมา
"ใช่ แม่หมอของพวกเราเก่งที่สุดเลย"
"ไอ้ณัฐ ข้ากลับมาแล้ว เอาตำรวจพม่ามาเยี่ยมแกด้วย" เสียงสารวัตรพลนั่นเอง
"สวัสดีครับ คุณณัฐ เป็นไงบ้างครับ" เสียงอาชิน
"สวัสดีครับ ดูแล้วกำลังใจดีอย่างนี้น่าจะหายดีไวไวนะครับ" เสียงโบทักทาย
เหมือนทุกคนจะรับรู้แล้วว่าสถานะของหมอนิลลี่กับณัฐจะเปลี่ยนแปลงไป เลยมีการทักทายแบบกึ่งหยอกล้อแบบนี้
"เจ็บแผลนิดหน่อย แต่มีคนดูแลดีก็แบบนี้แหละครับ" ณัฐตอบ
"สวัสดีครับ ศิษย์น้องสารวัตร และพี่ๆ ตำรวจ ไหนๆ ก็อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว ช่วยเล่าเหตุการณ์เมื่อวานให้ผมฟังหน่อย อยากรู้จะแย่อยู่แล้ว"
"เอ็งนี่ใจร้อนจริง ศิษย์พี่ เล่าก็เล่า" สารวัตรตอบแบบกึ่งรำคาญ
แต่ก็ยินยอมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ตุ๊ดตู่ฟังอย่างละเอียดยิบ ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้าง เล่าจบ
"โห เมื่อวานนี้สุดๆ เลย แม่หมอช่วยศิษย์น้องณัฐไว้ สุดยอดเลย แล้วไหนจะมูมู่ที่ยิงเฮลิคอปเตอร์หัวหน้าแก๊งตกอีก จนศิษย์น้องสารวัตรจับคนร้ายทั้งแก๊งได้ นี่ถ้าเมื่อวานอยู่ด้วยนี่คงมันมาก"
"เอ็งไม่อยู่แหละดีแล้ว งานมันเลยจบง่าย ถ้าเอ็งอยู่สิงานจะจบยากกว่านี้ ฮา ฮา ฮา" เสียงรวยพูดขึ้น
"อย่ามาดูถูกผมนะ ผมก็ช่วยเหลืออะไรได้บ้างแหละ"
"เอา พวกเรามากวนคนไข้นานแล้ว กลับกันเถอะปล่อยให้หมอเขาดูแลคนไข้ คนพิเศษของเขาเถอะ อย่าอยู่เป็น ก.ข.ค. เลยเดี๋ยวไอ้ณัฐมันจะหายช้าเอา" สารวัตรเห็นว่านั่งคุยกันนานแล้ว และเริ่มเห็นสีหน้าของณัฐที่ส่งมาว่าอยากจะพักแล้ว แต่สารวัตรรู้ทันเลยแกล้งหยอกไป
"งั้นผมกลับก่อนนะครับ ศิษย์น้อง เดี๋ยวมาหาใหม่" ตุ๊ดตู่บอก
"ข้ากลับก่อนหล่ะ ช่วงนี้งานเยอะต้องเก็บกวาดคดีนี้กับนายก่อน"
"ผมก็ลากลับก่อนนะครับ ไว้จะมาหาใหม่" เสียงรวยตอบมา
"ส่วนพวกเราคงจะกลับพม่าเลย อีกนานกว่าจะพบกันอีก ลากลับก่อนนะครับ" อาชินบอกพร้อมกับโบที่ยกมือไหว้อำลา
"แล้วพบกันใหม่ครับ เสียดายไม่ได้ไปส่งอาชินกับโบ อีกนานเลยกว่าจะได้เจอกัน ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ"
"สวัสดีค่ะ แล้วไว้เจอกันอีกนะคะ" หมอนิลลี่กล่าวอำลาทุกคนเช่นกัน
แล้วทุกคนก็กลับออกไป เมื่อทุกคนออกไปแล้ว แม้ณัฐจะยังเจ็บแผลมากอยู่ ก็มิวายยังคงพลอดรักกับหมออย่างคนที่อดใจไม่ได้แล้ว แม้จะได้แค่จูบหอมโลมเลียก็ตาม ทั้งสองคนเมื่ออยู่กันตามลำพัง ก็แสดงออกต่อกันอย่างกับว่าโลกนี้มีเพียงเราสองคน และหยุดเวลาไว้แค่นั้น ต่างคนต่างพลอดรักกันดูดดื่มเร่าร้อนตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าการเล้าโลมเท่านั้น
หมอนิลลี่ดูแลณัฐเป็นอย่างดีจนกระทั่งแผลผ่าตัดหายดี อาการต่างๆ ดีจนณัฐสามารถออกจากบ้านริมน้ำได้แล้ว หมอก็บอกกับณัฐในเย็นวันหนึ่งว่า
"อาการคุณหายแล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ"
"ทำไมต้องกลับบ้าน อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ไม่ได้หรือ"
พร้อมส่งสายตาอ้อมวอนมาให้ว่าจะขออยู่ต่อ
"อยากนอนอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตเลย จะได้ไหม"
สายตาเร่าร้อนอ้อนวอนพร้อมมือไม้ที่เริ่มไม่อยู่สุข คว้าตัวหมอนิลลี่เข้าสู้อ้อมอกที่ร้อนดังไฟที่พร้อมจะเผาผลาญร่างกายหมอนิลลี่ให้แหลกเป็นจุล ปากประกบปากเร่งร้อนรุนแรงแต่อบอุ่นไม่แข็งกระด้าง มือไม้ที่ว่องไวไต่ไปมาพร้อมซอกซอนทุกส่วนของร่างกาย ริมฝีปากไร่เรี่ยจากปากมาที่หลังหูซอกคอ ลงมาตามส่วนต่างๆ หมอนิลลี่เองอ่อนระโหยรวยรินอยู่ท่ามกลางร่างของณัฐ ไม่ขัดขืน แต่สนองอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน ประดุจไฟที่กำลังจะเผาผลาญซึ่งกันและกัน ณัฐรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้อย่างเต็มที่ และกำลังจะเริ่มให้ความรักที่ดูดดื่มซาบซึ้งมากขึ้น โดยเริ่มถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น เหลือแต่ชุดชั้นใน ในขณะที่กำลังโลมเลีย มือเองก็กำลังปลดเสื้อชั้นในอยู่นั้น
"ก๊อกๆ ศิษย์น้อง"
ตุ๊ดตู่มาขัดจังหวะอีกเช่นเคย จริงๆ ทั้งสองรู้แล้วว่าอาจจะถูกขัดจังหวะเมื่อไหร่ก็ได้ หมอนิลลี่เองก็ล็อคกลอนทุกครั้ง ที่คิดจะอยู่กันตามลำพังนานๆ แต่ก็ถูกรบกวนอีกจนได้ ทั้งสองรีบแยกตัวออกจากกันแล้วใส่เสื้อผ้า หมอนิลลี่เดินไปเปิดประตูให้ตุ๊ดตู่เข้ามา
"มาแล้วหรือตุ๊ดตู่" เสียงหมอนิลลี่พูด
"ครับ"
"ดีเลย วันนี้ช่วยพอคุณณัฐไปส่งที่บ้านด้วยนะ เขากลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวให้มูมู่ไปเป็นเพื่อน"
"ได้เลยครับ"
"ไล่กลับบ้านอีกแล้ว อยากอยู่ที่นี่ตลอดไป ได้ไหม" ส่งสายตาเล้าโลมอ้อนวอนมาให้
"กลับบ้านเถอะ ตั้งแต่มีเรื่องไร่ฝิ่นคุณแทบไม่ได้นอนบ้านเลย มาอยู่ที่เพิงตลอด กลับไปบ้างก็ดีค่ะ คุณจะมาที่นี่เมื่อไหร่ อยู่นานแค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครห้ามนิคะ" หมอนิลลี่ตอบ พร้อมส่งสายตาลับลมคมใน ในเชิงเชิญชวนว่ามาเมื่อไหร่ก็ได้ พร้อมเสมอ
เมื่อณัฐรับรู้ถึงสายตาที่มีนัยนั้นก็บอกว่า
"ก็ได้ ไว้ผมจะมาทุกวันทุกคืนเลยครับ"
"ครับเดี๋ยวผมพาศิษย์พี่กลับบ้านเองครับ"
"เออเกือบลืม ผมว่าจะจัดงานแถลงเรื่องไร่ฝิ่นกับหมูตาย คุณจะได้เข้าออกหมู่บ้านได้ตามปกติ เอาเป็นวันมะรืนดีไหม" พร้อมในใจก็จะมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์หมอนิลลี่ด้วย
"ก็ดีค่ะ"
"งั้นตามนั้นนะครับ วันมะรืนตอนสัก 5 โมงเย็นเราจัดงานแถลงข่าวกันผมจะตามไอ้สารวัตรมันขึ้นมาด้วย กลับก่อนนะครับ แล้วฝันถึงผมทุกวันนะครับ" ส่งสายตาหวานซึ้งตรึงใจมาให้อีก
หมอนิลลี่ส่งสายตาหวานละมุมไปให้เช่นกันเหมือนยังอยากจะให้ณัฐอยู่ต่อก็มิปราณ
เมื่อถึงกำหนดการณ์วันแถลงการณ์นั้น หมอนิลลี่มาถึงที่ลานประชุมของหมู่บ้าน มาพร้อมมูมู่ก็แอบสงสัยว่าแค่งานแถลงการณ์เรื่องคนร้ายทำไม ลานถึงถูกตกแต่งอย่างงดงามคล้ายจะมีงานรื่นเริงมากกว่า และทุกคนในหมู่บ้านก็มาพร้อมกันด้วยชุดประจำเผ่าปกาเกอญอ ส่วนณัฐก็ปรากฎตัวออกมาด้วยชุดประจำเผ่าเช่นกัน
"สวัสดีครับ ทุกคนวันนี้ผมมีเรื่องจะแถลง เมื่อสัปดาห์ก่อนทุกคนน่าจะรับรู้ว่าทางตำรวจได้มีการจับตัวพวกแก๊งค้าฝิ่นข้ามชาติได้ในหมู่บ้านเรา โดยมีพี่ก๊อกแก๊กและแม่นิ่มร่วมขบวนการดังกล่าวอยู่ด้วย และตัวแม่นิ่มเป็นคนวางยาทำให้หมูในหมู่บ้านเราเป็นโรคระบาดตายไปหลายตัวนั้น ดังนั้นผมขอประกาศว่าเรื่องดังกล่าวมิได้เกี่ยวข้องกับแม่หมอเลย ขอให้ทุกคนยอมรับแม่หมอเหมือนเดิม โดยวันนี้สารวัตรพลก็ได้พาพี่นิ่มขึ้นมาด้วย จะให้พี่นิ่มสารภาพทุกอย่างให้ทุกคนฟัง"
"สวัสดีครับ ผมสารวัตรพลนะครับ แล้วนี่แม่นิ่ม อ้าวแม่นิ่มเล่าให้ทุกคนฟังซิว่าทำอะไรกับหมูของหมู่บ้านและร่วมมือกับใครบ้าง"
"เอ่อ ชั้นยอมรับผิดทั้งหมด ว่าร่วมกับแก๊งค้ายาพม่าต้องการเงิน เพราะพี่ก๊อกแก๊กพิการ เรารับเงินมาแล้วเอาเชื้อโรคให้ทำหมูเป็นโรคระบาดตาย นอกจากนี้แล้วยังมีพ่อหมอก็ร่วมมือกับแก๊งค้ายาพม่าด้วยคะ พอพ่อหมอรู้เรื่องว่าแม่หมอเข้าไปที่ไร่ฝิ่น จึงร่วมมือกันเพื่อไล่แม่หมอออกจากหมู่บ้าน พ่อหมอเองก็จะได้มีคนนับถือเหมือนเดิมจ้า"
"อ้าวพ่อหมอมาเกี่ยวด้วยหรือ" ณัฐถาม
"ใช่ ข้าก็พึ่งรู้ตอนที่สอบสวน ตอนนี้ข้าเลยให้คนไปจับพ่อหมอมาแล้ว รวยเอาพ่อหมอออกมาทีซิ"
รวยพาพ่อหมออกมาแล้วก็บอกว่า
"นี่ครับพ่อหมอ"
"อ้าวพ่อหมอเล่าหน่อยว่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งนั้น" สารวัตรบอก
"ข้าก็ช่วยพวกนั้นทำไร่ฝิ่นไง ส่วนหนึ่งก็ได้เงิน อีกส่วนก็เอามาทำยาเพื่อให้ชาวบ้านติด จะได้มารักษากับข้าตลอดไง ไอ้โง่"
"พ่อหมอนี่เลวมากเลยเสียใจที่พวกเราเคารพ" เสียงพ่อหลวงต่อว่า
"ออกไป หมออะไรเอายาเสพติดให้คนไข้กิน สู้แม่หมอก็ไม่ได้" เสียงชาวบ้านออกปากขับไล่
แล้วชาวบ้านทั้งหลายก็เอาไม้เอาหินขว้างปาพ่อหมอและแม่นิ่ม เหมือนที่เคยทำกับหมอนิลลี่ เมื่อสารวัตรเห็นเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลายเลยบอกรวยว่า
"เอาคนร้ายทั้งสองไปไว้ที่รถผู้ต้องหานะ"
"ครับผม" รวยตอบ
"อ้าวหล่ะเรื่องร้ายก็ผ่านไปแล้ว ต่อมามีอีกเรื่องที่ข้าขอประกาศ" เสียงพ่อหลวงประกาศ
"ข้าขอประกาศข่าวว่าวันนี้ข้าจะรับแม่หมอกับเข้ามาหมู่บ้านในฐานะลูกสะใภ้ของข้า แม่หมอจะว่ายังไง ข้าขอสู่ขอเจ้าเป็นเมียไอ้ณัฐ" เสียงพ่อหลวงสอบถาม
พร้อมกันนั้นณัฐก็เดินไปคุกเข่า พร้อมยื่นช่อดอกไม้ให้แม่หมอพร้อมบอกว่า
"เข้าพิธีแต่งงานกับผมนะครับ"
หมอนิลลี่กำลังงง ตกใจ ยินดี เขินอาย หลายอารมณ์มาก กายและใจไม่ปฏิเสธอยู่แล้วแต่ไม่มีเสียงที่จะเปล่งวาจาว่าได้ค่ะ ได้แต่พยักหน้าตอบรับณัฐไป ณัฐเห็นท่าทีนั้นแล้วว่าไม่ปฏิเสธ จึงได้มอบแหวนวงน้อยใส่นิ้วนางซ้าย ทำตามแบบประเพณีนิยมทั่วไป แล้วก็ดึงตัวหมอนิลลี่มากอดและจุมพิตอย่างละมุน แล้วบอกกับสาวๆ ชาวบ้านว่า
"พวกสาวๆ ช่วยจับแม่หมอแต่งตัวแบบชุดแต่งงานของพวกเราแล้ว พามาทำพิธีแบบปกาเกอญอนะ"
เมื่อไม่มีอาการขัดขืนใดใด หมอนิลลี่ก็ถูกจับไปแต่งตัวออกมาสวยงามในแบบฉบับของชาวปกาเกอญอ พิธีแต่งงานดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น เมื่อถึงเวลาเข้าหอสารวัตรก็เดินมาบอกว่า
"ผมยินดีกับทั้งสองคนด้วยใจจริง ข้ายอมแพ้เอ็งหว่ะ ไอ้ณัฐ หมอเขารักแกมาก แกดูแลเขาให้ดีนะ ไม่งั้นข้าจะมาขอทวงคืน"
"ขอบคุณสารวัตร"
"ขอบใจเอ็งมากได้เพื่อนยาก"
แล้วสารวัตรก็เดินจากมา ปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าหอไป
ถึงเวลาเข้าหอแล้ว เมื่ออยู่กันตามลำพัง
"รอวันนี้มานาน ผมรักคุณมากๆ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักแล้ว นับวันก็ยิ่งรักยิ่งปรารถนามากขึ้น ไหนคุณบอกผมสักหน่อยว่าคุณก็รักผมเช่นกัน"
นิลลี่อยู่ในอาการกำลังเขิน หน้าแดงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าแล้วส่งสายตาตอบสนองเท่านั้น เมื่อสายตาหวานเชื่อมของทั้งสองประสานกันอย่างเนิ่นนาน ณัฐได้คำตอบที่ต้องการจากสายตาคู่นั้นแล้ว ก็จุมพิตลงที่หน้าผากอย่างทะนุทนอมเบาบาง ประดุจจุมพิตกระดาษ แล้วก็เริ่มไล่ลงมาที่ริมฝีปาก เมื่อหมอนิลลี่ตอบสนองจูบตอบอย่างอ่อนหวานเช่นกัน
ณัฐเองก็เริ่มแสดงปฏิกิริยาเร่าร้อนโรมรันมากขึ้น ไล่จูบซุกไซ้ไปที่หลังหูต้นคอ มือไม้ล้วงไปตามจุดสงวนต่างๆ เพื่อปลุกเล้าอารมณ์ของหมอนิลลี่ จนหมอเคลิบเคลิ้มเตรียมพร้อมที่จะรับความรักของณัฐแล้ว มือไม้กับริมฝีปากก็มาซุกซนอยู่ที่หน้าอก เปลื้องผ้าของทั้งสองออก และกำลังเริ่มต้นกระบวนการฝากรัก อย่างเร่าร้อนต่อไป
ทันใดนั้นหมอนิลลี่พลันเห็นเงาที่หน้าต่างๆ เมื่อจ้องมองไปอีกครั้ง เงาคนก็ยังอยู่อย่างนั้น จึงได้ร้องออกไปว่า
"ณัฐหยุดก่อนค่ะ มีคนแอบมองอยู่ที่หน้าต่าง"
ณัฐที่กำลังจะเริ่มให้ความรัก ไม่เชื่อนึกว่าหมอนิลลี่พูดเล่นก็เอาริมฝีปากมาประกบปากของหมอนิลลี่พร้อมบรรเลงเพลงรักต่อไปอย่างเร่าร้อน แต่หมอนิลลี่ขัดขืนแล้วบอกว่า
"มีคนอยู่ตรงหน้าต่าง จริงๆ ค่ะ"
เมื่อหมอพูดอย่างนี้ถึงสองครั้ง ทำให้ณัฐเองที่อารมณ์กำลังเร่าร้อนอยู่นั้นต้องหยุดและหันไปที่หน้าต่างเช่นกัน ก็เห็นเหมือนมีเงาอยู่ตรงหน้าต่างจริงๆ จึงจำเป็นต้องหยุดปฏิบัติการแห่งความรักลง เปิดไฟ แล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่หน้าต่าง คนที่หน้าต่างก็หายไป เมื่อมองลงไปในความมืดก็ไม่เห็นใครแล้ว เห็นแต่กระดาษที่วางไว้ที่หน้าต่าง หมอนิลลี่ก็หยิบขึ้นมาแล้วอ่านโดยที่ณัฐเองก็อ่านอยู่ด้วย ข้อความในกระดาษเขียนไว้ว่า
"ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ข้าหาตัวเจ้าเจอแล้ว นิลลี่ คนชอบโกหกคนบาป เมื่อไหร่จะยอมสารภาพบาปที่ทำแล้วพระเจ้าก็จะให้อภัย รักนะ ถึงได้เตือน ยอมรับผิดซะ เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก"
เมื่ออ่านข้อความในกระดาษนั้น หมอนิลลี่ก็แสดงอาการหวาดกลัวตัวสั่นไปหมด ทำกระดาษหล่นจากมือ ส่วนณัฐที่อ่านด้วยไม่เข้าใจว่าคืออะไร ก็เอ่ยปากถามว่า
"จดหมายนี่อะไรใครบาป ใครต้องสารภาพบาป"
"ไม่มีอะไรค่ะ คนบ้าเขียนส่งมาให้เท่านั้น" แต่ท่าทางของหมอนิลลี่กับแสดงออกถึงความกลัวตัวสั่นไปหมด เหมือนจะร้องไห้ ณัฐเองเห็นอาการเช่นนั้นก็ดึงมากอด ลูบหลังเพื่อปลอบประโลมให้นิลลี่หายกลัว ดูเหตุการณ์ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแต่ หมอยังไม่ยอมเล่า สุดท้ายก็ได้แค่ปลอบแล้วดึงกลับมาที่เตียง ใจนั้นต้องการจะทำภารกิจฉันสามีภรรยาต่อ แต่ทางหมอนิลลี่มีท่าทีกังวลไม่พร้อมเสียแล้ว จึงได้แต่จุมพิตที่เปลือกตาแล้วบอกว่า
"คนดีไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่เป็นเพื่อนแล้ว นอนในอ้อมอกผมรับรองว่าไม่มีใครมาทำอะไรคุณได้แน่นอน ขวัญเอยขวัญมานะ ยอดรัก" แล้วก็ดึงเข้ามากอดเพื่อปลอบให้นอน
หมอนิลลี่ยอมทำตามโดยดี แล้วก็ล้มตัวลงนอน ณัฐดึงตัวไปกอดไว้ สุดท้ายณัฐก็หลับไป ตื่นมาในช่วงเช้าก็พบว่าหมอนิลลี่หายไปแล้วทิ้งไว้แต่กระดาษเขียนไว้ว่า
"แม้ชั้นจะรักคุณมากแค่ไหน แต่เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถึงเวลาที่ชั้นต้องไปแล้วค่ะ เขาหาตัวชั้นพบแล้ว ไม่อยากให้คนในหมู่บ้านเป็นอันตราย ต้องขอลาตรงนี้ค่ะ ยอดรักของชั้น บ้านริมน้ำนั้นชั้นได้ดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมมานานแล้ว ได้ถ่ายทอดความรู้การดูแลคนไข้เบื้องต้นให้คุณกับตุ๊ดตู่ไว้พอสมควร และได้สร้างหุ่นยนต์หมอตัวใหม่เก็บซ่อนไว้นานแล้ว เผื่อวันใดที่ชั้นต้องจากไปหุ่นตัวนี้จะเป็นตัวแทนของชั้นในการดูแลคนไข้ต่อไป ให้ชื่อเดียวกับชั้นหมอนิลลี่ค่ะ ลาก่อนสุดที่รัก หมอนิลลี่"
เมื่ออ่านจดหมายจบ หัวใจณัฐแทบจะแหลกสลาย ออกเดินหาหมอนิลลี่อย่างบ้าคลั่งแต่ก็ไม่พบ ที่บ้านริมน้ำนั้นพบแต่หุ่นยนต์หมอนิลลี่เท่านั้น ไม่พบร่องรอยใดใดของเธอเลย ได้แต่ยืนร้องไห้เสียใจอยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้วก็พูดว่า
"อย่าทิ้งผมไป"
หมอนิลลี่ที่ยังอยู่ภายในบริเวณบ้านได้ยินดังนั้นแม้จะเสียใจอย่างมาก แต่ก็อยู่ต่อไม่ได้จริงๆ จึงตัดใจเดินทางจากไปพร้อมให้มูมู่แปลงร่างเป็นจรวดแล้วเดินทางจากไป
จบบริบูรณ์