พระตำหนักขององค์ฮ่องเต้
ฮ่องเต้ทรงฉายพระเนตรมองแม่ทัพหนุ่มทางด้านหน้าด้วยสีพระพักตร์นิ่งและดูสุขุมมาก จากนั้นพระองค์ได้ผายพระหัตถ์ออกไปทางเขา และทรงตรัสกับแม่ทัพหนุ่มอย่างพระทัยเย็น
"ลุกขึ้นมาคุยกันดี ๆ เถิด เจ้าไม่ใช่คนเหลวไหล เราจึงเข้าใจถึงเหตุผลที่เจ้ายังคงปิดบังเราไว้ แต่ตอนนี้เจ้าคงจะต้องบอกรายละเอียดที่มีทั้งหมดตอนนี้ให้เรารับรู้เสียแล้ว ส่วนเรื่องที่จะเชื่อในสิ่งนั้นหรือไม่เราจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง"
แม่ทัพหนุ่มยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่กล่าวรายงานข้อมูลทั้งหมดต่อองค์ฮ่องเต้ ตามความจริงที่เขาได้ตรวจสอบมา
"หม่อมฉันก็ไม่มั่นใจเสียทั้งหมดว่านางเป็นเจ้าของป้ายหยกมรกตนั้นจริงหรือไม่ แต่ป้ายนั้นน่าจะเป็นของจริงพ่ะย่ะค่ะ เพราะหม่อมฉันได้เห็นตราสัญลักษณ์ประจำตัวขององค์หญิงอวี้หลันสลักไว้อีกด้านของป้าย"
"มีตราสัญญลักษณ์ของนางสลักอยู่เช่นนั้นหรือ ?"
องค์ฮ่องเต้ตรัสขึ้นลอย ๆ และหันพระพักตร์ไปมองทางเฉากงกงและถามเขาผ่านสายพระเนตร
"หม่อมฉันก็ไม่มั่นใจพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท เพราะตอนนั้นเพียงมองเห็นไกล ๆ และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมอยากให้ใครเห็นจึงรีบปกปิดไว้ทัน"
เฉากงกงตอบฮ่องเต้อย่างนอบน้อม
ในจังหวะที่ฮ่องเต้และเฉากงกงเงียบไป หลงอี้หลิงก็พูดเสริมขึ้น
"....เรื่องการสวรรคตขององค์หญิงอวี้หลันและองค์ชายรัชทายาทรุ่นก่อนนั้นดูเหมือนว่าเกี่ยวข้องกับเยี่ยอ๋องพ่ะย่ะค่ะ และเพื่อความกระจ่างชัดเจน หม่อมฉันอยากขอพระราชาอนุญาตเปิดพระตำหนักต้องห้ามนั้น เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม จะได้เอาผิดคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังแผนการเลวทรามนี้มาลงโทษให้สาสมกับความผิดที่พวกเขาได้กระทำไว้"
ฮ่องเต้ทรงมีสีพระพักตร์ครุ่นคิดและทรงดูเคร่งเครียดมาก พระองค์เงียบไปครู่ใหญ่
ด้านแม่ทัพหนุ่มและเฉากงกงก็ไม่มีผู้ใดกล่าวสิ่งใดแทรกขึ้นมา ทั้งสองได้แต่ยืนรอฟังการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้อย่างเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปครึ่งจิบน้ำชา ฮ่องเต้ก็ได้ทรงหันไปตรัสกับเฉากงกง
"เฉากงกง ราชโองการลับ"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท" เฉากงกงขานรับอย่างฉับไวและจัดรีบจัดเตรียมสิ่งของเพื่อให้องค์ฮ่องเต้ได้ร่างราชการโองการลับตามรับสั่ง
ไม่นานราชโองการลับก็ได้ไปอยู่บนมือของหลงอี้หลิง
"เราเองก็อยากรู้ความจริงถึงการตายของพวกเขาเช่นกัน ว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุหรือแผนการร้ายของผู้ใดกันแน่ เพราะเรื่องนี้มันทำให้เราต้องมารับหน้าที่อันสำคัญปกครองบ้านเมือง ทั้ง ๆ ที่ตัวเราก็ไม่ได้เต็มใจตั้งแต่แรก แต่เพราะหน้าที่ของสายเลือดกษัตริย์ผูกมัดไว้...เจ้าจงไปตรวจสอบและหาหลักฐานมามัดตัวคนผิดให้ได้ ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นผู้ใดก็ไม่มีละเว้นโทษทัณฑ์สักคน"
คำตรัสนี้ขององค์ฮ่องเต้ ช่างเด็ดขาดและทรงอำนาจยิ่งนัก
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หม่อมฉันขอน้อมรับคำสั่งและจะหาหลักฐานมามัดตัวเพื่อลงโทษคนผิดให้จงได้"
หลังจากที่แม่ทัพหนุ่มได้รับราชโองการลับจากองค์ฮ่องเต้ เขาก็ขอตัวลากลับ แต่พอเดินกลับมาถึงตรงที่รถม้าของเขาจอดอยู่ กลับไม่พบว่าฟ่ง-หลันหลั่นอยู่รอที่นั่นตามที่เขาได้กำชับไว้ก่อนแยกจากกัน และนั่นคือสาเหตุที่ทำไมเขาถึงได้ไปโผล่ที่พระตำหนักต้องห้ามในเวลาต่อมานั่นเอง
เวลาปัจจุบัน
ด้านจางเก่อที่ยืนรอฟังอยู่ เขาเห็นนายน้อยของตนนั่งเงียบและใจลอยอยู่นานพักใหญ่แล้ว เขาจึงกล่าวขึ้นเพื่อเรียกสติผู้เป็นนายให้กลับมา
"นายน้อยขอรับ..." เมื่อหลงอี้หลิงได้ยินเสียงเรียกของจางเก่อ เขาจึงได้หลุดจากภวังค์ และเอื้อมมือไปหยิบบางอย่างออกมาจากใต้โต๊ะทำงานของตน ก่อนจะยื่นให้กับลูกน้องคนสนิท
จางเก่อเห็นสิ่งของชิ้นนั้น แววตาของเขาก็ฉายแววประหลาดใจ และยื่นมือไปรับมา
"นายน้อยได้รับราชโองการลับจากฮ่องเต้งั้นหรือขอรับ" เขาย้อนถามเป็นนายอย่างสงสัย ด้านหลงอี้หลิงก็เพียงพยักหน้าตอบรับ
นายกองคนสนิทเปิดอ่านดูสารข้างใน เขาก็มีสีหน้าครุ่นคิดและเคร่งเครียดอย่างชัดเจน เมื่ออ่านจบเขาก็ม้วนราชโองการลับให้อยู่ในสภาพเดิม และส่งคืนให้กับแม่ทัพหนุ่ม
"ไม่ว่านายน้อยต้องการให้ข้าทำอะไร ท่านได้โปรดออกคำสั่งมาได้เลย ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ข้ายินดีทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ"
"ขอบใจเจ้ามากจางเก่อที่จงรักภักดีต่อข้าเช่นนี้ เป็นความโชคดีของข้าที่ได้เจ้ามาเป็นลูกน้องในกองทัพ"
"นายน้อยโปรดอย่าได้กล่าวเยี่ยงนั้น...ในปีนั้นที่สนามรบ ตอนชนเผ่าทางเหนือได้บุกเข้ามารุกรานแคว้นของพวกเรา หากท่านไม่เอาตัวเข้ามารับดาบเล่มนั้นไว้แทนข้า ป่านนี้ข้าคงจะไปเฝ้ายมมบาลแล้ว หนี้ชีวิตนี้ชดใช้ยังไงก็ไม่มีวันหมด"
ทั้งสองมองหน้าและต่างก็นึกถึงความหลังครั้งที่เคยออกรบร่วมกัน
"เอาละ เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว ถ้าข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็คงจะทำแบบเดียวกัน...ว่าแต่เข่อลั่วได้ออกเดินทางแล้วใช่หรือไม่"
พอแม่ทัพหนุ่มเปลี่ยนประเด็นพูด และเอ่ยถึงเข่อลั่วเขากลับดูมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเท่าที่ควร
"ขอรับ เจ้านั่นเดินทางไปเมืองจิ่วเพื่อตามหาแม่นางฟ่ง ตามที่นายน้อยสั่งแล้ว และข้าเชื่อว่าเขาต้องตามหานางเจอและพากลับมายังเมืองหลวงอย่างปลอดภัยแน่นอนขอรับ"
จางเก่อรู้ดีว่านายน้อยของเขากังวลและทุกข์ใจเรื่องของฟ่งหลันหลั่น เพราะนางได้แอบหนีออกไปจากเรือนหลงหลิงเมื่อหลายวันก่อน สาเหตุคือนางได้ทะเลาะกับหลงอี้หลิงเรื่องการแต่งงานพระราชทานของเขานั่นเอง
"เจ้ารีบส่งสารไปบอกเข่อลั่วว่าให้เขาทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดกั้นไม่ให้นางเดินทางกลับมาเมืองหลวง รอจนกว่างานแต่งงานนี้จะเสร็จสิ้นค่อยพานางกลับมา"
น้ำเสียงของหลงอี้หลิงฟังดูกังวลและดูเจ็บปวดยิ่งนัก แต่เขาในตอนนี้ในฐานะแม่ทัพของฮ่องเต้ เขามิอาจจะทำอะไรได้ตามใจปรารถนา ความถูกต้องและความสันติสุขมั่นคงของบ้านเมืองและปวงประชาต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว
หลงอี้หลิงกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย เหมือนเขากำลังพยายามข่มใจและหักห้ามใจตัวเองให้แข็งใจเอาไว้ ซึ่งจางเก่อก็สังเกตเห็นท่าทีนั้นของผู้เป็นนายเช่นกัน
"นายน้อยเป็นห่วงความรู้สึกของแม่นางฟ่ง และไม่อยากให้นางเสียใจ หากนางต้องกลับมาเห็นภาพบาดตาบาดใจใช่ไหมขอรับ"
คำถามนี้ของจางเก่อช่างทิ่มแทงใจของผู้เป็นนายยิ่งนัก
"มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ข้าไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องผู้นั้นจะวางแผนการร้ายอะไรไว้อีก เพราะดูท่าแล้ว เขาเองก็เริ่มระแคะระคายและสงสัยบางอย่างแล้ว"
หลงอี้หลิงกล่าวด้วยความกังวลใจ และทอดมองสายตาออกไปทางหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้างเพื่อรับลมอยู่
แต่ในขณะเดียวกันด้านฟ่งหลันหลั่นกลับไม่ได้เดินทางไปยังเมืองจิ่ว แต่นางได้ไปเยือนยังสถานที่แห่งหนึ่งและหลบซ่อนตัวเพื่อรอเวลา
ด้านเยี่ยอ๋องซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือให้ห้องหนังสือของเขาอย่างเงียบ ๆ จู่ ๆ ก็มีลูกดอกธนูถูกยิงผ่านหน้าต่างที่กำลังเปิดรับลมอยู่เข้ามาปักที่เสาทางด้านข้างเฉียดใบหน้าของเขาไปนิดเดียว เยี่ยอ๋องตกใจมากจึงได้ร้องเรียกหาบ่าวรับใช้เสียงดังลั่นไปทั่วจวน
"ใครอยู่ด้านนอกบ้าง! มีคนร้ายบุกรุก! รีบไปบอกให้คนอื่นตามหาตัวคนร้ายให้เจอเดี๋ยวนี้"
เมื่อเยี่ยอ๋องตะโกนบอกบ่าวไพร่เสร็จเขาก็หันไปมองลูกดอกที่ปักอยู่ตรงต้นเสาด้านหลัง และสังเกตเห็นว่ามีกระดาษผูกติดอยู่ เขาจึงรีบไปเดินไปดึงลูกธนูดอกนั้นออกและแกะกระดาษเปิดอ่านดูเนื้อความด้านในด้วยสีหน้าตกใจ
"คืนนี้ ข้าจะมาทวงความยุติธรรมทั้งหมดคืนจากท่าน เตรียมคำตอบนั้นไว้ด้วย"
เมื่อเยี่ยอ๋องอ่านเนื้อความในกระดาษแผ่นนั้นจบ เขาก็ขยำกระดาษจนยับยู่ยี่ สีหน้าและแววตาขึงขังมาก
"เป็นเจ้าจริง ๆ งั้นเหรออวี้หลัน...หึ! จะเป็นผีหรือคน อยากเจอก็มา ข้า เยี่ยอ๋อง! ไม่กลัวเด็กน้อยเช่นเจ้าหรอก"
....
เซียงไค 盛開