กระโจมพักของแม่ทัพหนุ่ม
ริมฝีปากหนาถูกวางลงบนริมฝีปากบางชมพูอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน
ร่างกายของฟ่งหลันหลั่นไม่มีท่าทีขัดขืนหรือปัดป้องตัวเองจากเขาเลยสักนิด ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกเคลิบเคลิ้มและปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสัมผัสนั้นอย่างปรารถนา
จุมพิตนี้ดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ นางก็รู้ได้ว่าโทสะเขาคลายลงแล้ว
ทั้งสองต่างโต้ตอบและแลกสัมผัส ด้วยจุมพิตอันดูดดื่มหวานชื่นและค้างอยู่ในท่านั้นนานเท่าไรหารู้ไม่
ราวกับว่าเวลาและทุกอย่างรอบตัวของพวกเขาได้หยุดการเคลื่อนไหวลงไปชั่วขณะ
และมีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้รับอนุญาตจากฟ้าดินให้มอบความรักอันหวานชื่นและสัมผัสแสนหวานนี้ให้กันและกันโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางหรือหยุดยั้งได้
ในขณะที่แม่ทัพหนุ่มกับสาวใช้กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม จู่ ๆ ลูกน้องคนสนิท นายกองร่างท้วมได้แหวกผ้าม่านเดินเข้ามาในกระโจมอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง
นายกองหนุ่มดันเข้ามาจังหวะที่ไม่สมควร เลยเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้า เขารีบหันหลังขวับให้ทั้งสองคนทันที และรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบ เพราะรู้ความผิดของตน
แม้จิตใจและความรู้สึกของหลงอี้หลิงจะกำลังจดจ่ออยู่กับสตรีน้อยในอ้อมแขน แต่เขาสามารถจับสัมผัสได้ว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาในกระโจม จึงได้คลายริมฝีปากหนาของเขาออกจากริมฝีปากบาง แม้ใจจริงจะไม่อยากหยุดก็ตาม และพลางหันหน้าไปทางลูกน้องตัวดีของเขา ดวงตาสีนิลฉายแววไม่สบอารมณ์
ฟ่งหลันหลั่นที่กำลังเคลิบเคลิ้มอยู่กับสัมผัสอันดูดดื่มของบุรุษตรงหน้า ก็หยุดชะงักลง และพอหันมองไปตามสายตาของแม่ทัพหนุ่ม นางก็รู้สึกเขินอายต่อนายกองร่างท้วมที่กำลังยืนหันหลังให้พวกเขาอยู่
สตรีน้อยจึงคว้าห่อผ้าของตนมาจากมือของแม่ทัพหนุ่ม และเดินก้าวขาฉับ ๆ เลี่ยงไปนั่งบนเตียงนอนของเขาอย่างประหม่าและเคอะเขิน
หลงอี้หลิงเอี้ยวตัวหันหน้าตรงยืนจังก้าและกล่าวถามลูกน้องเสียงเข้มอย่างขุ่นเคือง
"เข่อลั่ว เจ้าจะยืนหันหลังอยู่เช่นนั้นอีกนานไหม"
เมื่อเข่อลั่วได้ฟังแม่ทัพของตนกล่าวเสียงเข้มขึ้นเช่นนั้น เขาก็รีบหันขวับกลับไปประจันหน้า พร้อมกับฉีกยิ้มแห้งให้กับนายน้อยของตน
"ขออภัยนายน้อย ที่ข้าเสียมารยาทเข้ามาขัดจังหวะในเวลาแห่งความสุขของพวกท่าน พอดีข้าต้องการมาแจ้งแม่นางฟ่งว่ากระโจมที่พักของนางเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
เข่อลั่วพยายามทำตัวเองให้ลีบลง เพราะหวั่นเกรงว่าจะถูกลงโทษที่เข้ามาในกระโจมอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง แม้มันจะไม่ได้ผลก็ตาม
ฟ่งหลันหลั่นได้ยินเช่นนั้นนางก็ลุกพรวดพลาดขึ้น และเผยสีหน้าดีใจแกมโล่งอก ที่จะไม่ต้องอยู่ในกระโจมนี้ตามลำพังกับแม่ทัพหนุ่มแล้ว ที่จริงนางไม่ได้กลัวเขา แต่นางกลัวใจตัวเองว่าจะหวั่นไหวคล้อยตามเขาอย่างเช่นก่อนหน้านี้
แต่ยังไม่ทันที่สตรีน้อยจะได้กล่าวสิ่งใด แม่ทัพหนุ่มก็ตอบเสียงแข็งทันควันโดยไม่ต้องคิด
"ไม่จำเป็น! นางเป็นคนของข้า ดังนั้นนางก็ต้องพักที่กระโจมนี้เท่านั้น" น้ำเสียงของเขา ฟังแล้วช่างเด็ดขาดยิ่งนัก
เข่อลั่วได้ฟังเช่นนั้น เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
"ตะ แต่ว่า บุรุษและสตรี พักอยู่ด้วยกันตามลำพังมันจะดูไม่งาม คนอื่นรู้เข้า จะครหาพวกท่านได้นะขอรับ"
เข่อลั่วไม่รู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงได้กล่าวออกมาเช่นนั้นเพราะความหวังดี
สตรีน้อยเองก็รีบกล่าวเสริมทัพขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
"ใช่! ท่านเข่อลั่วกล่าวถูกต้องเลย บุรุษและสตรีอยู่ด้วยกันตามลำพังมันคงดูไม่งาม ข้าเป็นเพียงสาวใช้ หากยังขืนพักค้างแรมในกระโจมเดียวกับ นายน้อยอาจจะถูกคนอื่นเอาไปนินทาให้ท่านเสียหายได้ อีกอย่างมันก็จะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีให้กับพวกเหล่าทหารลูกน้องของท่านได้ เช่นนั้นข้าไปดีกว่า"
เมื่อพูดจบฟ่งหลันหลั่นก็ก้าวขาฉับ ๆ อย่างว่องไว เพื่อจะเดินออกไปจากกระโจม แต่ยังไม่ทันที่จะเดินผ่านตัวของแม่ทัพหนุ่ม เขาก็ได้คว้าแขนนางไว้หมับ และดึงนางเข้ามาสวมกอดไว้แน่น
"ยัยเด็กดื้อ! ข้ายังลงโทษเจ้ายังไม่เสร็จ เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น"
แม่ทัพหนุ่มดุเสียงเข้มกับสตรีน้อย จากนั้นเขาก็ได้ชำเลืองมองไปทางเข่อลั่วด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
"ส่วนใครกล้าเอาเรื่องภายในไปพูดข้างนอก ข้าจะสั่งลงโทษตัดลิ้นให้หมด!" น้ำเสียงแข็งกร้าวแกมเผด็จการของแม่ทัพหนุ่ม เล่นเอาฟ่งหลันหลั่นกับเข่อลั่วได้ยินถึงกับสะดุ้งตัวโหยงและเผยสีหน้าตกใจ
"ขอรับนายน้อย" เข่อลั่วรับคำสั้น ๆ อย่างหวาดกลัวในอำนาจของแม่ทัพหนุ่ม พลางครุ่นคิดในใจอย่างสงสัย
'ปกตินายน้อยจะเป็นคนมีเหตุผลและควบคุมสติ รวมทั้งอารมณ์ได้ดีมาก มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กันนะ สงสัยว่าคราวนี้เขาคงจะโกรธ แม่นางฟ่งจริง ๆ กระมัง ถึงได้กล่าวอะไรที่ไม่ใช่นิสัยของเขาเช่นนี้'
ด้านฟ่งหลันหลั่นก็ออกแรงดิ้นไปมา เพื่อจะสลัดตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอดของแม่ทัพหนุ่ม แต่พอนางยิ่งออกแรง เขาก็ยิ่งสวมกอดรัดตัวนางแน่นยิ่งขึ้น พร้อมกับมองสตรีน้อยด้วยแววตาดุ
หลงอี้หลิงเห็นว่านายกองหนุ่มของตัวเองยืนนิ่งไปครู่ใหญ่ เขาจึงกล่าวเสียงเข้มขึ้นเพื่อเป็นการไล่ลูกน้องตัวดีให้ออกไปจากกระโจมเสียที
"หากไม่มีธุระเรื่องอื่นแล้วก็ออกไปซะ รึว่าเจ้าอยากจะอยู่รอดูว่า ข้าจะลงโทษแม่นางฟ่งของเจ้ายังไงต่อ"
แม่ทัพหนุ่มกล่าวพลางแกล้งโน้มตัวลงต่ำ ยื่นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเข้าไปใกล้ดวงหน้างาม จนอีกฝ่ายรีบยกห่อผ้าของตนขึ้นมาขวางทางไว้เพื่อปัดป้อง พร้อมกับกล่าวทัดทานอย่างรวดเร็ว
"นายน้อยเลิกแกล้งข้าเช่นนี้เสียที ข้าไม่ตลกตามท่านด้วยนะ อีกอย่างท่านเข่อลั่วก็กำลังมองมาทางนี้อยู่ ท่านไม่อายแต่ข้าอาย" น้ำเสียงใสกล่าวทัดทานและต่อว่าแม่ทัพหนุ่มอยู่ในที
ฟ่งหลันหลั่นพูดเช่นนั้นเพราะไม่อยากให้นายกองหนุ่ม ซึ่งกำลังยืนมองพวกเขาอยู่คิดจินตนาการเกินเลยไปไกล แม้ว่าความเป็นจริงแล้วนางกับแม่ทัพหนุ่มผู้นี้จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขั้นที่ทุกคนได้ฟังแล้วอาจจะต้องตกตะลึงก็ได้
ยิ่งเข่อลั่วได้เห็นอากัปกิริยาและสายตาที่คนทั้งคู่แสดงออกต่อกัน เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของคนทั้งสอง จึงคิดได้ทันทีว่า หากเขาไม่พาตัวเองออกไปจากกระโจมนี้ให้เร็วที่สุด เห็นทีคราวนี้แผ่นหลังหนาของเขาคงจะไม่ได้แค่ถูกไม้โบยหลังอย่างเดียวเป็นแน่
"ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวลาไปทำหน้าที่ของตนต่อก่อนนะขอรับ พวกท่านทั้งสองจะได้คุยธุระกันต่อ"
เมื่อเขากล่าวจบ เพียงแค่เขาเห็นท่วงท่าสะบัดมือของผู้เป็นนายแทนคำตอบ เขาก็รีบหันหลังขวับ และเดินจ้ำอ้าวออกไปจากกระโจมหลังนี้อย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงบุรุษรูปงามผู้เป็นเจ้าของกระโจมและสตรีน้อย สาวใช้จอมดื้อดึงที่ไม่เคยสนใจฟังคำสั่งของผู้เป็นนายเลยสักครั้ง อยู่กันตามลำพังด้านใน
เมื่อเข่อลั่วเดินพ้นออกมาจากกระโจมของแม่ทัพหนุ่ม เขาก็เห็นว่าจางเก่อกำลังเดินนำหน้าหยวนจูวเย่และคนของเขา มุ่งตรงมายังกระโจมของผู้เป็นนาย นายกองร่างท้วมจึงรีบพุ่งตรงเข้าไปขวางทางของพวกเขาไว้และกล่าวเสียงขึงขังเอ่ยถามกับสหายสนิททันที
"จางเก่อ นี่พวกเจ้ากำลังจะไปยังที่ใดกัน" เขาแกล้งถามออกไปเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทั้งสามคนกำลังจะตรงไปยังที่ใด
จางเก่อเกิดความรู้สึกแปลกใจที่สหายถามออกมาเช่นนั้น แถมแววตาของอีกฝ่ายที่สื่อสารออกมาดูมีพิรุธและกังวลใจชอบกล
"เจ้าเป็นอะไร จู่ ๆ ถึงได้เดินมาขวางทางพวกข้าเช่นนี้ ข้ากำลังพาคุณชายหยวนไปพบกับนายน้อย หากเจ้าไม่มีอะไรก็ช่วยหลบทางให้พวกเราด้วย" จางเก่อกล่าวถามสหายของตนด้วยท่าทีนิ่งและสุขุม ตามนิสัยของเขา
เข่อลั่วได้ฟังเช่นนั้น เขายิ่งแสดงท่าทีร้อนรนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
"พวกท่านเข้าไปตอนนี้ไม่ได้!" เขากล่าวทัดทานขึ้นอย่างร้อนใจและมีท่าทีประหม่าชัดเจนจนอีกฝ่ายถึงกับชักสีหน้า พร้อมขมวดคิ้วขึ้น อย่างสงสัย
"เข่อลั่วนี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ พวกข้ามีธุระต้องรีบเข้าไปปรึกษาหารือกับนายน้อย เจ้ารีบหลบไป ไม่เช่นนั้นข้าจะแจ้งนายน้อยให้สั่งลงโทษเจ้า"
จางเก่อเริ่มไม่พอใจที่สหายของเขาแสดงกิริยาที่ไม่สมควรต่อหยวนจูวเย่ เขาเข้าใจผิดว่าเข่อลั่วอาจจะแค่ต้องการให้นายของพวกเขาพักผ่อน และก็เป็นห่วงสหาย เพราะกลัวว่าหากคุณชายหนุ่มผู้นี้ไม่พอใจขึ้นมา เรื่องราวคงจะบานปลายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่นายกองร่างท้วมจะรับไหวแน่
แต่เข่อลั่วก็ยังยืนกรานคำเดิมอย่างหนักแน่นว่าไม่ยอมเปิดทางให้พวกเขาได้ผ่านเข้าไปในด้านใน
"ต้องขออภัยคุณชายหยวนยิ่งนัก ที่ข้าน้อยคงไม่สามารถให้พวกท่านเข้าไปด้านในได้ พอดีว่าท่านแม่ทัพของพวกเรายังไม่สะดวกที่จะรับแขก ขอคุณชายได้โปรดเข้าใจและกลับมาใหม่ช่วงหัวค่ำก่อนเวลาอาหารเย็นเถิด"
เข่อลั่วกล่าวกับหยวนจูวเย่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ พร้อมกับผายมือไปทางด้านหน้า เพื่อเชิญให้พวกเขากลับไปยังที่กระโจมที่พัก
จางเก่อยื่นจ้องหน้าเพื่อตาเขม็งพร้อมทั้งชักสีหน้าดุอย่างไม่เข้าใจ
หยวนจูวเย่ชำเลืองมองข้ามหัวของเข่อลั่วไปทางประตูกระโจมที่อยู่ทางด้านหลังเขา ประสาทการได้ยินของคุณชายรูปงามสามารถจับเสียงของการพูดคุยตอบโต้ของคนสองคนดังเล็ดลอดเบา ๆ ออกมาจากผ้าม่านกระโจมนั้น และหากเขาฟังไม่ผิด เสียงนั้นคือเสียงของฟ่งหลันหลั่นกับเจ้าของกระโจมนั่นเอง
หยวนจูวเย่จึงเข้าใจในเจตนาของนานกองร่างท้วมทันที เขาคลี่พัดสีขาวในมือออกและสะบัดไปมาเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวขึ้นอย่างใจเย็น
"ดูท่าท่านแม่ทัพของพวกท่านคงกำลังมีแขกอยู่ด้านใน เช่นนั้นเอาไว้ข้าจะกลับมาพบเขาในช่วงเวลาตามที่ท่านนายกองบอกก็แล้วแล้วกัน"
เมื่อคุณชายรูปงามกล่าวจบเขาก็หันไปทางคนสนิทพร้อมกับส่งสายตาให้อย่างรู้กัน จากนั้นทั้งสองคนก็ยอมเดินกลับไปอย่างง่ายดาย
น้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉยของหยวนจูวเย่ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ มันได้สร้างความประหลาดใจและความกังวลต่อนายกองทั้งสองคนพอสมควร แต่พวกเขาก็เพียงแต่ยืนมองตามหลังโดยไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา
เมื่อหยวนจูวเย่และคนของเขาเดินหายลับสายตาไปแล้ว จางเก่อก็ได้หันกลับมาสนใจสหายตัวดีของเขา พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เข่อลั่ว มันเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยอย่างนั้นหรือ เหตุใดเจ้าถึงได้ห้ามไม่ให้พวกข้าเข้าไปด้านในกระโจมเช่นนี้ รีบอธิบายให้ข้าเข้าใจเดี๋ยวนี้เลย"
เข่อลั่วหันกลับมามองหน้าสหายสนิท พร้อมทั้งวางฝ่ามือหนาของเขาตบลงบนบ่าไหล่ของสหายสองที
"เอาไว้เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟัง แต่ก่อนอื่นพวกเรารีบย้ายก้นออกไปจาก ตรงนี้ก่อนที่นายน้อยจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ มิเช่นนั้นทั้งเจ้าและข้า อาจจะรับโทษทัณฑ์นั้นไม่ไหวเป็นแน่"
ยิ่งได้ฟังเข่อลั่วกล่าวเช่นนั้นจางเก่อยิ่งเกิดความสงสัย และอยากรู้ความจริงยิ่งนัก แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ถามสิ่งใดต่อ เพราะสหายตัวดีลากแขนดึงตัวเขาออกไปจากที่ตรงนั้นเสียก่อน นายกองมาดนิ่งจึงเก็บความสงสัยและยอมเดินปลีกตัวออกไปจากตรงนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
....
เซียงไค 盛開