หลายวันต่อมา ยังไม่ทันที่หลงอี้หลิงจะสืบหาความจริงให้กระจ่างเกี่ยวกับเรื่องที่เยี่ยชิงเซียวแอบวางยาพิษลงในขนมหวานและนำมามอบให้เพื่อเป็นของเยี่ยมตอนที่เขาไปพบกับท่านย่าที่เรือนสกุลหลง
แม่ทัพหนุ่มก็ได้รับพระบัญชาลับจากองค์ฮ่องเต้ให้ออกไปปราบโจรป่าย่านภูเขาซึ่งห่างออกจากเมืองจิ่วราวครึ่งลี้ ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง ก็ได้กำชับกับฟ่งหลันหลั่นไม่ให้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน และต้องปฏิบัติตามกฎของเรือนหลงหลิงอย่างเคร่งครัด หากนางไม่ยอมตกลง เขาก็จะส่งนางไปพักที่เรือนสกุลให้ท่านย่าของเขาเป็นผู้ดูแลแทน
แต่ด้วยนิสัยของฟ่งหลันหลั่น หากยังมีเรื่องที่ติดค้างในใจและยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือคลี่คลายลง นางก็ไม่อาจวางมือจากเรื่องนั้น ๆ ได้เป็นอันขาด
แต่เพื่อจะให้แม่ทัพหนุ่มเชื่อใจและยอมออกเดินทางอย่างไร้ความกังวล นางจึงแกล้งรับปากเขาไป
หลังจากที่หลงอี้หลิง ได้นำกองกำลังพลทหารหน่วยพยัคฆ์ดำที่เขาดูแลอยู่อย่างลับ ๆ ออกไปปราบโจรป่า ฟ่งหลันหลั่นก็ได้แอบหนีออกไปจากนอกเรือนหลงหลิงเช่นกัน และสถานที่นางเดินทางไปนั้นก็คือ เมืองจิ่ว
สตรีน้อยได้แวะไปเยี่ยมเยียนมู่เซียวหลันที่หอมู่ต๋า ด้วยความคิดถึงนางก็ไม่ลืมที่จะซื้อของฝากจากเมืองหลวงติดไม้ติดมือไปด้วย
เรือนรับรองแขกพิเศษของหอมู่ต๋า
มู่เซียวหลานกำลังนั่งรับรองและให้บริการกับหยวนจูวเย่ ซึ่งมาเป็นแขกคนสำคัญของนางในวันนี้อยู่ในเรือนรับรองแขกพิเศษ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและพูดคุยกันถูกปากถูกคอก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงเคาะและเสียงของพ่อบ้านใหญ่ของหอมู่ต๋าก็ดังลอดเข้ามาตรงหน้าประตู
ก๊อก ๆ
"นายหญิง..." พ่อบ้านใหญ่เพียงแค่ส่งเสียงเรียกนายหญิงของเขาสั้น ๆ เพื่อเป็นการขออนุญาตก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้องรับรอง ตามที่เคยถือปฏิบัติทุกครั้ง
มู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่จึงหยุดชะงักเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่ บุรุษรูปงามหยิบถ้วยน้ำชาตรงหน้ายกขึ้นดื่ม และพยักหน้าตอบรับให้กับนายหญิงแห่งหอมู่ต๋า ซึ่งนางกำลังมองหน้าเขาอย่างเกรงใจ
เมื่อได้รับสัญญาณเช่นนั้นจากแขกคนสำคัญ มู่เซียวหลานจึงได้ตอบรับคนของตนกลับไป
"เข้ามาได้" น้ำเสียงนิ่งสุขุม ใจเย็น กล่าวขึ้นเบา ๆ ลอยตามสายลมออกไปนอกห้อง
ครืด...ประตูห้องถูกเปิดออก และปรากฏภาพของพ่อบ้านใหญ่ของหอมู่ต๋ายืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยท่าทีสำรวม
"เจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้ากำลังดูแขกคนสำคัญอยู่ มีอะไรก็รีบพูดมา หากไม่ด่วนหรือสำคัญมากพอ เจ้าได้ถูกลงโทษแน่"
น้ำเสียงของมู่เซียวหลานฟังดูเข้ม ดุดัน ช่างต่างจากดวงหน้างามหวานหยดย้อยของนางยิ่งนัก
พ่อบ้านใหญ่ของหอมู่ต๋าได้ยินนายหญิงของเขาขู่ออกมาเช่นนั้น เขาก็ก้มหน้าลงอย่างฉับพลัน และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
"ข้าต้องขออภัยนายหญิงและคุณชายหยวน ที่เสียมารยาทมารบกวนเวลาสำราญใจของพวกท่าน แต่บังเอิญว่าแม่นางฟู่เดินทางมาที่นี่และบอกมาอยากจะพบกับนายหญิง..."
พ่อบ้านใหญ่กล่าวร่ายยาวถึงเหตุผลที่เขาต้องมารบกวนคนทั้งสอง เขาเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้พูดต่อจนจบประโยค
"...แต่ข้าสังเกตเห็นว่าแม่นางฟ่งดูท่าทางไม่สู้ดี สีหน้าซีดขาว ราวกับคนป่วย ข้าจึงคิดว่าหากไม่เรียนให้นายหญิงทราบ ท่านอาจจะลงโทษข้าทีหลังได้ที่ละเลยเรื่องนี้"
พ่อบ้านใหญ่กล่าวเช่นนั้น เพราะเขาเองก็รู้ดีว่านายหญิงของเขามีไมตรีและความสัมพันธ์เช่นใดกับฟ่งหลันหลั่น เพราะตัวเขาเอง เขาก็คิดว่าสตรีน้อยผู้นี้เป็นคนดีและนับถือในคุณธรรมของนางมาตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกัน
"แม่นางฟ่งมาหาข้างั้นหรือ"
มู่เซียวหลานย้อนถามพ่อบ้านใหญ่กลับไปด้วยความดีใจมาก จึงหันไปมองหน้าหยวนจูวเย่และถามเขาผ่านสายตาหวาน
หยวนจูวเย่เองก็ไม่ได้ติดขัดอะไร เพราะเขาเองก็ดีใจและยินดีที่จะได้พบกับฟ่งหลันหลั่นเช่นกัน เขาวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมตรงหน้า และหันไปทางพ่อบ้านใหญ่ที่กำลังยืนรอฟังคำตอบอยู่ตรงหน้าประตู
"รบกวนท่านพ่อบ้าน ช่วยไปพานางมายังที่นี่ได้หรือไม่"
พ่อบ้านใหญ่หันไปมองหน้านายหญิงของเขาเล็กน้อย มู่เซียวหลานจึงได้รีบกล่าวเสริมอย่างดีใจ
"ไปพานางมาพบข้าที่นี่เร็วเข้า จากนั้นท่านก็รีบไปสั่งให้คนครัวทำอาหารของโปรดนางมาเพิ่มและอย่าลืมหยิบสุราจากไหที่นางมักดื่มเป็นประจำมาด้วย เร็วเข้า!"
"ขอรับนายหญิง" พ่อบ้านใหญ่รับคำเสร็จ เขาก็ปิดประตูเข้าเหมือนเดิม จากนั้นเสียงฝีเท้าของเขาก็ค่อย ๆ เงียบหายไป และเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งจิบถ้วยน้ำชา เสียงของเขาก็ดังขึ้นมาตรงหน้าประตูอีกครั้ง
"นายหญิง ข้าพาแม่นางฟ่งมาถึงแล้วขอรับ" พ่อบ้านใหญ่จำเป็นต้องส่งเสียงบอกนายหญิงของเขาก่อนทุกครั้ง และรอจนกว่าจะได้รับการอนุญาต เขาจึงจะเปิดประตูออก
"บอกนางเข้ามาได้เลย พวกข้ากำลังรออยู่" มู่เซียวหลานตอบสวนพ่อบ้านใหญ่กลับไปด้วยความดีใจ
นาทีต่อมา ประตูบานใหญ่คู่นั้นก็ถูกเปิดแยกออกจากกันอีกครั้ง
ครืด...
ฟ่งหลันหลั่นเป็นผู้เปิดประตู นั้นเองรอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นมาจากดวงหน้างามน่ารักพร้อมกับเสียงทักทายที่ดูสนิทสนมคุ้นเคย
"แม่นางมู่ ข้ามาเยี่ยมท่านตามสัญญาแล้ว และวันนี้ข้าไม่ได้มามือเปล่า มีของน่ารักติดมือมาฝากท่านด้วย"
แต่พอกวาดสายตามองเข้าไปในห้อง ไม่เพียงมีมู่เซียวหลานนั่งอยู่ สตรีน้อยยังมองเห็นหยวนจูวเย่ กำลังนั่งหันมาจ้องมองนางและส่งสายตายิ้มหวานให้อย่างไม่เกรงใจสตรีงดงามอีกคน
พอเห็นใบหน้าเขาเช่นนั้น พลันทำให้ฟ่งหลันหลั่นหวนคิดถึงการสนทนากับเขาและเรื่องที่เกิดขึ้นบนเนินเขาในศาลานักพเนจรเมื่อหลายวันก่อน สตรีน้อยก็หุบยิ้มลงเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย เพราะวันนั้นหลงอี้หลิงได้แผลงฤทธิ์กับเขาไว้เยอะ และนางอยู่ในฐานะสาวใช้จึงพลอยต้องรับผิดชอบการกระทำของผู้เป็นนายไปด้วย
หยวนจูวเย่มองท่าทีของสตรีน้อยออก เขาจึงกล่าวทักทายขึ้นและวาง สีหน้ารวมทั้งน้ำเสียงเหมือนทุกครั้ง เพื่อหวังให้เจ้าตัวคลายความกังวลลง
"ไม่เจอแม่นางฟ่งเสียนานร่วมเดือน ครั้งล่าสุดก็เห็นจะตอนที่เราสามคนไปเที่ยวชมงานเทศกาลของเมืองหลวงที่จัดขึ้นครั้งล่าสุด ว่าแต่แม่นางสบายดีใช่หรือไม่"
ฟ่งหลันหลั่นได้ฟังเขาทักทายเช่นนั้น และรู้ได้ทันทีว่าเขาเองก็ไม่อยากให้มู่เซียวหลานรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลานักพเนจรนั่น นางก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความโล่งใจ และพยายามปั้นหน้าฝืนยิ้มตอบเขากลับไปตามน้ำ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
"อ้อ! คุณชายหยวน ไม่คิดว่าจะมาเจอท่านที่นี่ บังเอิญจริง ๆ ข้าสบายดีไม่มีบาดแผลหรือมีเรื่องอะไรให้ต้องเจ็บตัว กินอิ่มและก็นอนหลับดีทุกอย่าง"
แต่ทว่าคำตอบของฟ่งหลันหลั่นที่ตอบหยวนจูวเย่กลับมาเช่นนั้น กลับสร้างความสงสัยและเผยพิรุธให้มู่เซียวหลานได้จับผิด เพราะตามนิสัยของสตรีน้อยที่นางรู้จัก เจ้าตัวจะดูนิ่งกว่านี้เวลาตอบคำถาม แต่ครั้งนี้กลับพูด ร่ายยาวเกินไปหน่อย
นายหญิงของหอมู่ต๋าจ้องหน้าฟ่งหลันหลั่นและถามออกไปผ่านดวงตาคมสวยคู่นั้น แต่สตรีน้อยกลับหลบสายตาของนางเอาดื้อ ๆ การกระทำเช่นนั้นของอีกฝ่าย ยิ่งบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังมีเรื่องปิดบังอยู่
หยวนจูวเย่ที่สังเกตเห็นท่าทีของสตรีสองนาง เขาจึงคิดจะเบี่ยงประเด็นความสนใจ เขาจึงได้กล่าวถามสตรีน้อยขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท
"ว่าแต่ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก สาวใช้คนโปรดของท่านแม่ทัพหลง ผู้ที่เขาหวงนักหวงหนา คอยดูแลปกป้องราวกับไข่ในหิน กลับมาปรากฏตัวที่เมืองจิ่วนี้ แถมเป็นหอมู่ต๋าแห่งนี้ตามลำพัง หรือว่าท่านแม่ทัพเองก็เดินทางมาด้วยกัน แต่ยืนรออยู่ที่ด้านนอกกระนั้นหรือ"
หยวนจูวเย่กล่าวถามพลาง เอื้อมมือไปหยิบเหยือกสีขาวที่ใส่สุราไว้ด้านใน และรินลงในจอกเล็ก ๆ ตรงหน้าเขาอย่างใจเย็น แต่รอยยิ้มอ่อนเจ้าเล่ห์ตรงมุมปากของเขา มันทำให้คนที่ถูกถามรู้สึกหงุดหงิดและไม่ชอบใจเล็กน้อย
ฟ่งหลันหลั่นเดินดุ่มเข้ามาในห้องและนั่งลงบนพื้นข้าง ๆ เขาอย่างฉับไว พร้อมกับตบลงบนโต๊ะอย่างแรง
ปัง!
สตรีน้อยจ้องหน้าบุรุษรูปงามและอดคิดสงสัยเกี่ยวกับตัวเขาไม่ได้ เพราะช่วงนี้ได้เกิดเรื่องไม่ดีมากมายขึ้นกับนาง แม้กระทั่งเรื่องที่เยี่ยชิงเซียวแอบวางยาพิษลงในขนมหวาน จนพานคิดไปว่าบัณฑิตหนุ่มผู้นี้มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นในแผนการร้ายนั้นหรือไม่
'หรือว่าหยวนจูวเย่ผู้นี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับธิดาอ๋องผู้นั้น ?'
แต่ยิ่งพอเห็นใบหน้าอันหล่อเหลานั่งลอยหน้าลอยตาดื่มสุราในจอกที่ถืออยู่อย่างสำราญใจ ยิ่งกระตุ้นให้ต่อมโมโหของนางทำงานเร็วขึ้น
"เก็บปากหนาสีชมพูของท่านเอาไว้ดื่มเหล้าและเกี้ยวพาราสีสาวงามตามนิสัยรักสนุกของท่านเถอะ ส่วนเรื่องของข้ากับแม่ทัพหนุ่มผู้นั้น ข้าจะจัดการเอง"
"โอ้! ดุเหมือนกับเจ้านายเลย คนของเรือนหลงหลิงดุดันไม่เกรงกลัวใครเช่นนี้ทุกคนเลยหรือนี่ เห็นทีข้าคงต้องระวังตัวไม่ให้เผลอไปมีเรื่องกับคนบ้านนี้เสียแล้วกระมัง"
หยวนจูวเย่ยังคงพูดจากระเซ้าเย้าแหย่กวนโทสะของฟ่งหลันหลั่น ไม่เลิก
จากนั้นทั้งสองนั่งจ้องตากัน อีกคนมองด้วยสายตาเขม่น อีกคนมองกลับอย่างพออกพอใจที่ได้แกล้งแหย่ให้สตรีน้อยหงุดหงิด เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พ่อบ้านใหญ่ของหอมูต๋าเปิดประตูห้องและไอไหสุราเข้ามาจำนวนหนึ่ง และวางลงข้างตัวนายหญิงของเขา ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
มู่เซียวหลานจำเป็นต้องรีบห้ามทัพหย่าศึกก่อนที่สตรีน้อยจะก่อเรื่องไปมากกว่านี้ นางได้จังหวะที่พ่อบ้านนำสุรามาวางตรงหน้า จึงรีบดึงผ้าที่ปิดไหสุรานั้นออกอย่างฉับไว และยกขึ้นมาตั้งวางลงบนโต๊ะต่อหน้าสตรีน้อย เพื่อหวังใช้ล่อลวงให้มีคนสนใจ และก็ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล
ฟ่งหลันหลั่นได้กลิ่นสุรา กลิ่นที่คุ้นเคยจมูกยิ่งนักเพราะเป็นรสชาติเดียวกับที่ตาเฒ่าของนางจะดื่มด้วยกันกับนางเป็นประจำ สตรีน้อยจึงละสายตาจากบุรุษรูปงามตรงหน้าและหันขวับมามองยังไหสุราตรงหน้าของตนทันที
"กลิ่นเหล้านี้ช่างส่งกลิ่นยั่วยวนใจไม่เคยเปลี่ยน แม่นางมู่ช่างรู้ใจข้า จริง ๆ บนโลกนี้คงมีเพียงท่านที่เข้าอกเข้าใจข้าดีที่สุด"
เมื่อสตรีน้อยกล่าวชมนายหญิงแห่งหอมู่ต๋าเช่นนั้น เจ้าตัวก็ไม่รอช้ายกไหสุรานั้นขึ้นดื่มทั้งไหโดยไม่รินใส่จอกสุราด้วยซ้ำ ราวกับว่านางกำลังมีเรื่องให้สบายใจอยู่ ซึ่งมู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่ก็พอจะสังเกตออก เพราะแม้ว่านางจะพยายามฝืนยิ้มแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถกลบเกลื่อนร่องรอยของความเศร้าและความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ในดวงตากลมโตที่เคยสดใสคู่นี้ได้
แต่ทั้งสองคนก็ไม่มีผู้ใดเอ่ยถามสิ่งใด พวกเขาพยายามวางตัวปกติ ร่วมดื่มกินและสนทนาพาทีกันเหมือนคนมาสังสรรค์หาความสำราญใจ
หลังจากที่สุราเข้าปาก และพอฟ่งหลันหลั่นเริ่มเมาและเคลิ้มได้ที่ นางก็เริ่มพูดคุยกับหยวนจูวเย่อย่างสนิทสนมมากขึ้น แต่เจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบสายตาและท่าทีเกี้ยวพาราสีของเขาเท่าใดนัก เพราะเขาดูไม่ต่างจากบุรุษ เจ้าสำราญคน แถมเจอกันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้ต่อปากต่อคำกัน และที่สำคัญนางรู้ดีว่า มีใครคนหนึ่งแอบชื่นชมในตัวเขาอยู่ก่อนแล้ว
ด้านมู่เซียวหลานรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่เห็นภาพบาดตาบาดใจเช่นนี้ แต่ด้วยภาระหน้าที่ที่แบกรับอยู่ และด้วยฐานะทางสังคมของนาง ทำให้ไม่อาจที่จะเปิดเผยความรู้สึกส่วนตัวนั้นออกมาได้ จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเก็บมันไว้ในใจลึก ๆ ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้
อีกทั้งนายหญิงแห่งหอมู่ต๋าทั้งรักและเอ็นดูฟ่งหลันหลั่นเสมือนน้องสาวแท้ ๆ ของตน พอเห็นสตรีน้อยกลับมาเยี่ยมเยียนเช่นนี้ นางก็ดีใจมาก และยิ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายได้สูญเสียวรยุทธ์ที่มีไป แม้จะเพียงชั่วคราวเท่านั้น นางก็เกิดความรู้สึกเป็นห่วงและเป็นกังวลใจไม่น้อย จึงได้เอ่ยปากชวนให้สตรีน้อยย้ายมาอยู่ด้วยกัน
ฟ่งหลันหลั่นยังมีเรื่องที่ติดใจอยู่หลายอย่างจึงรับปากว่าหากเคลียร์ปัญหาทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางจะกลับมาอยู่กับมู่เซียวหลานอย่างแน่นอน
จากนั้นฟ่งหลันหลั่นก็ได้ขอตัวลากลับ และมุ่งหน้าเดินทางกลับไปยัง ป่าไผ่นอกเมืองจิ่ว สถานที่นั้นเป็นตำแหน่งที่เคยปลูกกระท่อมน้อยของนางนั่นเอง
ขณะนั้นเอง ด้านหยวนจูวเย่ซึ่งกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง ระหว่างทางที่เขานั่งรถม้าผ่านชายป่าโปร่ง เขาได้เปิดผ้าม่านหน้าต่างเล็ก ๆ ของรถม้านด้านข้างลำตัวเขาออก เพื่อมองดูทัศนียภาพของธรรมชาติด้านนอกตัวรถ และหวังจะสูดอากาศบริสุทธิ์
ทันใดนั้นเองสายตาคมปลาบของเขาก็พลันเหลือบมองไปเห็นฟ่งหลันหลั่น กำลังเดินอยู่ตรงชายป่าซึ่งห่างจากจุดที่รถม้าของเขาวิ่งอยู่ไม่มากนัก
"แม่นางฟ่ง! นางมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง และนั่นนางกำลังจะไปไหนกัน ดูท่าทางเร่งรีบร้อนใจชอบกล"
หยวนจูวเย่เปรยขึ้นอย่างสงสัย สายตายังคงมองตามหลังสตรีน้อยที่กำลังเร่งฝีเท้าก้าวเดินฉับ ๆ หายเข้าไปในชายป่าโปร่งด้านข้าง
ด้วยความสงสัยว่าสตรีน้อยผู้นี้จะกำลังไปที่ใดกัน เขาจึงได้สั่งให้คนบังคับรถม้ารออยู่ตรงนั้น ส่วนตัวเขาและผู้คุ้มกันส่วนตัวก็ได้แอบสะกดรอยตามฟ่งหลันหลั่นไปห่าง ๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว
.....
เซียงไค 盛開