หลายวันต่อมา
ยามห้าย [1]
จางเก่อเดินเข้ามายังห้องหนังสือของแม่ทัพหนุ่มเพื่อรายงานความคืบหน้าในเรื่องที่ผู้เป็นนายให้ไปสืบหาข้อมูล เขาเห็นนายน้อยของตนกำลังนั่งทำงานอย่างเคร่งขรึม อยู่ตรงโต๊ะตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่กลางห้องด้านในสุด
โดยมีฟ่งหลันหลั่น นั่งซึ่งอยู่ด้านหลังเยื้องไปทางด้านข้างซ้ายมือของโต๊ะทำงาน ในมือถือพัดใบใหญ่ค้างแช่นิ่งเอาไว้
ที่จริงสตรีน้อยต้องคอยโบกใบพัดนั้นไปมา เพื่อปรนนิบัติพัดวีให้กับแม่ทัพหนุ่ม
[1] ยามห้าย (亥:hài) คือ 21.00 - 22.59 น.
แต่คงเพราะอยู่ในท่านั้นมาหลายชั่วโมงแล้วจึงเกิดอาการเมื่อยล้าไปทั้งตัว จนตอนนี้เจ้าตัวได้นั่งสัปหงกคอตกและเผลอหลับไปในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่
นายกองหนุ่มส่งเสียงทักทายดังขึ้นก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาถึงด้านในห้องหนังสือเสียอีก และแอบมองไปทางฟ่งหลันหลั่นด้วยหางตาเล็กน้อย "นายน้อยข้ากลับมาแล้ว" จากนั้นก็หันกลับมาหาคนตรงหน้าอีกครั้ง
แม่ทัพหนุ่มวางมือจากงานตรงหน้าที่กำลังทำอยู่ และนำพู่กันกลับห้อยไว้บนแท่นแขวนด้านหน้าโต๊ะ ในจุดที่ทำไว้เพื่อเก็บพู่กัน
ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิท เขาได้ชายตามองไปทางด้านซ้ายมือ ครู่เดียวสายตาเขาก็พลันกลับมาสนใจนายกองหนุ่ม เจ้าของร่างกำยำสูงสันทัดตรงหน้าซึ่งกำลังยืนรออยู่
"ว่าไงจางเก่อ เรื่องที่ข้าสั่งให้ไปสืบเป็นเยี่ยงไรบ้าง ได้ความอะไรมาหรือไม่" น้ำเสียงเข้มนุ่มลึก ถูกเปล่งออกมาไม่ดังมากนัก เหมือนเขากังวลว่าจะไปรบกวนใครบางคน
"เป็นไปตามที่นายน้อยคิดไว้ก่อนหน้านี้ กลุ่มโจรป่าที่ดักปล้นนายหญิง เป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มอันธพาลที่พวกเราได้ปะทะตอนช่วยเหลือแม่นางฟ่งแถวป่าไผ่นอกเมืองจิ้ง"
จางเก่อหยุดพูดครู่หนึ่งและเผยสีหน้ากังวลขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้กล่าวรายงานต่อ
"...และข้ายังสืบเบาะแสได้มาเพิ่มอีกเรื่อง"
เขาดูจริงจังมากพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาผู้เป็นนาย ม้วนกระดาษสีน้ำตาลไหม้ถูกหยิบออกมาจากตัวเสื้อด้านในของเขา และส่งยื่นให้กับนายน้อยของตน
แม่ทัพหนุ่มยื่นมือไปรับม้วนกระดาษนั้นจากลูกน้องคนสนิท หลังจากเปิดอ่านดูเนื้อความด้านในเสร็จเรียบร้อย แม่ทัพหนุ่มก็มีอากัปกิริยาที่ดูผิดปกติไปอย่างชัดเจน สีหน้าเขาพลันขึงขังในตาหรี่เล็กลง ลึกลงไปในดวงตาคล้ายมีกองไฟกองหนึ่งลุกโชนขึ้นมา
นายกองหนุ่มถามเจ้านายขึ้นด้วยท่าทางประหม่า เพราะตอนนี้นายน้อยของเขามีแววตาดูน่ากลัวยิ่งกว่าหมาป่าหรือพยัคฆ์ร้ายเสียอีก "นายน้อยสงสัยผู้ใดหรือไม่"
หลงอี้หลิงย้อนถามลูกน้องด้วยน้ำเสียงเข้ม "เจ้าคิดว่าผู้ใดกันล่ะที่ดูน่าสงสัย พอจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมดนี้ได้" มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่กำลังกำหมัดแน่น
จางเก่อสังเกตเห็นอากัปกิริยาที่ผิดปกติไปนั้นของผู้เป็นนาย เขาก็พอจะเดาได้ความคิดของนายน้อยได้ และก็น่าจะเป็นผู้เดียวกับที่เขาได้ข้อมูลมา แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แถมยังแสดงท่าทีอึกอักพร้อมกับชายตามองไปยังสตรีน้อยทางด้านหลังของเจ้านาย เพื่อสื่อกับเขาเป็นนัย
แม่ทัพหนุ่มเข้าใจในท่าทีอ้ำอึ้งของจางเก่อ นั่นก็เป็นเพราะว่ามีฟ่งหลันหลั่นนั่งอยู่ในห้องหนังสือนี้ด้วย แม้ว่านางจะกำลังนั่งสัปหงกคอพับหลับไปทั้ง ๆ ที่มือยังถือพัดใบใหญ่ในมือ
ทำให้นายกองหนุ่มไม่มั่นใจว่าควรกล่าวเรื่องสำคัญเยี่ยงนี้ออกมาตอนนี้ดีไหม
"ไม่เป็นไร เจ้าพูดมาเถอะ" คำตอบของหลงอี้หลิงได้สร้างความประหลาดใจให้กับลูกน้องคนสนิทเล็กน้อย
นี่เจ้านายเขาไว้ใจสตรีน้อยผู้นี้เพียงนี้เชียวหรือ
เมื่อได้รับอนุญาตชัดเจนเช่นนั้น นายกองหนุ่มจึงกล่าวเสริมขึ้นซึ่งเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของเขา
"ข้าสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยอ๋องกับเผ่าหรูอี้"
"เผ่าหรูอี้ ?" แม่ทัพหนุ่มย้ำคำที่นางกองหนุ่มพึ่งกล่าวมา และดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ
"ขอรับ แต่ข้ายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าพวกเขาคบค้าสมาคมและกำลังวางแผนทำสิ่งใดกันอยู่กันแน่ นายน้อยมีความคิดเห็นหรือคำชี้แนะประการใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหม"
แม่ทัพหนุ่มได้ฟังคำถามของจางเก่อ เขาก็นิ่งเงียบไป ผู้เป็นลูกน้องก็ไม่ได้คาดคั้นถามเพิ่มเติม และยืนรอว่านายของตนจะกล่าวสิ่งใดต่อหรือไม่
แม่ทัพหนุ่มลุกขึ้นยืนและปลีกตัวออกจากโต๊ะทำงาน เดินตรงไปยังชั้นวางหนังสือด้านข้าง สายตากวาดมองหาบางอย่างตรงหน้าของเขา
"ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงคนหมู่มาก และบางทีอาจจะเกี่ยวพันถึงแผ่นดิน ดังนั้นพวกเราจะต้องตรวจสอบให้ถ้วนถี่อย่างรัดกุม และอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าเรากำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ มิเช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น พานเสียงานใหญ่ได้"
ถ้อยคำและน้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มฟังดูจริงจังและซ่อนความกังวลใจแฝงอยู่ในประโยคนั้น เพราะเรื่องที่เขาเพิ่งกล่าวไป ถ้าเล็ดลอดออกไปให้บุคคลที่สามได้ยิน คงจะสร้างความตื่นตระหนกและปั่นป่วนโกลาหลขึ้นมาในเมืองหลวงแน่นอน
จางเก่อเองก็ตระหนักในเรื่องนั้นเป็นอย่างดี จึงพยักหน้าพร้อมกับขานรับคำนายน้อยของตนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ "ขอรับนายน้อย"
เป็นเรื่องที่น่าแปลกมาก เพราะบุรุษทั้งสองคนสนทนากันอยู่นานแต่ฟ่งหลันหลั่นก็ยังคงอยู่ในท่าเดิม
และในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยเคร่งเครียดกันอยู่นั้นเอง เข่อลั่วก็เดินอุ้ยอ้ายเข้ามาในห้องหนังสือ ในมือพะรุงพะรังไปด้วยอาหารและไหสุรา
แม่ทัพหนุ่มกับจางเก่อพลันพักการสนทนากัน และหันไปมองเข่อลั่วเป็นสายตาเดียว
จางเก่อเป็นผู้ที่สหายสนิทส่ายหัวและแสดงสีหน้าละเหี่ยใจออกมาต่อการกระทำนี้ของสหาย และกล่าวถามขึ้นอย่างเอือมระอาเล็กน้อย
"เข่อลั่ว นั่นเจ้าหอบอะไรพะรุงพะรังมามากมายแบบนั้น นี่มันใช่เวลาดื่มกินที่ไหนกัน"
เข่อลั่วฉีกยิ้มแป้นหน้าบานพร้อมกับชูมือทั้งสองข้างขึ้น และตอบสวนสหายกลับด้วยน้ำเสียงชื่นบานอย่างอารมณ์ดี
"อ๋อ นี่น่ะเหรอ เป็นของฝากแม่นางฟ่งน่ะ"
เขากล่าวขึ้นอย่างมั่นใจ พลางชะเง้อคอมองไปยังสตรีน้อย ซึ่งนั่งเยื้องอยู่ทางด้านหลังของเจ้านายตน และแทบอดกลั้นขำในท่านั่งหลับของนางเอาไว้ไม่ได้ "...ว่าแต่นางนั่งหลับในท่านั้นได้ ช่างน่านับถือยิ่งนัก"
จางเก่อส่ายหัวเล็กน้อยให้กับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของเข่อลั่ว และพยายามส่งสัญญาณให้สหายสนิทผ่านทางสายตา เพื่อให้รู้ตัวว่าตอนนี้นายน้อยของพวกเขากำลังมีปฏิกิริยาเยี่ยงไร ในการกระทำนี้ของเจ้าตัว
แต่เข่อลั่วดันไม่หันมาสบตาจางเก่อเลยสักนิด แถมยังกล่าวตำหนิเจ้านายของตนเล็กน้อย ในเรื่องของฟ่งหลันหลั่น
"นายน้อย! ท่านจะไม่ใจร้ายต่อแม่นางฟ่งไปหน่อยหรือขอรับ"
หลงอี้หลิงหรี่ตาลงเล็กน้อยและจ้องเขม็งมายังนายกองร่างเจ้าเนื้อ อย่างสงสัยในคำกล่าวของเขา "เจ้าหมายความว่ายังไง" น้ำเสียงราบเรียบแต่ฟังแล้วกลับรู้สึกว่ามีความไม่ชอบใจแฝงอยู่
"แม่นางฟ่งตั้งใจปรนนิบัติท่านตามหน้าที่ นางคงจะเหนื่อยล้ามาก ถึงได้นั่งหลับสัปหงกคอตกพับไปแบบนั้น จนข้าเห็นแล้วรู้สึกปวดคอแทน แถมมือน้อย ๆ คู่นั้นยังจับพัดใบใหญ่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลยด้วยซ้ำ"
หลงอี้หลิงจ้องตาเข่อลั่วด้วยแววตาแข็งทื่อ "ข้าจะทำยังไงกับนางก็ได้ เพราะนางเป็นคนของข้า ว่าแต่เจ้ามีปัญหาอะไรงั้นหรือ"
จางเก่อได้แต่ยืนฟังเงียบ ๆ และไม่รู้จะช่วยสหายยังไง เพราะเขาเคยเตือนหลายครั้งแล้วว่า อย่าทำอะไรเกินหน้าที่หรือนอกเหนือคำสั่งของเจ้านาย
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับฟ่งหลันหลั่น เขาควรวางตัวให้เหมาะสมมากกว่านี้ แต่ก็ดูเหมือนทั้งหมดที่เคยได้กล่าวเตือนไป มันจะไม่เข้าหูนายกองร่างเจ้าเนื้อผู้นี้เลย
มิหนำซ้ำ ตอนนี้เข่อลั่วก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้กระตุกหนวดเสือเข้าเสียแล้ว
....
เซียงไค 盛開