ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนจำนวนหนึ่งได้บุกรุกเข้ามายังกระท่อมไม้ไผ่ของฟ่งหลันหลั่น
ปัง!
เสียงถีบประตูใหญ่ตรงหน้าเข้ามาในตัวบ้านอย่างแรง พร้อมกับเสียงทำลายข้าวของที่ยังเหลืออยู่
โครมคราม!
เพล้ง!
"ฟ่งหลันหลั่น! ข้ารู้นะว่าเจ้าอยู่ข้างในนั้น คิดว่าหลบอยู่ในกระท่อมโกโรโกโสนี่แล้วจะหนีรอดพ้นเงื้อมมือของพวกข้าไปได้งั้นรึ รีบโผล่หัวออกมาซะ! บัญชีแค้นทั้งหมดจะได้สะสางให้จบลงในวันนี้"
ชายผู้หนึ่งได้ตะโกนลั่นเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด เจตนานั้นชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน
สตรีน้อยจึงตั้งสติได้ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแห้งกรังบนพวงแก้มสองข้าง พร้อมกับคลายอ้อมกอดออกจากร่างอันไร้วิญญาณของตาเฒ่าฟ่ง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและถอยร่นออกมายืนห่างจากเตียงนอนนั้นสองก้าว และนั่งคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นตรงหน้าเตียงนอนไม้ไผ่นั้น
ตึก
ตึก
ตึก
สตรีน้อยโขกหัวลงบนพื้นสามครั้งเพื่อเป็นการคำนับผู้มีพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย
"ตาเฒ่า ท่านนอนรอข้าอยู่ในห้องนี้ไปก่อนนะ เสร็จธุระข้างนอกเรียบร้อยเมื่อไร ข้าจะรีบกลับมาพาท่านไปอยู่ในสถานที่ที่สมควรมากกว่านี้"
เมื่อพูดจบฟ่งหลันหลั่นก็ลุกขึ้นยืน และหันขวับมองออกไปนอกตัวกระท่อม สองมือกำหมัดแน่น ฉายแววตาเด็ดเดี่ยวไม่กลัวตาย
ปัง!
ประตูถูกเปิดออกมาจากด้านในตัวกระท่อมอย่างแรง
"ใครหน้าไหน! ที่กล้าบุกรุกกระท่อมของข้ากัน" นางกล่าวลั่นขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน พร้อมกับขมึงตาใส่พวกเขา
ตอนนี้อารมณ์ของฟ่งหลันหลั่นเต็มไปด้วยความเลือดร้อนและเดือดดาล
กลุ่มชายฉกรรจ์ผู้บุกรุก ซึ่งกำลังทำลายข้าวของเครื่องใช้อยู่อย่างสะใจ ได้พากันหันไปมองตามเสียง และเห็นเจ้าของบ้าน คนที่พวกเขากำลังตามหา ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น อีกทั้งสายตาที่จ้องมองมา แม้ดวงหน้าจะงดงามเฉิดฉาย ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมารอบตัวนางน้อยผู้นั้น
"โผล่หัวออกมาได้ซะทีนะนางตัวดี!"
ชายฉกรรจ์รูปร่างใหญ่มีกล้ามเป็นมัด ๆ และใบหน้าเนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลเป็น ท่าทางชวนหาเรื่องพร้อมท้าต่อยตี
สาวน้อยเจ้าของบ้านยืนเท้าสะเอว จ้องมองตาเขม็งไปทางกลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้า
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็พวกอันธพาลกระจอก ๆ ที่ชอบหาเรื่องคนไปทั่ว ช่างกัดไม่ปล่อยเสียจริง"
นางกล่าวโต้ตอบกลับไปอย่างท้าทาย พลางพ่นลมออกทางจมูกอย่างหงุดหงิด "เฮอะ! วันนี้คงต้องโทษดวงซวยที่พาพวกเจ้า รนมาหาที่ตายถึงที่นี่ในวันนี้"
น้ำเสียงแข็งกร้าวถ้อยคำฉะฉาน ฉายแววเด็ดเดี่ยวของฟ่งหลันหลั่น ได้สร้างโทสะขึ้นในใจของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก
จู่ ๆ หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ก็หัวเราะร่าเสียงดังออกมาอย่างขบขัน
ฮ่าฮ่าฮ่า!
"เจ้าช่างพูดจาสามหาวอวดดีเสียจริง ข้าฟังแล้วรู้สึกขบขันยิ่งนัก คนที่ดวงซวยและจะต้องตายในวันนี้ คือเจ้าต่างหาก ฟ่งหลันหลั่น!"
เขากล่าวโต้ตอบด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม แววตาอำมหิตอย่างกับอยากจะฉีกเลือดฉีกเนื้อนางเสียในตอนนี้พร้อมกับชี้ปลายดาบไปทางสตรีน้อยอย่างหมายหัว
ฟ่งหลันหลั่นหาได้สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวต่อท่าทีเหิมเกริมของฝ่ายศัตรูไม่ นางตะคอกถามกลับอย่างดุดัน และจ้องหน้าพวกเขาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวสุดระงับ
"พวกเจ้าทำอะไรกับตาเฒ่าของข้า!"
"เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตาเฒ่าของเจ้าอย่างงั้นรึ ?" ชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นด้วยสีหน้างงงวย แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องดี
"เฮอะ! ข้าเองก็อยากจะทำเช่นนั้นอยู่หรอกนะ แต่เสียดายที่ต้องบอกว่าไม่ใช่ฝีมือของข้า เจ้าอย่ากล่าวโทษผู้ใดเลย ความจริงต้องโทษตัวเจ้าเอง! ที่สร้างศัตรูไปทั่วเพราะชอบแส่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านและทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมตลอดเวลา"
ฟ่งหลันหลั่นยืนบ่นพึมพำและคิดทบทวนว่าพวกนางยังมีศัตรูที่ไหนอีก "ไม่ใช่พวกมันอย่างนั้นรึ แล้วถ้างั้นยังมีผู้ใดอีกที่ต้องการเอาชีวิตของตาเฒ่าของข้า"
หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์เห็นฟ่งหลันหลั่นยืนนิ่งเงียบไป เขาจึงตะโกนกล่าวขึ้นอีกอย่างเหิมเกริม
"วันนี้ ข้าจะใช้เลือดของเจ้ามาเซ่นสังเวยคมดาบเล่มนี้ ไม่ว่าใครหน้าไหน! ก็ไม่สามารถช่วยเจ้าให้รอดพ้นไปจากน้ำมือข้าไปได้"
ดูเหมือนว่าการสนทนาในครั้งนี้ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
หึ...สตรีน้อยหัวเราะขึ้นเบา ๆ อย่างเย้ยหยันอยู่ในลำคอ
"ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าจะมัวรอช้าอยู่ไย ประดาหน้าเข้ามาพร้อมกันให้หมดทุกคนนั่นแหละ เพราะข้าขี้เกียจเสียเวลารอนาน"
ดูท่าแล้วฟ่งหลันหลั่นไม่ได้เกรงกลัวต่ออันธพาลกลุ่มนี้เลยสักนิด นางยังคงพูดจาท้าทายพวกเขากลับไปอย่างบ้าบิ่น
แม้ว่าตัวเองจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะทางนั้นมีจำนวนคนที่มากกว่า แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีตาเฒ่าของตนมีชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว นางเองก็หมดกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลได้ฟังคำพูดท้าทายอำนาจของตนเช่นนั้น ผนวกกับสีหน้าแววตาแสนอวดดีและยโสโอหังไม่กลัวตายของสตรีน้อย มันยิ่งทำให้อารมณ์โกรธโมโหร้ายเดือดดาลขึ้นอย่างเกรี้ยวโกรธจนแทบบ้าคลั่ง
"พวกเจ้าทุกคนจงฟังคำสั่งของข้า! รีบลงมือจัดการทำลายข้าวของให้ราบเป็นหน้ากลอง อย่าให้เหลือแม้แต่ซากเดี๋ยวนี้! ส่วนนางเด็กน้อยปากดีนั่น...ข้าจะเป็นคนจัดการเอง"
"ได้เลยลูกพี่ พวกเราจะรีบจัดการตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้" พวกลูกสมุนขานรับกันขึ้นอย่างแข็งขันพร้อมเพรียง
หลังจากที่หัวหน้าโจรป่าได้ออกคำสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ตัวเขาก็ไม่รอช้า กระโจนเข้าจู่โจมฟ่งหลันหลั่นตามคำเชื้อเชิญของอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี
แม้ฟ่งหลันหลั่นตั้งท่ารับการจู่โจมนั้นอยู่แล้ว แต่ว่านางเป็นเพียงเด็กสาวที่มีอายุแค่ 18 ปี และวรยุทธ์ก็ไม่ได้เก่งกาจมากนักจึงถูกซัดถอยกลับเข้าไปในตัวกระท่อมอย่างแรง
โครม!
ส่วนเหล่าลูกน้องที่เหลือก็รีบลงมือจุดไฟเผาทุกอย่างภายในบริเวณนั้นตามคำสั่งหัวหน้าทันที
การต่อสู้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด แต่ทว่าด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าฝ่ายศัตรูยิ่งนัก ฟ่งหลันหลั่นจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เมื่อสู้ด้วยแรงไม่ได้ นางจะต้องรีบคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ตรงนี้ไปให้ได้เสียก่อน เพื่อรักษาชีวิตและรอวันแก้แค้นให้กับตาเฒ่าของนาง
'สิบต่อหนึ่ง! แถมอาวุธเราก็ไม่มี ถ้าต้องต่อสู้กับพวกมันด้วยมือเปล่าเช่นนี้ เราคงสู้ไม่ไหวแน่ วรยุทธ์ที่เรามีอยู่ก็แค่พอเอาตัวรอดได้เท่านั้น"
ในขณะที่ฟ่งหลันหลั่นกำลังขบคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์คับขันตรงหน้าอยู่นั้น หนึ่งในกลุ่มอันธพาลก็ได้แอบใช้อาวุธลับซัดเข้าใส่นางในทีเผลอจากทางด้านหลัง
ฟ่งหลันหลั่นมองเห็นได้ทัน จึงเอี้ยวตัวหลบทิศทางการโจมตีนั้นของฝ่ายศัตรู แต่นางก็ช้าไปเสี้ยวหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถหลบอาวุธลับนั้นพ้น
ฉึก!
อาวุธลับถูกปักเข้าที่ตรงหัวไหล่ด้านซ้ายของนางเข้าอย่างจัง
เพียงชั่วครู่ สตรีน้อยรู้สึกได้ถึงความผิดปกติภายในของร่างกายขึ้นมาทันที สายตานางเริ่มพร่ามัวและเหมือนว่ากำลังจะสูญเสียการทรงตัว
"ลูกดอกอาบยาพิษ!" นางจึงรีบดึงมันออกจากร่างกายของตนเองทันที เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล จนเสื้อเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานขึ้นมาอย่างเห็นทันได้ชัด
เป็นอย่างที่นางคาดการณ์ไว้ อาวุธลับนี้มียาพิษเคลือบอยู่ ทันใดนั้น ฟ่งหลันหลั่นก็กระอักเลือดตามออกมาเป็นจำนวนมาก
ฮ่าฮ่าฮ่า...
เสียงหัวเราะร่าอย่างพอใจของหัวหน้าโจรป่าดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง เขามีความสุขที่ทำร้ายศัตรูได้สำเร็จ
ในที่สุดสันดานดิบของคนก็ปรากฏขึ้น ถึงอย่างไรเสียกลุ่มอันธพาลพวกนี้ ก็ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์หนุ่มแน่นและกลัดมัน ดังนั้นเรื่องตัณหาราคะก็เป็นสิ่งที่พวกเขาขาดไม่ได้ หัวหน้ากลุ่มจึงกล่าวถ้อยคำต่อเนื่องอย่างยโสโอหัง
"ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เห็นแก่ความงดงามในใบหน้าของเจ้า หากยอมให้พวกข้าจับตัวไปดี ๆ ข้าอาจจะไว้ชีวิต และยอมให้เจ้ามาเป็นฮูหยินของข้า"
หัวหน้าโจรป่าพยายามยื่นข้อเสนอให้กับฟ่งหลันหลั่น และคาดหวังให้นางตอบตกลง
ฟ่งหลันหลั่นได้ฟัง นางก็ถ่มน้ำลายลงบนพื้นตรงหน้าอย่างทันทีทันใด สายตาที่จ้องมองศัตรูยังคงเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
"ถุย! ฝันไปซะเถอะ! ต่อให้ตาย ข้าก็จะไม่มีวันยอมตกเป็นฮูหยินของเจ้า"
"ชิ! จะตายอยู่แล้วยังปากดีไม่เลิก ช่างเถอะข้ารอได้ เพราะถ้าหากเจ้ายังฝืนใช้ลมปราณไปมากกว่านี้ พิษนั่นก็ยิ่งกระจายไปตามจุดสำคัญต่าง ๆ ทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว เริ่มแรกเจ้าจะสูญเสียวรยุทธ์ชั่วคราว และอีกไม่กี่วัน หากไม่ได้รับยาถอนพิษ เจ้าก็จะสูญเสียปราณทั้งหมดจนธาตุไฟแตก และสิ้นใจตายในที่สุด"
สตรีน้อยได้ยินเช่นนั้น ก็ยืนขบคิดหาวิธีเอาตัวรอดอยู่ครู่หนึ่ง
'ข้าจะมาตายที่นี่ตอนนี้ไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าตาเฒ่า ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นให้กับเขา' ก่อนจะหอบร่างกายที่บาดเจ็บ ถอยร่นกลับเข้าไปในกระท่อมอย่างรวดเร็ว
กลุ่มอันธพาลเองก็ไม่ยอมรามือง่าย ๆ ยังคงพากันไล่จี้วิ่งตามนางไปติด ๆ
ฟ่งหลันหลั่นนึกขึ้นมาได้ว่าตาเฒ่าฟ่งได้สร้างอุโมงค์ทางลับเอาไว้ใต้เตียงนอนของเขา นางจึงจำต้องตัดสินใจทิ้งร่างของเขาไว้และใช้เส้นทางลับนั้นหลบหนีออกไปได้สำเร็จ
ส่วนพวกกลุ่มอันธพาลได้ไล่ตามหลังสตรีน้อยเข้ามาในกระท่อม แต่ก็ไม่พบผู้ใดนอกจากศพของตาเฒ่าฟ่ง ซึ่งนอนตายอยู่บนเตียงไม้ไผ่ด้วยสภาพน่าอนาถตา
หัวหน้าอันธพาลโกรธจนตนถลนออกมาและแทบบ้าคลั่ง เขาจึงตะโกนเสียงดัง "เผามันให้หมด อย่าให้เหลือซาก!"
จากนั้นเขาก็กวาดตามองรอบห้องเล็ก ๆ นั้นอย่างรวดเร็ว เพื่อสำรวจหาร่องรอยของอีกฝ่าย
"ฟ่งหลันหลั่น! ไม่ว่าเจ้าจะไปมุดหัวอยู่ที่ใดบนผืนแผ่นดินใหญ่นี้ ข้าก็จะตามลากตัวและจับเจ้ามาทำเมียให้จงได้ รอข้าก่อนเถอะนางตัวแสบ!"
หัวหน้าโจรป่าวประกาศกร้าวต่อหน้าเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่งราวกับจิตใจของเขาในเวลานี้
....
เซียงไค 盛開