คำถามนี้หนักกว่าประโยคก่อนหน้าซะอีก เหตุการณ์เมื่อวานคือผลการกระทำของเส้นทางที่เขาเลือกเดิน ภาพเหล่านั้นถูกนำมาฉายซ้ำอีกครั้งผ่านความทรงจำที่ชายหนุ่มพยายามลบมันทิ้ง
ระหว่างที่เขากำลังคิดหาคำตอบที่เหมาะสม พนักงานเสิร์ฟก็เข้ามาพร้อมกับอาหารที่ธีร์สั่งไว้ก่อนหน้า
ทางด้านของธีร์ได้รับอาหารเป็นคลับแซนวิช ที่มีส่วนประกอบของแฮม เบคอนทอด ผักกาด มะเขือเทศสดๆ และมายองเนสสูตรพิเศษจากทางร้าน ประกบด้วยขนมปังทาเนยก่อนเข้าอบส่งกลิ่นหอมกรุ่นซึ่งเข้ากันได้ดีกับเครื่องดื่มอย่างกาแฟอเมริกาโน่ โดยเมล็ดกาแฟคัดสรรจากโรงคั่วที่เจ้าของร้านและลูกค้าอย่างเขาไว้วางใจ
ส่วนอาหารที่อยู่ตรงหน้าดีนเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้ง มีเครื่องเป็นลูกชิ้นหมู ปูอัดราคาถูกและแครอทหั่นเต๋าที่นำไปต้มจนนิ่มจนสามารถซึมซับน้ำซุปได้เต็มที่ เสิร์ฟพร้อมกับโกโก้ดิบ เมนูเครื่องดื่มที่ปราศจากของเหลวใดๆ ทั้งสิ้นเพราะส่วนประกอบคือผงโกโก้รสเข้มข้นซึ่งเข้ากันได้ดีกับนมข้นหวานกลิ่นหอมแล้วตามด้วยน้ำแข็งที่ใส่จนเต็มแก้ว
"อะไรกันเนี่ย! นายสั่งอาหารของตัวเองน่ากินเชียวนะ" ดีนได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเมื่อตนเป็นคนมาสายจึงไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรทั้งนั้น นอกจากยอมรับอาหารที่เพื่อนเก่าคนนี้เลือกให้
"นายกลับมาทั้งทีก็ต้องต้อนรับเมนูในวันวานสิ ฉันไม่ได้แกล้งซะหน่อย" ธีร์อธิบายแม้พยายามกลั้นขำอยู่ก็ตาม "ทั้งหมดนี่ก็เป็นเมนูที่พวกเราชอบสั่งกันไม่ใช่หรือไง"
"มันก็ใช่…ตอนอยู่อังกฤษก็ไม่ได้กินอะไรแบบนี้หรอก…" ดีนยกแก้วโกโก้ดิบมามองแล้วมองอีกแล้วถึงกับคอตก "แต่ว่าวันนี้หลังลงเครื่องบินมาฉันยังไม่ได้ดื่มน้ำสักหยดเลยนะ…"
จากนั้นทั้งสองจึงเริ่มรับประทานอาหารพลางพูดคุยเล่นกันตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน ทั้งสถานที่และผู้คนทำให้ความรู้สึกในสมัยเรียนมัธยมด้วยกันหวนคืนกลับมาอีกครั้ง เป็นช่วงชีวิตที่ไม่ต้องพะวงเรื่องครอบครัว ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สิน ไม่ต้องคิดถึง 'เวลา' ชีวิตที่เหลือน้อยลง
"ช่วงข่าวยามบ่ายนะครับท่านผู้ชม ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าไปในบ้านพักอาศัยของผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง…"
เสียงจากโทรทัศน์ดังขึ้นเมื่อพนักงานภายในร้านเปลี่ยนช่องโทรทัศน์มาเป็นข่าวยามบ่าย
"สืบเนื่องจากเมื่อประมาณสองปีก่อนได้เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรม ผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกของมีคมคล้ายมีดแทงหลายสิบแผลซึ่งคดีนั้นยังไม่สามารถตามจับตัวคนร้ายได้ จากนั้นยังเกิดเหตุนี้อีกหลายครั้งจนในที่สุดตำรวจได้ตามล่าจนทราบที่อยู่และได้นำกำลังเข้าจับกุม…"
"นายว่าคดีนี้ตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้ไหม" ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินพูดก่อนกัดแซนวิชเข้าไปหนึ่งคำ
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ" ตำรวจหนุ่มตอบแบบลวกๆ ดูเหมือนว่าเขาแทบไม่ได้ยินเสียงจากโทรทัศน์เลยด้วยซ้ำเพราะกำลังเอาช้อนบดน้ำแข็งในโกโก้ดิบหวังให้มันละลายไวขึ้น
"นี่นายเป็นตำรวจจริงไหมเนี่ย…" ธีร์ยกกาแฟขึ้นมาจิบ "อืมม…รสสัมผัสเปลี่ยนไปนิดหน่อย…กลิ่นน่าจะเป็นกาแฟสายพันธุ์เดิม…หรือว่าเปลี่ยนสูตร?…"
ในขณะที่ธีร์เพ่งสมาธิพินิจพิเคราะห์กับกาแฟแก้วนี้โดยละเอียดและดีนที่ค่อยๆ ดื่มโกโก้ดิบหลังสามารถละลายน้ำแข็งให้ผสมกับนมข้นหวานและโกโก้ได้สำเร็จ เสียงกระดิ่งอันเป็นสัญญาณของลูกค้าคนใหม่ดังขึ้นอีกครั้ง พนักงานเสิร์ฟจึงรีบเข้าไปต้อนรับตามหน้าที่ตน
แต่พนักงานสาวคนนี้ถึงกับต้องชะงักไปเมื่อพบว่าลูกค้าตรงหน้าเป็นชายอายุประมาณสามสิบปีปลาย ผมยาวรกรุงรัง สวมเสื้อคลุมเก่าๆ สีน้ำตาลที่สกปรกส่งกลิ่นเหม็น รองเท้าบูทฉีกขาดหลายจุดจากอายุการใช้งาน หากเธอประเมินจากสายตาแล้วชายคนนี้ต้องเป็นคนไร้บ้านหรือไม่ก็ขอทานเป็นแน่
"เอ่อ…ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า…" เธอกำลังคิดหาวิธีปฏิเสธไล่ชายคนนี้เพราะนอกจากเขาไม่น่าจะมีเงินจ่ายค่าอาหารแล้วยังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนลูกค้าคนอื่น
แต่ไม่ทันที่เธอได้พูดจบประโยค ชายเร่ร่อนได้พุ่งตัวเข้ามารัดคอพนักงานสาวพร้อมควักมีดทำครัวสีเงินยาวหกนิ้วออกมาจ่อที่คอหอย ทำให้ภายในร้านเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมจนชายหนุ่มทั้งสองหันไปพร้อมกัน
บาร์เทนเดอร์หนุ่มผู้มีหน้าที่ชงกาแฟรีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์หวังเข้าช่วยเหลือพนักงานสาวแต่ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เพียงพอเนื่องจากคนร้ายเอาชี้มีดขู่
"ถอยไป! ถอยไปให้หมด!!" ชายเร่ร่อนตะโกนพร้อมแกว่งมีดไปมา
นอกจากลูกค้าที่ส่งเสียงดังเพราะความตกใจแล้วพนักงานสาวที่โดนจับเป็นตัวประกันได้แต่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ทำเอาบาร์เทนเดอร์หนุ่มไม่รู้ว่าต้องจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี
"เดี๋ยวก่อนครับคุณ ใจเย็นๆ ก่อน"
คราวนี้เป็นเสียงสุขุมของดีนที่เอ่ยพร้อมกับวิ่งมาถึงหน้าร้าน
"นายเป็นใคร ยะ อย่าเข้ามานะเว้ย!" ชายคนร้ายตะโกนเสียงดังพร้อมชี้มีดไปทางตำรวจหนุ่ม
ดีนพยายามควบคุมสติไม่ให้แสดงอารมณ์มากจนเกินไป ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นตำรวจแต่ก็ไม่ใช่ตำรวจภายในประเทศจึงไม่มีอำนาจดำเนินการใดๆ มากนัก นอกเสียจากเขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา
จากความเห็นของตำรวจหนุ่ม เขารู้สึกว่าคนร้ายคนนี้มีพฤติกรรมผิดแปลกจากโจรปล้นหวังเอาทรัพย์ทั่วไป หากชายเร่ร่อนคนนี้ต้องการเงินจริง เขาไม่ควรเอามีดจี้พนักงานต้อนรับตั้งแต่หน้าร้าน เขาควรหาวิธีเข้าไปในส่วนของเคาน์เตอร์เก็บเงินซึ่งอยู่ด้านในร้านให้ได้แล้วค่อยควักมีดออกมาก็ยังไม่สาย
ราวกับว่าชายคนนี้มีเป้าหมายเจาะจงเป็นบุคคลมากกว่าเงิน…
"ไม่ต้องห่วง ผมไม่เข้าไปแน่…" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นหวังสร้างความเชื่อใจ "คุณต้องการอะไร อยากได้อะไรบอกผมได้เลย"
ในขณะที่ตำรวจหนุ่มกำลังต่อรองกับคนร้ายอยู่นั้นเขาแอบเหลือบหาธีร์อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพบว่าธีร์ยืนอยู่ด้านขวามือ เขาจึงแอบส่งสัญญาณมือเพื่อให้ธีร์หาโอกาสในการใช้โทรศัพท์
เมื่อธีร์เห็นว่าชายเร่ร่อนกำลังเพ่งสมาธิอยู่กับคู่สนทนาจึงสบโอกาสที่เขาจะค่อยๆ ถอยหลังจนสามารถอยู่ในที่ลับตาได้สำเร็จแล้วรีบโทรศัพท์ไปยังสถานีตำรวจ
"หุบปาก! ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น!!" ชายเร่ร่อนพูดแล้วเอามีดไปจ่อที่คอตัวประกัน "ฉันแค่อยากให้ผู้หญิงคนนี้…เจ็บปวด…"
"ถ้าอย่างนั้น คุณรักเธอใช่ไหมครับ…" ดีนพูดพลางสืบเท้าเข้าใกล้มากขึ้นทีละนิด "ถ้าคุณรักเธอจริง คุณไม่ควรทำร้ายเธอนะครับ"
ประโยคของคนตรงหน้าทำให้ดีนเริ่มคิดได้ทันทีว่าเป็นเรื่องชู้สาว เขาอาจเป็นเพื่อนที่แอบหลงรักหรืออาจเป็นแค่คนโรคจิตที่คอยตามติดสังเกตพฤติกรรมพนักงานสาวคนนี้แล้วเกิดความแค้นใจที่โดนหักอก
ชายเร่ร่อนได้ยินดังนั้นก็เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป เขาลดมีดอย่างช้าๆ จนแนบลงที่ต้นขา นัยน์ตาเริ่มลดระดับลงต่ำ อากาศถูกสูดเข้าจนสุดลมหายใจก่อนพรูออกจากปากยาวไม่ขาดสายซึ่งตรงข้ามกับตัวประกันสาวที่ตัวสั่นเทาและหายใจถี่เนื่องจากความกลัวสุดขีด
"ใครจะไปสนเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นกันวะ!!"
เมื่อสิ้นเสียง คนร้ายจึงเงื้อมีดทำครัวปลายแหลมขึ้นแล้วแทงเข้ายังต้นขาเหยื่อสุดแรง โลหะสีเงินยาวกว่าหกนิ้วจมเข้าไปในเนื้อเยื่อจนของเหลวสีแดงข้นไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย