การสัญจรทางท้องถนนไม่ใช่แค่พื้นที่สำหรับพาหนะยานยนต์เท่านั้น เมื่อมันถูกสร้างตัดผ่านส่วนต่างๆ ในเมือง ผู้คนจึงต้องเดินผ่านเส้นทางสัญจร ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพึ่งสัญญาณไฟจราจรเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
การเดินข้ามถนนนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เพียงแค่รอให้สัญญาณช่องทางเดินเป็นสีเขียว สังเกตรถทางซ้ายสักนิดเพื่อความมั่นใจก่อนเดินข้ามทางม้าลายจนกระทั่งถึงอีกฝั่ง
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเริ่มมีความยากมากขึ้นสำหรับคนวัยชรา แม้ทางม้าลายจะไม่ได้ไกลมากนัก แต่เมื่ออายุมากขึ้นการก้าวเดินที่สั้นและไม่มั่นคง ล้วนเป็นอุปสรรคทั้งสิ้น ดังเช่นกับหญิงชราคนหนึ่งที่ยืนรอข้ามถนนจนสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีวนไปวนมาไม่ต่ำกว่าสามรอบ
ในมุมมองของคนข้ามถนนนั้นไม่มีทางทราบได้เลยว่าทำไมรถคันนั้นขับเร็วเกินกำหนด ทำไมคนคันนี้ถึงกล้าขับฝ่าไฟแดง ดังนั้นผู้สูงวัยที่ไม่สามารถใช้ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันมากกว่าคนปกติ ทำให้ชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงินเดินเข้ามาใกล้หญิงสูงวัยเมื่อสังเกตได้ว่าเธอรู้สึกไม่ปลอดภัยหากต้องข้ามถนนเพียงลำพัง
"สวัสดีครับคุณยาย ให้ผมช่วยพาคุณยายข้ามถนนนะครับ" เขาจูงแขนหญิงชราด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตรพร้อมกับสังเกตหารถยนต์ที่เคลื่อนเข้าใกล้
เมื่อมีคนช่วยจูงทำให้เธอมีความมั่นใจและเดินได้รวดเร็วขึ้นทำให้การข้ามถนนที่แสนยากลำบากนี้สามารถผ่านไปได้เพียงชั่วอึดใจ
"ขอบใจมากนะถ้าไม่ได้พ่อหนุ่ม ยายคงลำบากแย่" หญิงชรากล่าวพร้อมหยิบธนบัตรมูลค่าหนึ่งร้อยบาทออกมาจากกระเป๋าเสื้อ "นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ รับไปเถอะนะ"
"ไม่เป็นไรครับคุณยาย" ธีร์ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่สุภาพนุ่มนวล "ผมแค่อยากช่วยคุณยายเฉยๆ ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอกครับ"
เขากุมมือข้างที่เธอถือธนบัตรแล้วดันกลับไปยังกระเป๋าเสื้อดังเดิม
"ดีจริงๆ ถ้ามีพลเมืองดีแบบพ่อหนุ่มมากๆ สังคมจะได้น่าอยู่ขึ้น…"
หลังจากทั้งสองพูดคุยกันต่อเล็กน้อย หญิงชราจึงค่อยๆ เดินจากไป เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าเธอเดินลับไปกับฝูงชนแล้วจึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ อาจเพราะเขาโล่งใจที่ทำหน้าที่นี้ได้สำเร็จ…
'โอเค ทุกอย่างเรียบร้อย…'
…หรือเป็นเพราะไม่ต้องการให้ใครได้รับอุบัติเหตุเฉกเช่นเดียวกับเขา…
นาฬิกาสมาร์ทวอชสีน้ำเงินเข้มแสดงตัวเลขเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า เขาเดินตามถนนที่มีผู้คนเดินขวักไขว่และเสียงจอแจแต่นั่นก็ไม่อาจขัดขวางให้เขาเข้าสู่ห้วงความคิดของตน
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อราวสิบเดือนก่อน ในช่วงยามเย็นของวันทำงานอันปกติสุข ในขณะที่ธีร์กำลังเดินทางกลับบ้านไปหาภรรยาและลูกสาว เมื่อมาถึงทางสี่แยกเขาก็ยืนรอจนกว่าสัญญาณไฟจราจรอนุญาตให้เดินข้าม โดยกำลังอ่านข้อความบนโทรศัพท์มือถือ
'วันนี้ฉันทำมื้อเย็นสุดพิเศษไว้แล้วนะ รีบกลับมาเร็วๆ นะธีร์'
ข้อความที่ส่งมาจากกวางนั้นทำเอาเขาอมยิ้มไม่หยุดเพราะเขาทราบดีว่ากวางทำอาหารไม่เป็น มื้อเย็นวันนี้คงไม่พ้นพวกอาหารแช่แข็งที่ใส่เข้าไปในไมโครเวฟแล้วเธอก็ทึกทักเอาว่านั่นเรียกว่าการทำอาหาร แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดก็เพราะคำว่ามื้อพิเศษไม่ได้หมายถึงอาหารที่หรูหราราคาแพง แต่เป็นมื้อที่พวกเขาได้ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมหน้ากันต่างหาก
เมื่อชายหนุ่มเหลือบตาไปข้างหน้าก็พบกับไฟสัญญาณทางเท้าเป็นสีเขียว เขาจึงเดินจ้ำไปบนทางม้าลายหวังเดินข้ามถนนนี้ให้เร็วที่สุด สำหรับเขาแล้ววันที่ได้กินข้าวกันพร้อมกันทั้งพ่อแม่ลูกเป็นเรื่องพิเศษที่สุด เนื่องด้วยตัวเขาที่ต้องอยู่โรงงานจนดึก และกวางเองก็ต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาลตลอด ถึงแม้ว่ากระต่ายจะตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่ร้านอาหารเพื่อมาดูแลหลาน แต่พวกเขาก็แบ่งวันกันกลับบ้านเร็วเพื่อให้มีพ่อหรือแม่คอยอยู่กับลูกสาวตลอด ดังนั้นเมื่อทั้งสองว่างพร้อมกันจึงเป็นโอกาสทองที่เขาไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเป็นอันขาด
ทันใดนั้นเสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้นทำให้เขาหันไปมองในทันที เสียงที่ดังมาจากด้านขวามาพร้อมกับเงาดำตะคุ่มที่ไม่ทราบขนาดแน่ชัดเพราะไม่มีแสงสว่างใดๆ จากไฟท้องถนนและวัตถุที่กำลังเคลื่อนเข้ามา
แต่ก่อนที่ธีร์จะตัดสินใจทำอะไรสักอย่างวัตถุนั้นก็เข้ามาถึงระยะพอมองเห็น ทันใดนั้นรถกระบะคันสีเหลืองก็พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะขยับแม้แต่ปลายเท้าด้วยซ้ำ