ตอนที่ 2
ขนาดจินตกชยังอึ้งแล้วสามคนข้างตัวจะเหลือหรือ ทั้งสามคนแทบกลั้นหายใจแล้วย่องออกไปจากตรงนี้อย่างไว แม้ว่าตรงนี้อยู่ไกลกว่าจุดที่มอนสเตอร์พวกนั้นยึดเป็นอาณาเขตของพวกมันถึงครึ่งไมล์ก็ตาม จินตกชมองเห็นด้วยทักษะ ส่วนทั้งสามคนนั้นมองด้วยเวทของลูอิซ
ประมาทไปอย่างมากที่คิดว่าจะสามารถรับงานระดับโกลด์ได้ มันควรเริ่มที่ระดับไอรอนสินะ
"ขอโทษนะทุกท่านคิดว่าควรถอยกลับแบบเงียบๆ กันเถอะ ค่าปรับเดี๋ยวช่วยหามาจ่ายให้นะครับ" จินตกชยอมรับว่าความหลงตนว่าเจ๋งมันมีกันทุกคน ขนาดตนเองแค่ได้เข้ามาเดินเล่นสองเรื่องก็ดันคิดไปว่าตนเป็นคนเก่งทำอะไรก็ได้คนหนึ่งแล้วไงล่ะ ล้มไม่เป็นท่า
"งั้นพวกเราไปฝึกซ้อมแถวโบราณสถานที่มีคนเคลียร์แล้วดีไหม อย่างน้อยมันก็ยังมีหินเวทกับมอนสเตอร์ระดับล่างๆ ให้เก็บมาขึ้นเงินได้อยู่นะ" ลูอิซรีบสนับสนุน และมีนาธานกับพินเดอร์พยักหน้ารัวๆ ทั้งสามคนไม่โทษบีสท์ขี้ริ้วที่เชื่อมั่นในพลังของตนถึงเลือกงานยาก เพราะพลังที่เห็นตอนพบกันครั้งแรกมันก็สมควรที่เจ้าตัวจะเชื่อว่าตนเก่งกาจพอให้รับงานระดับโกลด์ได้แล้ว แม้ในความจริงจินตกชกวาดล้างมอนสเตอร์ทั้งหมดที่เห็นได้แน่นอนถ้าคิดจะสู้จริง ทว่าเจ้าตัวไม่ใช่คนมั่นใจเกินร้อยแบบพระเอกทั้งหลาย รวมทั้งไม่ชอบอวดดีโดยไม่จำเป็นจึงเหมาว่าตนไม่ไหวไปก่อนแล้ว ซึ่งนั่นทำให้เสียโอกาสสร้างชื่อไปแต่ใครสนใจเล่า หนอนน้อยไม่บ้าชื่อเสียงบ้าแต่หนังสือเท่านั้น
ในเมื่อตกลงได้ด้วยดีทั้งสี่จึงพากันไปจ่ายค่าผิดสัญญาแล้วถึงเดินทางไปยังโบราณสถานเก่าแก่ซึ่งถูกนักผจญภัยนับหมื่นคนเยียบย่างจนแทบไม่เหลืออะไรให้ค้นหาแล้ว คนที่มายังโบราณสถานนี้แค่ฝึกฝีมือกับมอนสเตอร์ขนาดเล็กแต่ดุร้ายเก็บหินเวทก้อนเล็กๆ และฝึกต้านกับดักสารพัดรูปแบบซึ่งยามนี้มีหลายกลุ่มเช่นกัน และนั่นจินตกชถึงรู้ว่านักผจญภัยเริ่มแรกล้วนมาซ้อมฝีมือที่นี่ก่อนทั้งนั้น
ฉันข้ามขั้นไปนี่เอง เอาล่ะแก้ตัว!
"เราจะเข้าไปเริ่มที่ทางเข้าสู่ห้องเก็บสมบัติ แม้ตอนนี้ห้องนั้นว่างเปล่าแล้วแต่มันมีกับดักซึ่งพอถูกทำลายไปแล้วพักหนึ่งมันจะฟื้นสภาพกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม จึงเป็นที่ฝึกประสามสัมผัสที่ดีมากเชียวแหละ" พินเดอร์มาซ้อมมือที่นี่บ่อย เพื่อให้ตนว่องไวพอในการรับมือมอนสเตอร์
"แล้วพอผ่านกับดักไปแล้วมีจุดพักก่อนเข้าไปยังห้องสมบัติ ในนั้นก็มีมอนสเตอร์แอบเข้ามาอาศัยหลายชนิด ฝึกล่าได้ไม่น้อย" นาธานตบดาบข้างเอว
"ถึงทางเข้าแล้วล่ะ เลือกเอาเลยว่าจะไปทางไหน ทุกทางไปบรรจบที่ห้องสมบัติทั้งนั้น ต่างกันแค่กับดักยากง่ายในแต่ละทาง และกับดักในทุกทางสลับความยากง่ายไม่ซ้ำกันด้วยฉะนั้นจะเหมาว่าเคยเข้าไปทางไหนง่ายอย่าได้หวังว่าครั้งต่อไปจะง่ายอีก ฉันเคยเลือกทางเดิมสามครั้งแล้วไม่เหมือนกันสักครั้ง ฉะนั้นตรงนี้คือวัดดวง" ลูอิซกวาดตามองทางเดินทอดยาวสิบช่องทางตรงหน้า
ระหว่างที่ทั้งสามอธิบายยังมีนักผจญภัยหลายกลุ่มเลือกเส้นทางและเงียบหายไปตามช่องทางที่เลือก แน่นอนว่าแต่ละทางเข้าได้คนเดียว ถ้าจะเข้าไปทางเดียวกันก็ต้องรอจนกว่าม่านพลังตรงทางเข้าเปิดออก แต่ละทางพอมีใครเข้าไปจะมีม่านพลังปิดกั้นไม่ให้ใครเข้าไปอีกจนผ่านไปครู่ใหญ่ม่านพลังหายไปคนอื่นก็เข้าไปได้
"วัดดวงหรือ... ฉันเป็นพวกดวงติดลบเสียด้วยสิ หวังว่ามันจะไม่ยากเกินไป" จินตกชเลือกทางที่ดูสะอาดที่สุด
น่าจะมีคนผ่านทางนี้มากที่สุด แสดงว่ามันคงง่ายแน่เลย
"เจอกันที่ห้องสมบัตินะ" ลูอิซเลือกช่องทางติดกัน นาธานกับพินเดอร์เลือกที่ห่างออกไปสี่ช่อง
"เดี๋ยวเจอกัน" ว่าแล้วจินตกชก็สาวเท้าอย่างระวังเข้าไป เริ่มการผจญภัยได้!
ทันทีที่ก้าวพ้นปากทางเข้ามาด้านในเป็นทางเดินใหญ่โตปูด้วยหินเหมือนถนนโรมัน ผนังด้านข้างเป็นอิฐขนาดใหญ่เรียงไว้อย่างงดงาม คบไฟสลักจากหินรูปทรงดอกทิวลิปสองข้างทางสว่างยิ่งกว่าไฟตามทางด่วนเสียอีก เพดานสูงราวสี่เมตรทรงโค้งมีรูปสลักมอนสเตอร์น่าเกรงขาม
"ไฟที่คบนั่นไฟเวทสินะ" มันเป็นดวงกลมลอยอยู่เหนือคบไฟเล็กน้อยนี่นา "เอาล่ะมีกับดักอะไรบ้างไม่รู้ ลองวิ่งเต็มกำลังก่อนละกัน" ขยับแข้งขาแล้วพุ่งออกไปด้วยการกระโจนไปลงกลางทางและถีบส่งไปด้านข้าง จากนั้นก็วิ่งด้วยการถีบส่งตัวข้ามไปมาตามผนังสองฝั่งโดยไม่ลงพื้นด้วยความเร็วดุจสายลม
ทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกายได้รับการฝึกถ่วงน้ำหนักจากเรื่องก่อนทำให้ยามนี้ก้าวเดียวไปได้ไม่ต่ำกว่าร้อยเมตร ด้วยความเร็วแบบไล่กวดจับหางนกนางแอ่นทันทำให้จินตกชผ่านเส้นทางนั้นมาแบบไม่เจออะไรเลยสักอย่าง กว่าเจ้าตัวจะรู้ว่าทางมันช่างโล่งไม่มีกับดักสักอย่างก็สองเท้าลงพื้นหน้าห้องขนาดใหญ่ไร้ผู้คน
"ว่าแล้วเชียวทางสะอาด ไม่มีกับดักเลยนี่นา"
[คุณได้รับหนึ่งร้อยเหรียญทองจากการผ่านเส้นทางกับดักด้วยเวลาเร็วที่สุด]
เหรียญทองร่วงลงมากองตรงหน้าพร้อมข้อความสีทองลอยเด่นตรงหน้า ทำจินตกชสะดุ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่ามีอะไรแบบนี้ในเรื่องด้วยทั้งที่ตามเนื้อเรื่องเดิมมันไม่มี หรืออาจเพราะเขามาอยู่ก่อนเวลาในเนื้อเรื่องเริ่ม ฉะนั้นจึงมีอะไรแบบนี้เพิ่มเข้ามาในเมื่อเป็นโลกธีมเวทมนต์นี่นา
"ตกลงแล้วเส้นทางนั้นมีกับดักด้วยหรือ... ไม่เห็นเจอ?" มองเหรียญกองน้อยครู่หนึ่งโกยเก็บเข้าคลั่งแล้วยิ้มชั่วร้าย "ไหนๆ คนอื่นยังมาไม่ถึงฉะนั้น กลับไปเก็บเหรียญอีกทางก่อนละกัน" ว่าแล้วก็วิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิมแต่วิ่งบนพื้นอย่างเดียวกลับไป ตอนนี้ถึงรู้สึกว่ามีของมีคมมากมายพุ่งออกมาจู่โจมทว่าด้วยความเร็วของบีสท์ขี้ริ้วทำให้อาวุธทุกชิ้นปักพื้นปักผนังไป ไม่แม้แต่เฉี่ยวใกล้ตัว
วิ่งมาถึงทางเลือกจินตกชวิ่งเข้าไปอีกทางไม่มีหยุดพักแล้วกระโจนออกตัวด้วยความเร็วดุจสายลม เส้นทางนี้มีเวทจำพวกไฟซึ่งใหญ่กว่าลูกไฟธรรมดา หอกไฟ ธนูไฟจะพุ่งออกมาใส่ผู้บุกรุกทว่าคนวิ่งผ่านเส้นทางเร็วเกินไป กว่ากับดักทำงานคนบุกรุกก็ไปเสียไม่เห็นฝุ่นแล้ว ทำกับดักทั้งหลายหน้าม้านไปเลย ผ่านมาถึงหน้าห้องสมบัติยังไม่เจอใครและได้เหรียญทองเพิ่มอีกร้อยห้าสิบเหรียญด้วยการทำลายสถิติเร็วกว่าเดิม นั่นทำให้หนอนหนังสือสุดงกวิ่งกลับไปอีกรอบ และเปลี่ยนไปอีกทาง
[นี่มันเป็นทางที่มีกับดักนะ ปะทะกับกับดักหน่อยสิเว้ย!]
ถึงกลับมีข้อความสีทองเด้งขึ้นกลางอากาศตรงหน้าจินตกชในขณะที่ตั้งท่าวิ่งเต็มฝีเท้าอีกครั้งในช่องทางที่สาม
"ปะทะหรือ จัดไปตามคำขอ" ก้าวออกไปแล้วตวัดมือ "สะบั้นสุญญากาศ!"
คมอากาศเส้นใหญ่หลายสิบเส้นทะยานออกไปฟาดฟันถล่มทลายเป็นการเปิดฉากแรกหลังจากนั้นก้าวอาดๆไม่เร่งรีบอีก อะไรโผล่มาพ่อคุณฟาดฟันแบบไม่กลัวที่นี่ถล่มทับเพราะไม่เหลือซากให้ถล่มแล้วนั่นแหละ ทะลุออกมายืนหน้าห้องสมบัติอีกครั้งมีร่องรอยว่านักผจญภัยสักกลุ่มมาถึงและเข้าไปในห้องแล้ว ทว่าสามคนกลุ่มเขายังไม่มา จินตกชเลยวิ่งกลับไปอีกครั้งตามทางที่ถล่มเละและมีข้อความโวยวายฟูมฟายมากมายลอยขึ้นมารัวๆ
[เจ้ามนุษย์ชั่วร้าย จะวิ่งกลับไปอีกทำไมนัก]
[พอแล้ว เดี๋ยวพวกข้าก็พังหมดพอดี!]
[จะไปไหนก็ไปสิเว้ย!]
เป็นอีกครั้งที่จินตกชเดินถล่มเละ ก็แบบว่าพลังจิตผสานกับสะบั้นสุญญากาศ ธนูเป็นร้อยมาจากทุกทางฟันทิ้งหมด ใบมีดยักษ์จากผนังฟาดฟันไม่เหลือซาก ก้อนหินยักษ์กลิ้งต่อกันเป็นสิบเต็มทางเดินฟาดฟันแปรสภาพเป็นหินถมทางไป ตลอดทางไม่เหลืออะไรในสภาพเดิมสักอย่าง จนมาถึงหน้าห้องสมบัติอีกครั้ง จำนวนเหรียญทองครั้งนี้ถึงหนึ่งพันเหรียญทีเดียว
"กลับไปอีกทางละกัน" ตั้งท่าจะวิ่งกลับไป ให้ต้องโยกตัวหลบกระสุนเหรียญทองที่มาเป็นห่าฝนแน่นอนว่าจินตกชหลบได้หมด
[ไปไกลๆเลย ไอ้มนุษย์ชั่ว!]
เหรียญทองปาใส่รัวๆ วูบเดียวถึงห้าพันเหรียญ บีสท์ขี้ริ้วเก็บใส่คลังอย่างชื่นบาน
[ถ้าเจ้ากลับไปวิ่งมาอีกครั้งจะสาปให้เจ้ากลายเป็นคนที่ขี้เหร่ที่สุดในโลกเลยเชียว!]
จินตกชชี้หน้าตนเองแล้วยืดตัวเต็มความสูง "หน้าแบบนี้ฉันยังไม่สะเทือนเลย คิดว่าเพิ่มอะไรได้อีกล่ะ"
[…]
ว่าแล้วจินตกชก็หัวเราะ ทั้งที่น้ำเสียงแหบแห้งหน้าตาดูไม่ได้แต่เสียงหัวเราะนั้นกับกังวานใสพลอยให้รู้สึกว่าเจ้าบีสท์ขี้ริ้วนี่น่าเอ็นดูแปลกๆ เสียอย่างนั้น "โอเค ฉันไม่ก่อกวนแล้ว ว่าแต่เธอคือใคร ระบบของโบราณสถานนี้งั้นหรือ?"
[ถูกแล้ว ที่นี่คือโบราณสถานอัลฮาซาน โบราณสถานเก่าแก่ที่สุดในโลกที่พำนักสุดท้ายของเผ่าพันธุ์แห่งอำนาจอันเรืองรองเมื่อเจ็ดหมื่นปีก่อน]
"ที่พำนักสุดท้าย... นั่นมันสุสานหรือเปล่า?" ในเรื่องนี้มีสุสานโบราณหลายแห่ง แต่ละแห่งล้วนอันตรายร้ายแรงต่างจากโบราณสถานอย่างอื่น แต่ถ้าที่นี่คือสุสานก็คงโดนนักผจญภัยเคลียร์เรียบร้อยไปแล้วล่ะ ถึงใช้เป็นที่ฝึกซ้อมมือของพวกมือใหม่ได้ "นี่ ทำไมเงียบล่ะ พวกระบบนิสัยแบบนี้ทั้งนั้นหรือไง ไม่ต้องการตอบก็เงียบตัดบทเสียอย่างนั้น" จินตกชส่ายหน้าดุกดิก
"รอนานไหมซีวิลล์" ลูอิซเดินออกมาจากทางเส้นหนึ่ง เสื้อผ้าเยินเล็กน้อย " บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าสภาพเจ้าดูแย่นะ"
ถูกทักแบบนั้นจิตกชถึงสำรวจตนเอง ทั้งตัวดำด้วยเขม่าและฝุ่น เสื้อผ้าเปื้อนจนจำสีเดิมไม่ได้ ทั้งตัวมอมเป็นลูกหมาคลุกฝุ่น "ไม่เป็นไร แค่ฟกช้ำเล็กน้อย" ที่ว่าฟกช้ำนั่นกับดักในโบราณสถานนะ ไม่ใช่ตัวเขา
[ไม่เล็กน้อยเว้ย!]
ตัวอักษรสีทองขนาดห้าคูณห้าเมตรเด้งมาลอยตรงหน้าเจ้าบีสท์ขี้ริ้วทันที ทำเจ้าตัวผงะเล็กน้อยแล้วหัวเราะ
"มีอะไรน่าขำหรือไง" ลูอิซแปลกใจที่อยู่ๆ เจ้าบีสท์ขี้ริ้วก็หัวเราะขึ้นมาเฉยๆ
"ไม่เห็นหรือ?" จินตกชมองอักษรตัวมหึมาสลับกับลูอิซ
[เธอไม่เห็นหรอก เพราะเธอไม่มีศักยภาพพอที่จะมองเห็น]
จินตกชกำลังจะถามเพิ่มหน่อยทว่าอีกสองคนเดินออกมาสมทบพอดี ทั้งสองลุงเยินเล็กน้อยให้ลูอิซใช้เวทรักษาเสียก่อนถึงเข้าอดีตห้องเก็บสมบัติ
"ถ้าไม่เป็นไรงั้นเราเข้าไปข้างในเถอะ" พินเดอร์ออกแรงผลักประตูบานใหญ่ มันเปิดออกโดยง่าย
แค่ประตูเปิดจินตกชก็จับไหล่พินเดอร์แล้วดึงกลับหลังมาอย่างไว พร้อมทั้งอีกมือตวัดคมสุญญากาศเข้าใส่สิ่งมีชีวิตตัวเล็กเขี้ยวแหลมคมแล้วยังถืออาวุธจำพวกขวานฟันเข้าใส่คนที่เปิดประตู ลงมือครั้งเดียวแต่เก็บพวกซุ่มจู่โจมได้เป็นสิบตัวในครั้งเดียว
"ตัวอะไรนั่น?" มอนสเตอร์หนึ่งกลุ่มใหญ่ตรงหน้าระบุไม่ได้ว่าสายพันธุ์ไหน ส่วนสูงของพวกมันเท่าเด็กสิบขวบ รูปร่างกลมป้อมแขนขาสั้นทว่าเคลื่อนไหวว่องไวผิดรูปร่าง ตัวสีเขียวหางยาวแบบหางกิ้งก่า ตาดำหรี่เล็ก หน้ายาวแบบหมาป่ายืนด้วยสองขาถืออาวุธมีคมจำพวกขวาน พวกมันส่งเสียงคำรามข่มขวัญใส่ทั้งสี่
มอนสเตอร์ขนาดเล็กใช้จำนวนเยอะกว่าผสานกำลังจู่โจมเข้ามาจากทุกทิศ กองหน้าอย่างจินตกชมีหรือถอยได้ มันเป็นการทดสอบฝีมือได้พอดี พลังจิตใช้ปัดป้อง คมสุญญากาศตวัดฟาดฟัน พุ่งทะลวงเข้าไปอย่างเต็มฝีมือต่อให้อีกฝ่ายจำนวนเยอะก็ไม่ได้ทำให้ต้านบีสท์ล่าเนื้อไหว ครู่เดียวมอนสเตอร์ทั้งฝูงกลายเป็นซากพร้อมบริเวณรอบๆ เข้าไปด้วย
"ใช้ได้อยู่นี่นาที่ฝึกมา" ขยับสองมืออย่างพอใจผลความวินาศที่เพิ่งสร้างหมาดๆ "เป็นที่ซ้อมฝีมือเริ่มแรกได้ดีจริงด้วยครับ" จินตกชกระโดดไปทั่วๆ ราวกำลังสำรวจว่ายังเหลือซ่อนอยู่ตรงไหนอีกหรือเปล่า ไม่ได้สนใจสีหน้าอึ้งจนสติบินของผู้ร่วมปาร์ตี้อีกสามเลยสักนิด
"เขาเก็บเรียบได้ง่ายไปไหม พวกเรารวมกันยังใช้เวลาสองสามชั่วโมงกว่าจะกำจัดหมด" นาธานอยากลงไปนั่งวนนิ้วที่พื้น รู้สึกตนช่างกระจอกเหลือเกิน
"เผ่าบีสท์นี่นาฝีมือแค่นี้ธรรมดา" ลูอิซหมุนไม้เท้าในมือสีหน้าบ่งบอกความอิจฉาเล็กน้อย
พินเดอร์พูดไม่ออก รู้ว่าตนใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะเป็นนักผจญภัยได้แบบนี้ แต่เจ้าบีสท์ขี้ริ้วนั่นทั้งน่าอิจฉาและน่าโมโห
"เป็นห้องเก็บสมบัติที่กว้างและว่างเปล่ามากๆ เลยนะเนี่ย" กวาดตามองไปทั่วห้องรู้ว่าไม่เหลือสิ่งมีค่าอะไรทั้งนั้นแล้วแต่ก็ยังมีรอยเท้าคนเข้ามายังห้องนี้มากมายอยู่ดี "กลุ่มก่อนหน้าพวกเราก็เข้ามาในห้องนี้นะ ทำไมเขาไม่เก็บมอนสเตอร์พวกนี้กันล่ะ" จินตกชมั่นใจว่าที่ไปวิ่งเล่นกับพวกกับดักใช้เวลาไม่นานตอนที่เห็นร่องรอยนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งเข้าห้องสมบัติห้องนี้ คิดว่าอาจได้เจอกันในห้องด้วยซ้ำ
"คงเปิดแล้วโดนจู่โจมเลยปิดแล้วไปต่อห้องอื่นกระมัง" อย่างไรโบราณสถานแห่งนี้ก็มีห้องเป็นร้อย เจอพวกนี้ฝูงใหญ่ไม่มีใครบ้าพุ่งเข้าชนแบบเจ้าบีสท์ขี้ริ้วคนนี้หรอก พินเดอร์แค่นหัวเราะ
"ห้องอื่นหรือ?" จินตกชกวาดตามองไปทั่วห้องเสียครั้ง อย่างไรทักษะวิสัยทัศน์ระยะไกลเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมดในครั้งเดียวอยู่แล้วต่อให้บางจุดอยู่ในเงาจนมองไม่ออกว่ามีอะไรอยู่ก็ตาม "อ๊ะ ตรงนั้นมีทางจริงด้วย" ชี้ไปสุดห้องในเงามืดแสงจากคบเพลิงส่องไปไม่ถึง
พินเดอร์มองตามมือชี้แล้วมีสีหน้าฉงน ลูอิซกับนาธานก็ไม่ต่างกัน "ข้าไม่เห็นมีทางอะไรตรงไหนเลยนะ" ลุงผมสีน้ำตาลแดงชะเง้อออกไปสุดตัว
"ข้าก็ไม่เห็น" พินเดอร์ยกมือป้องตา ทั้งสามเคยเข้ามาในห้องสมบัติสามครั้งแล้วไม่เห็นมีทางไหนอีกนอกจากประตูหน้าที่เปิดอยู่นี้
จินตกชกระโดดครั้งเดียวไปลงยังจุดที่เขาชี้เมื่อครู่ซึ่งมันอยู่สุดห้องกว้างแล้วยังอยู่ในเงามืด พลางยื่นมือออกไป
"มือเจ้าหายไปแล้ว!" ลูอิซยกสองมือปิดปาก มือบิสท์ขี้ริ้วจมหายเข้าไปในผนังเสียเกือบถึงข้อศอก
"ไม่ได้หาย ตรงนี้มีทางซ่อนไว้แล้วใช้ลวดลายหลอกตาบวกกับค่อนข้างมืดทำให้มองเห็นลำบาก ดูถ้าเวทตรวจจับสิ่งผิดปกติใช้ในห้องนี้ไม่ได้ด้วยสินะ"
พอทั้งสามเดินมาถึงยังคงยืนอึ้งราวมองไม่ออกอยู่ดีว่ามีทางจนจินตกชต้องเดินเข้าไปครึ่งตัวถึงพอมองออกว่ามันมีทางจริงๆ
"ใช้ทั้งลวดลายและการหักเหของแสงในการพรางไว้หรือนี่ ง่ายแต่ได้ผลเพราะเวทตรวจจับใดก็ไม่มีปฏิกิริยาแน่นอน" ลูอิซลองใช้เวทตรวจสอบ ไม่มีสิ่งใดตอบกลับมาจริงดังที่จินตกชบอกเมื่อครู่ "นี่ถ้าไม่มีซีวิลล์มาด้วยพวกเราก็คงไม่รู้ว่ามันมีทางแบบนี้ด้วย" แค่เดินถอยห่างออกมาสองก้าวก็มองไม่ออกแล้วว่ามีทาง
จินตกชเหลียวมองสำรวจเส้นทางเล็กน้อย "นี่เหมือนไม่มีใครผ่านมานานเลยนะ ไหนบอกว่ากลุ่มอื่นไปห้องอื่นแล้วไงเขาไม่ได้ใช้ทางนี้กันหรอกหรือ?" ไม่แค่ฝุ่นหนาเป็นศอก ใยแมงมุมเต็มทางไปหมด
"น่ากลัวว่ายังไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่ามีทางทางนี้ พวกเขาแค่ไม่เข้ามาในห้องนี้แต่เดินไปห้องอื่นจากทางหลักนอกห้องต่างหากเล่า" ทินเดอร์สาวเท้าช้าๆ ทางนี้ไม่มีคบไฟจึงอาศัยแต่ดวงแสงที่ลูอิซเสกขึ้นมาส่องทางซึ่งก็ไม่ได้สว่างมากนัก สามคนเดินอย่างระวังด้วยเกรงว่าอาจมีกับดักรออยู่ทว่าบีสท์หนึ่งเดียวก้าวฉับๆ อย่างไม่สนใด
มองเห็นในความมืดมองเห็นได้ไกลลิบ ทักษะนี้มันยอดเยี่ยม ดีชะมัดที่ได้แถมมาด้วย
เดินเข้ามาพักใหญ่ยังไม่มีสัญญาณใดว่ามีอันตรายหรือมีสิ่งมีชีวิตใดอื่นนอกจากทั้งสี่ จนมาถึงห้องปลายทางซึ่งมีความกว้างไม่มากนัก
"ทางตันหรือนี่" นาธานยกมือกดหน้าผากท่าทางผิดหวังไม่น้อย
"ตรงไหนคือทางตันล่ะ มันมีทางตั้งห้าทางเลยนะ" จินตกชเดินเข้าไปใกล้ผนังแล้วเอียงคอมองเข้าไปจากนั้นขยับไปด้านข้างสี่ก้าวชะเง้อหน้าจมผนังแล้วถอยออกมาขยับไปอีกเล็กน้อย "แต่ละทางไม่มีร่องรอยว่าเคยมีใครผ่านในเร็วๆ นี้มาก่อนทั้งนั้น เอาไง?" หันมาถามความเห็นคนทั้งสาม
"พรางไว้แบบเดียวกับที่เราเข้ามาเองหรือ" พินเดอร์ไม่รู้ควรทึ่งหรือกลัวดีแล้วก้าวมาจนหน้าชนผนังแล้วเขาถึงมองออกมามันมีทาง "สายตาบีสท์ดีแบบนี้ทั้งนั้นหรือเปล่า"
"ไม่รู้สิ" จินตกชตอบจริง เขาไม่รู้หรอกว่าบีสท์สายตาดีแค่ไหน อาจดีกว่าเขาก็ได้ "ว่าแต่ไปทางไหนดีล่ะ"
นาธาน พินเดอร์ ลูอิซค่อยๆ สำรวจทางทั้งห้าสีหน้าหนักใจไม่มีปิดบัง ทั้งสามกำลังหนักใจเพราะไม่รู้เลยว่าทางพวกนี้มีสิ่งใดรออยู่ และปลายทางไปถึงที่ใด ต่อให้ปลายทางมีสมบัติที่ยังไม่มีใครค้นพบทั้งสามก็ไม่อยากเข้าไปท้าทายหรอก พวกเขารู้ประมาณตนดี ขณะทั้งสามตัดสินใจ จินตกชกำลังสำรวจผนังห้องอีกด้าน
ตรงนี้มีลวดลายอะไรด้วยแฮะ เหมือนช่อใบมะกอกสานเป็นมงกุฎรองรับดวงดาวบนรัศมีสิบแฉก หรือเปล่านะนั่น
มือหยาบปัดฝุ่นบนลวดลายเกิดเสียงคล้ายสลักบางอย่างทำงานดังแผ่วเบาแต่จินตกชได้ยินชัดเจน ทว่ายังไม่ทันรู้ว่าอะไร แผ่นหินตรงหน้าพลิกขึ้นเหมือนกระดานหก
"ว้าก!" งัดตัวบิสท์ขี้ริ้วพลิกเทเข้าไปในทางด้านหลังแล้วปิดสนิททันที
"ซีวิลล์!" ทั้งสามวิ่งมาช่วยกันทั้งดึงทั้งดันแผ่นหินที่เห็นพลิกเอาตัวคนเข้าไปเมื่อครู่มันไม่ขยับสักนิด
"ทำไงละทีนี้?"
สามคนถูกทิ้งอย่างจำยอมไว้ตรงทางที่ไม่เคยผ่าน ต่างวิตกกังวล
"เดินกลับทางเดิมแล้วไปรอที่ห้องสมบัติก่อนไหม อย่างไงมันก็มีแค่มอนสเตอร์เล็กๆ เท่านั้น" นาธานไม่เสี่ยงบ้าเข้าไปในทางที่ไม่รู้เด็ดขาด ลูอิซกับพินเดอร์พยักหน้า ทั้งสามจึงเดินกลับไปตั้งหลักรอที่ห้องสมบัติ ส่วนบีสท์ขี้ริ้วกำลังลื่นลงสู่ทางลาด
ถึงการเล่นสไลด์เดอร์มันสนุกแต่ตอนนี้ฉันว่ามันไม่ใช่เวลานะ
ปลายทางของกับดักพวกนี้ไม่มีหอกดาบรออยู่ปากทางก็ต้องมีมอนสเตอร์ระดับบอสรออยู่ ไม่ว่าอะไรทักษะทั้งหมดถูกเปิดใช้แล้วพร้อมทุ่มใส่ทุกอย่างปลายทาง อึดใจจินตกชเห็นแสงปลายทางหัวคิ้วเจ้าตัวขมวดมุ่นทักษะที่เตรียมใช้ถล่มทุกอย่างต้องปิดลงเหลือแค่วิสัยทัศน์ระยะไกล
สุดทางที่พุ่งออกมาคือมอสหนานุ่มก้อนใหญ่ตกลงไปแล้วนุ่มยิ่งกว่าเตียงน้ำ เจ้าตัวจมลงไปจนมิดแล้วเด้งขึ้นมาลงพื้นอย่างมั่นคง แล้วกวาดตาสำรวจสถานที่ สิ่งแรกที่เข้ามาทักทายในสายตาคือ โครงกระดูกชาวบ้านขาวจั๊วะเงาแวบดูสุขภาพดีสุดๆ กระจัดกระจาย โลงหินแตกหักทว่ายังดูออกว่าแกะสลักไว้อย่างงามวิจิตรและคงประดับด้วยของมีค่ามากมายแน่นอน เพียงแต่ยามนี้ของมีค่าไม่เหลือแล้ว ป้ายหินแตกหัก ของหลายอย่างที่จินตกชไม่รู้จักผุพังกระจายเกลื่อนเช่นกัน
"สุสานจริงๆ ด้วย"