บทที่ 7
"ดูแลแล้วจากนั้นทำไงต่อ"
ผมถามต่ออย่างลืมสนิทว่าอีกฝ่ายปลายสายเคยเป็นคนที่ผมเกลียดขี้หน้ามาก่อน แล้วตอนนี้ไม่เกลียดแล้ว? ก็ ก็เกลียดน้อยลงนิดนึง
แต่ก็ยังไม่ชอบหน้าอยู่ดีแหละ!
ตอนนี้แค่พักรบไปก่อนเฉยๆ
(พี่ดูแลคุณควินซ์ให้ได้ก่อนเถอะครับแล้วค่อยมาถามหาขั้นต่อไป) น้ำเสียงของไอ้เก้าเหมือนมันจะเยาะเย้ยผมแปลกๆ (เพราะตอนนี้พี่ก็ยังไม่รู้เลยมั้งว่าจะต้องเริ่มดูแลคุณควินซ์จากตรงไหน)
เชี่ย มันมานั่งในใจผมรึเปล่าวะ ทำไมรู้ดีทุกอย่าง
"มึงจะดูถูกกูมากไปแหละ" เรื่องอะไรที่ผมจะยอมรับ "แค่ดูแลคน ทำไมกูจะทำไม่เป็น!"
(ครับ ครับ ดูแลเป็นครับ) เสียงกลั้วหัวเราะนี่มันอะไร
เส้นเลือดบนขมับของผมแทบจะปริแตกกับการดูถูกเหยียดหยามนี้ แววตาของผมขุ่นมัวก่อนจะกระแทกเสียงใส่โทรศัพท์ไป
"แค่นี้แหละ!"
(เดี๋ยวครับ มีอีกเรื่อง)
"เรื่องอะไร" ไม่ใช่ว่าจะหาเรื่องแซะแขวะผมอีกนะจึงอดไม่ได้ที่จะใช้น้ำเสียงหวาดระแวง
(ผมจะบอกว่าบางทีการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความประทับใจได้) เก้าพูดอย่างสบายๆ เป็นธรรมชาติ (เพราะงั้นพี่ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ปล่อยทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติแค่พี่ต้องเริ่มใส่ใจดูแลคุณควินซ์มากขึ้น)
เหมือนระบบความคิดของผมจะเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้างแล้ว สมองเริ่มปลอดโปร่งและแจ่มชัดขึ้น ผมต้องขอยอมรับจริงๆ ว่าไอ้เก้าเป็นที่ปรึกษาดีมาก คำแนะนำของมันก็ดี ถ้าไม่ติดว่าผมอคติกับมันอยู่ก็คงขอบคุณได้เต็มปากเต็มคำไปแล้ว
แต่มันดันเป็นศัตรูที่แย่งความรักความสนใจของน้องน้อยไป อย่าหวังเลยว่าผมจะพูดขอบคุณ!
"เรื่องง่ายๆ แค่นี้ไม่ต้องรอให้มึงบอก กูก็คิดเองได้ เหอะ" ผมว่าอย่างหยิ่งยโสแล้วกดตัดสายไอ้เด็กเวรไปโดยไม่คิดจะบอกลา
หลังจากวางสายไปแล้วก็โยนโทรศัพท์ทิ้งข้างๆ ตัวก่อนจะครุ่นคิดทบทวนคำพูดไอ้เก้าสี่ห้ารอบ คิด วิเคราะห์ ตีความคำพูดมันอย่างละเอียดประหนึ่งศึกษาวิเคราะห์หุ้นไม่มีผิดแล้วไม่นานนักผมก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ผมหันไปมองทางห้องทำสปาแล้วก็ครุ่นคิดเล็กน้อย... และในจังหวะนั้นพนักงานสปาก็ออกมาจากห้องพอดีจึงไม่พลาดโอกาสที่จะเรียกเขามาพูดคุย
"มีอะไรให้ทางเรารับใช้คะ" เธอดูงงๆ แต่ก็ถามอย่างสุภาพตามแบบฉบับพนักงานที่ถูกอบรมมาอย่างดี
"ควินซ์ต้องทำสปาถึงกี่โมง"
"ประมาณสี่โมงเย็นค่ะ" เธอตอบอย่างฉะฉาน
ผมนิ่วหน้า "ทำไมนาน"
"ช่วงเช้าจะเปาสปาผิว ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นนวดแผนไทยนวดน้ำมันค่ะ"
ผมพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจในที่สุด เออ จะว่าไปก่อนหน้านั้นควินซ์ก็ชวนผมมาลองนวดแผนไทยอยู่นี่เนอะ ดังนั้นผมจึงบอกความต้องการไปว่าช่วงบ่ายจะนวดแผนไทยด้วย พนักงานพยักหน้าตอบรับแล้วซักถามผมเล็กน้อยว่าต้องการนวดแบบไหนกี่ชั่วโมง
หลังจากตอบไปแล้วผมก็จัดการเรื่องอาหารกลางวันให้ควินซ์เพราะสอบถามมาแล้วว่าควินซ์สั่งมารึยังก็ได้คำตอบว่ายัง
แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่ไอ้เก้ามันพูดไว้ว่าให้ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นก่อนที่ผมจะสั่งอาหารกับทางโรงแรมจึงหาข้อมูลก่อนว่ามีข้อจำกัดข้อควรระวังก่อนนวดแผนไทยรึเปล่า แบบ...ห้ามกินอะไรก่อนนวดประมาณนี้
เมื่ออ่านข้อมูลเสร็จสรรพแล้วก็โทรไปสั่งกับทางโรงแรมและแจ้งเวลากับเลขห้อง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วถึงได้ผ่อนลมหายใจคลายกังวล
"ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป" ผมพึมพำย้ำเตือนตัวเองอีกครั้งแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาจัดการอะไรบางอย่าง
พอทำนั่นทำนี่เสร็จก็รู้สึกว่างจัด พอว่างจัดไม่ได้ทำงานก็กระสับกระส่ายรู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ผมเลยเข้าไปอ่านข่าวหุ้นฆ่าเวลาจนกระทั่งควินซ์ออกมาจากห้องสปาในเวลาเที่ยงตรง
สีหน้าของควินซ์ดูผ่อนคลายเป็นอย่างมากและผิวพรรณคล้ายจะเปล่งปลั่งขาวเนียนขึ้นเนื่องจากได้รับการบำรุง ผมเอียงคอมองอย่างพิจารณาอย่างสนใจ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงทำสปาไม่ค่อยเห็นผู้ชายทำนักเลยสนใจเป็นพิเศษ
อืมมม บางทีผมต้องไปเฟ้นหาร้านสปาดีๆ ให้ควินซ์แล้ว
ของโรงแรมไอ้เก้าเรอะ ก็แค่สปาระดับห้าดาว
แต่ว่าที่เมียผม มันต้องสปาเจ็ดแปดดาวสิถึงจะคู่ควร!
"ยังอยู่อีก?" เสียงทักดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากห้วงความคิดแต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วเหมือนควินซ์จะอารมณ์ดีขึ้นจริงๆ ผมพยายามสะกดรอยยิ้มของตัวเองไว้และแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนปกติ
"วันก่อนมึงชวนกูมาลองนวดแผนไทยไม่ใช่เหรอ" ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเตือนความจำ "ก็รอนวดตัวช่วงบ่ายพร้อมมึง"
ควินซ์ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้จึงพยักหน้าเล็กน้อย "มึงนวดครั้งแรกก็อย่าลืมบอกหมอนวดให้เบามือด้วยล่ะ"
"มันเจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
"แล้วแต่คน อีกอย่างมึงไม่เคยนวด" ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วใช้นิ้วจิ้มๆ ไปตามต้นแขนกับไหล่คอของผมเบาๆ "แถมเส้นตึงขนาดนี้ก็น่าจะเจ็บอยู่"
เหลือบมองมือขาวๆ ที่จับตามตัวผมแล้วรู้สึกคันยุบยิบในอกขึ้นมาแต่ต้องนิ่งไว้ก่อนเพราะตอนนี้อารมณ์ของควินซ์ดีมาก เพราะงั้นผมไม่ควรทำอะไรบ้าบิ่นอีก
"มึงหิวยัง" เงยหน้าถาม
"นิดหน่อย" ควินซ์พยักหน้าแล้วเดินไปที่โทรศัพท์บ้านเพื่อต่อสายสั่งรูมเซอร์วิส "มึงจะกินอะไร"
ผมลุกขึ้นก่อน "ไม่ต้อง กูสั่งแล้ว" หมุนตัวเดินไปที่โต๊ะอาหาร "อ้อ สั่งมาให้มึงแล้วด้วย"
หลังจากพูดไปแบบนั้นแล้วก็แอบเหลือบมองดูปฏิกิริยาของควินซ์เล็กน้อยก็พบว่าอีกฝ่ายหันควับมามองผมคอแทบหักแถมยังทำหน้าแปลกใจมองมาอย่างไม่เชื่ออีก
"มึงสั่งแล้วเหรอ?" เลขาคนสนิทถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
"อื้อ มาดูสิ" ตอบเสียงเรียบแล้วกวักมือเรียกด้วยสีหน้านิ่งๆ
หน้านิ่งแต่ใจผมนี่ไปแล้ว...เต้นโครมครามเลย
ควินซ์วางหูโทรศัพท์ลงแล้วเดินมาหาผมด้วยใบหน้าขมวดคิ้วแล้วยิ่งเห็นอาหารกลางวันเต็มโต๊ะแล้วยิ่งไม่อยากเชื่อสายตา
"นี่เป็นบริการของลูกค้าวีไอพีรึเปล่า" ถามพลางนั่งลงตรงข้ามกับผม
"ไม่ใช่ กูเป็นคนสั่งเอง" พูดซ้ำเน้นย้ำอย่างใจเย็นไม่โกรธเคือง(เหรอ) "เขาว่าก่อนนอดให้กินอาหารเบาๆ"
กูบอกสั่งเองไง ก็คือกูสั่งเองปะ
เชื่อกันหน่อยสิวะ!
เห็นผมเป็นคนเชื่อถือไม่ได้เลยรึไง ฮึ่ย
คุณเพื่อนสนิทเอียงคอมองอาหารเพื่อสุขภาพบนโต๊ะสลับกับหน้าผมสองสามรอบแล้วเลือกที่จะหยิบน้ำทับทิมคั้นสดมาดื่มก่อนอึกหนึ่งแล้วจากนั้นก็จ้องแก้วน้ำผลไม้ในมือตาไม่กะพริบ
ส่วนผมก็เริ่มกินในส่วนของตัวเอง อาหารกลางวันของวันนี้จะเป็นสลัดผลไม้กับสลัดผัก
"นับหนึ่ง"
"หือ มึอะไร" ผมจิ้มแอปเปิ้ลมาชิ้นหนึ่งแล้วเงยหน้ามอง
ควินซ์เม้มปากไม่พูดเพียงมองหน้าผมและก็มองแก้วน้ำทับทิมด้วยแววตาสับสนนิดๆ ก่อนจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงบ่งบอกว่าหายโกรธผมไปกว่าครึ่งแล้ว
"ไม่มีอะไร กินต่อเถอะ"
ในตอนที่ควินซ์ก้มหน้าก้มตากินสลัดจึงมองไม่เห็นสายตาพราวระยับวิบวับของผม มุมปากของผมค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นอย่างดีอกดีใจ
ควินซ์ชอบกินน้ำทับทิมและต้องเป็นคั้นสดเท่านั้น
ตอนนี้ถือว่าผมกำลังเริ่มต้นด้วยดีใช่มั้ย?