ตอนที่ 412 ราชาภูต
กู่ฉิงซานเดินออกจากบาร์
และทันทีที่ประตูบาร์ปิดกระแทกตามหลังเขา
ตลอดทั้งบาร์ก็เปลี่ยนสภาพเป็นไพ่ใบใหญ่และค่อยๆ จางหายไป
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้นและพบว่าตนเองได้กลับมาอยู่บนดาดฟ้าของเรือใหญ่อีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันสิบเจ็ดไพ่ที่ลอยอยู่เบื้องหน้าทุกคนในที่นี้ก็หายไป
พร้อมกับสิบหกตัวตนสุดแกร่งจากแต่ละนรกที่เหลือลืมตาขึ้นด้วยกัน
“นี่มันบ้าอะไรนี่? กฎการแข่งขันง่ายๆ แค่นี้เหตุใดจึงต้องกล่าวอธิบายด้วยวิธีแปลกๆ เช่นนี้ด้วย”
“นั่นสิ”
“บางที มันอาจจะเกิดจากความผิดปกติของไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้กระมัง?”
พวกเขาบ่นเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ลอบหยิบอาวุธมาไว้ในมือตนอย่างลับๆ
ไพ่ได้ส่งข้อมูลและอธิบายถึงกฎการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งราชาภูตอย่างชัดเจน
ตกเรือจะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ ขณะที่หากตายจะถือว่าถูกกำจัดออกไป
คนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่บนเรือใหญ่จะเป็นผู้ชนะ
และคนผู้นั้นก็จะได้ครอบครองไม้เท้าแห่งการจองจำ!
ณ ขณะนี้ ทุกคนยังมีเวลาเหลืออีกสิบลมหายใจเพื่อเตรียมความพร้อม
สิบเจ็ดตัวตนสุดแกร่งทั้งหมดต่างหันไปมองรอบๆ และสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังพยายามรับรู้ถึงตนเองอยู่เช่นเดียวกัน
ยักษ์ มนุษย์ มนุษย์ปีศาจ จ้าวอสูร อาชูร่า สิ่งมีชีวิตจากยุคโกลาหล
แต่ละตัวตนอันหลากหลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็นรูปกายหรือเค้าโครงหน้า ทั้งหมดล้วนแตกต่างกันออกไป
เวลานี้ ในวิสัยทัศน์ของพวกเขาล้วนมืดบอด ท้องฟ้ามิสาดแสง ความมืดปกคลุมทุกสิ่งอย่าง
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทำได้เพียงรู้สึกถึงกันและกันเท่านั้น
แต่ไม่มีใครสามารถมองเห็นคนอื่นๆ ได้เลย
ฉะนั้นแล้วดูเหมือนว่าสิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ เหมือนกัน ทุกคนจึงคลายใจและปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป
เหนือหัวของคนตายทั้งหมด ไม้เท้าแห่งการจองจำยังคงลอยเด่นอยู่กลางเวหา เฝ้ารอคอยเจ้านายคนใหม่ของมัน
ตัวตนสุดแกร่งคนหนึ่งได้ถูกตัดสิทธิ์ออกไปก่อนแล้ว ฉะนั้นจึงเหลือคนตายอีกสิบเจ็ดคนที่จะต้องแย่งชิงตำแหน่งราชาภูตกัน
และราชาภูตก็จะได้ครอบครองไม้เท้าแห่งการจองจำ สามารถสั่งการนรกทั้งหมด!
เทพแห่งปรภพได้ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นราชาภูตจึงนับได้ว่าเป็นผู้ปกครองปรภพคนใหม่!
ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้และไม่มีใครผ่อนคลายลง
เหล่าตัวตนสุดแกร่งเริ่มเว้นระยะห่างจากกันและกัน
ผ่านไปชั่วขณะหนึ่งสิบเจ็ดคนตายก็สามารถมองเห็นกันและกันได้ในที่สุด
และไม้เท้าแห่งการจองจำก็ได้ส่งข้อมูลแนะนำออกไป
‘การต่อสู้ขั้นแตกหัก เริ่มต้นได้ ณ บัดนี้!’
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเริ่มกันได้สักทีสินะ” ตัวตนสุดแกร่งคนหนึ่งกล่าว
เขาหันไปมองผู้คุมนรกทั้งเจ็ดโดยไม่ปิดบังถึงเจตนาร้าย ปากเอ่ยกล่าวว่า “เก้าต่อเจ็ดเจ้าเข้าใจถึงความหมายของตัวเลขนี้หรือไม่?”
อีกหนึ่งสุดแกร่งหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ นั่นหมายความว่าพวกเราจะทุบตีพวกเจ้า! โค่นพวกเจ้าลงได้ง่ายๆ ราวกับเหยียบมดแมลงอย่างไรเล่า! ฉะนั้นจงกระโดดลงจากเรือไปเสีย! หากทำแบบนั้นมันคงจะช่วยลดความเจ็บปวดของพวกเจ้าลงไปได้นิดหน่อย”
“ไม่! อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ง่ายๆ สิ ช่วยกันสังหารพวกมันก่อน! แล้วจากนั้นค่อยมาคัดเลือกราชาจากในหมู่พวกเราอีกที!” มนุษย์ปีศาจหญิงกระตุ้นเตือน
เก้าตัวตนสุดแกร่งหัวเราะลั่น
ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้คุมนรกทั้งเจ็ดกำลังเกาะกลุ่มกัน กุมอาวุธในมือด้วยสีหน้าขึงขัง
กู่ฉิงซานก้าวถอยหลังกลับไป รวมตัวกับกลุ่มพวกเขา
“ผิดแล้ว ตอนนี้มันคือแปดต่อเก้าต่างหาก” อาชูร่าหญิงยืดอกขึ้นและกล่าว
มนุษย์ปีศาจหญิงสาดสายตาใส่กู่ฉิงซานกัดฟันกรอด “เจ้าหนู ข้าจดจำทุกคำที่เจ้าเอ่ยกับข้าก่อนหน้านี้ได้นะ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับคำกล่าวของข้าให้มันมากนักหรอก” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
“ทำไม? หรือว่าเจ้าเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว?” มนุษย์ปีศาจหญิงรู้สึกสนใจ
“เปล่า แต่เป็นเพราะเจ้ากำลังจะตายต่างหาก”
พริบตานั้นร่างของเธอก็หายวับไปจากกลุ่มเก้าตัวตนสุดแกร่ง และปรากฏกายขึ้นใจกลางผู้คุมนรกทั้งเจ็ด
“อะไรกัน”
มนุษย์ปีศาจหญิงตกอยู่ในความสับสน ทว่ายังมิทันได้เปล่งเสียงจนจบประโยค เหล่าผู้คุมทั้งเจ็ดก็เริ่มลงมือเสียก่อน!
อาวุธกว่าเจ็ดชนิดระเบิดอำนาจของพวกมันออกมาอย่างเต็มกำลัง! บ้างสับ จ้วง เสียบ สะบั้นเข้าใส่เป้าหมายอย่างไร้ความปรานี!
มนุษย์ปีศาจหญิงตกตายลงทันที
อาชูร่าหญิงที่เป็นผู้ลงมือตัดศีรษะเธอ กล่าวอย่างภาคภูมิว่า “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าจะฆ่าเจ้า!”
อีกด้านหนึ่ง
กู่ฉิงซานปรากฏตัวขึ้นแทนที่มนุษย์ปีศาจหญิงกลางดงตัวตนสุดแกร่งทั้งแปดตนที่เหลือ
ร่างเงาดาบสีดำระเบิดเบ่งบานออกไปรอบกายเขา
และในวินาทีต่อไป
กู่ฉิงซานก็สะบัดดาบในมือของเขา
พร้อมกับร่างเงาดาบทั้งหมดได้หายไป
เขาได้ยกเลิกกระบวนท่าดาบวาดเงา!
“เกิดอะไรขึ้นกระนั้นหรือ!?” ฉานนู่เร่งเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…จู่ๆ ข้าก็คิดขึ้นมาได้ว่าจะเล่นใหญ่ทำไม ในเมื่อปัญหาตรงหน้านี้มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย”
กู่ฉิงซานเอียงศีรษะกล่าว ขณะเดียวกันก็วางดาบขุนเขาเทวะหกโลกพาดลงบนไหล่ของเขา
ประสบการณ์การต่อสู้ตลอดทั้งชีวิตของกษัตริย์อาชูร่า ได้หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับทักษะการต่อสู้ทั้งหมดของเขา
ส่งผลให้วิสัยทัศน์และทักษะของเขาในวันนี้ เหนือล้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
“จงตายเสีย! เจ้าเด็กเหลือขอ!”
อีกแปดตัวตนสุดแกร่งเริ่มตอบสนองแล้ว
หลากการโจมตีดุร้าย รวดเร็ว และรุนแรง จู่โจมเข้ามาจากทุกทิศทาง บังเกิดสายลมเย็นสดชื่นกระพือว่อน
ขณะเดียวกัน หนึ่งดาบบนบ่าก็ถูกวาดออกไป
หลากภาพติดตาของคมดาบกะพริบไหว และวูบหายไป
เคร้ง!
บังเกิดเสียงกระทบของอาวุธดังขึ้น
แม้ว่าแรงกระทบจากอาวุธของแต่ละคนจะมิได้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ทว่าช่างน่าฉงนนัก ที่ตัวตนสุดแกร่งทั้งแปดกลับชักฝีเท้า ก้าวถอยกลับด้วยกันโดยพร้อมเพรียง
กู่ฉิงซานเกร็งร่าง โค้งกายเล็กน้อย ขณะที่ดาบยาวถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังเขา
“พอได้ลองใช้ดาบเล่มเดียวดู มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากสองดาบมาก”
เขาเอ่ยไม่ทันจบคำ ทั้งคนทั้งร่างก็วูบไหวหายวับไป
บังเกิดกระแสลมแรงกรรโชกขึ้นบนเรือใหญ่
ก่อนที่พวกมันจะกระจายหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงสายลมจางๆ ที่แฝงไว้ซึ่งไอเย็นทำให้รู้สึกสบายตัวเล็กน้อย
รู้ใช่ไหม ว่าหากต้องเผชิญหน้ากับสายลมแล้ว มันย่อมเป็นไปมิได้ที่จะหลบเลี่ยง!
ร่างของกู่ฉิงซานปรากฏขึ้นท่ามกลางสายลม
ดาบยาวสะบัดเหวี่ยงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะเจอปัญหาบางอย่าง ดูได้จากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
“หลังจากที่ใช้สองดาบมานาน จู่ๆ ก็เปลี่ยนกลับมาใช้ดาบเดียว ข้าก็เลยรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันนิดหน่อย”
เขากล่าว
ขณะเดียวกัน ฉานนู่ก็ตอบรับด้วยการแสดงออกที่ดูมีความสุข “แต่ข้ากลับไม่เห็นว่าเจ้าจะดูไม่คุ้นเคยกับมันเลยแม้แต่น้อย”
ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ รอบตัวพวกเขา
ฝีปากของแปดตัวตนสุดแกร่งยังคงเงียบ ทั้งเนื้อทั้งตัวแข็งค้าง
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา หัวของพวกมันทั้งหมดก็ค่อยๆ เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิม ร่วงหล่นจากลำตัว ตกกระทบลงกับพื้นดาดฟ้า กลิ้งหลุนๆ ไปมาสองสามตลบ
ตูม!
ตามด้วยเสียงของแปดร่างใหญ่ที่ล้มลง
บนดาดฟ้าเรือ ทั้งหมดค่อยๆ ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
แปดตัวตนสุดแกร่งได้ถูกสังหารลงโดยกู่ฉิงซาน และหวนกลับคืนสู่นรกของพวกตน
ในระหว่างหลากหลายยุคสมัย มีทั้งสิ้นสี่อารยธรรมที่เกิดขึ้น
ทว่าในแต่ละการปะทะกันระหว่างอารยธรรมทั้งสี่เหล่านั้น ไม่มีอารยธรรมใดเลย ที่เทียบเปรียบได้กับอารยธรรมแห่งการฝึกยุทธ!
ย้ำอีกครั้ง กู่ฉิงซานคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลาย
แม้แต่ในโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ พื้นฐานวรยุทธเช่นนี้ ก็ยังนับว่าคือตัวตนทรงพลังที่เป็นรองเพียงนักปราชญ์เท่านั้น!
นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้ดาบที่มีไว้ใช้สังหารและต่อสู้ มีประสบการณ์จากสองช่วงชีวิต เสริมเข้าไปอีกด้วยประสบการณ์ต่อสู้ตลอดทั้งชีวิตของกษัตริย์อาชูร่า
เขาเป็นนักดาบนิรันดร์ที่พิเศษไม่เหมือนใคร
มนุษย์ปีศาจ ยักษ์ มนุษย์ ตัวตนสุดแกร่งและสิ่งมีชีวิตจากยุคโกลาหล ทั้งหมดล้วนพ่ายแพ้! มิอาจยืนหยัดต้านทานคมดาบของเขาได้โดยสิ้นเชิง
แม้กระทั่งการดำรงอยู่อย่างจ้าวอสูร และอาชูร่าก็ยังต้องยำเกรงกับคมดาบนี้
ฉานนู่งงเล็กน้อย เอ่ยถามด้วยความสงสัย “กระบวนท่าดาบของเจ้าไม่มีปัญหาหรอก แต่ข้ามักจะรู้สึกว่าเหมือนกับเจ้ากำลังกระวนกระวาย เร่งร้อนอยู่เสมอ”
กู่ฉิงซานถอนหายใจ “กายมนุษย์ของข้ายังอยู่ในโลก บางทีอาจจะมีศัตรูบางส่วนบุกเข้าไปจัดการกับร่างมนุษย์ของข้าแล้วก็ได้”
“ฉะนั้นข้าจึงเร่งร้อน”
ขณะเขากำลังกล่าว ทันใดนั้นก็จำต้องหันไปมองอีกด้านหนึ่งอย่างฉับพลัน
เห็นแค่เพียงฝั่งตรงข้าม เจ็ดผู้คุมนรกต่างกำลังปรบมือให้เขาเพื่อแสดงความยินดี
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าตัวตนดั่งเช่นเจ้าจะปรากฏขึ้นในเผ่ามนุษย์” ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้า...ไม่มี...อะไร...จะพูด...ขอตัว...ลงจาก...เรือ...ก่อนละ” ยักษ์ใหญ่กล่าวอย่างช้าๆ
ตนแล้วตนเล่าเดินผ่านร่างของกู่ฉิงซานไป และพากันกระโดดลงจากดาดฟ้าเรือ
แต่พอมาถึงตาของอาชูร่าหญิง จู่ๆ ฝีเท้าของเธอก็หยุดชะงักลงข้างกายของกู่ฉิงซาน
“มีอะไรหรือ?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“น้ำทะเล...มันเย็นเกินไป” ชูร่าหญิงมองเขาและเอ่ยอย่างเงียบๆ
“แต่เจ้าเป็นอาชูร่านะ นี่เจ้ากลัวน้ำทะเลอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานหัวเราะ
ชูร่าหญิงค่อยๆ เผยอปากออกอย่างช้าๆ แลบลิ้นออกมา โลมเลียไปรอบริมฝีปากตนอย่างแผ่วเบา
“อันที่จริงแล้วข้าไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก แต่หากเจ้าจะให้ข้ายอมลงไป ก็ต้องแลกเปลี่ยนโดยการทำให้กายข้ารู้สึกอบอุ่นเสียก่อน”
เธอเอ่ยออกมาด้วยเสียงหวาน
“ต้องขออภัยจริงๆ พอดีว่าข้ามีคนรักอยู่แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
“จริงหรือ? ช่างน่าเสียดายจริงๆ เช่นนั้นเอาเป็นว่าพวกเราค่อยมาประลองกันอีกในภายหลังได้หรือไม่?”
“หากเป็นเรื่องนั้นย่อมไม่ปฏิเสธ”
ชูร่าหญิงพยักหน้า และเดินไปที่ขอบดาดฟ้าเรือด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะกระโจนลง
ขณะนี้บนเรือใหญ่ หลงเหลือแค่กู่ฉิงซานเพียงลำพัง
ไม้เท้าแห่งการจองจำลดระดับลงมา ลอยอยู่เบื้องหน้ากู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ
กู่ฉิงซานลังเลที่จะยื่นมือออกไป เขาเอ่ยถาม “เหตุใดมันจึงไม่พูด?”
ฉานนู่ชี้แจง “จิตอาร์ติแฟคของมันถูกสังหารลงโดยทวยเทพตั้งแต่ยุคโบราณ ดังนั้นมันจึงต้องปฏิบัติตามกฎที่ถูกกำหนดไว้โดยราชาภูต”
“เลือกเฟ้นหาราชาภูต เอ่ยคำประกาศิตสั่งการนรกทั้งสิบแปดขุม นี่แหละคือกฎของมัน”
ความตึงเครียดในจิตใจของกู่ฉิงซานค่อยคลายลง
เขาเอื้อมมือออกไปจับไม้เท้าแห่งการจองจำ
เห็นแค่เพียงบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เส้นแสงตัวอักษรเด้งเตือนออกมาทันใด
“คุณได้รับหนึ่งในสามสิ่งประดิษฐ์เทวะ ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต”
“คุณได้กลายเป็นเจ้าของไม้เท้าแห่งการจองจำ”
“คุณได้กลายเป็นราชาภูตผู้คุมนรก”
“นับตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไป คนตายทั้งหมดจากนรกทั้งสิบแปดขุม จักต้องก้มหัวด้วยความภักดีให้แก่คุณ!”
…………………………………………….