ตอนที่ 1130 อยู่เพียงลำพัง
กู่ฉิงซานยืนอยู่กับที่
จากมุมมองของคนอื่น เขารู้สึกประหลาดใจ
แต่ถ้าได้รับการยอมรับจากเศษเสี้ยวโลกจำนวนมากก็จะได้เห็นอีกฉาก
จุดแสงนับไม่ถ้วนหมุนวนและร่ายรำรอบกู่ฉิงซาน กลุ่มแสงสีขาวยังคงปรากฏขึ้นมาก่อนจมเข้าสู่ตรงหว่างคิ้วของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานรักษาสภาพไม่คิดอะไรขณะรับความรู้ของโลกผู้ฝึกยุทธ์แต่ละแห่ง
…ถ้ามันคือการถ่ายโอนความรู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ ปกติแล้วจะเป็นถ่ายทอดด้วยปากเปล่า แผ่นหยก การเสริมพลังและวิธีอื่น ๆ
ขณะโลกทำการถ่ายโอนความรู้มาให้ มันกลายเป็นความรู้ทั้งหมดที่พวกมันมองว่ามีประโยชน์ต่อ “การรู้แจ้ง” ก่อนกระจายเข้าสู่ทะเลแห่งความตระหนักรู้ของกู่ฉิงซาน
สิ่งที่เรียกว่า “การรู้แจ้ง” เหมือนกับการได้เห็นดอกไม้บานสะพรั่งแล้วสามารถเข้าใจความจริงทั้งหมดได้โดยไม่ต้องคิดไตร่ตรองแต่อย่างใด
เพราะกู่ฉิงซานคือผู้ใช้ดาบ ความรู้วิชาดาบที่ถูกส่งผ่านเศษเสี้ยวโลกผู้ฝึกยุทธ์แต่ละแห่งจึงมีจำนวนมาก
ยังมีห้าธาตุ วิชายุทธ์ วิชาลับ วัสดุศักดิ์สิทธิ์ สมบัติสวรรค์และปฐพี การทำนาย ยันต์ ค่ายกล อาหารวิญญาณ อุปกรณ์ขัดเกลา ยาอายุวัฒนะและความรู้ต่าง ๆ อีกมากมาย พวกมันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสอนกู่ฉิงซาน
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูปเต็ม
กู่ฉิงซานลืมตาขึ้น
“วิชาดาบ…”
เขากระซิบอย่างแผ่วเบา
ที่จริง ในบรรดาเศษเสี้ยวโลกทั้งหมด มีโลกผู้ฝึกยุทธ์บางแห่งที่เป็นโลกจริง ไม่ใช่โลกที่ถูกสร้างขึ้นในอากาศธาตุ ดังนั้นพวกมันจึงมีมรดกของลัทธิเต๋าครบถ้วน แถมขอบเขตการฝึกวิชาดาบยังลึกล้ำอีกด้วย
พูดตามตรง เส้นทางการฝึกฝนวิชาดาบนับว่ายากยิ่ง คนที่กลายเป็น “นักดาบนิรันดร์” หาตัวจับได้ยากนัก ยิ่งระดับ “หนึ่งดาบ” หรือการพัฒนาถึง “เทพดาบ” นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แม้กระทั่งในโลกผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้น คนแบบนี้ก็ไม่ได้มีมากมายเช่นกัน
บางทีอาจจะมีผู้ใช้ดาบที่มีพละกำลังสูงส่งและมีความสามารถลึกล้ำจนแทบจะไร้เทียมทานในโลก แต่ถ้าไม่พูดถึงระดับการฝึกฝนหรือพูดถึงแค่วิชาดาบ เกรงว่าพวกเขายังไม่มีใครไปถึงระดับเทพดาบเลยสักคน
เจตจำนงของโลกส่งผ่านการฝึกฝนของเทพดาบผู้แข็งแกร่งเพียงคนเดียวที่รู้แจ้งให้กับกู่ฉิงซานโดยตรง
ด้วยความเข้าใจวิชาดาบเหล่านี้ด้วยวิธีรู้แจ้ง กู่ฉิงซานพลันลืมตาขึ้นความคิดที่ไม่ได้คลี่คลายอีกมากมายได้รับการยืนยัน ปัญหามากมายที่ต้องทำความเข้าใจผ่านการฝึกฝนและต่อสู้ก็ได้รับการคลี่คลายเช่นกัน
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กผุดขึ้นมา
“ระดับวิชาดาบของท่านกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว”
“ในครั้งต่อไป ท่านสามารถเข้าหรือออกจากสภาพการรู้แจ้งได้ทุกเมื่อ”
“เมื่อท่านเข้าสู่สภาพการรู้แจ้ง ความรู้ที่ซ่อนอยู่ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของท่านจะกลายเป็นของท่านเอง”
“หมายเหตุ: หลังจากท่านปลุกความรู้วิชาดาบมากพอแล้ว ท่านจะสามารถคลาย ‘วิชาดาบสังหารศัตรู’ และฝึกฝนความลึกลับของวิชาดาบนั้นได้”
กู่ฉิงซานพลันเข้าใจ
วิชาดาบสังหารศัตรูคือวิชาดาบที่เซี่ยกูหงแลกจากมรดกของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ ภายหลังจึงถูกส่งต่อมาที่เขา
ตอนเขาออกจากยุคโบราณ ผู้สร้างปฐพีทิ้งหลายสิ่งในยุคนั้นไว้ให้ ส่งผลให้ไม่เจอปัญหายามกู่ฉิงซานเดินทางผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลา
วิชาดาบสังหารศัตรูถูกซ่อนอยู่ในเหรียญสีทองก่อนถูกกู่ฉิงซานนำกลับไป
ภายหลัง ภูตแห่งเวลาได้รวบรวมหมู่ดาวสีเงินเข้าไปในเหรียญสีทองเพื่อสร้างเหรียญปฐพีให้สมบูรณ์ วิชาดาบสังหารศัตรูถูกฝังไว้ในจิตใจของกู่ฉิงซานผ่านเหรียญ เมื่อวิชาดาบของเขาไปถึงระดับหนึ่ง เขาจะสามารถคลายวิชาดาบนี้เพื่อฝึกฝนเนื้อหาข้างต้นได้
นอกจากนี้ ด้วยการรู้แจ้ง กู่ฉิงซานยังได้พบสิ่งที่น่าสนใจอีกด้วย
…ปัญหาของโลกผู้ฝึกยุทธ์
เทียบกับโลกอื่นแล้ว ในโลกดังกล่าว ผู้ฝึกยุทธ์จะเผชิญกับภัยพิบัติบ่อยครั้ง ในการแบ่งระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับปราณปรับแต่งจนถึงจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี รวมทั้งสิ้นมียี่สิบเอ็ดระดับ
ไม่เพียงแค่ตัวผู้ฝึกยุทธ์จะรู้สึกปวดหัวเท่านั้น แต่โลกอื่นก็ยังรู้สึกปวดหัวเมื่อต้องรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้ สาเหตุเป็นเพราะปัญหาเรื่องระดับนี่แหละ
เพราะไม่ว่าจะการสื่อสารหรือการรับรู้ แต่ละโลกจะมีมาตรฐานและข้อกำหนด แต่ระดับของผู้ฝึกยุทธ์ละเอียดเกินไป ดังนั้นโลกที่มีการแบ่งพละกำลังอย่างหยาบ ๆ จึงรู้สึกปวดหัวไม่น้อย
เมื่อมีโลกมากเกินไป ไม่ว่าจะฝั่งเทคโนโลยี ฝั่งเวทมนตร์หรือฝั่งป่าเถื่อนที่บ่นเป็นเสียงเดียวกัน โลกผู้ฝึกยุทธ์จึงได้กลับมานั่งใคร่ครวญดูอีกครั้ง
ท้ายที่สุด หลังจากคุยกันแล้ว ทุกคนตัดสินใจได้ว่า…
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เพราะก่อนหน้าภัยพิบัตินภายามค่ำ ผู้ฝึกยุทธ์ถูกบังคับด้วยกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพี ต้องผ่านการคัดกรองอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อนับจากระดับนภายามค่ำ ทุกระดับจะมีกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีที่น่าทึ่งยิ่งกว่ามาเยือน
ยกตัวอย่างเช่น ราชาแห่งอิสรภาพมีผู้รับใช้สี่สิบแปดคน จ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีมีผู้ติดตามหนึ่งร้อยยี่สิบคน นักปราชญ์ดาราจักรสามารถหลอมรวมเมล็ดพันธุ์แห่งความว่างเปล่าเพื่อทำให้ต้นไม้สมบัติแห่งดาราปรากฏขึ้นมาได้
ระดับเหล่านี้คือตัวแทนความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธ์และยอดฝีมือ ไม่ว่ายอดฝีมือคนอื่นจะใช้หรือไม่ แต่ฝั่งผู้ฝึกยุทธ์จะไม่เปลี่ยนแปลง
กู่ฉิงซานหลุดพ้นจากสภาวะการรู้แจ้ง
เป็นเรื่องดีที่สามารถพัฒนาวิชาดาบได้ แต่ตอนนี้เขามีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ
“ทุกท่าน” เขากล่าวกับเศษเสี้ยวโลกแต่ละใบ “รู้หรือเปล่าว่าทำไมมังกรฟ้าถึงมาฆ่าผู้ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติทั้งหมดในโลกนี้”
เศษเสี้ยวโลกลอยขึ้นช้า ๆ ขณะกระซิบข้างหูเขาว่า “จิต…สังหาร…เดือด…พล่าน...”
กู่ฉิงซานเงีย
…เขาไม่เคยเห็นมังกรฟ้ามาก่อน ทำให้คิดไม่ออกว่าทำไมมังกรตัวนี้ถึงมาสังหารผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวข้ามภัยพิบัติ
ทว่า เขาเคยเรียกสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ที่ตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกมาสนับสนุนในยุคโบราณ เขาเคยเห็นร่างของมังกรเหลืองมาก่อน
พละกำลังของมังกรตัวนั้นใกล้เคียงกับระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์
เขาคิดว่าตอนเผ่าพันธุ์เทพสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นมา พวกเขาจะต้องไม่ยอมให้เผ่าพันธุ์ใดแข็งแกร่งไปกว่าตัวเองแน่ ๆ ดังนั้นพละกำลังของมังกรเหลืองจึงไม่มากพอจะเป็นตัวแทนของมังกรจริง ๆ
มังกรฟ้า…
เขาเคยเห็นมันมาก่อน ถึงแม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเรนี่โดล แต่มันทำให้รู้สึกถึงหายนะอันแรงกล้าอยู่ในใจของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานครุ่นคิดแล้วถามว่า “รู้จุดกำเนิดของมันหรือเปล่า”
เสียงกระซิบของโลกดังขึ้นอีกครั้ง
“ลมหายใจ…ของ…วิญญาณ…ชั่วร้าย”
กู่ฉิงซานเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“มันจะมาฆ่าข้านี่เอง”
เขาเงียบไปสักพัก
โลกวิญญาณชั่วร้ายหลอมรวมเศษเสี้ยววิญญาณชั่วร้ายไปแล้วเจ็ดสิบส่วน สิ่งมีชีวิตในโลกนั้นแข็งแกร่งมากจนเกินกว่าการรับรู้ของคนอื่นไปแล้ว
ข้ารับใช้ในตอนนั้นสวมหน้ากากต้องสาป มีวิชาร้ายกาจกับตะเกียบทองคำของฝั่งเหตุและผล
ข้ารับใช้คนนั้นกล้ามาชักชวนผู้ใช้ดาบในอาณาจักรนภายามค่ำโดยตรง
หากยึดตามนี้…
แล้วมังกรจากโลกวิญญาณชั่วร้ายจะร้ายกาจขนาดไหน
มันจะแข็งแกร่งเพียงใด
กู่ฉิงซานครุ่นคิด ไม่พูดอะไรอยู่นานสองนาน
เซี่ยเต้าหลิงอยู่ระหว่างการก้าวข้ามภัยพิบัติ
ภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีนับว่าอันตรายมาก ไม่มีใครเคยก้าวข้ามภัยพิบัติสำเร็จในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ถึงแม้พละกำลังของเซี่ยเต้าหลิงจะเอามาเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาในระดับเดียวกันไม่ได้
ทว่า ตอนนี้มันไม่ใช่แค่ปัญหาจากภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีเพียงอย่างเดียว
ยังมีมังกรฟ้าด้วย
แม้กระทั่งอาจารย์ก็ไม่สามารถตรวจจับมังกรฟ้าที่ลอบเข้ามาได้
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ถึงแม้เสาหลักแห่งสวรรค์จะพังไปแล้ว แต่ยังไงเสีย การปีนมันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยา
สิ่งที่ยากจริง ๆ หลังจากขึ้นไปถึงเขาเซียวหมีแล้วต่างหาก
แต่แม้จะไปถึงเขาเซียวหมี ถ้ายังอยู่ที่นั่น มังกรฟ้าจะต้องตามมาจากเสาหลักแห่งสวรรค์ได้อย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น อาจารย์ไม่เพียงต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีเท่านั้น แต่ยังมีมังกรฟ้าอีกด้วย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หากเขาตกอยู่ในอันตราย อาจารย์จะทิ้งเขาลงได้อย่างไร
กู่ฉิงซานหงุดหงิดเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าวันที่เขาทำให้อาจารย์ตกที่นั่งลำบากจะมาถึง…
เขาตบถุงเก็บของก่อนหยิบของทั้งหมดออกมา
ของทั้งหมดจากฝั่งเทคโนโลยี เหรียญในพื้นที่จ้าวโลก ชิ้นส่วนไพ่นับไม่ถ้วน ของทุกอย่างที่ใช้ในฝั่งฝึกยุทธ์ แม้กระทั่งของที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ล้วนถูกโยนออกไปในอากาศธาตุ
ทันทีที่สิ่งเหล่านี้หลุดออกจากมือของเขา พวกมันค่อย ๆ หายไป
เสียงขอบคุณจากเศษเสี้ยวโลกดังมาจากความว่างเปล่า
“ขอบ…คุณ…”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ด้วยความยินดี ข้ามีบางอย่างจะรบกวนพวกเจ้า แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถทำได้หรือเปล่า”
“เรื่อง…อะ…ไร” เศษเสี้ยวโลกถาม
“ง่ายมาก แค่เรื่องเล็กน้อย” กู่ฉิงซานหัวเราะ
อีกด้าน
เซี่ยเต้าลิงกำลังหลับตาทำสมาธิอยู่ในโถง
“น่าแปลก ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยนะ” นางลืมตาขึ้นขณะพึมพำด้วยความสงสัย
ครืนนน…
ปฐพีเริ่มสั่นไหว
เซี่ยเต้าหลิงหยิบเหรียญทองแดงเพื่อกำลังจะเริ่มทำนาย สายตาของนางเห็นกู่ฉิงซานมาจากข้างนอก
“อาจารย์ ข้ามีบางอย่างจะรายงาน” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เพราะสัมผัสวิญญาณถูกขัด เซี่ยเต้าหลิงจึงวางเหรียญทองแดงไว้ในมือก่อนถามว่า “มีเรื่องอะไร”
“มีปัญหาเกิดขึ้นในโลกนี้” กู่ฉิงซานตอบ
ทันทีที่สิ้นเสียง ราตรีด้านนอกพลันกลายเป็นกลางวัน
…ความจริง มันไม่ใช่กลางวัน แต่โลกมายาจำนวนมากที่อยู่นอกเมืองล้วนกำลังปลดปล่อยแสงอันแรงกล้าออกมา
พวกมันกำลังหดและขยายอย่างรุนแรงจนดูเหมือนกับอยู่ในสภาพเกินขีดจำกัดจนเหมือนจะระเบิดได้ในวินาทีต่อมา
เซี่ยเต้าหลิงถามด้วยความประหลาดใจว่า “เกิดอะไรขึ้น ว่ากันว่าไม่มีปัญหาในโลกเทียนจูนี่”
กู่ฉิงซานดูกังวลขณะตอบว่า “โลกใบนี้อาจจะถูกทำลายก็ได้ อาจารย์ รีบก้าวข้ามภัยพิบัติตอนนี้ดีกว่า!”
เซี่ยเต้าหลิงโยนเหรียญทองแดงในมือออกไป
กรุ้ง ๆ กริ้ง ๆ !
เหรียญทองแดงกระจายไปตามพื้น
“น้ำข่มไม้อย่างรุนแรง ไม่อาจไปถึงฝั่งฝัน” เซี่ยเต้าหลิงพึมพำ
นี่คือการทำนายที่เลวร้ายที่สุด!
นางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้สึกเหมือนกันว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลง แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
ตูม!
ปฐพีสั่นไหวรุนแรงมากขึ้น
“อาจารย์ ไปที่เสาหลักแห่งสวรรค์ก่อนแล้วออกจากโลกนี้ ท่านจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เกิดในโลกนี้” กู่ฉิงซานกล่าว
เซี่ยเต้าหลิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เอาเถอะ ไปก้าวข้ามภัยพิบัติเลยก็ได้”
กู่ฉิงซานส่งแผ่นหยกให้
“ข้างในคืออะไร” เซี่ยเต้าหลิงถามด้วยความสงสัย
“ศิษย์ได้ออกไปผจญภัยมามากมาย ล้วนได้รับวิชาฝึกยุทธ์ในโลกต่าง ๆ มา พวกมันทั้งหมดอยู่ในนี้” กู่ฉิงซานตอบ
เซี่ยเต้าหลิงมองดู จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย
นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกมันล้วนเป็นของดี ดีกว่าที่ข้าเคยได้มาอีก ไม่เพียงเป็นประโยชน์กับข้าเท่านั้น แต่ยังสามารถนำกลับไปในฐานะมรดกโลกได้”
กู่ฉิงซานยิ้มเช่นกั
“อาจารย์ ค่าแลกเปลี่ยนในการได้วิชาเต๋าเหล่านี้มา ข้าต้องหยุดภัยพิบัตินี้แล้วกลับไปที่ที่เคยมาเพื่อทำบางอย่าง”
เซี่ยเต้าหลิงมองเขา
กู่ฉิงซานอธิบายว่า “วิชาเต๋าเหล่านี้มาจากเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของโลกมากมาย ข้าต้องทำบางอย่างเพื่อพวกมัน จากนั้นถึงค่อยไปก้าวข้ามภัยพิบัติ เพราะอย่างนั้นพวกมันถึงช่วยข้า”
“เจตจำนงของโลกหรือ” เซี่ยเต้าหลิงทวนซ้ำ
กู่ฉิงซานชี้ไปที่ตาข้างซ้ายของตัวเอง
เซี่ยเต้าหลิงยื่นมือออกไปลูบมันเบา ๆ
“น่าทึ่งจริง ๆ เจ้ามีโอกาสอันยอดเยี่ยมในการติดต่อกับโลก แถมมีโลกอยู่ในดวงตาของเจ้าด้วย หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองก็คงไม่เชื่อหรอก” เซี่ยเต้าหลิงอุทาน
ถึงแม้มันจะเหลือเชื่อ แต่เซี่ยเต้าหลิงก็เชื่อ
“ใช่” กู่ฉิงซานพยักหน้า “นี่คือโอกาสอันยอดเยี่ยมของข้า ดังนั้นจึงไม่สามารถติดตามอาจารย์ผ่านการก้าวข้ามภัยพิบัติในครั้งนี้ได้”
เซี่ยเต้าหลิงกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เจ้ามีโอกาสแบบนี้ในชั่วชีวิตไม่มากนัก ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ”
เต่าวิญญาณพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าขณะเหลือบมองกู่ฉิงซาน
มันกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เหอะ เจ้าหนู ถ้าเจ้ามีโอกาสก็จะไม่สนใจอาจารย์เลยสินะ เจ้าต้องรู้ด้วยว่าไม่มีใครก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีมานานแล้ว…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” เซี่ยเต้าหลิงขัด “โอกาสของฉิงซานเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยาก มันย่อมสำคัญกว่าการก้าวข้ามภัยพิบัติของข้า”
นางกล่าวด้วยความกังวลว่า “ถ้างั้นอาจารย์จะปีนเสาหลักแห่งสวรรค์ ส่วนเจ้าก็รีบออกจากโลกเทียนจูให้เร็วที่สุด… การทำนายบอกว่าโลกเกินกว่าจะรับไหวแล้ว”
กู่ฉิงซานมองนางแล้วกระซิบว่า “อาจารย์ ศิษย์ไม่สามารถคุ้มกันท่านได้ ในใจจึงรู้สึกปั่นป่วนไปหมด ข้าเพียงคิดแค่ว่าอาจารย์จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง ข้าขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งถึงยอดเขาเซียวหมี”
“อย่าห่วงไปเลย ข้าไปล่ะ”
หลังจากเซี่ยเต้าหลิงกล่าวจบ ร่างของนางวูบไหวก่อนหายไปจากโถงหลัก
ก่อนเต่าวิญญาณจะไป มันยังอดส่งสายตาไม่พอใจมาที่กู่ฉิงซาน
หลังจากนั้น เสียงคำรามราวนกอมตะดังขึ้นจากท้องนภาด้านนอกขณะมุ่งสู่สวรรค์
…เซี่ยเต้าหลิงกำลังอัญเชิญทุกคนที่พร้อมจะก้าวข้ามภัยพิบัติมา
ผ่านไปหลายอึดใจ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดรวมตัวในท้องฟ้ายามค่ำ
ภายใต้การนำของเซี่ยเต้าหลิง พวกเขามุ่งขึ้นสู่เสาหลักแห่งสวรรค์
การก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมีได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!
ผ่านไปสักพัก
ผู้ฝึกยุทธ์ล้วนหายไปจากโลกนี้
ทั่วโลกเทียนจู เหลือเพียงกู่ฉิงซานคนเดียว
เขายืนนิ่งอยู่ในโถง
..............................