webnovel

เริ่มเปลี่ยน

หลังจากที่สมัครเรียนไปเรียบร้อยแล้ว ทางโรงเรียนได้นัดวันสอบคัดเลือกห้องเรียน และจะประกาศผลในวันปฐมนิเทศ ซึ่งวันปฐมนิเทศที่ทางโรงเรียนนัดคือวันก่อนจะเปิดภาคเรียนเพียงหนึ่งสัปดาห์ คือวันที่ 10 เดือนพฤษภาคมและปฐมนิเทศกัน 5 วัน ( อะไรจะขนาดนั้น ) โชยังคิดว่าไม่เข้าใจอาจารย์เล้ยยยย!!

จริงๆ ว่าทำม๊ายยย.. ทำไมต้องปฐมนิเทศกันขนาดนั้น

' 5 วันเนี้ยนะ!! วันเดียวก็พอมั้ง จะอะไรกันนักกันหนา ' เขาคิดในแบบผู้ใหญ่ที่ลืมตัวตนไปชั่วขณะ ว่าในตอนนั้น.. เมื่อครั้งนั้น ( 20 ปีที่แล้ว ) เขาได้ตื่นเต้นขนาดไหน ถึงขั้นกับนอนไม่หลับกลัวตื่นสายกันเลยทีเดียว ( ก็ตอนนั้นฉันเป็นเด็กอยู่นี่ ) โชแอบเถียงกับตัวเองในใจ แต่อย่างไรก็ตามเถอะเขาจะต้องไปปฐมนิเทศในครั้งนี้อย่างแน่นอน

...

พอเสร็จธุระจากที่โรงเรียนยายกับโชก็ตรงเข้าบ้านเลย โชเปลี่ยนเสื้อผ้านักเรียนเป็นชุดที่สวมใส่สบายๆแทน เขามองดูเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นของเขา

" ยายครับ.. ผงซักฟอกของยายเก็บไว้ตรงไหนครับ ผมจะซักผ้าหน่อยครับ "

" อยู่ในกระปุกพลาสติกสีขาวที่ฝามันสีน้ำเงินน่ะนะ วางไว้ข้างๆขวดน้ำยาล้างจานตรงชั้นที่คว่ำจานชามน่ะลูก "

" ครับ.. ผมเห็นแล้วครับยาย "

โชเดินมาหยิบเสื้อผ้าที่กองไว้ที่พื้นของเขาไปพร้อมทั้งยกตะกร้าผ้าของยายติดมือมาด้วย ยายเห็นดังนั้นก็ร้องถามออกไป

" จะเอาตะกร้าผ้าของยายไปไหน ? "

" ผมจะเอาไปซักให้ครับ ไหนๆก็ต้องซักผ้าของผมอยู่แล้ว.. "

" ไม่ต้องหรอกโช ซักของหลานไปเถอะลูก ของยายเดี๋ยวยายจะซักเอง ขอบใจหลานมากนะ "

" ไม่เป็นไรครับยาย เดี๋ยวผมจะแยกซักให้ครับ รับรองเสื้อผ้าสะอาดเอี่ยมจนยายตะลึงเลยคร้าบบ.. "

" ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจหลานเถอะนะ ดีเหมือนกัน.. ยายจะได้นอนพักเสียหน่อย "

เสร็จจากงานซักผ้าเล็กๆน้อยๆ โชก็ยังรู้สึกอยากจะทำอะไรต่อ

' ทำไม๊.. ทำไม.. ตัวเราถึงได้ว่างงานขนาดนี้นะเนี่ย!! ขนาดต้องทำงานบ้านโง่ๆก็แล้ว แต่ก็ยังเสือกเสร็จเร็วเข้าไปอีก ไม่มีอะไรให้ทำเพิ่มอีกเลยรึยังไงกันนะ คงต้องหางานเพิ่ม หางานเพิ่มก่อนที่ตัวฉ๊าน!! จะสติแตก!! " โชเริ่มหงุดหงิดในตัวของเขาเอง แต่นั่นก็เพียงเล็กน้อย.. ใช่สิ!! เพราะตัวของเขาเองนั้นคือคนที่ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ และเคยทำงานทุกวันเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวแบบไม่ได้หยุดได้หย่อน แต่พอมาอาศัยอยู่ในร่างเด็กที่ยังไม่ทันจะโตเท่าไรนัก แถมยังต้องมาคอยการตัดสินใจของผู้ปกครองของตนนั้น ในบางครั้งก็อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกหงุดหงิด อึดอัด และรำคาญ ( ไอ้ตรงที่ไม่ได้ดั่งใจนั่นแหละ ) เขาจะทำอย่างไรต่อไปนะ ? ก่อนที่โชจะนึกออก เขาก็ได้ออกเดินไปที่ร้านขายของชำของป้าเพ็ญ ที่หน้าประตูร้านค้า เขาเห็นลุงพุธกำลังตอกตะปูเพื่อทำอะไรสักอย่างที่หน้าร้านขายของ

" ทำอะไรอยู่หรือครับลุง ? ให้ผมช่วยไหมครับ "

ลุงพุธเงยหน้าขึ้นมามองโชนิดนึงแล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ

" งั้น มาช่วยจับนี่หน่อย "

โชรีบเข้าไปช่วยลุงจับไม้ และหยิบของส่งของที่ลุงสั่งอย่างคล่องแคล่ว งานที่ลุงพุธทำมันคือโต๊ะไม้แบบง่ายๆลุงพุธทำให้ป้าเพ็ญเอาไว้ใช้ เพื่อที่จะเอาไว้วางของ และสินค้าต่าง ๆ ภายในร้าน โชช่วยลุงของเขา ทำให้งานเสร็จเร็วและเบาแรง ลุงพุธมองหน้าโชก่อนจะถามอะไร

" ไปสมัครเรียนมาแล้วใช่ไหม ? "

" ครับ ยายพาไปสมัครมาเมื่อเช้าครับ "

" ดีแล้ว.. แล้วเปิดเทอมเมื่อไหร่ล่ะ ? "

" วันที่ 16 พฤษภาคมครับ แต่มีปฐมนิเทศในวันที่ 10 - 14 นี้ครับ "

" อืม.. วันนี้วันที่ 20 …. เอ็งก็มีเวลาว่างตั้ง 20 กว่าวัน กว่าจะถึงวันเปิดเทอม อ่อ.. ต้องนับวันไปปฐมอะไรนะ "

" ปฐมนิเทศครับ "

" เออ.. นั่นล่ะ เอ็งยังอยากจะไปช่วยงานลุงอยู่อีกไหม ? แน่นอนลุงจะให้ค่าขนมแก่เอ็งบ้าง แต่คงไม่เยอะหรอกนะ ว่าไงสนใจรึเปล่าล่ะ "

" ครับ ผมสนใจครับลุง "

...

ช่วงเวลา 20 วัน โชจึงไปช่วยลุงทำงาน ถึงร่างกายของเขาจะยังเป็นเด็ก แต่สมองของเขานั้นคือผู้ใหญ่เต็มตัว เขาทำงานคล่องแคล่วว่องไวเกินเด็ก ไม่เคยบ่นให้ได้ยิน จนบางครั้งลุงของเขาเอง ก็ยังทึ่งในความสามารถของเค้า ว่าทำไมเด็กตัวแค่เนี้ยถึงทำงานของผู้ใหญ่ออกมาได้ดีเกินคาด โดยที่ลุงของเขาไม่ได้สอนไม่ได้บอกแต่อย่างใด บางครั้งแค่ยกมือขึ้นกะจะชี้ไปที่สิ่งของที่เค้าต้องการจะใช้ แต่โชก็ลุกขึ้นไปหยิบฉวยเครื่องมือมาได้อย่างถูกต้อง และปฎิบัติงานได้อย่างเรียบร้อย จนลุงอ้าปากค้าง ทำตาปริบๆไปเลยก็มี

" โช.. ตอนอยู่ที่บ้านนอกเอ็งเคยทำงานไม้ด้วยหรอ "

" ไม่เคยครับ "

โชไม่ได้โกหกนะ เพราะว่าตอนที่อยู่บ้านนอกนั้นเค้าไม่เคยได้ทำงานไม้จริงๆนั่นแหละ แต่ที่เค้าทำงานไม้ได้ และทำงานไม้เป็นก็เพราะลุงพุธของเขานั่นแหละที่เป็นคนสอนเขามากับมือ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งในตอนนั้นเค้าเกลียดมาก!! ลุงชอบใช้งานเขาบ่อยๆ บางทีก็ให้หยุดเรียนไปทำงานแทน เพราะลุงหาคนงานราคาถูกๆไม่เจอ จนในที่สุดลุงก็ได้บอกให้เค้าเลิกเรียนหนังสือ โชในตอนนั้น ( เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ) ซึ่งยังเป็นเด็กพอได้ยินคำว่าให้หยุดเรียนก็ดีใจ ด้วยความขี้เกียจเรียนของเด็กชายในวันนั้น ก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือ และมีผลพวงมาถึงอนาคตของเขาในปัจจุบัน…

' เพราะฉนั้น ฉันจะไม่ยอมให้ลุงทำกับฉันแบบนั้นอีกเด็ดขาด '

...

...และแล้วเวลาก็ผ่านไป... โชได้ไปช่วยลุงของเขาทำงานจนครบ 20 วันตามที่ได้ตกลงกับลุงของเขาไว้ ลุงได้ให้เงิน ( ที่ลุงบอกว่าเป็นค่าขนม ) กับโช 1,000 บาท ถ้าคิดเป็นค่าแรงก็ตกวันละ 50 บาทพอดิบพอดี โชมองดูเงินที่อยู่ในมือของเขามันมีธนบัตรฉบับละ 500 บาทอยู่สองใบ เขากำเงินค่าแรง ( ที่ลุงบอกว่าเป็นค่าขนม ) แน่น…

' พันนึง!!.. ลุงเรานี่เอาเปรียบแรงงานเด็กจังเลยนะ.. เราทำงานตั้ง 20 วันเลยนะนี่!!.. แต่ก็เอาเถอะ ตามความเป็นจริง เรา ( ซึ่งเป็นเด็กในปกครอง ) อาศัยอยู่กับเค้า กินอยู่ที่บ้านของเค้าอีก และอีกหน่อยก็ยังต้องพึ่งพาลุงเค้าอีก ก็จะยอมหยวนๆให้กับคุณลุงผู้เมตตา.. ก็แล้วกัน '

" ขอบคุณครับลุง " โชยกมือไหว้ลุงพุธ

" เออๆ เงินของเอ็ง ใช้ดีๆล่ะ "

โชเดินเข้าห้องมาหายาย เขายื่นเงินให้ยาย

" ยายครับ นี่เงินที่ผมไปช่วยลุงทำงานครับ ผมให้ยายเอาไว้ใช้จ่าย 500 บาทนะครับ ส่วนอีก 500 นั้นผมฝากให้ยายช่วยเก็บให้ผมด้วยครับ "

" เอ่อ.. ขอบใจนะจ๊ะ หลานเป็นเด็กดีจริงๆเลย ยายจะเก็บเงินที่หลานฝากไว้อย่างดีเลยนะ ส่วนที่ให้ยาย.. ยายจะใช้อย่างดีเลยจ่ะ "

โชรู้ว่ายายของเขาจะใช้เงินอย่างดีแน่นอน เขาจึงฝากเงินของเขาไว้กับยาย ยายของโชไม่เล่นการพนันใดๆเลย หวย หุ้น หรือสิ่งผิดกฎหมายใดใด ยายรักสันโดษ สมถะ แกเลี้ยงลูกของแกมาสามคนได้อย่างดี ตามที่กำลังของแกจะมีเพราะตาของโชนั้น ตายไปเป็นสิบๆปีแล้ว อันที่จริงแล้วยายรักลุงซึ่งเป็นลูกชายคนโตเพียงคนเดียวของแกมาก ยายตามใจลุงมาตั้งแต่เด็กๆล่ะมั้ง ? ลุงก็เลยเป็นคนค่อนข้างเอาแต่ใจ และก็ขี้งอล ช่างประชดประชันบ่อยๆ เมื่อตอนสมัย 20 ปีที่แล้วโชเค้าไม่รู้จักนิสัยของลุงพุธเท่าไหร่ เขาจะรู้สึกน้อยใจในคำพูดของลุงอยู่เสมอ ลุงจะชอบว่าแดกดันและยายจะเข้าข้างลุง จนทำให้โช ( เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ) ต้องแอบไปร้องให้ต่อโชคชะตาของตนเสมอ ว่า… แม้แต่คนในครอบครัวก็ไม่รักไม่สนใจ แต่ในตอนนั้นก็ยังดี ที่มีน้าศุกร์คอยปลอบบ้าง ให้กำลังใจให้เขาได้ฮึดสู้ต่อไป

" อย่าให้ใครต่อใครเขามาดูถูกเราสิ เราต้องทำให้คำดูถูกพวกนั้นเป็น ' การดูผิด ' ของพวกเขา "

คำพูดของน้าศุกร์ช่วยทำให้เขาในตอนนั้น มีกำลังใจสู้ต่อไป เขาในตอนนั้นก็แค่ต้องการความรักและความอบอุ่นจากคนในครอบครัวเท่านั้นเอง ซึ่งความคิดของโชในวัยเด็ก เขาจะมองเห็นแต่เพียงด้านเดียวเท่านั้นคือเขาไม่ได้รับความรักและความอบอุ่นใดใด แต่โชในตอนนี้ซึ่งเคยเติบโตมาอย่างความคิดในแบบนั้น ในเวลานี้กลับคิดกันไปในอีกทาง คงจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและพอที่จะมองคนออก จึงมองเห็นอีกด้านที่แตกต่างไป

' เราไม่ได้ขาดความรักความอบอุ่นหรอก.. ดูสิ!! ในตอนนี้ยายรักเรามากจะตายไป!! และอีกหน่อยทุกๆคนก็จะรักเรามากขึ้น.. มากขึ้น และในตอนนั้น เราเองต่างหากที่ไม่ดี ไม่รักตัวเอง ดื้อไม่ยอมเรียนหนังสือ หนีแม่มา ทำให้แม่เสียใจทำให้ยายเดือดร้อน ทำให้ทุกๆคนลำบาก ทุกๆคนเขาก็มีภาระต้องรับผิดชอบกันทั้งนั้น.. จะให้ใครต่อใครเค้ามาดูแลและสนใจเด็กไม่เอาดี!! ได้ยังไงกัน ? แต่ต่อไปนี้เราจะเอาดีให้จงได้เลย!! คอยดู!! ' โชปฎิญาณตนในใจ สายตาที่มุ่งมั่นและพร้อมต่อสู้กับปัญหาที่กำลังจะตามมา เขาเข้มแข็งขึ้น เขาแกร่งขึ้น..

...

" ตื่นเร็วลูก วันนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ "

" ครับ.. "

โชสลึมสลือตอบยายไป แล้วลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน

" วันนี้ไปปฐมนิเทศที่โรงเรียนครับ " พูดเสร็จเขาก็ยกกับข้าวที่ยายจะไปใส่บาตรพระออกมารอยายที่หน้าบ้าน

" นั่นแหละ ยังไงๆเราก็ควรไปให้ตรงเวลา "

" ครับยาย "

โชไปใส่บาตรกับยายเสร็จแล้ว ยายก็แวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งให้กับหลาน และให้เงินไปโรงเรียนอีก 20 บาท บอกให้โชเอาไปนั่งกินที่โรงเรียนจะได้ไม่หิว โชขอตัวไปโรงเรียน เขายกมือไหว้สวัสดียายก่อนที่ยายจะกลับเข้าบ้าน ยายโบกไม้โบกมือให้หลานชาย เขาดูยายของเขาแล้วยิ้มให้….

...

' ดูสิ.. ยายของฉันรักและดูแลฉันดีจะตายไป กลัวหลานจะหิว กลัวหลานจะอด ไอ้บ้าโชในตอนเด็กเอ้ยยย.. แกมันโง่สมควรแล้วที่เป็นอย่างนั้น แต่ฉันไม่มีทางเป็นเหมือนแกหรอก ฮ่าๆๆๆ ' โชลืมตัวหัวเราะออกมาเสียงดัง โดยไม่ได้มองรอบตัวเลยสักนิด

" เฮ้ย!!.. บ้ารึเปล่าวะ!! "

" อยู่ดีดี ก็หัวเราะคนเดียว "

โชหันไปตามเสียงนั่น เห็นเด็กนักเรียนชายกับเด็กนักเรียนหญิง 2 คนเดินมาด้วยกัน

' นั่นมัน!!.. แฝดนรกนี่นา.. ทำไมมาเจอพวกนี้ก่อนล่ะ ที่จริงฉันต้องเจออาจารย์ฝ่ายปกครองที่ยายฝากฝังไว้ก่อนนี่ หรือว่าฉันจำอดีตผิดไป '

" ฉันไม่ได้บ้าสักหน่อยแค่หัวเราะเฉยๆ แต่พวกนายมาเห็นเข้าพอดี ก็แค่นั้นเอง "

" เออนั่นแหละ!! หัวเราะคนเดียวเขาก็เรียกว่าบ้าแล้ว ใช่ใหมน้องกุ้ง "

" จริงจ่ะพี่ไก่ เราไปกันเถอะ แม่ยิ่งบอกไม่ให้คบกับคนแปลกๆอยู่ด้วย "

" ฮึ ฮึ " โชหัวเราะในลำคอ และเดินจากไปก่อนที่พวกแฝดนรกจะพูดต่อ สองพี่น้องหันมองหน้ากัน ก่อนจะสะบัดก้นไป

โชหาเก้าอี้ม้านั่งว่างๆเพื่อจะนั่งกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง เขากำลังคิด

' ใช่สิตอนนั้น.. เราตื่นเต้นมากนี่นา คิดว่าโรงเรียนใหญ่โตมากเลยเดินรอบๆจนไปพบอาจารย์ ( หมายถึงอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ยายรู้จัก ) และอาจารย์ก็พาไปเข้าแถว แต่ตอนนี้เหมือนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยแฮะ!! หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเราเปลี่ยนอดีตของเราไปบางอย่าง ผลเลยตามมาทำให้อนาคตเปลี่ยนไปด้วย และดูเร็วกว่าเดิม อันที่จริงไอ้พวกแฝดนรกกว่าเราจะได้เจอและพูดคุย ก็ต้องเป็นวันเปิดเทอมวันแรกสิและต้องเป็นตอนพักเที่ยงด้วยสินะถ้าจำไม่ผิด อย่างนี้เราก็มีโอกาสทำเรื่องดีๆให้กับชีวิตของเราแล้วสิ '

โชนั่งรับประทานอาหารจนเสร็จ ได้ยินเสียงประกาศให้ไปเข้าแถวที่หน้าเสาธง นักเรียนชั้น ม. 1 ทุกคนเริ่มทยอยเดินมาเข้าแถวโดยที่ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ห้องไหน เสร็จจากเคารพธงชาติแล้ว คุณครูก็ให้นักเรียนทุกคนเดินเข้าห้องประชุมและนั่งเป็นแถวตอนหน้ากระดาน และอาจารย์ก็เริ่มประกาศรายชื่อ ว่าใครอยู่ห้องอะไร โช ดำ และแฝดนรกอยู่ห้องหนึ่งห้องเดียวกัน ซึ่งตัวเขาเองรู้อยู่แล้ว แต่ในตอนนั้น ( 20 ปีที่แล้ว ) พวกเด็กแฝดแทบจะไม่มองหน้าใครๆในห้องเลย พวกเขาสองคนจะคุยกันเองแค่สองคน ( ประมาณว่าหยิ่งไม่สนใครน่ะ ) และโชกับดำนั้นสนิทกันมาก และดีใจมากที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน สาเหตุที่โชในตอนนั้นสนิทกับดำมาก ก็เพราะตอนที่โชได้หนีจากบ้านมาหายายในอดีตนั้น เขาได้เจอกับดำก่อนในสภาพเสื้อผ้าชุดเดียวที่เปื้อนๆดำมอซอ และได้พูดคุยแถมในตอนนั้นเขายังช่วยดำขายน้ำไปด้วย จนแม่ของดำสงสัยว่าเด็กโชเป็นใคร ? ก็เลยถามไถ่จนรู้ความ แม่ของดำบอกจะพาโชไปหายายให้ด้วยความสงสารเด็ก โชจึงเอาซองจดหมายที่แม่และยายเคยเขียนตอบกัน มันมีบ้านเลขที่และที่อยู่ของยาย เอาไปให้แม่ของดำดู และเธอก็อาสาจะพาโชไปพบยายที่บ้าน ด้วยว่าบ้านของยายไม่ไกลจากสนามหลวงมากนัก แม่ของดำเป็นคนใจดีจึงถือได้ว่าเป็นโชคดีของโชด้วย เลยทำให้เด็กสองคนนี้สนิทกันมากขึ้น แต่ตอนนี้.. ความสนิทนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่เขาก็ได้ทำความรู้จักกับดำแล้ว และเขาจะทำให้เกิดความสนิทต่อไปกับเพื่อนของเขาอย่างแน่นอน..

Próximo capítulo