ชีวิตในวัย 1 ขวบของไพลินไม่มีอะไรมาก กิน นอน เล่นกับแม่ เธอเจอพ่อของเธอไม่มากนัก แต่ทุกครั้งที่เจอ เธอก็พยายามจะทำให้พ่อของเธอรักและหลงเธอ ออดอ้อนเข้าไปก่อน
"แม่ดวงเดือน ลูกของเราช่างน่าชังนัก" พระสุริยศักดิ์บอกกับภรรยา ในขณะที่ไพลินกำลังจับไม้จับมือพ่อของเธอ
ตอนนี้เธอคิดแผนได้ว่าเธอต้องทำให้พ่อของเธอรักและหวงเธอเข้าไว้ ยิ่งหวงได้ยิ่งดี เพราะนั่นหมายความว่าพ่อของเธอจะไม่ยกเธอให้ใครง่ายๆ ดังนั้นต่อจากนี้มารยาหญิงมีกี่เล่มเกวียนเธอจะขุดมาใช้ให้หมด
"อ้อ อ้อๆ" ไพลินพยายามจะพูดว่าพ่อ แต่กลายเป็นเสียง อ้อ
"ดูสิ จะเรียกพ่อฤๅ ฉอเลาะนัก" พระสุริยศักดิ์พูดพลางยิ้มให้ลูกน้อยในอ้อมแขน
เมื่อเธอเล่นกับพ่อและแม่ของเธอไปได้สักพักก็พล่อยหลับไปเพราะความเหนื่อย ดังนั้นทุกคนจึงแยกย้ายจากหอกลางเข้าหอนอนของตน
วันเวลาผ่านไป จนตอนนี้เธออายุได้ 4 ขวบกว่าๆ ไพลินในวัย 4 ขวบผ่านการตกระกำลำบากมาหลายแบบ ทั้งเรื่องที่นอนและหมอนที่แข็งมาก เพราะไม่มีฟูกนุ่มๆ รอง การอาบน้ำในตอนรุ่งสางเป็นอะไรที่ทรมานที่สุดสำหรับเธอเพราะมันหนาวมาก และในอนาคตคงเป็นการไปห้องน้ำ รวมถึงการรับมือกับประจำเดือน แต่เรื่องนั้นไว้ค่อยกังวลตอนโตละกัน ตอนนี้เธอต้องทำให้คุณพ่อคุณแม่รักและหลงเธอเข้าไว้
"พี่นิ่มมม" ไพลินเรียกบ่าวของคุณแม่ที่มาดูแลเธอ
"เจ้าขา แม่นายอยากได้กระไรหรือเจ้าคะ"
"คุณแม่ๆ" เธอพูดขึ้น เพราะตอนนี้ในห้องมีแต่พี่นิ่มกับเธอ
"แม่นายดวงเดือนไปไหว้พระเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวก็มาแล้วเจ้าค่ะ"
เพราะตอนนี้เธอใส่แค่จับปิ้ง เธอจึงไม่อยากออกไปข้างนอกให้ใครเห็นเธอในสภาพเปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีแค่จับปิ้งปิดตรงของสงวน
"เจ้าค่ะ" เด็กหญิงกล่าวขึ้น
อาจจะแปลกสักหน่อย เพราะปกติเจ้านายจะไม่เรียกบ่าวว่าพี่ หรือมีคำลงท้ายว่าเจ้าค่ะ แต่สุดาที่มาอยู่ร่างไพลินคิดว่าบ่าวก็คือคนเท่ากับเรา และมันเป็นมารยาทโดยพื้นฐานที่ควรทำเมื่อพูดกับผู้อื่น ในตอนแรกพี่นิ่มของเธอก็เอาแต่บอกว่าอย่าพูดกับนางแบบนี้ เดี๋ยวขี้กลากจะกินหัว แต่สุดาก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วยังพูดเหมือนเดิม จนนิ่มยอมแพ้ปล่อยให้แม่นายของตนเรียกตัวเองแบบนั้น
ชีวิตวันๆ นึงในวัยนี้ของเธอไม่มีอะไรมาก เดินคลำกำแพงไปเรื่อยๆ เพื่อฝึกทรงตัว บางทีก็ชะเง้อหน้ามองผ่านหน้าต่างเพื่อดูเรือนภายในที่อยู่นอกห้องนอน ออ เขาเรียกว่า หอนอน และในระหว่างนี้เธอก็พยายามจำคำศัพท์เก่าๆ เพราะถ้าไม่จำ ไม่ฝึกพูด เธอคงเผลอใช้คำศัพท์สมัยใหม่มาใช้จนคนเขาสงสัย
เมื่อคุณแม่กลับมาที่หอนอน เด็กหญิงที่อยากออกไปข้างนอก แต่ไม่กล้าออกไปเพราะใส่แค่จับปิ้งก็พูดขึ้นว่า
"ลูกโป๊" ไพลินบอกกับคุณแม่
"โป๊ คือกระไรฤๅ" แม่ดวงเดือนงงกับคำพูดที่ลูกพูด
โอ๊ย แล้วจะให้พูดว่าอะไรอ่ะ คำว่าโป๊ก็ไม่รู้จัก
"ลูกไม่อยากใส่" แล้วเธอก็ชี้ไปที่จับปิ้ง
"เจ้าอยากจักเปลือยกายหมดเลยฤๅ"
ไพลินรีบส่ายหน้า จนคนเป็นแม่และบ่าวรู้สึกเอ็นดู
"ลูกอยากใส่" ไพลินพูดพลางชี้ไปที่เครื่องแต่งกายของคุณแม่ของเธอ
"เจ้าอยากใส่เหมือนแม่ฤๅ"
"เจ้าค่ะ" เธอพยักหน้ารัวๆ
แม่ของเธอยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมลุกขึ้นไปที่หีบผ้า เพื่อหยิบผ้าขึ้นมา เธอเห็นว่าแม่ของเธอได้เตรียมชุดเอาไว้ให้เธอแล้วด้วย คุณแม่และพี่นิ่มช่วยกันแต่งตัวให้ไพลินด้วยสไบสีหงสบาท โจงกระเบนสีม่วงคราม และสร้อยสังวาลเส้นบางที่มีทับทิมประดับ
"แม่นายไพลินงามนักนะเจ้าคะ" พี่นิ่มพูดพูดขึ้น
"จริง เช่นนั้น วันนี้ออกไปหาคุณพ่อไหม" แม่ของเธอชวนเธอให้ออกไปหาพ่อที่ทำงานอยู่ในห้องทำงานเพราะไพลินไม่เคยยอมออกจากหอนอนเลย
ก็เธอใส่จับปิ้งอยู่ชิ้นเดียว ขืนออกไปข้างนอกเธอคงอายจนอยากจะหายไปจากตรงนี้
"ไปหาคุณพ่อกันเจ้าค่ะ" เธอพูดขึ้น
ที่เธอพูดได้เป็นประโยคสั้นๆ เพราะเธอพูดไม่ชัดจนบางทีก็รำคาญ เพราะบางคำมันไม่ชัดจนเหมือนพูดไม่รู้เรื่อง ไพลินเลยเลือกที่จะพูดคำสั้นๆ ได้ใจความแทน
แม่ดวงเดือนจูงมือไพลินออกไปนอกหอนอน ตามมาด้วยบ่าวคนสนิท ทั้งสามเดินตรงไปที่ห้องทำงานของพระสุริยศักดิ์
"อ้าว วันนี้แม่ไพลินยอมออกจากหอนอนแล้วฤๅ" พระสุริยศักดิ์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าครานี้แม่ไพลินเดินมากับแม่ดวงเดือน
"เจ้าค่ะคุณพี่ วันนี้แม่ไพลินอยากออกมาข้างนอกเจ้าค่ะ" คนเป็นภรรยาตอบพลางยิ้มให้สามี
หลังจากที่คุณแม่ของเธอพูดจบ ไพลินก็เดินตรงไปหาคุณพ่อของเธอ และอ้าแขนเพื่อให้คุณพ่ออุ้มเธอ
"ฉอเลาะจริงนะเจ้า" คุณพ่อของเธอพูดพลางอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนตัก
ไพลินมองหน้าคุณพ่อแล้วฉีกยิ้มให้ จากนั้นเธอก็หันไปดูกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ
"กระไรหรือเจ้าคะ" เธอถามพร้อมชี้ไปที่กระดาษที่มีการเขียนลงไปบ้างแล้ว
"งานของพ่อน่ะ เจ้าอยากดูหรือไม่" พระสุริยศักดิ์เลิกคิ้วแล้วถามด้วยความแปลกใจที่ตอนนี้ลูกสาวสนใจกระดาษมากกว่าพ่อซะแล้ว
"เจ้าค่ะ" ไพลินขยับตัวเพื่อที่จะได้ดูกระดาษได้ถนัดตา
มาดูกันว่าเธอจะอ่านออกหรือไม่