หลงฮูหยินรู้สึกไม่ชอบใจกับการเสียมารยาทของเยี่ยชิงเซียว ที่เดินเข้ามาภายในเรือน โดยที่เจ้าบ้านยังไม่ได้เชิญเสียด้วยซ้ำ การกระทำนี้ของอีกฝ่ายเหมือนไม่ให้เกียรติตน แต่ก็ต้องคุมสติระงับอารมณ์เอาไว้ เพราะไม่อยากถือสาหาความกับเด็กเมื่อวานซืน
เยี่ยชิงเซียวเหลือบมองไปเห็นฟ่งหลันหลั่นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้าง ๆ หลงฮูหยิน ยิ่งทำให้นางไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก เพราะที่จริงเก้าอี้นั้นจะต้องเป็นนางผู้ที่คู่ควรนั่งตรงนั้น
'ชิ! เป็นแค่สาวใช้กับตีตัวเสมอเจ้านาย' คุณหนูผู้สูงศักดิ์รู้สึกอิจฉาริษยาสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม เพราะนางได้รับความรักและความเอ็นดูจากหลงฮูหยินถึงขนาดว่าไม่รังเกียจในฐานันดรศักดิ์ที่ต่างชั้นกัน
แต่หากเยี่ยชิงเซียวอยากเอาชนะใจของหลงอี้หลิงให้ได้ อันดับแรกนางจะต้องได้ใจของหลงฮูหยินผู้นี้มาครองเสียก่อน นางจึงข่มความโกรธเคืองไม่พอใจไว้ข้างใน และพยายามฝืนยิ้มหวานออกมาบนดวงหน้างาม
หลงฮูหยินไม่ใช่หญิงชราที่เอาแต่อยู่ในเรือนจนไม่รับรู้โลกภายนอก นางผ่านร้อนผ่านฝนมาเยอะแค่การมองคน ว่าเขาเหล่านั้นมีนิสัยยังไงนั่นไม่ใช่เรื่องยากเลย จึงเอ่ยถามเพื่อหยั่งเชิงกับแขกผู้ไม่ได้รับเชิญผู้นี้
"คุณหนูเยี่ย ลมอะไรหอบท่านมาถึงเรือนสกุลหลงของข้าในวันนี้ได้กัน" น้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย แฝงด้วยความสุขุมนิ่งและใจเย็นดังขึ้นมาจากผู้เป็นเจ้าของเรือน
"ข้าต้องขออภัยหลงฮูหยินด้วย ที่เสียมารยาทเดินเข้ามาในเรือนของท่านโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาต และวันนี้ไม่มีอะไรมาก ข้าต้องการมาเยี่ยมเยียนและทำความเคารพท่านเพื่อสานสัมพันธ์อันดีต่อกันไว้"
เยี่ยชิงเซียวหาข้ออ้างเพื่อพูดแก้ตัวต่อหน้าหลงฮูหยินแถสีข้างไปดื้อ ๆ
แน่นอนว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีใครเชื่อในคำพูดของนาง
"คุณหนูเยี่ยไม่ต้องมากพิธี มีอะไรกับยายเฒ่าอย่างข้าก็พูดมาตรง ๆ ได้เลย" หญิงชราสูงศักดิ์ถามออกไปตรง ๆ เพราะไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลา
ธิดาอ๋องเห็นอีกฝ่ายเปิดทางให้ขนาดนั้น นางเองก็ขี้เกียจปั้นหน้าแสดงละครอีกต่อไป นางเผยยิ้มอ่อนตรงมุมปากก่อนจะพูดขึ้นอย่างฉะฉาน
"ดี! งั้นข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าคิดถึงท่านแม่ทัพหลง และพอได้ยินว่าวันนี้เขาจะเดินทางมาที่เรือนสกุลหลง ข้าจึงมาที่นี่เพื่อพบหน้าเขา"
พอพูดจบนางก็ได้ชำเลืองสายตามองไปทางสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาทางเจ้าของบ้านอีกครั้ง
เรื่องอื่นเยี่ยชิงเซียวอาจจะโป้ปดมดเท็จ แต่เรื่องความรักที่นางมีต่อหลงอี้หลิง คนทั่วทั้งเมืองหลวงนั้นต่างรู้กันดีว่านางรักและต้องการเป็น ฮูหยินของเขามากแค่ไหน
ดังนั้นหลงฮูหยิน และคนในเรือนสกุลหลงต่างก็ไม่ได้รู้สึกตกใจกับ คำกล่าวนี้ของคุณหนูผู้สูงศักดิ์
'ความรักทำให้คนเรามั่นใจในตัวเองและกล้าทำอะไรเพื่อคนรักได้มากมายถึงขนาดนี้เลยหรือเนี่ย คุณหนูเยี่ยผู้นี้ช่างน่านับถือจริง ๆ ที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองเยี่ยงนี้'
ฟ่งหลันหลั่นนั่งนิ่งเงียบและคิดในใจ พลางเบนสายตาหันไปมองแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งเขากลับดูเมินเฉยและเย็นชาต่อความรู้สึกของธิดาอ๋องผู้นี้เสียเหลือเกิน นางจ้องหน้าเขาและพลางตำหนิในใจให้กับหลงอี้หลิง
'นี่ถ้านางรู้ว่าบุรุษที่นางหลงรัก มาทึกทักว่ามีอะไรกับเราแล้ว ธิดาอ๋องผู้นี้คงได้ฉีกเราออกเป็นชิ้น ๆ ไม่เหลือซากแน่'
หลงอี้หลิงเห็นฟ่งหลันหลั่นเอาแต่นั่งเงียบ หันหน้าไปมองคนนั้นทีคนนี้ที แต่พอหันมาสบตากับเขา นางก็เผยสีหน้าและแววตาหลบเลี่ยงและเมินเฉยต่อเขา ยิ่งทำให้ความขุ่นเคืองที่มีในใจจากเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้เขาเขม่นนางหนักยิ่งขึ้น
และในขณะที่คนในห้องโถงกำลังสนทนากันอยู่ พ่อบ้านของสกุลหลงก็เดินเข้ามาด้านในห้องนี้อีกครั้ง
"นายหญิงขอรับ แขกที่ท่านเชิญไว้ได้เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" พ่อบ้านของเรือนสกุลหลงกล่าวกับผู้เป็นนายอย่างนอบน้อม
หลงฮูหยินได้ฟังเช่นนั้นก็เผยสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาทันตา
"เจ้ารีบไปเชิญแขกและพามาที่นี่ได้เลย"
"ขอรับนายหญิง" พ่อบ้านสกุลหลงขานรับคำสั่งของเจ้านายเสร็จเขาก็เดินปลีกตัวออกไปจากห้องโถง
หลงอี้หลิง ฟ่งหลันหลั่น และเยี่ยชิงเซียวต่างก็แปลกใจ ว่าหลงฮูหยินเชิญแขกคนใดมาที่เรือนสกุลหลงกัน เพราะปกติเรือนนี้ค่อนข้างที่จะไม่เปิดบ้านต้อนรับผู้ใดง่าย ๆ แต่ทุกคนก็เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ
ไม่นานพ่อบ้านเรือนสกุลหลงก็เดินกลับเข้ามาภายในห้องโถงอีกครั้ง และแขกที่เขาพามาด้วย ทำให้หลงอี้หลิง ฟ่งหลันหลั่นและเยี่ยชิงเซียวประหลาดใจยิ่งนัก
โดยเฉพาะหลงอี้หลิงกับฟ่งหลันหลั่นที่หันมองหน้ากันด้วยอารมณ์ที่ต่างกัน
คนหนึ่งสงสัย แต่อีกคนเผยแววตาเคืองขุ่นโกรธขึ้งในใจ
"ขอบคุณหลงฮูหยินที่เชิญข้ามาเป็นแขกในวันนี้" มู่เซียวหลานย่อตัวทำความเคารพต่อเจ้าบ้านอย่างสุภาพนอบน้อม พลางหันไปส่งยิ้มหวานอ่อนโยนให้กับฟ่งหลันหลั่น ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างกันอย่างสนิทสนม
"ไม่เจอกันเสียนานเลยนะแม่นางมู่ เจ้าสบายดีไหม" หลงฮูหยินกล่าวทักทายมู่เซียวหลานกลับไปอย่างมีมิตรไมตรีเช่นกัน
"สบายดีเจ้าค่ะ และข้าต้องขออภัยที่มาถึงก่อนเวลานัดหมาย เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าท่านกำลังมีแขกอยู่"
มู่เซียวหลานตอบกลับอย่างนอบน้อม พลางชำเลืองหางตามองไปทางเยี่ยชิงเซียวราวกับรู้จักอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ ที่เป็นการทักทายออกมา
"ไม่ใช่แขกที่ไหนหรอก พ่อหนุ่มรูปงามชอบทำหน้าเคร่งเครียดบึ้งตึงตลอดเวลาคนนั้นเจ้าก็คงจะรู้จักเขาดีแล้ว ส่วนผู้นี้คือธิดาของเยี่ยอ๋อง คุณหนูเยี่ย"
"คุณหนูเยี่ย แม่นางผู้นี้คือ แม่นางมู่ แห่งเมืองจิ่ว"
หลงฮูหยินได้แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
มู่เซียวหลานดูเหมือนจะรู้จักมาก่อนว่าคนตรงหน้าเป็นใคร นางจึงได้แสดงความเคารพอย่างมีมารยาท แต่อีกฝ่ายกับเชิดหน้าใส่อย่างเย่อหยิ่ง
หลงฮูหยินเห็นเช่นนั้น ไม่อยากให้บรรยากาศการพบปะกันในวันนี้ไม่ดี นางจึงหันไปมองบุรุษรูปงามบุคลิกเจ้าสำอางในอาภรณ์ผ้าแพรไหมสีฟ้าคราม ซึ่งยืนถือพัดสะบัดไปมาอย่างอารมณ์ดี
"ว่าแต่คุณชายหยวนผู้มากเสน่ห์ทำไมถึงได้มาเยือนที่เรือนของข้าพร้อมแม่นางมู่ได้กัน" ฮูหยินเฒ่าทักทายบุรุษคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มู่เซียวหลานอย่างแปลกใจ
"ผู้น้อยหยวนจูวเย่ บุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมคลัง คารวะผู้อาวุโส"
หยวนจูวเย่กล่าวทักทายและแสดงความเคารพต่อเจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม แต่ท่าทีของเขาช่างกวนใจและดูขัดตาต่อแม่ทัพหนุ่มยิ่งนัก
"ข้ารู้จักท่าน คุณชายหยวน ชื่อเสียงและความสามารถด้านบุ๋นและด้านเสน่ห์ของท่านนั้นเลื่องลือกระฉ่อนไปทั่วเมืองหลวง หากข้ายังสาวอยู่ คงเป็นอีกผู้หนึ่งที่หมายปองในตัวท่านเป็นแน่"
ฮูหยินเฒ่าแอบเห็นสีหน้าและสายตาไม่พอใจของหลานชายสุดที่รัก นางจึงพูดยกยอปอปั้นหยวนจูวเย่เพื่อกวนประสาทหลานชายของตน
"ผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าหรือจะมีความสามารถเทียบเท่ากับท่านแม่ทัพได้ หากข้าเป็นสตรี ก็คงจะเลือกเขาเป็นคู่ครองเช่นกัน"
หยวนจูวเย่กล่าวโต้ตอบอย่างนอบน้อมถ่อมตน เขาเป็นคนฉลาดในการพูด เมื่ออยู่ในถ้ำเสือไฉนเลยจะกล้าทำตัวเก่งและเหนือกว่าลูกเสือไปได้
ฮูหยินเฒ่าเผยรอยยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างมองออก พลางกวาดสายตามองไปรอบห้อง ก็เห็นว่าบรรยากาศในห้องเริ่มอึมครึมชวนอึดอัดใจขึ้นมาอย่างชัดเจน
จู่ ๆ ฮูหยินเฒ่าก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้น เพื่อต้องการทดสอบบางกับหลานชายของตน นางจึงได้ออกปากเชิญแขกทั้งหมดอยู่ร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน
หลงอี้หลิงไม่เห็นด้วยและไม่สบอารมณ์ยิ่งนักที่จะต้องร่วมโต๊ะทานอาหารกับหยวนจูวเย่ หลังจากที่เพิ่งมีเรื่องให้หมองใจกันมาในช่วงสายของวันนี้ แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธผู้เป็นย่าได้ ยิ่งพอเห็นท่าทีของสาวใช้ที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยชายอื่นผ่านทางสายตาออกนอกหน้าขนาดนั้น ยิ่งทำให้จิตใจเขาปั่นป่วนราวกับถูกคลื่นพายุซัดโหมกระหน่ำเข้าใส่
เมื่อถึงยามโหย่ว สำรับอาหารก็ได้ถูกนำมาวางลงบนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ และทั้งหมดก็ได้นั่งลงและร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
โดยครั้งนี้ฟ่งหลันหลั่นไม่ต้องทำหน้าที่ชิมอาหารให้กับแม่ทัพหนุ่ม เพราะที่นี่คือบ้านของเขานั่นเอง และถอยห่างออกจากโต๊ะอาหารไปยืนหลบมุมด้วยความเบื่อ
ทุกคนต่างร่วมทานอาหารค่ำและพูดคุยถึงเรื่องราวจิปาถะทั่วไป
หลงฮูหยินต้องเปลี่ยนแผนโดยที่ไม่ได้ให้ฟ่งหลันหลั่นมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยเพราะต้องให้เกียรติธิดาอ๋อง มิฉะนั้นนางคงจะอาละวาดจนพานเสียบรรยากาศไปหมด
หยวนจูวเย่ชายตามองและส่งสายตาหวานไปทางฟ่งหลันหลั่นเป็นระยะ ๆ และทุกการกระทำนั้นของเขาถูกจับตาจาก และไม่ว่าบุรุษเจ้าสำอางจะพูดอะไร แม่ทัพหนุ่มก็จะพูดจาเหวี่ยงอารมณ์โกรธขึ้งไม่พอใจและชวนอีกฝ่ายหาเรื่องไม่หยุดปาก
หลงฮูหยินและมู่เซียวหลานเองก็พานมองออกว่า แม่ทัพหนุ่มผู้นี้กำลังแสดงอาการหึงหวงสตรีของตนต่อบุรุษอื่นอย่างไม่รู้ตัว
เยี่ยชิงเซียวดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าผู้ใดบนโต๊ะอาหารนี้ นางได้นั่งอยู่เก้าอี้ข้าง ๆ กับหลงอี้หลิง และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางได้ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา เสมือนคนในครอบครัวเยี่ยงนี้
บรรยากาศดำเนินผ่านไปได้ด้วยดี จนถึงช่วงเวลาจิบน้ำชา ขนมหวานของเยี่ยซิงเซียวที่นำมาฝากเจ้าของเรือน ก็ได้ถูกจัดใส่จานและนำมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของทุกคน
ครั้งนี้ฟ่งหลันหลั่นไม่ลืมที่จะทำหน้าที่ของตน
สตรีน้อยตักขนมหวานชิ้นหนึ่งใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ และตักเข้าใส่ปากของตน เวลาผ่านไปเพียงไปไม่ถึงนาทีหลังจากที่นางกลืนขนมนั้นลงท้อง ก็ได้มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับเจ้าตัว
ในขณะที่ทุกคนกำลังกินขนมหวานและจิบชา พร้อมกับสนทนา เรื่อยเปื่อยอยู่นั้น
'ในขนมหวานมียาพิษอย่างนั้นเหรอ'
ฟ่งหลันหลั่นคิดในใจ เพราะตอนนี้นางรู้สึกว่าสายตาของตนเริ่มพร่ามัวและมีอาการมึนหัวเหมือนบ้านหมุน
ตึง!!!
เสี้ยวนาทีต่อมานางก็ทิ้งตัวล้มตึง นอนราบลงไปบนพื้นอย่างแรง ท่ามกลางความตกใจของทุกคนตรงนั้น
ยกเว้นเยี่ยชิงเซียวและสาวใช้ของนาง ที่เพียงแค่แสร้งตกใจไปตามเหตุการณ์
หลงอี้หลิงรีบเข้าไปพยุงตัวของฟ่งหลันหลานเข้ามาไว้ในอ้อมแขน และรีบวางมือลงตรงจุดชีพจรในตำแหน่งข้อมือของสตรีน้อยทันที
"ยายม่งรีบไปบอกให้พ่อบ้านใหญ่ส่งคนไปพาท่านหมอมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า!"
หลงฮูหยินหันไปสั่งหญิงสูงวัย สาวใช้คนสนิทของตนอย่างร้อนรนใจ และอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบรับด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
"ยายม่งไม่ต้อง เด็กนี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่สลบไป คงเพราะวันนี้นางเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวข้าดูแลนางเอง ท่านพาท่านย่ากลับไปยังห้องพักผ่อนเถอะ"
"หลิงเอ๋อร์เจ้ามั่นใจนะว่านางไม่ได้เป็นอะไร"
หลงฮูหยินย้ำถามหลานชายสุดที่รักเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
"นางคงจะหิวข้าวมากจนทำให้เป็นลม"
คำตอบนี้ของหลงอี้หลิงดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก แต่ก็ไม่มีผู้ใดโต้แย้งเขา
มู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่ก็รู้สึกตกใจและเป็นห่วงในความปลอดภัยของสตรีน้อยยิ่งนัก แต่พวกเขาไม่ทันได้มีโอกาสเข้าถึงตัวของนางเพราะ หลงอี้หลิงนั้นไวกว่าพวกเขานัก
จากนั้นหลงอี้หลิงก็หันไปมองเยี่ยชิงเซียวพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาโกรธขึ้ง แต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา
เยี่ยชิงเซียวได้ในสิ่งที่ต้องการสมดังใจแล้ว นางก็ขอตัวกลับจวนเยี่ยอ๋อง เพื่อเลี่ยงความผิดของตนที่กระทำไว้
"วันนี้ข้ารบกวนเวลาของหลงฮูหยินมามากแล้ว และเกิดเรื่องขึ้นกับสาวใช้ของท่านแม่ทัพแบบนี้ ข้าคงต้องขอตัวกลับเสียที พวกท่านจะได้ดูแลอาการเจ็บป่วยของบ่าวไพร่นางนี้อย่างสะดวก"
"ขอให้คุณหนูเยี่ยเดินทางกลับจวนเยี่ยอย่างปลอดภัย เดี๋ยวข้าจะให้คนของเรือนสกุลหลงไปส่งท่าน"
ฮูหยินเฒ่า รีบตอบกลับไปทันที เพราะรอฟังคำนี้มานานมากแล้ว
"ขอบคุณหลงฮูหยิน" เยี่ยชิงเซียวกล่าวขอบคุณหลงฮูหยิน จากนั้นก็เบนหน้าไปมองยังสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่มซึ่งตอนนี้นางหมดสิอยู่ในอ้อมแขนของเขา และยิ้มในใจอย่างมีความสุข
หลังจากที่เยี่ยชิงเซียวเดินทางกลับไปแล้ว มู่เซียวหลานกับหยวนจูวเย่ก็ได้ขอตัวกลับด้วยเช่นกัน
แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นห่วงฟ่งหลันหลั่นมากแค่ไหน แต่ก็ต้องข่มใจ และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนสกุลหลง เพราะตอนนี้สตรีน้อยขึ้นชื่อว่าเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม แน่นอนว่าคนสกุลหลงจะต้องช่วยเหลือและดูแลนางให้ปลอดภัย
ด้านหลงอี้หลิงก็ได้ช้อนตัวฟ่งหลันหลั่นขึ้น และอุ้มร่างน้อยอรชรออกไปจากห้องโถงและพากลับห้องพักทันที
หลงอี้หลิงได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่งหลัน-หลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา และนางจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด
นางไม่ได้ตายอย่างที่คิดแต่นางพยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป
เมื่อฟ่งหลันหลั่นจำเรื่องราวในอดีตได้และได้รู้ว่าตัวเองคือองค์หญิงน้อยอวี้หลันผู้อาภัพ นางจึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยนางต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร
ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน
...
เซียงไค 盛開